แผ่นดินนี้ข้าจอง ตอนที่ 4 ชูยงผู้ชอบเบือนหน้าหนี

แผ่นดินนี้ข้าจอง (这是我的土地)

-A A +A

แผ่นดินนี้ข้าจอง ตอนที่ 4 ชูยงผู้ชอบเบือนหน้าหนี

เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหกก็เข้าสู่ปีที่ 4 แห่งการสถาปนาเมืองซิวซันเมืองได้มีการพัฒนาออกไปมากเริ่มมีการบุกเบิกพื้นที่รอบข้างเพื่อใช่เป็นการเพาะปลูกเเละเเน่นอนจะต้องมีการปะทะกับเหล่าสัตว์อสูรอยู่บ่อยครั้งในการบุกเบิกพื้นที่การป่าในช่วงปีเเรกของการสถาปนาเมืองก็มีการสำรวจพื้นที่โดยแล้วก็พบเเม่น้ำขนาดใหญ่ที่จะไหลลงทะเลในบริเวณ หลังจากนั้นก็เริ่มมีการขุดสร้างถนนสำหรับเชื่อมต่อกับเเม่น้ำเเห่งนั้น และได้ชื่อในเวลาต่อมาว่าเเม่น้ำหยิน พอผ่านมา 4 ปีจวิ้นอ๋องเลยก็ยังไม่ทราบคำตอบว่าทำไมเหล่าสัตว์อสูรถึงไม่กล้าเข้ามาในบริเวณนี้ ดังนั้นเข้าถึงทุ่มกำลังทั้งหมดในการเคลี่ยร์พื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงและสร้างถนนที่ปลอดภัยจนไปถึงถนนสายหลัก เมื่อให้ยินข่าวการสถาปนาเมืองซิวซันเป็นไปด้วยความราบรื่นถึงเเม้จะไม่ราบรื่นเท่าเมืองอื่นๆที่องค์ฮ่องเต้ส่งไปสำรวจ เพราะถ้าหากว่ากันตามตรง พื้นที่ที่เป็นเมืองซิวซัน ณ ปัจจุบันนับเป็นพื้นที่อันตรายที่สุดเพราะว่าห่างไปไม่กี่สิบลี้ เป็นเป็นเทือบเขาสัตว์อสูรที่เต็มไปด้วยเหล่าอสูรระดับสูงๆกันทั้งนั้นว่ากันว่าที่คือสถานที่เเห่งเเรกที่อสูรจากดินเเดนเทพเซียนเริ่มทำการจู่โจมมนุษย์ เพราะอสูรตนเเรกที่ออกอาละวาดในดินเเดนมนุษย์ก็มาจากเทือกเขาเเห่งนี้เช่นเดียวกันเเต่ทว่าผ่านไป 4 ปีก็ยังไม่การโจมตีที่มีต้นทางมาจากเทือกเขาเเห่งนั้นเลยเเม้เเต่ครั้งเดียว จะมีก็เเต่เหล่าอสูรที่อยู่มาก่อนเเล้วในบริเวณรอบข้างของเมือง ซึ่งก็ถูกเหล่าทหารของจวิ้นอ๋อง กวาดล้างจนเกือบหมดแล้วเพราะพวกมันก็เป็นเเค่อสูรระดับต่ำ และปัจจุบันก็ยังไม่มีอสูรตัวใหม่มาเพิ่มในป่าเลย ข่าวเรื่องการสถาปนาเมืองซิวซันกับเมือง 6 เเห่ง รวมแล้วมีทั้งหมด 7 เเห่งในปีนั้นที่ฮ่องเต้ทรงมีราชโองการให้ออกสำรวจตั้งรกราก พบว่าได้ผลดีมากประชาชนในเมืองหลวงเองและเมืองขนาดใหญ่ของเเคว้นต่างก็อพยพไปตามเมืองต่างๆมากขึ้นทำให้ไม่ไปกระจุกตัวอยู่ที่เดียว ทำให้คลี่คายปัญหาขาดเเควนอาหารในเมืองหลวงไปได้เยอะที่เดียว ตอนเเรกที่เมืองซิวซันประชากรประมาณห้าพนคนเเต่ตอนนี้กลับเพิ่มเป็นสองหมื่นคน ภายในเวลา 4 ปี นับว่ารวดเร็วมากเมื่อเทียบสถานภาพของเเคว้นถังในปัจจุบัน 

