ตอนที่ 35 .. “ สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ ”

พยัคฆ์ร้าย..สายลับ

-A A +A

ตอนที่ 35 .. “ สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ ”

ฟังเพลงเพราะๆ ประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ 

    เป็นเพียงความบันเทิงในการฟัง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ รวมถึง เหตุการณ์ของตัวละครในนิยาย เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่านเท่านั้น ไม่ได้มีผลใดๆกับทางการค้าทั้งสิ้น

.. ด้วยความเคารพ ผู้ประพันธ์นิยาย .. พัชฌา

 

 (เพลงประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ)  พัชฌา

ขอขอบคุณ ค่าย Polydor (Thailand) ที่เอื้อเฟื้อเพลงของ Teresa Teng ให้มาประกอบในนิยาย

Rhyme of the sea - Teresa Teng

https://www.youtube.com/watch?v=yg9wJYwXHh4

นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

ตอนที่ 35 .. “ สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ ”

“เกือบปีแล้วพี่” ทั้งเบ็นซ์ แป๋ว และเบียร์ ตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น เบ็นซ์ผงะและหยุดเดิน มือ ขา สั่นเหมือนไม่มีเรี่ยวแรง

“7 เดือนแล้ว หนูเป็นเมียอาเด็จก่อนพวกผู้หญิงพวกนั้นอีกได้ยินไหม ว่าหนูเป็นเมียอาเด็จมาก่อนใคร ก่อนพี่ก่อนอีเพ็ญอีก พอใจไหมพอใจรึยังเมื่อบังคับกัน อยากรู้ความจริงกันนักหนูก็บอกหมดแล้วจะเอาอะไรกับหนูอีกหนูอุตส่าห์อยู่เงียบๆไม่ยุ่งกับใครแล้ว”

   สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ กับความจริงที่ได้ปรากฏขึ้นจากปากของโบว์ในวันนี้ ทำให้เบ็นซ์ถึงกับทรุดตัวนั่งลงกับพื้น ทำอะไรไม่ถูกไปพักนึง โบว์เองก็ทำอะไรไม่ถูกตั้งตัวไม่ทัน ไม่ตอบอะไรอีก จึงรีบวิ่งขึ้นห้องตัวเองไปเลย ปล่อยให้เบ็นซ์บ้าอยู่ข้างล่างคนเดียว

“มึงจะไปไหนอีโบว์ อีน้องเลว อีน้องชั่ว แย่งได้แม้กระทั่งผัวพี่สาว” แล้วก็วิ่งตามขึ้นไป แป๋วจับไม่อยู่จริงๆเบียร์ก็ดึงตัวไม่ทัน

   เสียงดังมากจนต้องทำให้เบียร์และแป๋วต้องแอบดู ไม่กล้าตามขึ้นไป ได้ยินชัดเจนทุกคำพูด เบ็นซ์วิ่งตามโบว์ขึ้นไปบนห้องทันที โบว์ปิดประตูล๊อกกลอน เบ็นซ์ทุบห้องให้เปิดยังไงโบว์ก็ไม่เปิด นั่งทรุดตัวลงชันเข่าขึ้นมา ร้องไห้อยู่ที่ประตูนั่นแหละ เอามือกุมศีรษะก้มหัวไปที่หัวเข่า ทำอะไรไม่ถูกจริงๆเมื่อเธอเจอศึกทั้งสองฝ่าย ทั้งเพ็ญและพี่สาว ยิ่งเมื่อได้รู้ว่าเผด็จ ทำเพ็ญท้อง เป็นเมียอีกคน เธอเสียใจมาก ที่ไม่นึกว่า ผัวตัวเองจะนอกใจและทำเรื่องใหญ่ได้ถึงขนาดนี้ หลังจากที่เพ็ญมาขอร้อง ขอให้คืนผัวตัวเองให้เธอ

   รุ่งเช้า โบว์ตัดสินใจกลับไปถึงคอนโดเผด็จ “เมียจ๋า เมื่อคืนหายไปไหนมา ป๊ารอตั้งนาน ไหนบอกว่าจะนอนกอดผัวทั้งวันทั้งคืนไง จะกลับไปนอนคอนโดโน้นก็ไม่บอก ป๊าจะได้ไม่ต้องทำกับข้าวรอ”

  โบว์ตบหน้าเผด็จอย่างแรง “โกหกทำไม ทำไมไม่บอกความจริง ว่าทำอีเพ็ญท้อง หนูรับไม่ได้ รู้ไหมเมื่อคืนมันมาคุกเข่าอ้อนวอนกราบตีนหนูขอผัวมันคืน บอกว่าลูกมันต้องมีพ่อ แล้วมันรู้ได้ยังไงว่าคือหนู แล้วผัวหนูซึ่งมันก็คือป๊า ที่เป็นผัวมันเหมือนกัน ป๊าทำแบบนี้กับหนูได้ยังไง ไหนบอกกับหนูว่า แค่รับสมอ้างเพื่อไม่ให้มันเสียหน้า หนูก็ยอม รออีก 3 เดือน แล้วเราจะหนีไปอยู่เมืองนอกด้วยกัน หนูก็เชื่อใจป๊า แล้วนี่มันอะไร มันอะไรช่วย บอกหนูที บอกหนูมาหน่อย ว่ามันไม่จริง เด็กในท้องอีเพ็ญนั่น มันไม่ใช่ลูกป๊า บอกมาซิ บอกมา แค่คำเดียว หนูก็จะเชื่อ ว่าผัวหนูไม่ได้เป็นคนเลวคนนั้น บอกมา ป๊าจะมีใครอีกสักกี่สิบคน หนูก็ไม่เคยว่า เพราะหนูเข้าใจ เชื่อใจว่ามันก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้ บี้กัน ทับกันจนมีมารหัวขนออกมาหนะ หนูรับไม่ได้”

   โบว์เอามือทุบไล่เผด็จ แล้วก็ทรุดตัวลงคุกเข่ากอดเอวเผด็จ “ไม่จริง มันไม่จริง ลูกนังเพ็ญ ต้องไม่ใช่ลูกป๊า” เผด็จนิ่งอึ้งเหมือนเป็นใบ้ไปทันทีเมื่อรู้ว่าโบว์รู้ความจริง เผด็จเอามือลูบหัวโบว์ซึ่งใจได้แตกสลายไปเสียแล้วที่จะต้องเสียคนที่ตัวเองรักไปตลอดชีวิต

   โบว์เช็ดน้ำตาตัวเองแล้วก็ค่อยๆลุกขึ้นมา “แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะป๊าทำมันท้อง ป๊าทำอีเพ็ญมันท้อง ป๊าก็เลยต้องยอมแต่งงานกับมัน แล้วถ้าเกิดหนูท้องกับป๊าขึ้นมา ป๊าจะยอมแต่งงานและจดทะเบียนกับหนูไหม ว่าไง” โบว์ตบหน้าเผด็จอีกครั้งอย่างแรง

   โบว์รับไม่ได้ เผด็จพยายามจะอธิบาย โบว์หนีออกไปจากห้องไม่อยากรับฟังอะไร “พอ” โบว์ยกมือห้ามเอามือปิดหู แล้วก็วิ่งออกจากห้องไปในมันที เผด็จออกตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ โทรไปก็ไม่รับสาย จนต้องกลับมาที่ห้องตัวเองก่อน โบว์สับสนกับใจตัวเองจึงไปหาที่เงียบๆเพื่อรักษาแผลใจที่ใดสักที่หนึ่ง ที่ทำให้เธอสบายใจ โบว์ขับรถไปเรื่อยๆจนเห็นองค์พระพุทธมณฑล ยืนตระหง่านต่อหน้าเธอ โบว์จึงตัดสินใจเข้าไปไหว้เพื่อให้ใจสงบ และเดินเล่นในสวนแห่งนั้น เผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยใจของเธอก็เย็นลง มีความสุขขึ้นบ้างไม่ฟุ้งซ่าน

< รักนี้ไม่มีลืม - ฝน ธนสุนทร > https://www.youtube.com/watch?v=lvHZP9rPcW0

   จนสองทุ่มเธอจึงกลับมาอีกครั้ง พอโบว์กลับเข้ามาเผด็จดีใจมาก โบว์ไม่พูดอะไรกับเขา เดินเข้าห้องหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าหลังตู้ลงมา ตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าเท่าที่กระเป๋าจะจุได้ แล้วเดินออกจากห้องและเดินผ่านเผด็จไปแบบนิ่งๆ ไม่ปริหรือเอ่ยปากสักคำ แล้วสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ก็คือ โบว์หนีเผด็จไปเลยทันทีในคืนนั้น เขาตามเท่าไหร่ก็หาไม่เจอเลยคราวนี้

///// +++++ /////

   รุ่งเช้า จีจี้ เดินเข้ามาถามพ่อตรงๆ “คราวนี้จะเอาไง ผู้การเค้าจะแต่งงานกับนังเพ็ญอะไรนั่นแล้ว ยังจะให้เอาตัวเผด็จมาอีกไหม”

“แล้วแกทำได้ไหมหละ กล้าไหม ทำได้รึเปล่า ถึงเค้าจะแต่งงานไปแล้ว แกพร้อมที่จะแย่งเค้ากลับมาเป็นของแกไหมหละ ถ้าแกทำได้ ป๊ามีรางวัลให้ ยังไงป๊าก็ยังต้องการตัวเขามาเป็นลูกเขยอยู่ดี เห็นไหม ตอนนี้ป๊าทำอะไรไม่ได้ ถูกกักบริเวณ ยิ่งกว่าติดคุกอีก”

“ได้ ถ้าป๊ายังยืนยืนยันอยู่แบบนี้ หนูก็จะยอมทำให้ งั้นหนูไปหละ แล้วตอนนี้สน บอดี้การ์ดหนูไปไหนเนี่ย มีใครเห็นไหม”

“ไม่รู้ซิ ช่วงนี้ป๊าก็ไม่ได้สนใจใครเท่าใด ลองไปถามคฑาดู เพื่อเขาอาจจะรู้บ้าง” จีจี้พยักหน้า แล้วก็เดินออกไปทันที

***** ----- *****

   และแล้วงานวันสำคัญก็มาถึง วันที่เพ็ญรอคอยมานานตลอดชีวิตเป็นจริงเสียที อาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ หลังจากที่ลงทุนไปกราบเท้า ขอร้องจากโบว์ เผด็จก็กลับมาอยู่บ้านทันที เจ้าสาวเพ็ญน้ำตานองหน้าจนเบียร์ต้องเข้ามาปลอบอีกครั้ง เมื่อเห็นเพื่อนมีความสุข

“ไม่ต้องร้องแล้ว วันนี้เป็นวันดีนะเพ็ญ เห็นไหมต้องแต่งหน้าใหม่อีกแล้ว เดี๋ยวขบวนขันหมากก็จะมาแล้ว มามา เร็วยิ้มก่อน”

   6 โมงเช้า ทุกคนก็มาช่วยงาน ขอย้ำว่าทุกคน ทั้งทีมของเผด็จและป๋อง กันตภณก็มา ปูน ทับทิม แตงโม และ ปริ๊นซ์ก็มาร่วมงานรดน้ำสังข์ในตอนเช้าด้วยที่บ้านของเชี่ยวบ้านเจ้าสาว ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี 7.00 น.ขบวนขันหมากแห่มา เผด็จทำตามประเพณี ขนมผิง และขนมเบื้อง อุ้มเครื่องสินสอดนำหน้า ยิ้มให้กับงานวันนี้ ถัดมาก็เกศินี เทียนหอมและเนตรอัปสร ถือขันเงินสินสอด แม่ผาดเดินคู่มากับเจ้าบ่าว พวกจ่าหมิ่ง จ่าหมง รำเย๊วๆหน้าแตรวง สนกับหมู แบกต้นกล้วย ที่เหลือก็เข้ามาเดินช่วยเท่าที่จะช่วยได้

 

 

 

 

   งานในช่วงเช้าผ่านไปด้วยดีไม่มีอะไร กว่าจะรดน้ำเสร็จก็เล่นเอาเจ้าบ่าวเจ้าสาวเมื่อยมือกันไปเลย เพราะคนเยอะมาก แขกเยอะจริงๆ เผด็จหายหน้า หลบไปพักผ่อนโดยที่เพ็ญไม่รู้อยู่พักใหญ่ พวกเบ็นซ์และแป๋วไม่มาร่วมงาน เมื่อเจ้าบ่าวหายเจ้าสาวก็เลยต้องตามหาไม่นานก็มาเจอ เขามาแอบหลบอยู่ในห้องพระชั้นบน

“มาเอบนอนอยู่ที่นี่คนเดียวนี่เอง ไปก่อน อีกนิดเดียวนะอา นิดเดียว”

   เผด็จไม่อยากขัดใจเมียในวันนี้ ไม่อยากทะเลาะด้วยจึงยอมลงไปโดยดี ฝืนยิ้มยกแก้วดื่มพอเป็นพิธี

“ห้ามมอมเหล้าผัวหนูนะพี่ หนูขอ ทานได้นิดๆหน่อยๆ”

   แล้วก็หัวเราะเฮฮากัน เวลาผ่านไปประมาณบ่าย 3 ทุกคนก็ลากลับกันหมด ทั้งสองคนจึงได้พักผ่อนกันจริงๆ เผด็จประคองเพ็ญในชุดไทยขึ้นมาบนห้อง เพราะรู้ว่าอุ้มท้องลูกเขาอยู่

“เพ็ญนอนพักผ่อนก่อนนะ เดี๋ยวงานช่วงค่ำเริ่ม อาจะมาปลุก” เพ็ญอ้อนสามี

“ไม่เอา อาจะไปไหน อยู่กับหนูก่อน นะนะ”

   แล้วเพ็ญก็เดินเข้ามาดึงมือเผด็จมาใกล้ๆเตียง ถอดชุดไทยที่เผด็จใส่อยู่ทั้งเสื้อและกางเกงแล้วก็ดึงตัวสามีลงมานั่งที่เตียง เพ็ญมีอารมณ์อยากร่วมรักกับสามีเพราะตั้งแต่วันนั้นเธอไม่ได้ร่วมรักกับเผด็จอีกเลย เธอยอมรับว่าทนไม่ไหวแล้ว ยังไงก็ขอสักยกก่อนตอนนี้ แล้วคืนนี้ค่อยว่ากันใหม่ เพ็ญระดมหอมแก้มและจูบปากสามีเล้าอารมณ์เต็มที่เผด็จเข้าใจก็เลยมีอารมณ์ร่วม ผลักตัวเพ็ญลงไปกับที่นอนแล้วจากนั้นก็ร่วมรักกับเพ็ญจนมีความสุขทั้งสองคน

   2 ทุ่ม งานในช่วงกลางคืนที่โรงแรมแห่งหนึ่ง หลังจากที่มีข่าวแพร่สะพัดออกไปว่าเผด็จแต่งงานกับหลานสาวตัวเอง ทำให้งานในวันนั้นคึกคักมาก มีแขกมากันมากหน้าหลายตา ทั้งแขกของเผด็จและเพ็ญ ส่วนใหญ่จะเป็นทางเพ็ญมากกว่า เพราะเผด็จไม่ค่อยคบใคร คนที่นั่งเก็บซองและสมุดเซ็นต์แสดงความยินดี ก็ขอแรง อ้อม ขิง และก็ม่านมุก ส่วนบ๋อยในงาน เนตรอัปสรให้ กันตภณ พู่กันและเนเน่ มาปลอมตัวแฝงไว้ เพราะมีลางสังหรณ์ว่าจะมีเรื่อง ส่วนเทียนหอมและเกศินี ก็ให้มาช่วยรับแขกในงาน แม่ผาด เชี่ยว นมแม้น และผู้ใหญ่พวกระดับสูงๆ ก็จัดไปนั่งรวมกัน โต๊ะทีมอัธวุฒิ+ไตรทศ 2 โต๊ะ ปูน ทับทิม แตงโมและปริ๊นซ์ ก็ไปอีกโต๊ะ มีเปาเปาและพลอยใสมาแจมด้วย บรรยากาศช่วงแรกๆต้นชั่วโมงก็ไม่มีอะไรเป็นไปด้วยดี

   จนผ่านไป 2 ชั่วโมง 4 ทุ่ม ได้เวลาขึ้นกล่าวและเตรียมตัดเค้กมงคล 7 ชั้น กลุ่มกันตภณ คอยรายงานเนตรเป็นระยะๆ ทุกคนแยกย้ายกันไปตามจุด ทั้งนอกและในห้อง “เอาหละครับ ตอนนี้ก็ได้เวลาที่ทุกคนรอคอย อยากจะรู้แล้วใช่ไหมหละครับว่า เจ้าบ่าวและเจ้าสาว สองคนนี้มาเจอกันและสุดท้ายมารักกันได้ยัง เอ้า ใครอยากรู้ผมขอเสียงปรบมือหน่อย” เสียงปรบมือดังเกลียวเต็มห้อง

   โฆษกดำเนินรายการไปตามปกติ เพ็ญยืนยิ้มหน้าบาน แต่เจ้าบ่าวกลับเฉยๆ จนบางคนต่างก็แอบซุบซิบๆ อะไรกันไปต่างๆนาๆหลังจากที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายได้กล่าวอวยพรไปแล้ว คราวนี้ก็เป็นส่วนของเธอและสามีบ้างหละ

“เอ..จะให้ใครกล่าวก่อนดีเอ่ย ว่าไงครับเจ้าบ่าว เจ้าสาว” เพ็ญเห็นท่าไม่ดี เจ้าบ่าวเงียบ เธอก็เลยรีบแก้สถานการณ์ เพื่อเอาตัวรอด

   เพ็ญค่อยๆจูงสามีเดินออกมา “พอดีสามีพึ่งกลับมาจากปฏิบัติภาระกิจที่ต่างจังหวัดหนะค่ะ เลยยังไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่” โฆษกรีบปรบมือให้ ทุกคนในห้องก็เลยปรบมือตาม “เพ็ญขอเป็นตัวแทนพูดแทนสามีเลยแล้วกันนะคะ” แล้วก็หันไปหอมแก้มซ้ายโชว์

“เอาเป็นว่า เราสองคนรู้จักกันมานานแล้ว คุณอาเป็นคนที่ไม่ค่อยจะโรแมนติกสักเท่าไหร่ ข่าวคราวของพวกเราก็เลยไม่มีหลุดออกไป” อ้อมแกล้งพูดอกมาลอยๆ “Fake สุดๆ” ม่านมุกเอามือตีแขนเบาๆ “ไปว่าเค้าฟัง” อ้อมทำค้อน “ตอแหลได้โล่”

“คุณอารักหนูมาก พอหลังปีใหม่ก็เลยมาขอหนูกับคุณพ่อ และทำเซอร์ไพร์สด้วยสร้อยคอเส้นนี้หนะค่ะ” เพ็ญชี้ให้ดูที่คอ

   แสงไฟส่องไปที่ไร แวววับระยิบเตะตาทุกที สร้อยคอรูปหัวใจฝังเพชร เกศ หอมและเนตรเห็นแล้วอิจฉา ทำไมถึงไม่ได้บ้าง ทุกคนในห้องปรบมือให้อีกครั้ง เพ็ญบีบมือเผด็จให้พูดอะไรสักนิดก็ยังดี “ครับ..ผมจะรักและดูแลเพ็ญอย่างดีไปจนตลอดชีวิตผมเลย”

   แล้วก็หอมแก้มขวาเพ็ญต่อหน้าทุกคน เพ็ญน้ำตาไหลพล่าออกมาทันที ไม่นึกว่าเผด็จจะพูดแบบนั้นออกมา จึงทำให้เธอ โผเข้ากอดและหอมแก้มซ้ายสามี ต่อสายตานับร้อยคนแบบไม่สนใจใครทั้งสิ้น มีความสุขมากที่ได้ยินประโยคนี้จากปากของคนที่เธอรัก

“ค่ะ หนูก็จะรักและอยู่กับคุณอาคนเดียวตลอดไปเช่นกัน รักมากนะคะ ขอบคุณค่ะ” เสียงปรบมือดังสนั่นลั่นฮอร์กึกก้องไปหมด

“เอาหละครับตอนนี้ เมื่อได้ฟังเสียงเพราะๆของเจ้าบ่าว เจ้าสาว ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงช่วงเวลาที่สำคัญอีกช่วงนึงที่พวกเรารอคอยกัน นั่นก็คือ การตัดเค้กมงคล 7 ชั้น เชิญเลยครับเข็นมาได้เลยครับ” แล้วพู่กันกับเนเน่ก็เข็นรถเค้ก 7 ชั้นมาจอดที่หน้าเวที

   จน 4 ทุ่มครึ่ง สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ก็เกิดขึ้นจนได้ ไฟฟ้าในห้องจัดเลี้ยงดับวูบทั้งห้อง หลังจากที่กล่าวคำอวยพรเสร็จ และเตรียมตัวตัดเค้ก “เกิดอะไรขึ้น” เนตรถาม ทีมคุ้มกัน “ไม่รู้เจ๊” กันตภณ รายงาน “ใครก็ได้ไปดูที่แผงไฟซิ” เนตรสั่ง

   พู่กันรีบแยกไปดูที่ห้องไฟฟ้า กันตภณกับเนเน่ วิ่งไปคุมเชิงที่ประตูด้านข้างห้องจัดเลี้ยง เสียงอึกทึกลั่นห้องไปหมด ไม่ถึง 5 นาทีหลังจากพู่กันวิ่งไป ไฟก็มา มี 3 สาวนักฆ่าตัวปลอม (นางแมวป่า/นางเสือดาว/นางสิงห์ดำ) 3 หน้ากากคนดีตัวปลอม (เหยี่ยวราตรี/วิหคขาว/พิราบเทา) มาปรากฏตัว มาป่วนงาน ที่งานแต่งของเผด็จด้วย ยืนยิ้มและหัวเราะเรียงกัน 6 คน ตรงหน้าประตูทางเข้า ซึ่งตรงกับหน้าเวทีพอดี เผด็จนึกว่าโบว์และปูนมาเอาคืน เขาหันไปดูปูน ปูนก็นั่งอยู่ตรงนั้น สามสาวตัวจริงไม่ได้มาในงาน

   สามหน้ากากคนดีตัวจริง ก็งง ว่าเกิดอะไรขึ้น “ใจเย็นทั้งสองคน เชื่อพี่รอดูไปก่อน งานนี้ชักไม่ชอบมาพากลแล้ว” แตงโม ยกมือห้ามน้องสาวทั้งสองคน ทำอะไรไม่ได้เดี๋ยวความลับแตก อัธวุฒิไม่เชื่อแน่ เพราะเมียตัวเองนั่งอยู่ข้างๆจึงสงสัยว่าใครกันแน่ที่จงใจมาป่วน แต่สามสาวหนะเขายังปักใจเชื่ออยู่ว่าเป็นกลุ่มของเบ็นซ์ จึงลุกขึ้น ตะโกนออกไป

“พวกแกมาป่วนงานทำไมหรือว่าจะมามอบตัว แล้วพวกแกอีกสามคนหนะเดี๋ยวนี้เป็นพวกเดียวกันไปแล้วเหรอ จับมือกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นประกาศให้รู้บ้างเลย จ่าหมง จ่ามิ่ง วิทย์ อ้อม ม่านมุก ขิง เตรียมจับพวกนี้ได้เลย”

   นางแมวป่าตัวปลอม ชี้ไปที่เผด็จและพูดขึ้นมา ตามสคริปที่ฉัตรเทพสั่งมา

“ฉันจะมาเอาผัวฉันคืน มีปัญหาอะไรไหม” เพ็ญอยู่บนเวที เดินไปที่ไมค์ทันที

“ยอมรับความจริงแล้วเหรอว่าเป็นเมียน้อยผัวฉันหนะ อีโบว์” ทุกคนได้ยิน เสียงดังฟังชัด เพ็ญหลงกลฉัตรเทพ ที่เดาไม่ผิดว่าเพ็ญรู้

“ใครต่างหากที่เป็นเมียน้อยอีเพ็ญ กูเป็นเมียเค้าก่อนมึงอีกอีหน้าโง่ แค่กูไม่ป่องก็เท่านั้นเอง เพราะกูป้องกันอย่างดี ไม่เหมือนมึง”

   เอาแล้ว ทุกคนมองไปที่เผด็จ แผนป่วนงานเพื่อให้ทุกคนเข้าใจเผด็จผิดได้ผล เมื่อทุกคนรู้ว่าเผด็จอยู่ฝ่ายเดียวกับโจรหรือนางแมวป่า พู่กันวิ่งเข้ากระซิบที่หูเนตร “มีคนจงใจดับไฟ ผมซัดมันหมอบไปแล้วเมื่อกี้ และจับมัดไว้แล้วจะเอาไง” เนตรเลยแยกตัวไปดู  

   เพ็ญจ้องหน้านางแมวป่า แล้วชี้ไปที่หน้า “ไม่จริง มึงโกหกกู อีโบว์ อีหน้าด้าน” แล้วทั้งหมดก็หัวเราะ เผด็จแอบลงมาจากเวทีได้สักพัก พอได้จังหวะจึงพุ่งไปหาโบว์ตัวปลอมแล้วจึงเกิดการต่อสู้กันขึ้นทันที อีก 5 คนที่เหลือยิงปืนขึ้นฟ้า <เปรี้ยงๆๆๆๆๆ>

   เบียร์รีบพาเพ็ญหลบลงเวทีเพราะเพ็ญท้องกระเทือนมากไม่ได้ เดี๋ยวจะโดนลูกหลง พาไปที่หลบห้องหลังเวที ผู้คนแตกตื่น วิ่งฮือแตกกระจาย ผู้คนแตกตื่น ป๋องบอกให้ทุกคนหลบ ป่วนกันทั้งงานทันที  คราวนี้ก็เริ่มชุลมุนแหละ ทับทิมทนไม่ไหวที่มีใครบังอาจมาปลอมเป็นเธอ จึงกระโดดไปหาตัวปลอมพิราบเทา ปูนเมื่อเห็นเพื่อนออกไปแล้ว จะรอทำไม ก็ตามไปประกบวิหคขาวปลอม แตงโมห้ามน้องๆแล้วไม่มีใครฟัง ก็ต้องออกไปด้วย ป๋องตรงเข้าไปหาโจกย์เก่าคือนางเสือดาว ส่วนนางสิงห์ดำจ่าสนมาจากไหนไม่รู้กระโดดรวบตัวแล้วกลิ้งไปอีกมุมหนึ่ง สักพักก็มีกลุ่มไอ้โม่งมาอีกนับสิบ โผล่มาจากไหนไม่รู้กราดปืนทั่วงาน

   กันตภณวิ่งพาทุกคนหลบเท่าที่จะทำได้ พาเชี่ยว นมแม้น ย่าผาด ขนมเบื้อง ขนมผิงและพวกคนใหญ่คนโตทั้งหลาย หลบไปคนละทางสองทาง เทียนหอมทนไม่ไหวฉีกกระโปรงกี่เผ้าออกทั้งสองข้างทันที ขึ้นมาจนเห็นขาอ่อนและบอกให้เกศดูทุกคน หลบอยู่ตรงนี้ จากนั้นก็ถอดรองเท้าและกระโดดข้ามโต๊ะออกไปจัดการพวกที่เข้ามาป่วน

   พู่กันและเนเน่ โยนถาดแก้วแชมเปนทิ้ง แล้วกระโดดเข้าไปลุยประชิดตัวด้วยคน เนตรวิ่งมาจากห้องไฟ ผู้คนแตกตื่นวิ่งสวนออกมาวุ่นวายไปหมด พอเข้าห้องได้ ก็กระโดดถีบคนที่อยู่ใกล้ตัวสุด ตอนนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นใครแล้ว ดูไม่ทันแล้ว อัธวิทย์ หมู อ้อม ขิง ม่านมุก จ่ามิ่ง จ่าหมง รีบกันแขกออกจากงานให้ปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ป๋องต่อสู้มือเปล่าทั้งเท้าทั้งมือ นางเสือตัวนี้ไวมาก ไม่เหมือนกับตัวเดิม ทางสนกอดตัวปลอมอยู่ จำกลิ่นตัวได้ว่าไม่ใช่เมียตัวเองจึงไม่เกรงใจ ซัดเอาซัดเอาจนตัวปลอมแย่

   เทียนหอมดึงผ้าคลุมโต๊ะมาเป็นอาวุธ เธอไวมากหมุนตัวฉีกขาสะบัดตัวใช้ผ้าฟาดไปที่หน้าคนร้ายจนล้มคว่ำไปหลายคน เนตรใช่ย่อย “มาป่วนงานแต่ง ผัวกูเหรอ” ดึงคอเสื้อได้ชกหน้าไม่ยั้ง กระโดดตีลังกากลับหลังเตะก้านคอสลบไปอีก 2 คน เนเน่ไม่ได้ออกกำลังนานแล้วคันไม้คันมือมานาน ถึงจะตัวเล็กแต่ก็พริกขี้หนู กระโดดวิ่งขึ้นบนโต๊ะแล้วกระโดดเข่าลอยใส่พวกที่วิ่งเข้ามา ตีลังกากลับตัวใช้ผ้าพันคอที่ห้อยอยู่เหวี่ยงไปที่คอแทนแส้แล้วลากมากระทืบตรงหน้า จากนั้นก็ตีลังกาผ่านหลังคนร้ายใช้เท้าเตะเสยไปที่หน้าอีกคนที่วิ่งตามมา พอเท้าแตะพื้นก็กระโดดฉีกขากลางอากาศ ทิ้งตัวลงมา กระแทกหน้าดับไปอีก 2

   พู่กัน วิ่งหลบเพื่อตั้งหลักคนนี้ใช้มีดเป็นอาวุธ เขาหยิบถาดมาเป็นโล่กัน พอได้จังหวะ ก็ใช้ถาดและจานแถวนั้นเป็นอาวุธสู้ กับคนร้าย เผด็จพอสู้ได้สักพักระยะใกล้ๆจะๆจึงได้รู้ว่า ไม่ใช่โบว์ เขาจึงไม่เกรงใจตบหน้าและเหวี่ยงนางแมวป่าตัวปลอมกระเด็นไปติดข้างฝา เธอสู้ไม่ได้จึงปามีดเล็กไปโดนแขนซ้ายเผด็จแล้วรีบหนีไป นักฆ่ากลุ่มนี้ถือว่าถูกฝึกมาดี ไม่งั้นคงไม่ปล่อยออกมาชิมลางงานครั้งนี้เป็นครั้งแรกแน่ แตงโมมองหน้าตัวปลอม แล้วก็ตะลุมบอนแบบดูเชิง ไวเหมือนกันชายคนนี้ลักษณะค่อนข้างดี สงสัยจะเป็นนักกีฬา แต่เขาก็ต้องสู้ ผลัดกันเจ็บคนละหมัดสองหมัด ปูนก็เข้าประจัญบาน ต่อสู้กันผลัดกันเจ็บ ผลัดกันโดน

   ทับทิมสู้แบบไม่คิดชีวิต ตบได้ตบเอา เมื่อได้โอกาส คิดซะว่าเป็นหน้าผัว กำลังโกรธอยู่ด้วย พิราบเทาคนนี้ ท่าทางจะฝึกมาไม่ดี แพ้ทับทิมราบคาบ ทับทิมกำลังจะดึงหน้ากาก ก็มีปืนยิงมาขวาง เธอจึงกระโดดหลบ พอลุกไปดู หายไปแล้ว ทับทิมเจ็บใจมาก จึงรีบวิ่งไปอีกทาง เห็นป๋องกำลังแพ้นางเสือดาวเพราะขาซ้ายไม่ดีแพ้เขาก็ตรงนี้แหละป๋องเอ้ย ทับทิมกระโดดพุ่งตัวเอามือผลักนางเสือดาวกระเด็นออกไป แล้วก็ปะฝีมือกัน สุดท้ายสู้ทับทิมไม่ได้ โดนทับทิมทั้งเตะทั้งตบไม่ยั้ง โกรธที่บังอาจมาทำร้ายสามีสุดที่รัก ทับทิมจึงอัดไม่ยั้ง โดนเข่าลอยเข้าไปกระเด็นลงไปติดข้างฝาจุก ทับทิมวิ่งเข้าไปจิกหัวแล้วตบหน้าซ้ายขวาซ้ายขวา ไม่ยั้ง

“บังอาจมาทำร้ายสามีสุดที่รักของฉันเหรออีนางเสือดาว อย่าอยู่เลยมึง ทำใครไม่ทำมาทำกับสามีอีทับทิม เค้าไปทำอะไรให้แก”

   ทับทิมอัดไม่ยั้ง จนตัวปลอมเลือดกลบปากทรุดตัวลงกับพื้นสลบอยู่ตรงนั้น จากนั้นเธอก็หันไปดูสามี จ้องหน้า ไม่พูดแล้วก็ยื่นมือขวาออกไป สักพักป๋องก็ยื่นมือขึ้นไป ยิ้มเล็กน้อย แล้วก็ดึงสามีขึ้นมาและประคองไปยังที่ปลอดภัย

“จะออกมาซ่าส์ทำไมก็ไม่รู้ รู้ว่าสู้เขาไม่ได้ ภาระชัดๆ” ทับทิมเดินไปบ่นไป ป๋องก็แอบหอมแก้มขวา ทับทิมมองหน้าเหวี่ยงป๋องตุ๊บลงแถวนั้น แล้วเดินไปคนเดียว ป๋องวิ่งตาม ทับทิมงอน

   สักพักก็มีระเบิดควันดังติดๆกัน 4-5 ลูก ป๋องรีบดึงตัวทับทิมลงกับพื้นแล้วเอาตัวเองบังเมียไว้ ควันโขมงมองไม่เห็นใครเลย พวกที่กำลังสู้กันอยู่ต่างก็ต้องหยุดไปโดยปริยาย หลายคนก็พลาดท่าโดนถีบโดนต่อยตอนที่มีควันล้มลงไม่เป็นท่า เพราะพวกนั้นเตรียมการณ์มาดีมีหน้ากากทุกคน พวกเผด็จไม่มี พอควันลอยขึ้น ก็ถือโอกาสหนีกันไปหมด เผด็จเริ่มสงสัยว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น จึงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจและกลับไปคิดหาทางออกภายหลัง งานแต่งกลายเป็นงานอะไรไปแล้วไม่รู้

   พอควันจางและเสียงปืนสงบลง ทุกคนจึงออกมาจากที่หลบซ่อน เทียนหอม เนตร เนเน่และพู่กันเดินมารวมตัวกัน ทับทิมลุกขึ้นมาดูป๋อง เธอผลักเก้าอี้ออกจากหลังของเขา แล้วก็พยุงสามีขึ้นมาเอาหัวหนุนตัก

“อา อาป๋อง ลุกขึ้นมาพูดกับหนูก่อน อา” ทับทิมบีบมือสามี ป๋องค่อยๆรู้สึกตัว

“หนูปลอดภัยนะ” ทับทิมเอามือตีแก้มสามี “คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะ หนูใจไม่ดีเลย”

   ปูนและแตงโมเดินผ่านมาพอดี ทับทิมเลยกวักมือเรียกให้ทั้งสองคนให้มาช่วยพยุงสามีเธอออกไปที

“พี่โม ไอ้ปูนมาช่วยที ผัวฉันเจ็บ เร็วยังยืนนิ่งกันอยู่ได้ ไม่มีน้ำใจกันเลย เร็วดิ ยังอีก เร็ว”

   ทั้งสองคนมองหน้ากันและเข้ามาช่วยดึงป๋องขึ้นมา แล้วช่วงพยุงไปหาที่นั่ง เพ็ญวิ่งออกมาเห็นเผด็จได้รับบาดเจ็บ เนตรและเกศกำลังดูแผลและทำการักษาเบื้องต้นอยู่ เพ็ญไม่สนใจ รีบเข้าไปนั่งแทรกทันที จนทั้งสองคนต้องส่ายหัว

“ถอยๆอาเต๋า ทำไม่เป็นแบบนี้” เชี่ยวมาดึงแขนลูกสาวออกไปจากตรงนั้นทันที

“ออกมาก่อนลูกปล่อยให้เขาทำแผลให้เต๋ามันก่อน” เกศกับเนตรจึงเข้ามาปฐมพยาบาลต่อ

   เกศดูมีดที่ปักอยู่ว่าจะปลอดภัยไหม ถ้าดึงออก ไม่รู้ว่าลึกไหม เกศจึงให้เนตรเอาผ้ามาพันบริเวณรอบๆก่อน แล้วค่อยๆเอาน้ำเกลือเทลาดลงไป “เดี๋ยวพอพี่เอามีดออก เนตรรีบเอาลำลีที่ชุบยาโป๊ะเลยนะ ดูแล้วไม่น่าจะลึกมาก” เนตรพยักหน้า

   เกศค่อยๆใช้สมาธิเพราะถ้าดึงผิดจังหวะ เลือดไหลไม่หยุดแน่ เพราะดูแล้ว จะใกล้กับเส้นเลือดใหญ่ ทุกคนใจจดใจจ่อ เกศดูดีแล้วว่าตอนนี้แหละ ค่อยