STARCIN ภาคที่ 1 HIN ตอนที่ 5 มัวหมอง (รีไรท์)

STARCIN อุบัติมหาสงครามสตาร์คิน

-A A +A

STARCIN ภาคที่ 1 HIN ตอนที่ 5 มัวหมอง (รีไรท์)

7 มิถุนายน พ.ศ.2575

กิจวัตรประจำวันยังคงดำเนินต่อไปทั้งเวลาตื่น การยืดเส้นยืดสายและอาหารการกิน

“อา...ต่อจากนี้เราจะเปลี่ยนตารางการฝึกกัน” ชายวัยกลางคนใบหน้าโทรมเล็กน้อยเหมือนไม่ได้ดูแลด้วยเองมากนักกำลังตะโกนเสียงดังป่าวประกาศต่อหน้านักเรียนทั้งหมด

“พวกแกทั้งหมดจะต้องแยกเป็นกลุ่มการฝึกตามรูปแบบอาวุธที่เลือก เพราะแต่ละอย่างมีวิธีใช้งานต่างกันและเมื่อฝึกซ้อมจนคุ้นชินแล้วเราจึงไปขั้นต่อไป” เหล่านักเรียนต่างก็แยกกันไปเกาะกับคนที่เลือกอาวุธเหมือนกัน

“โอ้ นั่นไงฉันเจอแล้ว” เมื่อเซนเห็นดาบยักษ์ใหญ่จึงตรงเข้าไปทักทาย

"สวัสดี ฉันเซนถึงไม่คุ้นหน้าฉันก็ไม่เป็นไร" เซนยื่นมือให้กับเจาพ่อหนุ่มบอดี้การ์ดของนัตโตะพร้อมด้วยฉีกยิ้มจนเห็นไรฟัน

"ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมเจา" ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาเหมือนพวกนักเลงหัวไม้แต่พอได้ทักทายพูดคุยกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

"แล้วเธอล่ะ" เซนยื่นมือให้กับหญิงสาวผมสั้นตาขวางอีกคน

"ฉันวา จากนี้ก็ฝากตัวด้วย" ทั้ง ๆ ที่ตัวไม่ใหญ่มากนักแต่เธอสามารถถือดาบยักษ์เฉกเช่นเดียวกับเซนและเจาได้

"งั้นฉันไปล่ะนะกิจัง" รอยยิ้มที่เธอส่งให้กับซึฮากินั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและกังวลใจในเวลาเดียวกันถ้าเป็นคนอื่นก็คงมองไม่ออกแต่ไม่ใช่กับซึฮากิ

ขอให้โชคดีแล้วกัน อืมแล้วกลุ่มเราอยู่ไหนล่ะเนี่ย ซึฮากิโบกมือตอบรับคำกล่าวลาจากฟรานขณะที่ใบหน้ายังเฉยชาไม่แสดงอารมณ์เหมือนอย่างเคย

ไม่เห็นจะมีเลยสักคนที่ถืออาวุธแบบเรา จนท้ายที่สุดซึฮากิก็นั่งอยู่กับพื้นขี้เกียจเดินหาปล่อยให้ชะตากรรมนำพา

จนกระทั่งการจัดกลุ่มเสร็จทุกคนต่างก็จับกลุ่มทักทายพูดคุยกันเป็นปกติเหลือซึฮากิที่นั่งหัวโด่อยู่คนเดียว

"แยกตามครูฝึกไป !" นาน ๆ เข้าพวกเขาก็เริ่มชินชากับการตะโกนเสียงดังจนไม่รู้สึกหวาดกลัวเหมือนตอนมาที่นี่ครั้งแรกแล้วถือว่าพวกเขาสามารถปรับตัวได้รวดเร็วในเวลาไม่ถึงเดือน

"อะไรกันมีคนแปลกเหล่าอยู่คนเดียว" นาธาเดินเข้ามาทักซึฮากิถอนหายใจสั้น ๆ ประกอบกับสีหน้าสงสัย

"ไหน ๆ ก็ว่างแล้วฉันจะเป็นคนฝึกให้แล้วกัน" เสียงที่ตอบรับยอมทำหน้าที่ไปงั้น ๆ แต่ซึฮากิก็ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบแต่อย่างใดกลับกันเขาเหมือนได้เห็นภาพสะท้อนของตัวเองที่ไม่สนใจใครเท่าไร

วิธีพูด ระดับเสียง สีหน้า การข่มขวัญหรือเรียกกำลังใจช่างต่างกับก่อนหน้านี้จริง ๆ นี่คงเป็นนิสัยจริง ๆ ของเขา

"เอาเป็นตรงนี้ก็แล้วกัน มาเริ่มฝึกกันเถอะ" นาธาหยุดเดินยิ้มอย่างมีเลศนัยมองไปรอบ ๆ ในป่าลึกที่ไม่มีทหารเลยสักคน

