ตอนที่ 1 .. “ อรุณเบิกฟ้า ”

เนเน่ ธิดาพญายม (ภาคพิเศษ ของ พยัคฆ์ร้าย..สายลับ)

-A A +A

ตอนที่ 1 .. “ อรุณเบิกฟ้า ”

ไม่ย๊อม ไม่ยอม - พาเมล่า เบาว์เด้นท์

นิยาย แนว สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

ตอนที่ 1 .. “ อรุณเบิกฟ้า ”

ความเดิมจากภาคที่แล้วก่อนที่ เนตรอัปสรตาย…

“พี่จ่าหนูไหว้หละ ขอนะขอหนูไปช่วยผัวหนูด้วย ปล่อยให้หนูอยู่ตรงนี้แล้วรอฟังข่าวหนูทำไม่ได้”

       เนตรอัปสรขอไปด้วย จ่ามิ่งมองหน้าจ่าหมง เพื่อนพยักหน้า

“เอาครับ เชิญ” พวกทีมพญายมทั้งหมดวิ่งมาพร้อมกัน เนเน่ลากสังขารที่แย่ๆถามแม่

“แม่จะไปไหน จะทิ้งหนูกับเพื่อนๆเหรอ หนูไม่ยอมนะ” เนตรมองหน้าลูก

“แม่จะไปช่วยพ่อ หนูกลับไปรักษาตัวก่อนเถอะลูก หนูกำลังบาดเจ็บอยู่นะเนเน่”

“ไม่ ถ้าแม่ไปไหน หนูจะไปด้วย ไหนแม่สัญญากับหนูแล้วไง ว่าเราจะไปเมืองนอกด้วยกัน”

       เนตรอยู่ใกล้จุดนั้นที่สุด กำลังจะกระโดดลงน้ำไปช่วยโบว์ใต้น้ำ ก่อนที่ตู้คอนเทนเนอร์จะระเบิด เพราะเนตรรู้ว่าโบว์ตั้งท้องลูกของเผด็จเหมือนเธอ จึงไม่อยากให้เด็กตายหรือเกิดอันตราย หอมเดินมาถึงพอดี จึงดึงแขนเนตรเข้าไว้ เนตรสะบัดมือหอมที่จับออก แล้วพุ่งหลาวลงไปในน้ำพร้อมห้อยเป้ส่วนตัวติดไปด้วย ว่ายไปขึ้นเรือเร็วที่จอดอยู่ตรงนั้น มองดูมีอุปกรณ์ดำน้ำวางทิ้งอยู่ 3 ชุด เป็นของประดาชุดเมื่อกี้ที่ขับออกไปช่วยเผด็จ

       เมื่อทุกอย่างพร้อม เนตรจึงสตาร์ทเรือ “ไอ้เนตรอย่า แกท้องอยู่นะ” เทียนหอมตะโกนออกไป

“ไม่ได้พี่ ยังไงหนูต้องไปช่วย โบว์เค้าก็ท้องเหมือนกัน ขนาดท้องเค้ายังมาช่วยผัวได้ แล้วหนูหละพี่ ทำไมจะไปช่วยน้องเค้าไม่ได้ อย่าห้ามหนูเลยพี่ เดี๋ยวไม่ทันได้ยินที่เบ็นซ์บอกเมื่อกี้ไหม ระเบิดจะระเบิดอยู่แล้ว อีกไม่กี่นาที พี่พาเด็กๆไปหลบก่อน เร็ว”

       เนเน่รีบวิ่งมาหยุดยั้งแม่เธออีกคน เมื่อเทียนหอมหยุดไม่ได้

“แม่อย่าไป หนูไปด้วย” เนตรหันมายิ้มและมองลูกเหมือนว่า จะเป็นครั้งสุดท้ายกับการที่จะเอ่ยวาจากับลูกสาวที่แสนจะแก่นแก้วคนนี้

“อย่าดื้อกับแม่หอมนะลูก แม่รักลูกนะเนเน่ ดูแลตัวเองด้วย ถ้าไม่มีแม่แล้ว” แล้วเนตรก็ตัดสินใจขับเรือเร็วออกไปทันที

“แม่” เนเน่ตะโกนสุดเสียง แล้วจะวิ่งตามไป

“ไอ้เน่ อย่าตามไป มานี่” เทียนหอมรีบคว้าแขนซ้ายเนเน่ แล้วรีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที เพราะมันใกล้กับตู้คอนเทนเนอร์มากหากระเบิดขึ้นมารับรองวิ่งไม่ทันตายหมู่แน่ เผด็จมองเห็นเนตรเมียตัวเองที่กำลังท้อง ขับเรือตรงไปที่ตู้คอนเทนเนอร์ จอดเรือแล้วกระโดดลงไปพร้อมกับถังอ๊อกซิเย่น 2 ถัง จึงตะโกนถามคนด้านนอก

“ใคร ใครปล่อยให้เมียฉันขับเรือออกไปหนะ ทำไมไม่ห้าม” เทียนหอมกับเนเน่วิ่งเข้ามาพอดี

“พ่อ แม่ขับเรือออกไปโน่นแล้ว” ไม่ทันขาดคำลูกสาวที่พูด และไม่ถึง 10 นาที ระเบิดก็ทำงาน <ตูมๆ> ขึ้นมา น้ำพุ่งกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงลิบๆ เลือดกระจายสาดเต็มท้องน้ำ ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ร้องเสียงหลงกันหมด ไม่นานยาบ้าที่อยู่ในตู้นั้น ค่อยๆลอยขึ้นมา เงินที่อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์นรก ก็ค่อยๆผุดขึ้นมาเต็มท้องน้ำ ถังน้ำยาที่ใช้ในการผลิตก็ค่อยๆลอยขึ้นมา ท้องน้ำบริเวณนั้นแตกกระจายออกเป็นวงกว้างทั้งขุ่นและดำ เศษเหล็กชิ้นส่วนของตู้นรกหล่นลงมาลอยกระจายเต็มพื้นน้ำไปหมด

“เนตร” เผด็จตะโกนออกไป รีบดึงเข็มน้ำเกลือออกจากแขนซ้ายตัวเอง แล้ววิ่งออกไปทันที

“แม่” เนเน่วิ่งสวนออกไปก่อนแล้ว เธอกระโดดลงไปในแม่น้ำ รีบว่ายไปที่ตู้คอนเทนเนอร์ โดยไม่ได้ดูสังขารตนเองเลยว่าเป็นอะไรอยู่ เนื่องจากบาดเจ็บจึงไปไม่ไหว ไปไม่ถึงไหนก็จมลง

     พู่กันจึงว่ายไปช่วยแล้วพาตัวกลับมารักษาอย่างด่วน

----- ^^^^^ -----

       < 3 ปีต่อมา > หลังจากเหตุการณ์ ที่ไทรโยคจบลง เธอยังคงฝันร้ายตลอดมากับการจากไปของเนตรอัปสรแม่บุญธรรมของเธอ ที่เธอรักเหมือนแม่แท้ๆ เพราะเนตรเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็กๆ เนเน่กับพู่กันเรียนจบหมดแล้ว พู่กันจบก่อนเนเน่ 1 ปีจึงได้ลาออกจาก 7-11 แล้วไปทำงานตามที่ตัวเองชอบ คือเป็นครูพละที่ต่างจังหวัด หลังจากที่เธอจบตามมา จนได้ใบปริญญาศิลปศาสตร์มากอดอยู่กับตัวแล้ว จึงออกสมัครงาน เพื่อหางานทำเอง ไม่อยากใช้บารมีนามสกุลพ่อ เพราะพ่อชอบฝากงานให้เธอเป็นประจำกับเพื่อนๆจนเธอต้องอาละวาดอยู่พักใหญ่ เผด็จก็เลยไม่ขอยุ่งอีกตั้งแต่นั้นมา ทำยังไงก็ไม่เอา ทิฐิสูงมาก ไม่รู้ว่าปลูกฝั่งค่านิยมนี้มาจากใคร ถ้าไม่ใช่ พ่อ

<<<<< ***** >>>>>

“แม่” เนเน่ฝันร้าย สะดุ้งตื่นขึ้นมา

“นี่เราฝันร้ายอีกแล้วเหรอเนี่ย” หลังจากนั้นเธอก็เข้าห้องน้ำ หลังจากที่อาบน้ำเสร็จก็ลงมาทานข้าว

“พี่พู่ๆ” สักพักก็นึกขึ้นได้

“เออ ไม่มีใครอยู่แล้วนี่หว่า เรานี่ท่าทางจะเพี้ยน พี่พู่ไปเป็นครูสอนอยู่บนดอยที่เชียงรายตั้งนานเกือบปีแล้วนี่ แม่บ้านก็ไม่มี พ่อก็ไม่อยู่” หลังจากทานอะไรเสร็จ เนเน่ก็กลับขึ้นไปแต่งตัวเพื่อที่จะออกไปสมัครงาน ตามความฝันเสียที เพราะเก็บกดกับการเรียนมานานแสนนานแล้ว พอเป็นอิสระ อยากจะหาทางระบายออกบ้าง

       เนเน่ยังคงติดความเป็นสาวห้าวอยู่ แต่ไม่ถึงกับเปรี๊ยวจี๊ด เวลาไปไหนมาไหนจะใช้มอเตอร์ไซด์แบบผู้ชายสมัยที่ลุยกับพวกเหล่าร้าย เธอขอพ่อมาใช้ และโอนเป็นชื่อของเธอทันทีเมื่อน้องคลอดได้ไม่กี่เดือน เผด็จก็ให้ทั้งๆที่ห้ามแล้ว เพราะความดื้อของเธอนั่นเอง

<<<<< ===== >>>>>

       (พุธที่ 1 พ.ค.) เนเน่ขับมอเตอร์ไซด์คู่ชีพซึ่งรักรองลงมาจากพ่อของเธอ ไปสมัครงานทุกแห่งหน ด้วยชุดเสื้อหนังและกางเกงยีนส์ รองเท้าหุ้มข้อที่ทะมัดทะแมง สมัครงานในตำแหน่งธุรการหรือพนักงานออฟฟิตทั่วไป อะไรก็ได้ เพราะมีความรู้ทางคอมพิวเตอร์ในระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเหมือนปริ๊นซ์สามีของอ้อมหรือภณสามีของพลอยใส วันแรกก็เจอดีเลยเพราะ งานที่ไปสมัครทุกที่ ล้วนแต่เป็นบริษัทที่พ่อแนะนำทั้งนั้น 10 กว่าแห่ง เธอจึงเบื่อและอารมณ์เสียมาก เลยกลับมานอนคิดเพื่อตั้งหลักที่บ้านใหม่ และตั้งใจว่า บริษัททั้งหลายที่พ่อแนะนำไว้ จะไม่ไปอีกแล้ว โยนทิ้งถังขยะจนหมด คืนนี้เธอจึงเปิด Web เพื่อหางานใหม่ตามความตั้งใจเองทันที

///// +++++ /////

       ปวรรัชดล นักข่าวจบใหม่ไฟแรง วัย 24 ปี ทำงานมาได้แล้ว 1 เดือนกับสายข่าวบันเทิง แต่เจ้าตัวไม่ชอบเลย จึงขอ บก.เปลี่ยนมาเป็นสายข่าวอาชญากรรม คืนนี้จึงเป็นคืนแรกที่ ได้ออกทำข่าวกับเพื่อนๆอีก 2 คน และได้เจอกับเหตุการณ์ที่ไม่เขาคิดว่าไม่น่าจะเจอ ภาพที่เขาเห็นก็คือ ตำรวจกำลังวิ่งไล่ยิงและไล่จับหงส์ฟ้าออกมาจากร้านเพชร ร้านทอง หลังจากที่ต้อสู้แบบประชิดตัวแล้วจับไม่ได้

“พี่เบิ้ม นั่นมัน หงส์ฟ้าในตำนานใช่ไหม ผมเคยติดตามข่าว ก็ไหนว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้วเธอตายไปแล้วนี่ แล้วนั่นทำไม ตำรวจถึงได้วิ่งไล่ตามจับเธออย่างนั้นหละ อีกอย่างหงส์ฟ้าที่ผมรู้จักเขาอยู่ฝ่ายคุณธรรมไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ผู้ร้ายที่ปล้นร้านเพชร ร้านทอง แบบนี้นี่”

“แล้วพี่จะรู้กับเอ็งไหมไอ้ดล ไหน แกเก็บภาพไว้ได้ไหมหละเมื่อกี้หนะ”

       เบิ้มสนใจข่าวอย่างเดียว ขณะที่จอดรถทานอาหารค่ำกันอยู่

“ได้พี่” ดลรีบบอก “ดีเลย งั้นรีบถ่ายทอดสดตัดเข้าสถานีเลย พร้อมไหม”

       เบิ้มรีบได้โอกาส ตัดสัญญาน  ข่าวด่วนออกอากาศทันที

“ข่าวด่วน ข่าวดัง ครับท่านผู้ชม สดๆร้อนๆจากทีมข่าวของสถานีนี้แห่งเดียวเท่านั้น ท่านผู้ชมยังคงจำเธอผู้นี้ได้ใช่ไหมครับ (ภาพของหงส์ฟ้าขึ้น) เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ที่มีข่าวว่าเธอได้ตายหรือเสียชีวิตไปแล้ว หงส์ฟ้าในตำนาน มนุษย์หน้ากาก ทีมพญายมของท่านรองเผด็จ ความจริงเธอยังไม่ตายครับ นี่ครับ ภาพชัดแจ๋ว หน้าชัดออกขนาดนั้น ถึงจะใส่หน้ากากก็เถอะ นักข่าวของเราเก็บภาพได้โดยบังเอิญ ขณะที่เธอกับพรรคพวกอีก 3 คนได้ก่อเหตุอุกอาจปล้นร้านเพชรและร้านทอง ละแวกนี้ ไม่น่าเชื่อครับ ส่วนความคืบหน้า เป็นเช่นไร ทางสถานีจะรายงานให้ทราบเป็นระยะๆนะครับ .. บรรชา รายงาน ปวรรัชดล ถ่ายภาพ .. จบข่าว” เบิ้มยิ้มและยกนิ้วให้ดล

“ไปไอ้จิต รีบบึ่งรถกลับสถานี เราจะต้อง ไปเตรียมขุดคุ้ยประวัติเธอคนนี้ต่อ”

       เบิ้มดีใจมากที่ได้ข่าวเด็ด หลังจากที่ตระเวนมาทั้งวัน แต่ต่างกับดลที่ ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า ทำไม คนที่เคยทำดีมาตลอด พอโผล่มาถึงต้องกลับมาทำชั่วได้แบบนี้

       เนเน่ซึ่งกำลังหางานทาง Net อยู่ ถึงกับอึ้งที่ได้เห็นภาพและข่าวทางนี้ เพราะเธอกำลังกดค้นหางานไปมาก็ไปเจอเข้าโดยบังเอิญ หลังจากที่พวกของดลกลับไปยังสถานีได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง และลงสรู๊ปข่าวไว้อย่างชัดเจนทั้งภาพและเสียง เนเน่ตกใจมาก จึงรีบบันทึก Clip นั้นเอาไว้ก่อน

“แม่ เป็นไปไม่ได้ ก็แม่ตายไปแล้วนี่ตั้ง 3 ปี เราก็เผาเองกับมือ นี่มันอะไรกัน ใครกันที่มาสวมรอย และทำแบบนี้เพื่ออะไร ไม่ได้ ฉันต้องสืบหาความจริงเรื่องนี้ให้ได้” เนเน่ไม่ยอมให้แม่สุดที่รักเสียชื่ออย่างแน่นอน

“แล้วข่าวนี้มาจากสถานีไหนเนี่ย ทำไมถึงได้ภาพนี้มา ใครกันที่เป็นคนเก็บภาพนี้ได้ ไม่ได้ ยังไง ฉันต้องรู้ที่ไปที่มาให้ได้ ลงข่าวแบบนี้แม่ฉันก็เสียหายหมดนะซิ หน้ากากก็ปิดออกอย่างนั้น แล้วคนที่เขียนข่าวจะรู้ได้ยังไง ว่าภายใต้หน้ากากนั้นเป็นใคร มั่ว เลวมาก อย่าให้ฉันเจอตัวคนที่เขียนข่าวนี้แล้วกัน เจ็บแน่”  

       หลังจากอ่านเนื้อข่าวเสร็จ เนเน่ก็ปิด Net ทันที หลังจากที่ได้งานเพียงพอตามที่ตัวเองต้องการ จึงอาบน้ำและเข้านอนทันที แต่ยังไม่หลับสนิท

“แม่ หนูต้องเอาคนร้ายมาขอขมาแม่ให้ได้ ถึงจะยากสักแค่ไหนหนูก็จะทำ”   

***** ฿฿฿฿฿ *****

       สารวัตร อัธวิทย์ หลังจากที่ได้รับตำแหน่งใหม่ยังไม่ถึงอาทิตย์ ก็ต้องเจอเรื่องหนักสมองเข้าแล้ว เมื่อโดนหัวหน้าโยนคดีมนุษย์หน้ากากมาให้ในรุ่งเช้าของวันใหม่

“อะไรกันครับท่าน ทำไมต้องเป็นผมด้วยหละ ในเมื่อคนอื่นก็ทำได้ คดีในมือผม ยังล้นอยู่เลย”

“ที่ผมเลือกคุณก็เพราะว่า คุณเคยทำคดีพวกนี้มาก่อนพร้อมพ่อของคุณ คดีดังที่ไทรโยคเมื่อ 3 ปีที่แล้ว คุณอย่าบอกนะว่า คุณไม่รู้จักมนุษย์หน้ากากคนนี้ และผมเชื่อว่าคุณต้องรู้ที่ไปที่มามากกว่านายตำรวจท่านอื่นๆ เพราะเธอคนนี้เป็นหนึ่งในเมียของลุงคุณ ใช่ไหม เท่าที่ผมสืบประวัติมาได้หนะ เนตรอัปสร ภัทรวรภิรมย์ วัย 34 ปี ชื่อเล่น เนตร ฉายา หงส์ฟ้า เป็นทั้งเมียและลูกน้อง ไปพร้อมๆกัน”

“แต่ท่านครับ ข่าวออกมาแบบนั้น เราอย่าพึ่งไปปรักปรัมเธอไม่ได้ มนุษย์หน้ากาก ไม่มีตัวตนมา 3 ปีแล้ว แล้วจู่ๆอยู่ๆดีๆโผล่มาแบบนี้ผมว่ามันต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังแน่ คดีของพวกกงจักรทอง และคดีเด็กสาววัยรุ่นหาย ก็ยังไม่คืบหน้าสักเท่าไหร่เลย แล้วท่าน..”

       ผู้กำกับ จักรพันธ์ ไม่สนใจ ยกมือขึ้นห้ามทันที “เอาเป็นว่า คดีพวกนั้น คุณพักไว้ก่อน เพราะตอนนี้เบื้องบนเขาสนใจคดีนี้มาก กว่า เพราะมันท้าทายและเย้ยกฎหมายมาก ทั้งปล้น ทั้งฆ่าเจ้าทรัพย์ตาย แบบไม่เกรงกลัวอะไรเลย ถึงเค้าจะเคยเป็นคนดีมาก่อน แต่นั่นมันก็ในอดีต ปัจจุบันเวลามันเปลี่ยนไป เธอก็เลยอยากจะสบายกับเขาบ้าง ก็เลยใช้ฝีมือของตัวเองที่มีอยู่ออกทำมาหากินเสียเลย”

“แต่ท่านครับ..” จักรพันธ์ ยังคงไม่เปลี่ยนใจ

“แหม เก่งนะ แกล้งตายมาได้ตั้ง 3 ปี เล่นละครได้เนียนจริงๆ เสียดายนะที่พ่อของคุณได้ลาออกไปก่อน ไม่งั้นผมว่างานนี้ เบื้องบน คงจะให้พ่อคุณทำงานนี้แน่ ผมให้เวลาคุณ 3 เดือน หาข้อเท็จจริง ของคดีพวกนี้ให้ได้ แล้วจากนั้นค่อยว่ากันใหม่”

       วิทย์ทำอะไรไม่ได้ เพราะหน้าที่ก็คือหน้าที่ ลุงกับพ่อ ไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว คงจะลำบากแล้วหละงานนี้

“ครับท่าน” วิทย์รับงาน ทำความเคารพแล้ว รีบหันหลังเดินออกไปทันที

“อ้อ สารวัตร” วิทย์หยุดเดิน แต่ไม่ได้หันกลับไป

“อย่าทำให้ผมผิดหวังนะ ผมเชื่อในฝีมือของคุณ”

       จักรพันธ์แอบยิ้มเล็กน้อย หวังว่าคงจะได้มีผลงานกับเขาบ้าง เพราะตั้งแต่ขึ้นมารับตำแหน่งนี้ ยังไม่มีผลงานอะไรเด่นๆดีๆกับเขาบ้างเลย อยากมีเหมือนอัธวุฒิรุ่นพี่

----- ^^^^^ -----

       เช้านี้เนเน่ไปสมัครงานใหม่อีกครั้ง หลังจากที่จอดรถมอเตร์ไซด์ ก็ได้เดินเข้าไปเปลี่ยนชุดเสียหน่อยวันนี้ที่ห้องน้ำ เผื่ออะไรๆมันอาจจะดูดีขึ้นมาบ้าง หลังจากที่เป็นสาวห้าวมานาน ขอเป็นสาวหวานสักวัน เธอจึงเปลี่ยนเป็นกระโปรงบานยาวสลวย เสื้อเนื้ออ่อนเบาสบาย แต่ก็ยังใส่รองเท้าผ้าใบ เนื่องจากไม่ชอบใส่คัทชูและส้นสูง เพราะไม่ถนัด เคยใส่แล้วมันกัด ปะแป้ง ทาปากนิดหน่อย แจ่ม!

“เอาหละ แต่งอ่อนๆแบบนี้ ชุดนี้ คงจะเหมาะกับงานที่เราสมัครในวันนี้นะเนเน่”

       เธอพูดกับตัวเองนิดหน่อย เมื่อมั่นใจก็เอาชุดเดิมใส่เป้ไว้ก่อนและถือออกมาพร้อมแฟ้มเอกสาร และเดินตรงไปยังประชาสัมพันธ์ หญิงสาวที่นั่งอยู่ยิ้มให้ เนเน่ก็ส่งยิ้มให้ เพื่อผูกมิตรไมตรีไว้ก่อน

“สวัสดีคะ ดิฉันมาสมัครงานในตำแหน่ง หัวหน้าแผนกธุรการ ที่ได้ประกาศไว้ในเว็ปหนะค่ะ”

“งั้นเชิญกรอกใบสมัครก่อนนะคะ นี่ค่ะ” ประชาสัมพันธ์สาวยื่นใบสมัครให้ เนเน่รับมาแล้วไปนั่งเขียน

       ไม่นานทุกอย่างก็เสร็จเธอยื่นใบสมัครและรอการสัมภาษณ์เหมือนกับคนอื่นๆที่มาสมัครเช่นกัน ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ก็ถึงคิวเธอ

“สวัสดีค่ะ” เนเน่ยกมือสวัสดีคนสัมภาษณ์

“สวัสดีครับ เชิญนั่งครับ” คนสัมภาษณ์ยิ้มให้

“ผมได้อ่านประวัติการศึกษาคุณคร่าวๆแล้ว พึ่งจบใหม่ๆมาหมาดๆเลยใช่ไหมครับ คุณ..”

       คนสัมภาษณ์ผายมือถามเนเน่ไปในตัว

“เนตรทิพย์ รุจินานนท์ ค่ะ ใช่ค่ะ ดิฉันพึ่งจบมา ยังไม่ถึง 1 เดือนเลย”

“แบบนี้ประสบการณ์ ทางด้านธุรการก็ไม่มีเลยซิครับ” คนสัมภาษณ์ติงเล็กน้อย

“ค่ะ พอดีดิฉันเรียนอย่างเดียว ระหว่างเรียน ก็ได้แต่ทำกิจกรรมอย่างอื่นเช่นออกค่ายอาสา และชอบช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก เลยไม่มีเวลาได้ไปฝึกงานเท่าที่ควร จึงยังไม่มีประสบการณ์ทางนี้” เนเน่สงสัย

“ทำไมคะ ตำแหน่งนี้ ต้องใช้ประการณ์มากเลยเหรอคะ” เนเน่ไม่เข้าใจ

“เพราะเท่าที่ดิฉันอ่านรายละเอียดที่แจ้งเอาไว้แล้ว ทางนี้ก็ไม่ระบุลงไปนี่ค่ะว่าต้องมีประสบการณ์”

       เนเน่กำลังสับสน “ในเมื่อดิฉันมีความรู้ทางคอมพิวเตอร์ ตามที่คุณต้องการ จะไม่ลองให้โอกาสกับผู้จบใหม่เลยเหรอ แบบนี้คนจบใหม่ มิต้องตกงานกันหมดเหรอคะ” เนเน่เริ่มไม่ชอบที่นี่เสียแล้ว

“โอย ไม่ใช่ครับ ที่ผมถาม ไม่ใช่ว่าผมจะไม่รับหรือไม่ให้โอกาส ผมเพียงแค่ถามดูเท่านั้น ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ที่ผมพูดเพราะส่วนใหญ่คนที่จบใหม่ๆมักจะไม่ค่อยสู้กับงานหนักๆสักเท่าใด อีกอย่างสวยๆอย่างคุณเนี่ย ผมกลัว”

“กลัวอะไรค่ะ” เนเน่ไม่เข้าใจ คนสัมภาษณ์มองเนเน่ด้วยสายตาเหมือนจะเขมือบให้ได้ แล้วก็พูดออกไป

“กลัวจะอยู่ไม่ทน เพราะเจองานหนักๆและต้องกลับมืดค่ำบ้างในบางวัน ถ้ามีล่วงเวลา จะท้อเสียก่อน”

      คนสัมภาษณ์ถามไปก็จ้องหน้าเนเน่ไปด้วย จนเนเน่เริ่มอึดอัดเล็กน้อย

“เด็กบางคนชอบความสบาย ก็เท่านั้น เนื่องจากบางคนรักสวยรักงาม บางคนก็แฟนมารับมาส่ง กลัวไม่มีเวลาส่วนตัว อะไรทำนองนี้”

“เรื่องนั้นผู้จัดการไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ เพราะดิฉันโสดและตัวคนเดียว แฟนก็ยังไม่มี และที่สำคัญ ดิฉันเป็นคนสู้งาน หนักเอาเบาสู้” เนเน่ใจดีสู้เสือ ลองดูซิว่าอีตานี่จะมาไม้ไหน เพราะ สายตาจ้องเอาจ้องเอา ตาเป็นมันเลย

“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดี เพราะบริษัทของเราเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับคลังสินค้า คุณคงจะพอรู้มาบ้างนะครับ”

“ดิฉันทราบค่ะ” คนสัมภาษณ์พลิกใบสมัครไปมาแล้วก็วางลงเฉยๆบนโต๊ะ

“เอาหละครับ ไหนคุณลองเล่าประวัติส่วนตัวย่อๆของคุณให้ผมฟังหน่อย พูดง่ายๆแนะนำตัวเองหนะครับ ว่าเป็นยังไงมาบ้าง” เนเน่ก็เริ่มเล่าชีวิตของตัวเอง จริงบ้างเท็จบ้าง โดยเฉพาะเรื่องพ่อแม่

       เธอไม่ได้บอกความจริงเสียทั้งหมดเพราะไม่จำเป็น แค่เพียงว่าเผด็จเป็นพ่อและเนตรเป็นแม่เท่านั้น ตัดตอนที่บู๊ล้างผลาญออกไปรวบลัดจนเรียนจบ

“ก็มีเพียงเท่านี้หละค่ะ” คนสัมภาษณ์นึกขึ้นมาได้เรื่องนามสกุล

“เออ ขอโทษนะครับ คุณเป็นอะไรกับผู้การเผด็จเหรอครับ เห็นนามสกุลเหมือนกัน”

“ลูกสาวค่ะ ถามทำไมค่ะ ผู้จัดการรู้จักคุณพ่อของดิฉันด้วยเหรอค่ะ” เนเน่เริ่มมีความรู้สึกว่า มันนอกเรื่องแล้ว

“เปล่าครับ ผมแค่เคยได้ยินชื่อจากข่าวทั่วไป ไม่นึกว่า จะมีโอกาสได้เจอและรู้จักกับลูกสาวของท่าน ตัวเป็นๆแบบนี้ เพราะเท่าที่ผมรู้และจำได้ ว่าท่านมีเมียคนเดียว และลูกคนเดียวนี่นา” คนสัมภาษณ์ทำท่ากลุ้มกริ่ม

“อายุก็แค่ 2 ขวบกว่าๆ ผมไม่ยักกะรู้ว่า ผู้การจะมีลูกโตเป็นสาวและสวยขนาดนี้แล้ว”

       เนเน่ชักไม่อยากจะอยู่ที่นี่แล้ว แต่จะหาทางออกยังไงดี เพราะอีตานี่ เริ่มถามซอกแซ่กมากเกินไปแล้ว มันไม่เกี่ยวกับเรื่องของการทำงานเลยสักนิด เลยตั้งสติหาวิธีที่ดีที่สุด เพื่อที่จะออกไปโดยไม่น่าเกลียด

“เออ ขอโทษอีกครั้งนะครับ คุณเป็นลูกเมียไหนของท่านครับ หรือว่า เมีย..”

       เนเน่ทนไม่ไหวแล้ว จึงลุกขึ้นทันที เพราะอารมณ์เสีย และถามก่อนที่จะเดินออกไป

“ขอโทษนะคะ แล้วคุณจะรู้ไปทำไมว่าดิฉันเป็นลูกเมียไหน มันไม่เห็นจะเกี่ยว และสำคัญกับงานที่นี่เลย แม้แต่นิดเดียว ถ้าดิฉันรู้ว่ามันต้องรู้ถึงขนาดนี้ ดิฉันคงจะไม่เสียเวลาและทำให้ตัวเองลำบากใจที่ต้องมาสมัครงานที่นี่หรอก อ้อและขอให้รู้ไว้ด้วยนะคะว่า ดิฉันคงไม่ต้องบอกให้คุณรู้หรือรับทราบว่า ดิฉันเป็นลูกเมียไหนหรือเมียคนที่เท่าไหร่ เพราะมันไม่จำเป็น ดิฉันก็ขอลาค่ะ ลาขาด และไม่ต้องโทรเรียกนะคะ เพราะดิฉัน ไม่ทำ”

       พูดจบเนเน่ก็เสียมารยาท ดึงเอกสารสมัครงานกลับมาด้วยเลย จากมือคนสัมภาษณ์ และเดินออกไปทันทีก่อนที่จะเปิดประตูออกไปเนเน่หันหลังกลับมา พร้อมกับยกนิ้วกลางให้คนสัมภาษณ์ทันที แล้วก็ปิดประตูดังโครม คนสัมภาษณ์ตั้งตัวไม่ติดเลย นั่งสติแตกอยู่พักใหญ่ งง เพราะเจอฤทธิ์เนเน่เข้าให้แล้ว

       เนเน่อารมณ์เสียมากที่เจอแบบนี้ จึงรีบเข้าห้องน้ำและเปลี่นชุดกลับอย่างไว จากนั้นก็ขับรถออกไปจากที่นี่ทันที และไม่ลืมที่จะออกสืบเรื่องของแม่ตัวเองด้วย แต่จะไปที่ไหนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางจะเป็นที่ใด

***** +++++ *****

       ที่เกาะส่วนตัวของเผด็จ ตอนนี้จากนักสู้ผู้กล้า ปัจจุบันกลายมาเป็นตาแก่ขี้เมาหยำเปไปวันๆ จนเพ็ญต้องเอือมระอา กับสามีคนนี้ วันๆไม่ทำอะไร เผด็จยึดบังกะโลเรือนหลังที่เคยมีความสุขกับโบว์ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เป็นที่นอน และห้ามให้ใครมายุ่งเกี่ยวกับบังกะโลหลังนี้ ถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่มา ปิดตาย เพื่อเขาคนเดียว

“พี่ชื่นจิต” เพ็ญเรียกหาผู้จัดการรีสอร์ท ขณะที่เดินลงมาตรวจงาน

“ขา คุณเพ็ญ พี่อยู่นี่ค่ะ” ชื่นจิตรีบวิ่งออกมาจากเคาน์เตอร์

     เพ็ญมองไปรอบๆ เหมือนหาอะไรอยู่สักอย่าง แต่ก็หาไม่เจอ

“ผัวหนูอยู่ไหนเนี่ย วันๆไม่เห็นหน้าเลย ถามจริงๆเถอะเจ้านายพี่เนี่ย เป็นผีรึไง เดี๋ยวก็แว่บไปเดี๋ยวก็แว่บมา จนหนูตามไม่ทันแล้ว” ชื่นจิตรีบออกตัวแทนเจ้านายทันที

“โถ น้องเพ็ญขา นายจะอยู่ไหนได้ ถ้าไม่ใช่ที่นั่น” เพ็ญมองไปที่บังกะโลหลังนั้น

“อีกแล้วเหรอ ทำไมนะ พี่โบว์ก็ตายไปตั้ง 3 ปีแล้ว หนูไม่เข้าใจจริงๆ อะไร ยังลืมไม่ได้อีกรึไง”

       คราวนี้เพ็ญหันไปมองรูปของโบว์ที่มุมอนุสรณ์

“พี่โบว์ มันจะมากไปแล้วนะ ทำไม ตายแล้วถึงไม่ตายไปเลยจากความรู้สึกของอาเต๋านะ ยังจะมาสิงสู่อยู่ที่นี่อีกทำไม ถ้าคนในรูปนั้นเป็นฉัน อาคงจะดีใจใช่ไหม อึ๊ย”

       แล้วเพ็ญก็หัวเสียเดินอกไปยังหน้ารีสอร์ททันที เพ็ญเดินตรงไปยังบังกะโลหลังนั้น แต่ไม่ขึ้นไป เดินมายืนดูเผด็จอยู่ไกลๆว่าทำอะไรอยู่ ภาพที่เธอเห็นนั่นก็คือ เผด็จนอนกอดขวดเหล้าอยู่ตรงหน้าบันไดไม่ได้ไปไหน ได้ยินแต่เสียงที่บ่นออกมาตลอดเวลา

“โบว์ โบว์อยู่กับป๊าตรงนี้นะ ดูลูกของเราด้วย”

       เพ็ญน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นสภาพนั้น เอามือปิดปากตัวเองแล้วรีบเดินกลับไปทันที เพราะสะเทือนใจมาก ผมเผ้าและหนวดเคราที่ยาวรุงรัง เสื้อผ้าที่ดูแล้ว ไม่น่าจะเป็นเจ้าของเกาะได้เลย ขาดๆมอๆมอมแมม ปีกว่าแล้วที่เผด็จเป็นแบบนี้ ข้าวกินบ้างไม่กินบ้าง ส่วนใหญ่จะกินเหล้าเสียมากกว่า เพ็ญเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์ รีบสั่งชื่นจิตทันที

“อาเต๋า ทานอะไรบ้างหรือยังพี่ชื่น” แต่ถึงยังไงก็ยังคงเป็นห่วงสามีสุดที่รักของเธอ

“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่เมื่อตอนเช้าเนี่ย พี่ให้เด็กเอาอาหารไปวางไว้ให้แล้วนะ น่าจะได้ทานบ้างแล้วหละ”

“ขอบใจมากนะพี่ ยังไงหนูฝากด้วย” พูดจบ เพ็ญก็รีบเดินกลับขึ้นไปดูลูกชายที่ให้พี่เลี้ยงดูแลอยู่ตามปกติ

“เฮ้อ นายหนอนาย จะเป็นอย่างนี้อีกนานไหมเนี่ย นายหญิงขา ไม่น่าที่จะมาด่วนจากไปเล้ย”

       ชื่นจิตก็ไม่รู้จะช่วยยังไงเหมือนกันเพราะตัวเองก็เป็นแค่ลูกจ้างคนนึง จะพิเศษหน่อยก็ตรงบุกเบิกมานี่แหละ

<<<<< ----- >>>>>

       ปูนกับทับทิมมานั่งปรึกษากันเรื่องที่ทำงาน หลังจากที่พลอยใสขอแยกตัวออกไป เพราะภณสามีของพลอยใส อยากไปเปิดกิจการที่ถนัดและทำเลที่ดีกว่านี้ หุ้นในส่วนของพลอยใสจึงได้ขายต่อให้กับทับทิมหุ้นส่วนคนใหม่ในเวลาต่อมาเมื่อปีที่แล้ว และหลังจากที่ได้ทำการปรับปรุงใหม่จึงแบ่งหุ้นใหม่เป็น 50:50 จากเดิมซึ่งพลอยใสลงไว้ถึง 70% เลยทีเดียวและปูนลงเพียง 30% เท่านั้น จึงทำให้ปูนต้องซื้อหุ้นกลับจากทับทิมอีกถึง 20% ทันที แต่ด้วยความเป็นเพื่อนรักจึงไม่มีปัญหา เพราะแตงโมสามีรวยซะอย่าง พี่น้องกันด้วย

        ทั้งสองคนก็ได้ข่าวเรื่องของพี่สาวตัวเองเช่นกัน จึงได้เป็นห่วงเนเน่ขึ้นมาทันที เพราะทั้งสองรู้ว่า เนเน่รักแม่ของเธอมาก

“เฮ้ย ไอ้ทิม แกว่ายังไงวะเรื่องของพี่เนตรหนะ ฉันว่ามันยังไงๆอยู่นะ ผีที่ไหนจะลุกออกมาจากเตาเผาได้ขนาดนั้นวะ ว่าไง” ปูนคุยกับทับทิมขณะที่ให้นมลูกชายคนที่สองวัย 1 ขวบเศษไปด้วย

“นั่นนะซิ พอฉันได้ยินข่าวฉันหละอึ้งเหมือนกันเลยแก แล้วที่เด็ดไปกว่านั้นนะ คนที่เก็บภาพได้หนะ ก็ถือว่าเก่งหวะ 3 ปีเต็มๆเลยนะโว๊ยที่ข่าวของเจ๊แกเงียบหายไป มนุษย์หน้ากากอย่างพวกเราก็เลยกลายเป็นตำนานไปเลย”

       ทับทิมก็เหมือนกัน กำลังให้นมลูกสาวคนที่สองวัย 9 เดือน ปูนพยักหน้าไปด้วย จนต้องอิจฉาเพื่อน

“จะว่าไปนะ เจ้าตัวเล็กของแกคนที่สองเนี่ย เลี้ยงง่ายกว่าลูกฉันอีก ถามอะไรอย่างดิ อย่าหาว่าฉันทะลึ่งนะแก”

“อะไรวะ” ทับทิมไม่เข้าใจ

“ทำไงนมฉันถึงจะใหญ่เหมือนของแกวะ” ทับทิมเอามือตีเพื่อนเบาๆ

“อีบ้า แล้วฉันจะรู้ไหม เกิดมามันก็ใหญ่แบบนี้ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ฉันไม่ได้ไปผ่งไปผ่ามาสักกะหน่อยแกก็เห็น”

       ทับทิมพูดไปก็ยิ้มไป “อยู่ด้วยกันมาตลอด” ปูนพูดแล้วจ้องไปที่เต้าอันใหญ่โตมโหฬารของเพื่อน

“นั่นนะซิ ถึงบอกไงว่าอิจฉาหวะ ตัวเล็กแต่แม่งนมใหญ่ฉิบ ถามจริงหนักบ้างไหมวะ” ปูนอิจฉาเพื่อน

“หนักหวะ บอกตรง ลำพังตอนไม่มีผัว แม่งก็หนักพอตัวอยู่แล้ว พอมีลูก มีน้ำนมเข้ามาเพิ่มอีก หนักกว่าเก่าอีกเท่าตัวเลยแก เดินนี่หน้าแทบคว่ำ”

      พูดไปหัวเราะกันไปตามประสาผู้หญิงที่เม้าส์กัน

“ที่จริงของแก่ก็ใหญ่นะ ไม่ได้เล็กเลย ถ้าดูจริงๆ ใหญ่เหมือนกัน แค่เล็กกว่าของฉันเท่านั้น แต่ถ้าเทียบกับคนอื่น ฉันว่าของแก ก็ถือว่าไม่เบาเหมือนกันนะ”

      ปูนยิ้มออกมาเลย “จริงดิ ของฉันใหญ่จริงๆเหรอ” ทับทิมพยักหน้า

“นี่แก อีตอนลูกดูดหนะไม่เท่าไหร่พอทน แต่พออีตอนผัวดูดนี่ซิ มันสยิวต่างกันเยอะเลยหวะ แล้วแกเป็นหรือเปล่าวะเวลาที่พี่โมดูดหนะ ถามหน่อยดิ อย่าหาว่าฉันทะลึ่งนะ” ทับทิมตั้งแต่มีผัวเนี่ยทะลึ่งขึ้นเยอะเลย

“เออ เหมือนกัน ว่าจะบอกแกอยู่เหมือนกัน เนี่ยขนาดลูกดูดสลับไปมา มันยังไม่สยิวไม่โต เท่าอีตอนผัวมาดูดเลยหวะ”

   ปูนนี่ก็ไม่เบาทะลึ่งกับเขาเหมือนกันตั้งแต่มีลูกและตัดใจจากเผด็จได้ <ในความรู้สึกของคนอื่นนะ แต่ในความเป็นจริง มันไม่ใช่> สักพักความเฮฮาก็เงียบลง เมื่อทับทิมคิดถึงเนเน่ขึ้นมา สีหน้าจึงเปลี่ยนไป

“เออ ไอ้ปูน แล้วนี่เราจะช่วยไอ้เน่มันยังไงวะเนี่ย ฉันชักจะเป็นห่วงมันขึ้นมาแล้วตะหงิดๆเลย”

“ไม่รู้เหมือนกัน เอาไว้ให้เจอมันก่อนแล้วกัน นี่ตั้งแต่วันที่เพ็ญจัดงานวันเกิดให้ลูกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราก็ไม่เจอมันเลยนะ หายเงียบไปเลย ทั้งพ่อทั้งลูก พูดถึงอาเด็จ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นยังไงบ้าง ได้ข่าวว่าเป็นตาแก่ขี้เมาหยำเป งานการไม่ทำ”

      ปูนเริ่มเป็นห่วงเผด็จ จึงมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป จนทับทิมสังเกตุเห็นได้ชัดจึงถามเพื่อน 

“ไงแก เป็นห่วงแฟนเก่ารึไง” ปูนมองหน้า แล้วต่อว่าเพื่อน เพราะไม่อยากให้ครอบครัวมีปัญหา

“บ้า อย่าพูดแบบนี้ให้พี่โมได้ยินเชียวนะแก บ้านแตกแน่ ฉันยอมรับนะว่าเป็นห่วง”

“ฉันเข้าใจ ล้อเล่นน่า ลูกก็ตั้ง 2 คนเข้าไปแล้ว เย้าเล่นเท่านั้น อย่าคิดมาก ก็แค่ได้ข่าวมา พี่ป๋องเคยบอกให้ฟัง ว่าอาเด็จแกยังไม่ลืมพี่โบว์กับพี่เนตรเลย แกรักสองคนนี้มาก โดยเฉพาะลูกทั้ง 2 คนที่อยู่ในท้อง เป็นฉันก็ทำใจไม่ได้หวะ จะกี่ปี ก็คงจะลืมยาก”

      ทับทิมพยายามทำให้เพื่อนสบายใจ แต่ปูนหนะ เป็นห่วงเผด็จเอามากๆจริงๆ

“แต่ฉันว่า คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดน่าจะเป็นยัยเพ็ญนะ อุตส่าห์ทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะได้อาเด็จมาครอบครอง พอได้แล้วจนมีลูกด้วยกัน แต่กลับไม่มีความสุข แกว่าฉันควรจะดีใจหรือเสียใจกับมันดีหละ และถ้าเป็นแก แกจะทนได้ไหมที่ทุกวันนี้ได้แต่ตัวมาครอบครอง แต่ไม่เคยได้หัวใจ เป็นฉันนะ ฉันทนไม่ได้หรอก เหมือนตกนรกทั้งเป็น สู้ถอยออกมาหรือไม่ได้ครอบครองยังจะดีกว่า” ปูนออกตัว เพื่อไม่ให้ทับทิมสงสัยในพฤติกรรมตัวเอง

       ทับทิมไม่มีคำตอบให้เพื่อน คงก้มหน้าก้มตาให้นมลูกอย่างเดียว และเงยหน้ามาเอามือแตะไหล่เพื่อนเบาๆ ปูนก็ได้แต่พยักหน้า

“คงต้องทำใจเท่านั้นแหละเพื่อน ในเมื่อทุกคน ได้เลือกเส้นทางของตัวเองไปแล้ว ทำใจๆ”

\\\\\ +++++ \\\\\

       เนเน่ไปสมัครงานกับบริษัทแห่งหนึ่งดูท่าว่าจะดี แต่พอเจอการสัมภาษณ์และพาดพิงถึงเรื่องพ่อ ก็เลยขอบาย หลังจากที่ออกมาจึงตรงไปยังสำนักข่าวที่ดลทำงานทันที และได้คลาดกันเพียงนิดเดียว เลยไม่ได้เจอกัน .. เนเน่มาจอดรถที่หน้าสำนักข่าวและเดินเข้าไป

“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าจะขอพบคนที่ทำข่าวของหงส์ฟ้า พอจะได้ไหมคะ เขาอยู่ไหม พอดีดิฉันอยากจะมาขอสอบถามอะไรเพิ่มเติมหน่อย สนใจหนะค่ะ” เนเน่ยิ้มให้กับเจ้าหน้าที่สาวสวยที่นั่งอยู่ยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์

“เสียใจด้วยค่ะ คนที่คุณต้องการพบ เขาพึ่งออกไปเมื่อตะกี้นี่เอง คงออกไปทำข่าว”

“แล้วจะกลับมาตอนไหนคะ พอจะทราบไหม” เนเน่กะว่าจะรอ

“ไม่ทราบค่ะ เพราะถ้าออกไปทำข่าว ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ บางวันก็กลับเข้ามาเร็ว บางวันก็กลับช้า บางวันก็กลับเข้ามาดึก บางวันเนี่ยยันเช้าเลย”

       เจ้าหน้าที่สาวสวยอธิบายจนเนเน่เห็นภาพเลย

“ขอโทษนะคะ แล้วไม่ทราบว่า พอจะมีเบอร์ที่ติดต่อได้บ้างไหมค่ะ”

“สักครู่นะคะ” แล้วเจ้าหน้าที่สาวสวยก็เขียนเบอร์ของเบิ้มให้ เพราะคิดว่า ถามหาคนนี้ เพราะเป็นคนเสนอข่าว

“ขอบคุณค่ะ” เนเน่ยิ้มนิดๆ แล้วเดินจากออกมา ยกกระดาษมาดูอีกครั้ง

“พี่เบิ้ม ..” จากนั้นเนเน่ก็รีบขับรถกลับบ้านทันที

>>>>> ***** <<<<<

       หลังเลิกงาน ขิงภรรยาสาวที่เริ่มท้องอ่อนๆ 2 เดือน เข้ามาปลอบใจสามีอย่างอัธวิทย์ เพราะเห็นทำหน้าเคร่งเครียด

“เป็นอะไรคะวิทย์ ทำไมถึงทำหน้าเครียดแบบนี้หละ ไม่หล่อเลย”

       ขิงแหย่สามีเล่น “เป็นพ่อคนแล้วนะ ไหนบอกเมียมาซิที่รัก ว่าเป็นอะไร”

“ก็นิดหน่อย” วิทย์ตอบเมียเบาๆ

“ก็เช้าวันนี้นะซิ หัวหน้าผมเรียกให้เข้าไปพบด่วน แล้วโยนคดีของหงส์ฟ้าที่ออกปล้นเมื่อวานให้ผมทำ”

วิทย์ระบายความอัดอั้นใจออกไปให้ขิงฟังจนหมด

“แล้วมันเกิดอะไรขึ้น หละมันก็งาน เหมือนทุกครั้งไม่ใช่เหรอ แล้วงานอื่นทำไมไม่เห็นจะบ่นเลย พอเจองานนี้ ทำไมถึงบ่นและดูท้อๆยังไงก็ไม่รู้ ไหนบอกเหตุผลมาซิคนดี เอ วิทย์สามีของขิง ที่ขิงรู้จัก ไม่ใช่คนที่ถอดใจง่ายๆแบบนี้นี่” วิทย์หันหน้ามาหาขิงและจับมือ

“ขิงก็รู้นี่ว่าเรื่องนี้วิทย์รับปากกับพ่อและลุงไปแล้ว” วิทย์ให้เหตุผล

“ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวอีก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม พี่เนตรก็ได้ตายไปแล้วตั้ง 3 ปีพร้อมกับข่าวที่เงียบหายไป แล้วจู่ๆ อยู่ดีๆก็มีใครไม่รู้มาอ้างตัวเป็นพี่เนตรเนี่ย บอกตามตรงนะว่า ผมไม่อยากที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย” วิทย์กำลังสับสน