 

ณ เเม่น้ำหยิน เมืองซิวซัน

 

ชูยงในวัย 11ปีที่นั่งอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ข้างริมเเม่น้ำหยิน กำลังเฝ้าดู สูมู่ฮว่า ที่อายุเท่ากันกำลังชักผ้าของเจ้านายอยู่ที่ริมเเม่น้ำและเเน่นอนเเม่น้ำหยินไม่ได้มีเเค่พวกเขากลับมีเหล่าชาวบ้านจำนวนไม่นอนที่ มาชักผ้าหรือกำลังตักน้ำกลับไปอาบที่บ้านหรือกระทั่งจับปลาอยู่ห่างจากพวกเขาเป็นช่วงๆเเม่น้ำเเห่งนี้ตอนกลางวันจะมีทหารผลัดเวรกันมาเฝ้าเผื่อว่าจะมีเหตุด่วนเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้น ชูยงที่กำลังกินเเอปเปิ้ลสีเเดงอยู่บนก้อนหินอยู่นั้นได้ล้วงลงไปในเสื้อหยิบลูกเเอปเปิ้ลอีกลูกออกมายื่นให้สูมู่ฮว่าที่กำลังนั่งซักผ้าอยู่ด้านล่างของเขา

 

“เอาไหมข้าให้เจ้าลูกนึ่ง” ชูยงถามพร้อมกับยื่นมือส่งเเอปเปิ้ลไปทางสูมู่ฮว่าที่กำลังซักผ้าข้างล่าง

 

สูมู่ฮว่าที่ได้ยินดังนั้นจึงเเหงนมองขึ้นมาทางหน้าของชูยงกับพยักหน้าที่เเสดงถึงการตอบรับ

 

ชูยงที่เห็นดังนั้นจึงโยนเเอปเปิ้ลลงไปทางสูมู่ฮว่า สูมู่ฮว่ารับมันไว้ได้ก่อนที่จะใช้ปากกัดไปหนึ่งคำ พอเขาเคี้ยวเเอปเปิ้ลจนหมดปากจึงหันไปถามที่นอนอยู่ด้านก้อนหิน เพราะช่วงนี้เป็นฤดูหนาวดังนั้นก็หินที่ชูยงนอนกลับไม่ร้อนเลยเเม้เเต่น้อย

 

“ชูยงนายคิดรึยังว่าปีหน้านายจะเข้าสถานศึกษาไหน” 

 