"ฟันลมด้วยดาบนั่นหนึ่งพันครั้ง เอาโล่กระแทกกับต้นไม้หนึ่งพันครั้ง เสร็จแล้วบอกฉันด้วย" เขาทิ้งตัวลงนอนใต้ต้นไม้อย่างสบายใจปล่อยให้ซึฮากิฝึกคนเดียว

ก็แค่ทหารที่หาเวลาอู้ไม่ใช่หรือยังไงซึฮากิที่เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วทำตามคำสั่งต่อไป

หนึ่ง…สอง…สาม…สี่... ทางซ้ายทางขวา สามร้อยห้าสิบหก...สามร้อยห้าสิบเจ็ด...สามร้อยห้าสิบแปด... สลับไปมาไม่ว่าจะฟันขึ้นลงหรือเฉียงทุกครั้งที่เหวี่ยงมันเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อถ้าเป็นคนทั่วไปคงยากที่จะรับมือไว้

เจ็ดร้อยแปดสิบแปด...เจ็ดร้อยแปดสิบเก้า…เจ็ดร้อยเก้าสิบ... เหงื่อที่สาดกระเด็นไปทั่วบริเวณสองเมตรราวกับโดนน้ำสาดใส่แม้จะเหนื่อยเพียงใดแต่ซึฮากิก็ยังมุ่งมั่นทำต่อไป

เก้าร้อยเก้าสิบแปด...เก้าร้อยเก้าสิบเก้า...หนึ่งพัน จนแล้วจนเล่าเขาก็ทำจนครบหนึ่งพันครั้งแต่แทนที่จะพักกลับฝึกต่อไป

แขนซ้ายที่ถือโล่ออกแรงอัดไปที่ต้นไม้จนรู้สึกสั่นไปทั้งตัว หนึ่ง…สอง…สาม...สี่...

สี่ร้อยแปดสิบเก้า…สี่ร้อยเก้าสิบ…สี่ร้อยเก้าสิบเอ็ด... ต้นไม้ที่หนาและใหญ่ใช้เวลาเติบโตมาหลายสิบปีกำลังแตกเละ

เจ็ดร้อยเจ็ดสิบเก้า...เจ็ดร้อยแปดสิบ...เจ็ดร้อยแปดสิบเอ็ด... แทนที่จะทำเพียงแค่ใช้โล่กระแทกแต่เขากลับผสมผสานกับการฟันดาบเสมือนกันฝึกซ้อมกับคน

เก้าร้อยเก้าสิบแปด…เก้าร้อยเก้าสิบแปดเก้า…หนึ่งพัน

ทันทีที่ทำจนครบซิฮากิก็ล้มตัวลงนอนบนพื้นหญ้า เงยหน้ามองฟ้าหายใจถี่จนนึกว่าจะตายเสียแล้ว

เขาใช้เวลาไปไม่ถึงหกชั่วโมงในการฝึกนี้ นาธาเองก็หลับไม่สนใจใด ๆ ทั้งสิ้น

"คุณนาธาครับ" เรียกแบบนี้จะได้ไหมนะต้องลองดู

"หือ ว่าไง" นาธาตอบกลับทันทีเหมือนแกล้งหลับแล้วคอยแอบดูการฝึกของซึฮากิตลอด

"ผมอยากจะถามเรื่องบางอย่างจะได้ไหมครับ?" ซึฮากินั่งลงข้าง ๆ ห่างหนึ่งช่วงแขนไม่กล้าเข้าไปใกล้นัก

"ว่ามา"

"พวกเด็ก ๆ หายไปไหนหกคน?" ซึฮากิจ้องมองแววตาไม่รู้ร้อนของนาธาก่อนจะถาม

"ก็ตายไปในระหว่างฝึกไง" เขาหยุดชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบคำถามเหมือนมีเรื่องอะไรติดค้างอยู่ภายในใจ

"พวกคุณก็แค่จะหาตัวตายตัวแทนใช่ไหมครับ?" ใบหน้าอันเฉยชากำลังจ้องมองหัวหน้าค่ายทหารไม่มีท่าทีกลัวแม้แต่น้อย

"ก็ไม่เชิง พวกเราก็ทำตามคำทำนายของท่านผู้นั้น" แทนที่เขาจะโกรธหรือไม่พอใจกับสีหน้าท่าทางที่เหมือนกำลังดูถูกแต่เขากลับยิ้มเยาะชอบใจตอบกลับ

"งั้นผมขอถามคำถามสุดท้าย" ซึฮากิลุกขึ้นยืนเดินไปหยิบอาวุธของตนอีกครั้ง

"อะไรที่จะทำให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้นได้ไวที่สุด"

"เป็นคำถามที่ตอบได้ยากจริง ๆ" นาธาลุกขึ้นยืนตามเดินเข้าประชิดตบบ่าเบา ๆ

"สำหรับคนมีพรสวรรค์อย่างแฟนฉันหรือแม่หนูฟรานนั่นก็ใช้เวลาไม่นานนักหรอก แต่ถ้าเป็นพวกเราที่ไม่มีพรสวรรค์อย่างมากก็ทำได้แค่ฝึกต่อไปเรื่อย ๆ โดยหวังว่าสักวันมันจะสำเร็จ"

ใบหน้าอันอ่อนโยนเผยให้เห็นอีกด้านหนึ่งของหัวหน้าค่ายที่ไม่ได้ไร้สมองเอาแต่ตะโกนสั่งไปวัน ๆ ด้วยการตอบกลับที่เหมือนรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจพลางยิ้มในหน้า

"ตามฉันมา เราจะฝึกเพิ่มอีกนิดหน่อย"

นาธาพาซึฮากิไปยังถ้ำแห่งหนึ่งโดยการเดินเท้าประมาณสิบนาที ถึงจะมีทางเดินแต่มันก็มีสิ่งกีดขวางทุลักทุเลจนต้องใช้มีดช่วยเปิดเส้นทางให้

"ฉันจะฝึกให้นายเป็นพิเศษ ปกติแล้วการมาลงดันเจี้ยนจะต้องเป็นสัปดาห์หน้า"

นาธานำทางเข้าไปในถ้ำอันมืดมิดก่อนที่เขาจะใช้มีดสั้นจุดไฟขึ้นมาใช้แทนคบเพลิง

แขนก็แทบจะไม่มีแรงแล้วจะฝึกต่อไหวแน่นะ?

เดินเข้ามาได้ไม่นานก็เห็นแสงจากคริสตัลที่ติดอยู่ตรงเพดานถ้ำสว่างอย่างกับหลอดไฟถึงจะมีแค่ในบางจุดแต่มันก็เพียงพอที่จะช่วยในการมองเห็น

รู้สึกเหมือนจะเดินวนเป็นวงกลมยังไงไม่รู้สิ?

นาธาดับไฟที่มีดและอาศัยแสงจากคริสตัลเหล่านั้นแทน

"เตรียมอาวุธไว้ให้พร้อม" นาธาเดินย่อง ๆ เข้าไปบริเวณที่แสงสาดไปได้น้อยนิดจนเห็นหมาป่านอนอยู่ด้านหน้า

"ฉันจะล่อมันเข้ามาใกล้ ๆ" นาธาเอามีดเฉือนที่มือตนเองปล่อยให้เลือดไหลส่งกลิ่นอันเย้ายวนให้มันตื่นและพุ่งเข้าหาที่มาของกลิ่น

"[กำแพงไฟ]" นาธาร่ายเวทมนตร์สร้างกำแพงไฟขึ้นมาปิดกั้นด้านหลังของหมาป่า

แรงเราเหลือน้อยแล้วคงต้องใช้เวทช่วยให้จัดการได้ง่ายขึ้นหรือการฝึกที่ว่าคือการใช้งานจริง

"[กำแพงวายุ]" ซึฮากิร่ายเวทมนตร์สร้างกำแพงลมจากสี่ทิศอัดเข้ากับหมาป่าจนขยับตัวไม่ได้

"[คมมีดวายุ]" เขาใช้ช่วงเวลาไม่กี่วินาทีสะบั้นคอหมาตัวนั้นตายทันที

MP 100/100 -- 83/100

[เนื่องจากคุณได้สังหารหมาป่าถ้ำในครั้งเดียวตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอจึงได้รับรางวัลพิเศษเป็นเวทระเบิดมานาและเวทชาโดโคลน]

มีข้อความเด้งขึ้นมาตรงหน้าด้วยแฮะเหมือนกับระบบในเกมเลย ถ้าทำอะไรสำเร็จก็อาจจะได้รับรางวัลสินะรวมทั้งค่าประสบการณ์

ไม่นานนักก็มีเสียงขู่ร้องมาจากส่วนลึกของดันเจี้ยน เสียงของหมาป่าที่คาดว่าจะเป็นฝูงของมันกำลังมุ่งตรงมาเพื่อล่าเหยื่อของมัน

"ทำได้ดีกว่าที่ฉันคาดไว้อีกนะเนี่ย งั้นลองจัดการพวกมันทั้งหมดเลยแล้วกัน" นาธาคลายเวทกำแพงที่ช่วยกันพวกมันไว้เพื่อให้ซึฮากิเผชิญหน้ากับฝูงหมาป่าถ้ำ

มีห้าตัวแต่ไม่มีตัวที่เหมือนจ่าฝูงหรือตัวเมื่อกี้จะเป็นจ่าฝูงของพวกมัน คงจะได้ลองใช้สกิลใหม่แล้วล่ะ

"[กำแพงวายุ]" เขาร่ายเวทกำแพงวายุล้อมรอบตัวเองไว้รวมทั้งด้านบนด้วยเหมือนกับเป็นบังเกอร์เคลื่อนที่

