บทที่ 62 พันธนาการวิญญาณวิปลาส
บทที่ 62 พันธนาการวิญญาณวิปลาส
“ใครจะยอมให้แกกินเด็กนี่กัน!”
สิ้นเสียงคำราม เปลวเพลิงสีชาดก็ระเบิดออกอย่างรุนแรง พุ่งเข้ากระแทกร่างของนางปีศาจจนกระเด็นถอยหลังไปไกล ไอความร้อนมหาศาลแผดเผาความเย็นยะเยือกและกลิ่นคาวเลือดในห้องโถงจนมลายสิ้น
ชายหนุ่มผู้มาใหม่ปักดาบยักษ์ที่ลุกโชนลงกับพื้น ยืนตระหง่านขวางหน้าเอเรนเอาไว้อย่างมั่นคง แผ่นหลังกว้างของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลจากการฝ่าฟันเข้ามา แต่เปลวไฟแห่งจิตวิญญาณยังคงลุกไหม้ไม่มอดดับ
“ลุกขึ้นยืนเดี๋ยวนี้! เจ้าหนู!” ชายหนุ่มหันมาตวาดเอเรนที่ยังนั่งตัวสั่นอยู่กับพื้น
“ถ้าไม่อยากตายก็จับดาบขึ้นมา! อย่าปล่อยให้ความกลัวมันกัดกินแกจนหมดสภาพ!”
เอเรนสะดุ้งสุดตัว เขาเงยหน้ามองแผ่นหลังของผู้มีพระคุณด้วยสายตาที่สับสนและหวาดหวั่น “ท่าน... ท่านเป็นใคร?”
“ข้าคือคนที่จะมากำจัดผู้ใช้ศาสตราแมกนัส … แต่ว่าสงสัยข้าจะมาช้าไป” ผู้ใช้ศาสตราเพลิงตอบเสียงกร้าว ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับศัตรู
“แต่ตอนนี้... ข้าคงได้ศัตรูคนใหม่แล้ว”
อีกฟากหนึ่งของห้องโถง เอลิน่าค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นจากกองซากปรักหักพัง นางปาดเลือดที่มุมปากออกด้วยท่าทีรังเกียจ นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองผู้ขัดขวางด้วยความอาฆาตมาดร้าย
“บังอาจนัก...” น้ำเสียงของนางเย็นยะเยือกบาดลึกถึงกระดูก
“บังอาจมาขัดขวางมื้ออาหารของข้า... แกคงอยากตายมากสินะ”
นางแสยะยิ้มกว้างจนปากฉีกถึงใบหู เผยให้เห็นฟันแหลมคมที่เรียงรายซ้อนกัน “ในเมื่อแกอยากมีส่วนร่วม... ข้าก็จะสงเคราะห์ให้!”
เอลิน่ายกมือขึ้นระดับอก ไอพลังเวทสีดำม่วงและสีแดงฉานหมุนวนรอบตัวนาง ร่างกายของนางบิดเกร็งราวกับกำลังทรมาน ก่อนที่นางจะอ้าปากกว้างและส่งเสียงกรีดร้องที่ไม่มีมนุษย์คนใดทำได้
“จงออกมา! ข้ารับใช้ผู้ต่ำต้อยของข้า!”
แหวะ!
เสียงฉีกขาดของเนื้อเยื่อดังขึ้น นางขย้อนก้อนเลือดและไอวิญญาณออกมาจากปาก ก้อนพลังงานนั้นบิดเบี้ยวและก่อตัวขึ้นอย่างน่าสยดสยอง กลายเป็นร่างของมนุษย์สองคนที่คุ้นตา
ร่างหนึ่งคือชายชราที่ศีรษะพับห้อยต่องแต่งไปด้านหลังเพราะกระดูกคอที่หักสะบั้น—ราชาแมกนัส และอีกร่างหนึ่งคืออัศวินหนุ่มในชุดเกราะเปื้อนเลือด ที่หน้าอกมีรูโหว่ขนาดใหญ่เผยให้เห็นกระดูกซี่โครง—อาเธอร์
ทั้งสองยืนโงนเงนราวกับหุ่นเชิดที่ไร้ชีวิต นัยน์ตาเหลือกขาวโพลน มีเพียงน้ำลายฟูมปากและเสียงครางต่ำ ๆ ในลำคอ
“ดูสิ... สามีผู้โง่เขลาของข้า และเพื่อนรักผู้แสนดีของเจ้า” เอลิน่าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง นางเดินเข้าไปกระชากผมของแมกนัสให้เงยหน้าขึ้นอย่างแรง
“แม้แต่ความตายก็ไม่อาจปลดปล่อยพวกมันไปจากข้าได้... พวกมันคือทาสของข้าชั่วนิรันดร์!”
นางสะบัดมือชี้ไปที่ผู้ใช้ศาสตราเพลิง “ฆ่ามันซะ! ฉีกร่างมันให้เป็นชิ้น ๆ แล้วเอาเครื่องในของมันมาให้ข้า!”