“คิดไว้เเล้ว” ชูยงตอบกลับโดยที่ไม่หันไปมองสูมู่ฮว่า และนั่นเป็นนิสัยของชูยงโดยเเท้สูมู่อว่ารู้จักชูยง มา 2 ปี ตอนเขาผมชูยงครั้งเเรกก็ตอนที่สูมู่ฮว่ากำลังอ่านตำราอยู่แล้วชูยงก็เขามาทักทายตอนที่จะกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน โดยรวมเเล้วชูยงจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือเวลาเขาพูดคุยกับใครก็ตามเขาจะไม่มองหน้าคนนั้นโดยตรงเวลาพูดคุยชูยงมักจะหันหน้าไปทางสิ่งอื่นๆไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์รอบข้างหรือสิ่งทั้งในมือของเขาเองหรือสิ่งของในมือของคู่สนทนาหรือของที่วางอยู่และตัวชูยงเองจะหน้าอีกก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้จนใจตนหรือตอนอีกฝ่ายกำลังจ้องมองอะไรบาง     อย่างอยู่หรือเวลามีใครมองชูยงเข้าก็จะเบือนหน้าหนี พูดง่ายๆคือชูยงจะไม่เคยพูดคุยหรือมองหน้าใครเเบบตาต่อตาประสานกันเลยซึ่งเเม้กระทั้งตัวสูมู่ฮว่าเองก็ยังไม่เคยเห็นหน้าตรงของชูยงเลยเเม้เเต่ครั้งเดียวจะได้เห็นก็เเต่หน้าทางด้านในด้านหนึ่งระหว่างว้ายขวา สูมู่ฮว่าเองก็เคยถามชูยงว่าทำไมเขาถึงไม่เบือนหน้าหนี ชูยงเลยก็ตอบว่าเขาก็ควบคุมมันไม่ได้เหมือนกันเหมือนทำงานดดยอัตโนมัติเเต่อันที่จริงมันก็ไม่ใช่ปัญหาในการดำเนินชีวิตสักเท่าไรเพราะเขาก็สามารถเห็นหน้าเต็มของผู้คนได้โดยที่อีกผ่ายไม่รุู้ตัว

 

“ที่ไหนละที่นายเลือกที่จะไป” สูมู่ฮว่า ถามต่อ

 

“ชั้นกะว่าจะไปฝากตัวเป็นศิษย์ของจอมเเพทย์ ชุนปิน น่ะ” ชูยงก็ยังตอบในขณะที่ไม่มองหน้าสูมู่ฮว่าอีกเช่นเคย เเต่สูมู่ฮว่ากับประหลาดใจในคำตอบของชูยงเลยคิดในใจ ว่า เขาจะสนใจด้านการเเพทย์ด้วย ว่ากันตามตรงแล้วนอกจากชูหลี่ พ่อของชูยงแล้ว ทั้งชูเกียว พี่ชายของชูยง และ ชูยี่ ที่เป็นของน้องสาวแล้ว รวมไปถึงตัวชุยงเองต่างก็เกิดมาเป็นผู้ที่สามารถฝึกพลังเวทย์ได้ทั้งนั้น เเม้เเต่ตัวสูมู่ฮว่าเองก้ไม่สามารถฝึกพลังเวทได้ซึ่งว่าตามสถิติเเคว้นถังแล้วจะเเค่ 3 ใน 10 คนเท่านั้นที่จะสามารถฝึกพลังเวทได้ และในบรรดาที่น้องของเขา ชูยงนับว่าเกิดว่าพร้อมกับพลังเวทที่มากที่สุดในครอบครัวเเต่เขากลับเลือกที่จะฝึกวิชาเเพทย์นี่นะ   และเเน่นอนสูมู่ฮว่ารู้จักกับ ชุนปินเป็นอย่างดี ชุนปินเเต่เดิมเคยเป็นหมอหลวงที่ถวายการรักษาฮ่องเต้เเต่เมื่อจวิ้นอ๋องเตรียมออกเดินทาง ฮ่องเต้เลยให้ชุนปินติดตามมาด้วยเเละเเน่นอนเขาก็เป็นผู้ใช้เวทย์มนต์เช่นเดียวกันเเต่ระดับของเขามากสุดก็เเค่สาม ยังไม่สามารถกลายเป็นนักปรุงโอสถได้ด้วยซ้ำเเต่ถ้านับกันตามจริงเขาก็คงเป็นเเพทย์ที่เก่งที่สุดในเมืองซิวซันแล้ว ดังนั้นเขาเลยถูกชาวเมืองเรียกว่าจอมเเพทย์เเต่อันที่จริงตัว ชุนปิน นับตั้งเเต่มาอยู่ที่เมืองซิวซันเเต่กลับไม่เคยมีศิษย์เลยแม้เเต่คนเดียว

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.