“วิทย์ ใจเย็นๆนะ” ขิงจึงให้ข้อคิดและกำลังใจสามี โดยที่ไม่ได้ห่วงตัวเองเลยสักนิด

“วิทย์ แต่ขิงกลับคิดว่า ในเมื่อมีคนออกมาทำแบบนี้ เราควรจะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวนะ ดีนะที่หัวหน้าให้วิทย์เป็นคนทำคดี ถ้าเป็นขิงรู้ข่าวนี้แล้วไม่ทำอะไรเลย ขิงเองที่จะรู้สึกผิดขึ้นมาทันที”

       วิทย์ไม่เข้าใจว่าขิง กำลังจะสื่ออะไรออกมา “ทำไมหละ” วิทย์ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ขิงกำลังคิดอยู่

“วิทย์ อย่าลืมซิว่า พี่เนตรก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียคนนึงของลุงเด็จนะ แกตายไปพร้อมกับลูกในท้องซึ่งมันก็น่าเห็นใจอยู่แล้ว และจู่ๆอยู่ดีๆ ก็มีคนมาใส่ร้ายป้ายสีให้กับคนตาย ซึ่งเป็นคนที่เรารู้จักและใกล้ชิดกับเรา ในเมื่อเรามีโอกาส เราก็ควรที่จะหาความจริงเพื่อมาลบล้างความไม่ถูกต้องของพี่เนตรให้ได้ ถึงแม้ว่าพวกเราจะรู้ว่าพี่เนตรไม่ได้เป็นคนทำก็ตาม แต่อย่างน้อยตัววิทย์เองก็จะได้สบายใจว่าหาข้อเท็จจริงให้กับคนตายได้นะ”

      วิทย์ถึงกับมองหน้าเมีย แบบอึ้งไปเลยกับคำพูดของขิง

“บอกตามตรงขิงสงสารไอ้เน่มัน นั่นแม่มันทั้งคนนะ ถ้าเป็นขิง ขิงจะไม่มานั่งกลุ้มแบบนี้หรอก แต่จะลุกขึ้นและรีบสืบหาข้อเท็จจริงเพื่อช่วยแก้ข่าวให้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสียดายที่ตอนนี้ขิงท้องอยู่ไม่งั้นคงจะต้องออกสืบเหมือนเมื่อก่อนเองแล้ว” ขิงจับมือวิทย์

“นะวิทย์ขิงฝากด้วย อย่าเครียด แต่จงคิดว่า มันเป็นเรื่องดี โอกาสอยู่ในมือของเราแล้ว นะถือว่าขิงขอก็แล้วกัน”

“ขอบใจมากนะขิงที่เตือนสติวิทย์ จริงซินะเมื่อโอกาสเป็นของเราแล้ว ถ้าคดีตกอยู่ในมือของคนอื่น เราก็อาจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ วิทย์รับปากนะ ว่าจะหาความจริงให้ได้โดยเร็วที่สุด” พูดจบก็ชื่นใจเมียที่แก้มขวา ให้รางวัลขิงที่เตือนสติ หลังจากที่สติหลุดไปพักนึง

***** >>><<< *****

       ตกดึกทับทิมเอาเรื่องของหงส์ฟ้ามาปรึกษาสามี และให้นมลูกสาวคนเล็กไปด้วย

“พี่ป๋อง เราจะช่วยคุณวิทย์ยังไงดี หนูหละเป็นห่วงมากๆเลย ตอนนี้ขิงก็กำลังท้องอ่อนๆอยู่ด้วย ถ้าคุณวิทย์ต้องออกสืบออกหาความจริงเรื่องนี้ หนูกลัวว่ายัยขิงจะไม่มีใครดูแลนะ”

       ป๋องก็ได้แต่เป็นห่วงลูกชาย เพราะขิงแอบโทรมาบอกแล้ว ว่าโดนหัวหน้ากดดันมา เลยได้แต่ทำหน้าเครียด ไม่รู้จะทำยังไง

“พี่รู้ พี่เข้าใจ แล้วจะให้พี่ทำยังไงหละ พี่ก็เป็นห่วงลูกเหมือนกัน มีคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยได้”

       ป๋องหมายถึงเผด็จ ทับทิมไม่แน่ใจ “พี่อย่าบอกนะว่า” ป๋องพยักหน้า

“ทำไมพี่ถึงคิดว่าอาเด็จจะช่วยได้ ในเมื่อ ตอนนี้ เท่าที่หนูรู้ข่าวมา แกเป็นตาแก่ขี้เมาไปแล้ว”

“ไม่รู้ซิ แต่พี่ว่า ไม่มีใครเหมาะและจะทำงานนี้ได้ดีที่สุดเท่าเฮียอีกแล้ว” ป๋องยืนยันเพราะมั่นใจเช่นนั้น

“อย่าลืมนะว่า นั่นเมียแก ถ้าแกไม่ช่วยหาความจริงเพื่อลบล้างความผิดให้กับเนตรได้ เท่ากับว่า เนตรจะตกเป็นผู้ต้องหาไปตลอดชีวิต ถึงแม้ว่าจะตายไปแล้วก็ตาม” ป๋องนอนเอามือก่ายหน้าผาก ทับทิมไม่อยากจะฝากความหวังไว้กับตาแก่คนนี้เลย

“อย่าหาว่าหนูดูถูกอาเด็จเลยนะพี่” ทับทิมมีความรู้สึกที่ไม่ดีเลยต่อเผด็จในครั้งนี้

“เพื่อนพี่ตอนนี้ วันๆทำอะไรบ้าง ถ้าไม่นอนกอดขวดเหล้ากับขวดเบียร์ หนูบอกตามตรงเลยนะว่า หนูไม่อยากฝากชีวิตหรือแขวนไว้กับคนขี้เมาอย่างนั้น ถ้าจะทำแบบนั้น สู้หนูออกตามล่าหาความจริงเองไม่ดีกว่ารึ ง่ายและเร็วกว่าเพื่อนพี่เยอะเลย”

ป๋องถึงกับมองหน้าเมีย ลุกขึ้นมานั่งและยกมือห้าม

“อย่าเชียวนะทิม พี่ขอ ลูกเรายังเล็กอยู่ทั้งคู่ ถ้าทิมเป็นอะไรไปตอนนี้ แล้วพี่จะทำยังไง” ป๋องไม่สบายใจ

“แต่พี่ นั่นมัน..” ป๋องเอามือหันไปจับไหล่ซ้ายเมีย เพื่อที่จะให้ทับทิมเปลี่ยนความคิดนั้น คงยากมาก ก็รู้ๆกันอยู่

       ทับทิมก็ยังคงพยายามที่จะหาทางช่วยเรื่องนี้ จนลืมไปว่าตัวเองไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

“อีกอย่างหนูรับปากพี่แล้วนะ ว่าจะเลิกเป็นพิราบเทา” ป๋องเตือนสติเมียขณะที่ทับทิมให้นมลูกคนเล็กอยู่

       สักพักป๋องก็หันไปมองยังลูกชายคนโต ที่กำลังหลับอยู่ข้างๆบนที่นอน ทับทิมมองตามสายตาของป๋องและหันมาพูดต่อ

“ถึงไม่เป็นพิราบเทา หนูก็สามารถสืบได้ บอกตามตรงหนูไม่ไว้ใจอาเด็จเพื่อนพี่ ยังไงขิงก็เป็นเพื่อนหนูคนนึง หนูไม่อยากให้เพื่อนมีอันตราย ถ้าคุณวิทย์เข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ พวกนั้นก็ต้องจ้องเล่นงาน ครอบครัวคุณวิทย์แน่ พี่ก็น่าจะรู้ดี เพราะเหตุการณ์นี้อาเด็จเคยเจอมาแล้ว ทั้งเพ็ญทั้งพี่โบว์ โดนทั้งสองคนพี่จำไม่ได้เหรอ” ป๋องเอื้อมมือมาจับมือทับทิม ทับทิมงอนที่ผัวไม่ช่วยอะไรเลย

      ทับทิมหันหน้าหนี ป๋องจึงต้องเดินตามไปง้อ “ไม่เอาน่า ไม่ใช่ว่าพี่ไม่ช่วย แต่เราต้องค่อยๆหาวิธี ตอนนี้ก็ให้วิทย์เขาทำไปก่อน แล้วพี่จะหาทางช่วยอีกทีนะ อย่างน้อยลูกน้องเก่าของพี่อาจจะยังพอช่วยได้บ้าง” ทับทิมหันไปถามแบบไม่เกรงใจ

“ถ้าพี่หมายถึง จ่ามิ่ง จ่าหมง จ่าแก่ๆสองคนนั้นนะเหรอ ฝันไปเถอะ เท่าที่หนูรู้มา ตั้งแต่พี่ลาออก เขาก็ถูกส่งไปอยู่เหนือกับใต้แล้ว มิ่งไปเหนือ หมงไปใต้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นไงบ้าง อำนาจพี่ไม่มีแล้ว มันหมดไปพร้อมกับใบลาออกแล้วรู้ไว้ซะด้วย” ทับทิมบอกความจริงกับป๋องจนหมด

“ถ้าเป็นอย่างนั้นหนูถึงบอกว่าทางเดียวเท่านั้นที่จะช่วยขิงให้ปลอดภัยได้ คือหนูต้องช่วยคุณวิทย์ลับๆทางอ้อมโดยไม่ให้เขารู้ เรื่องลูกพี่ไม่ต้องห่วง พี่เลี้ยงเราก็มี”

“แต่มันอันตรายนะทิม” เด็กอิ่มพอดีหลับสนิทคาอกแม่

       ทับทิมจึงเดินเอาลูกมาใส่เปลไว้ ปิดมุ้งอย่างดี และเดินกลับมาที่เตียง

“ไม่หรอกค่ะ พี่ป๋องคิดมากไปเอง อย่าลืมซิว่าฝีมือหนูเป็นยังไง” ทับทิมพยายามเกลี้ยกล่อมสามี

“อีกอย่าง เจ้าหนึ่งมันก็เริ่มโตแล้วเลี้ยงไม่ยากทานนมชงกระป๋องได้แล้ว” เธอหันไปที่เปลเด็ก

“ส่วนยัยสองเนี่ย หนูจะปั๊มนมจากเต้า เก็บใส่ตู้เย็นไว้ให้ ถ้าวันไหนที่หนูออกไปสืบ พี่ก็แค่เอานมให้ลูกทานแทนหนูก็แล้วกัน เห็นไหมคะ ไม่เห็นจะยากอะไรเลย” ทับทิมขยับตัวไปกลางเตียงดูลูกชายที่นอนหลับสนิทอยู่ ก้มตัวลงไปหอมแก้มและหน้าผาก ดึงผ้าห่มมาห่มให้ จากนั้นก็เอนตัวลงนอนกอดลูกชายหันหลังให้กับป๋อง

       ป๋องชักเกิดอารมณ์ขึ้นมาแล้ว จึงพักเรื่องงานไว้ก่อนและอยากที่จะขอกุ๊กกิ๊กกับเมีย เพื่อที่จะผลิตลูกคนที่ 3 ตามสูตร จึงเอื้อมมือไปกอดและสะกิดทับทิม แล้วกระซิบที่หูเบาๆ

“ทิมจ๋า” ทับทิมยังไม่หลับรู้เลยที่กระซิบแบบนี้จะขออะไร เพราะทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่เธอไม่ให้ เพราะ ยังไม่อยากมีตอนนี้

“อะไรพี่หนูจะนอน นอน” แต่ป๋องก็ยังกระซิกๆเมียอยู่ไม่เลิก

“น่าแป๊บเดียวเอง ไหนๆลูกก็หลับหมดแล้ว นะๆ” ป๋องอยากเต็มที่แล้ว จึงอ้อนเมียไม่เลิก

“ไม่เอา รู้นะว่าจะขออะไร พอแล้ว หนูยังไม่อยากมีตอนนี้ เว้นบ้าง ที่หนูยอมมีคนที่สองติดๆให้เนี่ยก็บุญแล้วนะ ไม่เอานอน”

แต่ป๋องก็ยังตื้ออยู่ เพราะไม่ได้ทำการบ้านมาหลายคืนแล้ว กำลังหงุดหงิดงุ่นง่าน

“น่า ไม่มีก็ไม่มีใส่ถุงก็ได้ นะนะ พี่ขอนะ นานแล้วนะที่ทิมไม่ให้พี่หนะ ถ้าคืนนี้ไม่ให้ พี่ไปหาพวกอีตัวข้างนอกก็ได้” เจอประโยคนี้เข้า ทับทิมต้องใจอ่อนยอมเลย เพราะไม่อยากให้สามีไปติดโรคที่ไหนเข้าบ้าน จึงตัดใจให้

“อย่าเชียวนะ หนูไม่ชอบ ถ้าติดโรคขึ้นมาจะว่าไง เอดส์เอย ซิฟิริสเอย ก็ได้ๆแต่ต้องใส่ถุงนะหนูถึงยอม แต่อย่าบ่อยนักหละ หนูเหนื่อย ไหนจะทำงานที่ฟิตเนสและต้องเลี้ยงลูกอีก พี่หนะสบายอยู่คนเดียว อยากขึ้นมาก็ชอบพูดแบบนี้ทุกที”

พูดจบทับทิมก็ดึงชุดนอนออกพ้นหัวตัวเองจนเปลือย และหันกลับมาต้องตกใจมาก เพราะภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอก็คือ ป๋องเตรียมพร้อมอยู่แล้ว แก้ผ้ารอพร้อมใส่ถุงอย่างดีกันท้อง

“แหม พร้อมรบเลยนะพี่” ป๋องไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งตรงเข้าไปยังจุดหมายแรกก่อนเลยก็คือเต้าใหญ่ๆทั้งสองข้างของเมีย

“พี่ เบาๆหนูเจ็บ ลูกดูดยังไม่เจ็บเท่าพี่ดูดเลยนะ เจ็บ เบาๆซิ โอยๆ อูย ซี๊ด ผัวขา อ้า”

    หลังจากที่ยึดภูเขาทั้งสองลูกได้แล้ว จากนั้นป๋องก็เริ่มเข้าไปสำรวจถ้ำลึกลับและเริ่มทำกิจกรรมทันทีโดยไม่รอช้า จนสำเร็จกิจ ไม่รู้ว่าคืนนี้ป๋องทำภารกิจไปกี่ครั้งในการสำรวจถ้ำลึกลับแห่งนี้ หลังจากที่ไม่ได้ทำมานาน

<<<<< ===== >>>>>

       ปูนก็เหมือนกัน นำเรื่องนี้มาปรึกษาสามีทนายหนุ่ม ซึ่งตอนนี้กำลังทำคดีเรื่องของ กงจักรทองและคดีพวกค้ากามอยู่ ซึ่งอาจจะช่วยเนเน่ได้บ้าง

“พี่โม พี่ว่ายังไง มีทางที่จะช่วยไอ้เน่มันได้บ้างไหม”

       ปูนพูดขณะที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของแตงโม และกำลังทานผลไม้ไปด้วย เพื่อบริหารปาก

“พี่ก็ยังตอบไม่ได้นะ เพราะเรื่องนี้มันแปลกอยู่ๆ เท่าที่พี่เห็นภาพของหงส์ฟ้า พี่ก็รู้เลยว่าไม่ใช่พี่เนตร ตัวปลอมแน่นอน แต่เราจะหาความจริงจากไหนนั้น พี่คงต้องใช้เวลา เพราะคดีนี้ เท่าที่พี่ดูมันน่าจะเกี่ยวกับคดีพวกกงจักรทองและคดีพวกค้ามนุษย์ที่คุณวิทย์กับพี่กำลังทำกันอยู่ พี่คิดว่า คุณวิทย์ก็น่าจะมีความคิดคล้ายๆพี่ คือทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ได้ ไม่ใช่ว่าพี่ไม่อยากช่วยนะ เพียงแต่มันไม่ใช่เรื่องของเรา ปูนต้องเข้าใจนะ ว่าพี่เป็นเพียงทนาย พี่ใช่ตำรวจ จะเข้าไปวุ่นวายมากไม่ได้ ถ้าไม่มีลูกความมาให้ว่าความ ต้องอยู่ห่างๆ”

     ปูนทำหน้าไม่สบายใจ ขยับหน้าหันตัวออกมาจากอ้อมกอดสามี และลุกขึ้นมานั่งอยู่พักนึง แล้วเกิดความคิดแบบเด็กๆขึ้นมาทันที พร้อมกับ เอาส้อมเล็กจิ้มไปที่ชิ้นของแตงโมใส่ปาก

“ถ้างั้นหนูจะเปิดสำนักงานนักสืบขึ้นมาอีกครั้ง หนูกับทับทิมเราสองคนคุยกันแล้วว่าจะต้องสืบเรื่องนี้”

>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<

โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 2 .. “ เสียความรู้สึก ”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.