"[ระเบิดมานา]" กลุ่มก้อนมานาสีขาวสี่ลูกค่อย ๆ หย่อนลงพื้นทำเหมือนกับดักระเบิด

ไม่รู้ว่าแรงระเบิดของมันจะทำอะไรกำแพงวายุได้หรือเปล่าแต่ก็น่าลองดู ทีนี้ก็เข้ามาเลยสิพวกหมาป่าไร้สมอง

MP 83/100 -- 48/100

หมาป่าที่กระโจนเข้ามาเหยียบเข้ากับก้อนมานาทำให้เกิดระเบิดขึ้นจนฝุ่นตลบอบอวล ตัวไหนที่อยู่ใกล้ก็ได้รับบาดเจ็บหนักถึงขั้นตายคาที่แต่กับตัวที่วิ่งมาทีหลังรับได้แค่แรงกระแทกเล็กน้อย ซึฮากิใช้ฝุ่นและกลิ่นเลือดพรรคพวกของมันทำให้สับสนเข้าประชิดตัวและเหวี่ยงดาบสังหารหมาป่าที่เหลือจนหมดโดยใช้เวลาไม่ถึงนาที

มานาเหลือน้อยกว่าครึ่งแล้ว ถ้ามีโผล่มาอีกคงต้องใช้แรงช่วยมากกว่านี้

"ยอดเยี่ยมมาก ๆ ไม่นึกเลยว่าจะทำได้ถึงขนาดนี้" นาธาโผล่ออกมาจากที่ซ่อนพร้อมกับปรบมือยิ้มเยาะชอบใจ

"ตอนแรกฉันนึกว่าจะต้องออกมาช่วยแล้วสิ ถ้าอย่างนั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อนอยากให้มาลองเฉย ๆ"

ใช้เวลาสักพักจนกลับมาถึงค่ายที่ไร้ซึ่งผู้คนจนพวกเขานั่ง ๆ นอน ๆ รอคนอื่นซ้อมจนเสร็จ

"ยิง !" เสียงจากนายทหารผู้คุมการฝึกผู้ใช้ธนู

ทำไมถึงยิงไม่โดนหัวสักทีระยะแค่สิบเมตรเองนะ แซมที่กำลังจับคันธนูด้วยมือสั่น ๆ รู้สึกเจ็บที่ตนทำได้ไม่ดี

ขณะที่เพื่อน ๆ ยิงได้ระยะที่ดีกว่าโดยเฉพาะขนาดคานะที่ยิงโดนหัวหุ่นในระยะห้าสิบเมตรได้มันก็ยิ่งกดดันตัวเขามากขึ้น

"ว่าแต่เธอนี่มีพรสวรรค์จริง ๆ นะเนี่ย หัดครั้งแรกกลับยิงเข้าเป้าได้ไกลขนาดนั้น" ทหารนายนั่นเข้ามาปะเหลาะชวนคุยไม่หยุดหวังจะสนิทกับเธอที่ดูเป็นแววเติบโตได้ไกล

คานะไม่ได้พูดตอบโต้แต่อย่างใดเอาแต่ยิงธนูซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนนายทหารถอดใจเดินไปดูคนอื่น ๆ ต่อ

โธ่เว้ย ! ทำไมเราถึงทำไม่ได้ล่ะ แซมยังคงยิงอยู่ที่เดิมยิงจนหมดก็ต้องไปเก็บมายิงใหม่หลายสิบรอบวนอยู่อย่างนั้น

หยาดเหงื่อที่ปนกับน้ำตาทั้งเกร็ง ทั้งสั่น ทำให้ยิ่งยิงไม่ตรงเป้าจนเมื่อถึงเวลากลับค่ายเขาก็ยังยิงไม่โดนสักลูกเลย

"อา !" เซนตะโกนเสียงดังพร้อมกับเหวี่ยงดาบยักษ์ใส่ก้อนดินตรงหน้า

"ดินพวกนี้สร้างขึ้นโดยเวทมนตร์มันแข็งมากกว่าดินทั่ว ๆ ไป และพวกนายจะต้องแกะสลักก้อนดินพวกนี้เป็นรูปทรงกลมให้ใกล้เคียงมากที่สุด หากใช้แรงมากเกินไปจะทำให้ดินเสียทรงแต่หากไม่ออกแรงก็จะไม่สามารถฟันดินพวกนี้ได้" นายทหารหัวล้านตัวใหญ่เป็นผู้ควบคุมการฝึกของผู้ใช้ดาบยักษ์ขณะที่กล่าวเช่นนั้นเขาก็เอาแต่นั่งเก้าอี้เชยชมการฝึกอย่างเพลิดเพลิน

"อา ! ให้ตายสิทำไมมันต้องยุ่งขนาดนี้ด้วยล่ะ" เซนหมดความอดทนกระหน่ำฟันต่อเนื่องจนก้อนดินเละไปหมด

"เจ้านั่นหนวกหูใช้ได้เลยนี่" เสียงหัวเราะเยาะชอบใจของทหารผู้คุมนอกจากจะไม่ว่าอะไรเขายังสร้างก้อนดินให้ใหม่อีกด้วย ตลอดการฝึกก็มีแค่เซนที่บ่นไม่หยุดยิ่งเป็นเครื่องบันเทิงใจให้กับครูฝึก

ที่แม่น้ำสายหนึ่งกว้างมากถึงสิบเมตรอีกทั้งยังไหลเชี่ยวจนคนทั่วไปเดินข้ามไม่ได้

"อาวุธถุงมือเหล็กเป็นหนึ่งในอาวุธระยะประชิดที่ใช้ง่ายและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้มาแล้วก็ยิ่งแข็งแกร่งเข้าไปใหญ่ แต่ก็ต้องเข้าใจว่าในสงครามอาวุธระยะใกล้ถือเป็นตัวเลือกส่วนมาก อย่างดาบยาว หอก หรือไม่ก็ธนู"

เขาพาเด็ก ๆ เดินลงไปในน้ำลึกประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบเซนติเมตรยืนต้านกับแรงดันของน้ำทั้งอย่างนั้น

"แม่น้ำสายนี้มีความเชี่ยวเป็นอย่างมากและพวกเธอจะต้องเดินลุยมันไปเรื่อย ๆ"

นาริและคนอื่น ๆ เดินฝ่าแรงของน้ำขึ้นไปที่ต้นทางน้ำ ระดับน้ำสูงถึงหน้าอกทำให้หายใจลำบากรวมทั้งเศษซากต้นไม้กิ่งไม้ที่ลอยตามน้ำมาก็ยิ่งเป็นอุปสรรค

ถ้าพลาดแม้แต่นิดเดียวก็อาจถูกน้ำพัดไปไกลแน่ แรงน้ำมันราวกับถูกใครสักคนดันกลับมาต้องคอยโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อไม่ให้ล้มแถมยังมีถุงมือหนัก ๆ นี่อีก

หญิงสาวคนหนึ่งถูกท่อนซุงขนาดใหญ่กระแทกเต็ม ๆ จนยืนไม่อยู่และถูกน้ำพัดหายไป

เวรเอ๊ย ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย เธอได้แต่กัดฟันคิดแค้นในใจแต่ก็ไม่อาจต่อกรกับทหารที่เชี่ยวชาญการใช้เวทมนตร์ได้ ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไรเธอก็ต้องฝืนร่างกายเพื่อมีชีวิตต่อไป

"การฝึกของพวกเรานั้นง่ายมาก" ทหารผู้คุมหญิงหยิบถังใหญ่ ๆ ที่ใส่กระดาษชิ้นเท่าฝ่ามือไว้เป็นจำนวนมากท่าทางยิ้มอย่างมีเลศนัยเหลือบมองใบหน้าอันงดงามของฟราน

"ฉันจะโปรยมันจากที่สูงโดยจะมีกระดาษบางชิ้นที่มีสีแดง พวกเธอต้องใช้ดาบฟันเฉพาะที่มีสีเท่านั้น" การเว้นระยะหลายเมตรเพื่อความปลอดภัยของการเหวี่ยงดาบและพวกทหารก็ช่วยกันโปรยแผ่นกระดาษจากต้นไม้สูงสิบเมตร

ในตอนแรกเริ่มพวกเขาก็ทำได้แค่ฟันไปมั่ว ๆ แม้แต่วิธีใช้ดาบคมเดียวยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำอีกทั้งกระดาษเหล่านั้นก็กระจัดกระจายไปทั่ว

"สมแล้วแหละคุณผู้ถูกเลือก" ผู้คุมหญิงเอ่ยด้วยท่าทางชอบใจมองการฝึกของฟรานที่แตกต่างกับเพื่อนของเธอยิ่งนัก

คนอื่นจะเป็นยังบ้างนะ? รู้อย่างนี้เอาอาวุธแบบกิจังก็ดีจะได้อยู่ด้วยกัน แม้ภายนอกจะเห็นเธอตั้งใจมีสมาธิกับกระดาษแต่ภายในใจกลับคิดถึงซึฮากิและเพื่อน ๆ

ตกเย็นทุกคนเดินทางกลับมาที่ค่ายด้วยสภาพที่หมดเรี่ยวแรงและโชคร้ายที่บางคนไม่ได้กลับบ้าน

จำนวนคนลดลงไปอีกแล้วคงเพราะการฝึกมันยากสินะ การคัดสรรผู้อยู่รอดใครอ่อนแอก็จะโดนปัดออกไปคนที่รอดก็คือคนที่เหมาะสม ไม่ว่าจะพละกำลัง มันสมองหรือไหวพริบทุกอย่างล้วนมีข้อดีข้อเสียต่างกัน อย่างพีชที่ร่างกายไม่แข็งแรงแต่พอได้เห็นตอนใช้เวทมนตร์ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอมีความสามารถด้านนั้น เอาอีกแล้วคิดเยอะอีกแล้วหยุดสักทีสิ

"ตารางการฝึกตลอดสัปดาห์จะเป็นแบบนี้ ขอให้พวกแกโชคดีและรอดจากการฝึกให้ได้" นาธายิ้มเยาะตะเบ็งดังก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน

"อา ! รู้ไหมการฝึกของฉันมันโคตรน่าเบื่อเลย" เซนตะโกนขึ้นมาระหว่างเดินกลับห้อง

"น่าเบื่อก็ยังดีกว่าทางนี้นะ ฉันเกือบตายเลยรู้ไหม?" นาริเองก็ตะเบ็งเสียงดังระบายอารมณ์โกรธออกมาชัดเจน

"แล้วนายล่ะซึฮากิ" เซนหันหลังกลับมาถามซึฮากิคอแบบบิด

"ของฉันก็น่าเบื่อเหมือนกัน" ด้วยน้ำเสียงอันจืดชืดไร้ชีวิตทำให้บรรยากาศตึงเครียดเข้าไปใหญ่จนพากันเงียบกริบ

"ไว้เจอกันพรุ่งนี้" ฟรานโบกมือลาเพื่อน ๆ ฝั่งผู้ชายก่อนจะเข้าไปนั่งคุยกันตามประสาผู้หญิง

"วันนี้ฉันเหวี่ยงดาบจนแขนจะหลุดอยู่แล้วเนี่ย ฉันล่ะเกลียดจริง ๆ ไอ้การฝึกบ้าบอคอแตกนี้" เซนถอดเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อและฝุ่นอาบน้ำนอนอย่างสบายใจ

8 มิถุนายน พ.ศ.2575

วันถัดมาพวกเขาก็ยังคงฝึกแบบเดิมแต่โหดกว่าก่อนหน้านี้บวกกับสภาพร่างกายและความล้าของกล้ามเนื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวดี

พวกนักธนูที่ต้องโรยตัวลงมาจากต้นไม้สูงและยิงเป้าทั้งที่กลับหัวอยู่

นี่มันอะไรอีกเนี่ย แค่ยิงธรรมดายังไม่โดนเลยแท้ ๆแซมที่กำลังมึนหัวกับเลือดที่ไหลย้อนลงมายิงธนูพลาดทุกดอก

ทำไมน้ำมันเชี่ยวกว่าเมื่อวานอีกแถมท่อนไม้ก็เยอะกว่าเดิมด้วย นาริยกมือขึ้นตั้งการ์ดด้วยถุงมือเหล็กเหมือนนักมวยที่กำลังต่อสู้กับแรงดันน้ำ

"อา ! ทำไมถึงแข็งขนาดนี้ล่ะ" เซนที่กำลังกระหน่ำฟันลงไปที่ก้อนดินแม้จะอยากทำให้ได้เป็นทรงกลมแต่แค่เจาะให้เข้าก็ยากเป็นกลืนแล้ว

รู้สึกแปลก ๆ แฮะ กระดาษมันเล็กลงหรือเปล่านะ?ฟรานที่ตั้งหน้าตั้งตาฟันชิ้นกระดาษที่โปรยลงมา จากขนาดเท่าฝ่ามือมันเล็กลงมาเหลือแค่ครึ่งหนึ่งและคาดว่าจะเล็กเรื่อย ๆ

เก้าร้อยเก้าสิบเก้า…หนึ่งพัน อู้นอนอีกแล้วแฮะเป็นทหารที่ขี้เกียจจริง ๆซึฮากิฝึกซ้อมแบบเดิมไม่มีเปลี่ยนพอทำเสร็จนาธาก็พาซึฮากิไปที่ดันเจี้ยนอีกครั้ง

"วันนี้เราจะลงไปลึกกว่าเดิม" ศพของพวกหมาป่าหายไปแล้วเหลือแต่รอยเลือดราวกับถูกลบหายไปดื้อ ๆ

"ยิ่งก้าวเข้าไปเท่าไรก็ยิ่งเจอพวกเก่ง ๆ มากขึ้น เพราะฉะนั้นอย่าประมาทเชี่ยวล่ะ" นาธาคอยอยู่ข้างหลังในระยะที่ช่วยเหลือได้ทัน

แสงเล็กน้อยจากคริสตัลเผยให้เห็นกระต่ายสีขาวที่มีรอยเลือดอยู่ที่ปากของมัน กำลังกัดกินซากศพของหมาป่า

"ถึงพวกมันจะจมูกไม่ไวเท่าหมาป่าแต่มันดันเคลื่อนไหวได้ไวมาก ๆ เลยล่ะ" นาธาโยนก้อนหินไปข้างหน้าห่างจากกระต่ายไม่กี่เมตรเพียงชั่วพริบตาเดียวกระต่ายตัวนั้นก็มาอยู่ตรงก้อนหินแล้ว

"ที่ยากกว่านั้นก็คือจำนวนต่างหากล่ะ" กระต่ายอีกหลายตัวที่โผล่ออกมาจากเงามืดเข้ามารุมแทะกินซากศพนั่นไม่เหลือแม้แต่กระดูก

"ขอให้โชคดีนะ" คำพูดส่งท้ายพร้อมด้วยการฉีกยิ้มให้กำลังใจก่อนจะหลบซ่อนอยู่ข้างหลัง

ยังดีที่เมื่อวานมีเวลาว่างเลยได้ลองใช้สกิลหลาย ๆ แบบดู

ระเบิดมานาถ้าวางลงพื้นช้า ๆ มันก็จะเป็นกับดักระเบิดและเมื่อขว้างก็จะเป็นระเบิดมืออีกทั้งยังสามารถถือไว้ได้ด้วยมือเปล่า

"[ชาโดโคลน] [ระเบิดมานา]" ร่างเงาสามารถออกคำสั่งไว้ได้โดยมีความสามารถโดยรวมต่ำกว่าตัวจริงค่อนข้างมาก

MP 101/101 -- 71/101

ซึฮากิเอาลูกระเบิดให้ร่างเงาถือและสั่งให้เดินไปหากระต่ายพวกนั้น

เพียงอยู่ในระยะการรับรู้ของมันก็เข้าจู่โจมทันทีรวดเร็วราวกับสายผลที่พัดผ่านร่างกายแต่มันก็เปราะบางมากกว่าหมาป่าเสียอีก เศษซากเลือดเนื้อโดนระเบิดกระจุยกระจายไปทั่ว

ห้า...หก...หายไปสามตัว ซึฮากิเพ่งสายตามองไปรอบ ๆ แต่ไม่ทันตั้งตัวมันก็กระโดดเข้าโจมตีซึฮากิเสียก่อน

HP 99/99 -- 94/99

มันกัดกระชากแขนของซึฮากิเกิดแผลประมาณห้าเซนติเมตรแต่ก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสนัก

ซึฮากิเดินถอยเอาหลังเข้าชิดกำแพงและสร้างกำแพงมานาออกมาป้องกันทั้งสองฝั่งพร้อมกับเตรียมมานาสำหรับสวนกลับ

ชั่วพริบตาพวกมันก็กระโดดเข้ามาพร้อมกันทั้งสามตัวจากสามทิศทาง

ขวา ซ้ายแล้วก็ตรงหน้า พวกมันรูปแบบการจู่โจมก็คือการพุ่งและกัดแล้วก็หนีไปตั้งหลักใหม่และพวกมันก็ไม่สามารถควบคุมทิศทางได้ขณะที่กระโดดเข้ามา

ด้วยประสาทสัมผัสอันเฉียบคมของซึฮากิ เขาได้วิเคราะห์มุมองศาของแรงกระโดดและใช้ดาบหันไปรอตัวทางขวา เขาได้ปลดกำแพงมานาเพื่อเข้าต่อสู้กับกระต่ายพวกนั้น

กระต่ายที่กระโดดพุ่งเข้ามาโดนดาบเสียบตายคาที่โดยที่ซึฮากิไม่ต้องออกแรงอะไรและกวาดดาบจากขวาไปซ้ายในจังหวะที่พอดิบพอดีกำจัดพวกมันได้อย่างง่ายดาย

[คุณได้สังหารกระต่ายถ้ำห้าตัวขึ้นไปในเวลาหนึ่งนาทีด้วยเลเวลต่ำกว่าสาม ได้รับรางวัลพิเศษเป็นเวทมนตร์หมอกควันและวิสัยทัศน์ยามวิกาล]

"เป็นวิธีที่แปลกดีแต่ก็สมกับที่หวังเอาไว้จริง ๆ" นาธาเดินออกมาพร้อมกับปรบมือรัว ๆ ดีอกดีใจเหมือนลูกชายสอบได้ที่หนึ่ง

"ครับ" น้ำเสียงอันเฉยชาตอบรับยิ่งทำให้นาธาหัวเราะคิกคัก

HP 94/99 MP 73/101

มานาเพิ่มขึ้นมาบ้างแต่ทำไมพลังชีวิตถึงไม่เพิ่มขึ้นเลยล่ะ ต้องรอแผลหายหรือยังไง?

ยิ่งเดินมาลึกมากเท่าไหร่คริสตัลเรืองแสงก็ยิ่งมีน้อยลงเรื่อย ๆ และยังเจอพวกกระต่ายอยู่เป็นระยะ ๆ

MP 73/101 -- 52/101

มานาเริ่มน้อยซะแล้วสิ คงได้ใช้อาวุธสู้จริง ๆ แล้ว

"นี่เป็นมอนสเตอร์ที่อยู่เหนือกว่าพวกกระต่าย" นาธาหยุดเดินและนั่งแอบอยู่ไกล ๆ

"เม่นกระดอง" มอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนเต่าแต่ก็มีเข็มอยู่บนกระดอง

"นอกจากกระดองจะแข็งแล้วเข็มของมันก็ยังมีพิษที่จะทำให้เป็นอัมพาตชั่วคราวด้วยแต่ยังดีที่มันเดินช้า"

เจ้าเม่นพยายามเดินเข้ามาหาจากระยะห้าเมตร

"นายลองจัดการมันให้ฉันดูหน่อยสิ" นาธายืนอยู่ตรงนั้นไม่ถอยออกไปเหมือนทุกที เหมือนรู้พฤติกรรมของเม่นกระดองเป็นอย่างดี

"ฉันลืมบอกไปมันจะสลัดเข็มออกมาได้ในระยะหนึ่งถึงสองเมตร"

ระหว่างที่คุยกันเจ้าเม่นก็เดินมาอยู่ตรงหน้าซึฮากิแล้วพอรู้สึกตัวอีกทีนาธาก็เดินถอยห่างเว้นระยะประมาณสามเมตร

" [กำแพงวายุ] " เจ้าเม่นสลัดขนใส่แต่ซึฮากิแต่ก็ยังป้องกันได้ทัน

เกือบไปแล้วสิ ถ้าเข้าใกล้ไม่ได้คงต้องใช้เวทมนตร์

" [คมมีดวายุ] " ซึฮากิร่ายเวทลมเฉือนใส่กระดองของมันแต่ก็ไม่สะทกสะท้าน

หดหัวกลับเข้าไปในกระดองงั้นเหรอ? นี่มันเต่าชัด ๆซึฮากิยืนนิ่งไปพักหนึ่ง ในขณะที่นาธากำลังแอบมองอยู่ไกล ๆ

" [กำแพงวายุ] " ซึฮากิร่ายใช้เวทกำแพงวายุกดมันไว้อยู่กับที่ ดินตรงพื้นเริ่มยุบลงเล็กน้อยแต่ก็ไม่สามารถกดให้กระดองนั่นแตกได้

ซึฮากิใช้ดาบร่ายเวทคมมีดวายุโดยเล็งเข้าไปในช่องว่างตรงกระดอง เจ้าเม่นส่งเสียงร้องลั่นก่อนจะมีเลือดไหลออกมา

"อืม ๆ ฉันก็ไม่นึกถึงวิธีแบบนี้เลยแฮะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อน"

พวกเขาพากันเดินกลับค่ายกว่าจะถึงก็ตกเย็นพอดีและเห็นคนอื่น ๆ กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตา

ทุกอย่างดำเนินไปเรื่อย ๆ นับวันการฝึกยิ่งโหดขึ้นเรื่อย ๆ

พวกนักธนูได้ลองยิงทั้งแบบเคลื่อนที่บนพื้น บนอากาศ บนน้ำ กระโดดยิง ห้อยโหน ตีลังกา ทุกรูปแบบ

พวกนาริก็เสี่ยงมากขึ้นท่อนไม้ที่หนักถึงร้อยกิโลกรัมกระแทกเข้าที่ตัวหลายต่อหลายครั้งมีแต่ต้องต้านทานมันให้ได้

เซนที่ต้องฟันก้อนดินที่แข็งกว่าหินให้เป็นวงกลมที่เล็กเท่าไข่ไก่

ฟรานที่ต้องฟันชิ้นกระดาษที่เล็กเหมือนกับหิมะจริง ๆ

21 มิถุนายน พ.ศ.2575

สเตตัสเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่สกิลไม่มีเพิ่มเลยสักสกิล

"อา…หลังจากการฝึกมากมายที่ได้ทำ พวกฉันเห็นว่าควรจะให้เวลาผ่อนคลายซะมั้ง" ผู้สั่งการยังคงเป็นนาธาชายวัยกลางคนที่ชอบอู้นอนเล่น

"ในวันนี้จะไม่มีการฝึกแต่อย่างใด อา…แต่จะมีกิจกรรมเล็ก ๆ ให้เล่นกันชื่อว่า ชิงธง"

 

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ tor

รีบฝึกให้เก่งขึ้น แล้วมาเอาคืนทหารพวกนี้เลย

รู้ว่าทำไปเพื่อปกป้องดินแดนของตัวเอง แต่เรียกคนอื่นมาตายแทนและฝึกโหดแบบไร้มนุษยธรรมแบบนี้ มันไม่โอเคเลย ยังไงก็ต้องเอาคืน

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.