“โฮก!!!!!”
ร่างศพเดินได้ทั้งสองคำรามลั่น ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ผู้ใช้ศาสตราเพลิงด้วยความเร็วระดับปีศาจ!
“บ้าเอ๊ย! แม้แต่คนตายก็ไม่เว้นรึ!”
ผู้ใช้ศาสตราเพลิงสบถลั่น เขาเหวี่ยงดาบยักษ์เข้าปะทะกับดาบศักดิ์สิทธิ์ของอาเธอร์ เสียงโลหะปะทะกันดังสนั่นหวั่นไหว แรงกระแทกส่งผลให้แขนของเขาชาหนึบ ทว่ายังไม่ทันได้ตั้งตัว เวทมนตร์น้ำแข็งของแมกนัสก็พุ่งเข้าใส่จากด้านข้างราวกับห่าฝน
ตู้ม! ตู้ม!
ไฟปะทะน้ำแข็ง คมดาบปะทะคมดาบ การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด แต่ด้วยความที่เป็น "ศพไร้ความเจ็บปวด" ไม่ว่าจะฟันโดนเท่าไหร่ พวกมันก็ยังลุกขึ้นมาโจมตีต่อได้อย่างไม่หยุดยั้ง ผู้ใช้ศาสตราเพลิงเริ่มถอยร่น เลือดสีสดไหลอาบไปทั่วร่าง
“เจ้าหนู! ฟังข้าให้ดี!” เขาตะโกนลั่นขณะใช้ดาบยันรับการโจมตีอันหนักหน่วงของอาเธอร์ ขาของเขาเริ่มสั่นเพราะแรงกดดันมหาศาล
“ข้าจะระเบิดเพลิงเปิดทางให้! แกต้องพาแม่หนูสองคนนั้นหนีไปเดี๋ยวนี้!”
“แต่ว่า... ท่านจะสู้คนเดียว...” เอเรนลังเล ความรู้สึกผิดเกาะกุมจิตใจเมื่อเห็นสภาพของอาเธอร์ที่กลายเป็นหุ่นเชิด
“ไม่มีแต่! ถ้าอยู่ที่นี่เราตายกันหมดแน่!” ผู้ใช้ศาสตราเพลิงหันมามองเอเรนด้วยแววตาที่ลุกโชน
“เพื่อนของแก... อาเธอร์น่ะ! มันคงไม่อยากฆ่าแกหรอก... รีบพาผู้หญิงหนีไปซะ!”
‘แล้วอีกอย่าง… ถ้าเจ้านั่นได้กินวิญญาณของเด็กทั้งสองคนละก็”
“ระเบิดเพลิงกัมปนาท!!!”
ชายหนุ่มรวบรวมพลังชีวิตเฮือกสุดท้าย ปักดาบลงสู่พื้นดิน เปลวเพลิงสีแดงฉานระเบิดออกเป็นกำแพงไฟสูงเสียดฟ้า กั้นขวางระหว่างพวกเขากับเหล่าปีศาจร้าย ความร้อนแรงผลักดันให้แมกนัสและอาเธอร์ต้องถอยร่นเข้าไปในกองเพลิง
เอเรนกัดฟันแน่น น้ำตาแห่งความเจ็บใจไหลพราก เขาตัดสินใจทำตามคำสั่งนั้น วิ่งเข้าไปแบกร่างของ ลีร่า ขึ้นบ่าซ้าย และคว้าเอวของ เซเลเน่ พาดบ่าขวาอย่างทุลักทุเล
“ฉันสาบาน...” เอเรนหันกลับมามองเอลิน่าผ่านม่านไฟด้วยสายตาอาฆาต
“ฉันจะกลับมาฆ่าแก!”
เอเรนรวบรวมแรงทั้งหมดที่มี กระโดดพุ่งตัวฝ่าม่านควันออกไปทางระเบียงที่พังทลาย ทิ้งร่างของผู้ใช้ศาสตราเพลิงให้ยืนหยัดต่อสู้เพียงลำพัง ท่ามกลางเสียงหัวเราะวิปลาสของนางปีศาจและเสียงคำรามของเพื่อนรักที่กลายเป็นสัตว์ร้าย
เมื่อเงาร่างของเด็กหนุ่มหายลับไปในม่านควัน ผู้ใช้ศาสตราเพลิงก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ความตึงเครียดผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่นั่นก็หมายความว่า... เวลาของเขาได้หมดลงแล้วเช่นกัน
“เอาล่ะ...” ชายหนุ่มหันกลับมาเผชิญหน้ากับนรกบนดินเบื้องหน้า เลือดสีสดไหลอาบใบหน้าข้างซ้ายจนตาพร่ามัว
“ทีนี้ก็เหลือแค่เราแล้วสินะ”
เบื้องหน้าของเขา ร่างตุ๊กตาวิปลาสของ อาเธอร์ และ ราชาแมกนัส ค่อย ๆ เดินฝ่าเปลวเพลิงออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน ผิวหนังของพวกมันไหม้เกรียมแต่กลับไม่มีเสียงร้องแห่งความเจ็บปวด มีเพียงเสียงคำรามต่ำ ๆ ของสัตว์ร้ายที่หิวโหย
และด้านหลังสุด... เอลิน่า เดินนวยนาดเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างาม นางปัดประกายไฟที่เกาะตามชุดออกราวกับปัดฝุ่น
“ช่างน่าประทับใจ...” นางเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
“ความรักแบบโง่ ๆ ที่ยอมแลกชีวิตเพื่อคนอื่น... ข้าล่ะเกลียดมันที่สุด”
“ฆ่ามัน”
สิ้นคำสั่ง ร่างของอาเธอร์ก็หายวับไปจากสายตา ก่อนจะมาปรากฏตัวที่ด้านหลังของผู้ใช้ศาสตราเพลิง ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่บัดนี้แปดเปื้อนไปด้วยไอปีศาจแทงทะลุอกซ้ายของชายหนุ่มจากด้านหลังจนทะลุมาด้านหน้า!
“อั๊ก...!” ผู้ใช้ศาสตราเพลิงกระอักเลือดคำโต ดาบยักษ์ในมือร่วงหล่นลงพื้น
ยังไม่ทันได้ล้มลง เวทมนตร์น้ำแข็งของแมกนัสก็พุ่งเข้ามาแช่แข็งขาทั้งสองข้างของเขาให้ยึดติดกับพื้น ตรึงร่างที่บาดเจ็บสาหัสไว้ไม่ให้ทรุดลงไป
เอลิน่าเดินเข้ามาใกล้ รอยยิ้มอำมหิตฉีกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ นางยื่นมือที่เรียวยาวไปเชยคางของผู้แพ้ให้เงยหน้าขึ้นสบตา
“วิญญาณของเจ้า... มันช่างร้อนแรงเหลือเกิน” นางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก
“ข้าสงสัยนักว่ารสชาติของ ศาสตราเพลิง มันจะเป็นอย่างไร”
“ไป... ตาย... ซะ...” ชายหนุ่มเค้นเสียงด่าเป็นครั้งสุดท้าย ถ่มน้ำลายปนเลือดใส่หน้าของนางปีศาจ
เอลิน่าไม่โกรธ แต่นางกลับหัวเราะชอบใจ “ดุร้ายเสียจริง... ข้าชอบ!”
ฉึก!
นางฝังมือทั้งห้าลงไปกลางหน้าอกของผู้ใช้ศาสตราเพลิง ทะลุผ่านเกราะและเนื้อหนังเข้าไปสัมผัสกับแก่นวิญญาณที่กำลังลุกไหม้ ชายหนุ่มกรีดร้องโหยหวนเมื่อรู้สึกเหมือนตัวตนของเขากำลังถูกดูดกลืนออกมาทั้งเป็น
“มาเป็นพลังให้ข้าซะ!”
แคว่ก!!!
เอลิน่ากระชากมือกลับอย่างแรง ดึงเอา ดวงวิญญาณสีแดงฉาน ที่มีรูปร่างเหมือนเปลวเพลิงที่กำลังดิ้นรนออกมาจากร่าง ร่างกายของผู้ใช้ศาสตราเพลิงกระตุกเฮือก นัยน์ตาที่เคยลุกโชนด้วยไฟแห่งชีวิตค่อย ๆ ดับวูบลงกลายเป็นสีเทาไร้ชีวิต ร่างกายของเขาทรุดฮวบลงกลายเป็นเพียงเศษเนื้อที่ไร้ค่าทันทีที่วิญญาณหลุดลอยไป
เอลิน่าประคองดวงวิญญาณที่ร้อนระอุนั้นไว้ในมือ มันแผดเผามือของนางจนเกิดควัน แต่สำหรับนาง... มันคือความอบอุ่นที่แสนวิเศษ
“ทานแล้วนะคะ...”
นางอ้าปากกว้างจนขากรรไกรค้าง แล้วยัดวิญญาณดวงโตนั้นเข้าปาก กลืนลงคอไปอย่างตะกละตะกลาม
เอือก!
ทันทีที่กลืนกินวิญญาณแห่งเพลิงเข้าไป ร่างกายของเอลิน่าก็เกิดการเปลี่ยนแปลง อักขระสีดำบนตัวของนางเริ่มมีเปลวเพลิงสีม่วงลุกไหม้แทรกซึมขึ้นมา ไอความร้อนมหาศาลระเบิดออกจากตัวนาง ผสมผสานกับไอความตายจนกลายเป็นพลังอำนาจที่เหนือจินตนาการ
นางเงยหน้าขึ้นมองเพดานปราสาท เลียริมฝีปากด้วยความสุขสม “อ้า… อร่อยจริง”
สายตาของนางเลื่อนไปมองยังทิศทางที่เอเรนเพิ่งหนีไป รอยยิ้มของนักล่าปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“ต่อไป... ก็ตาของพวกแกแล้ว”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 3
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น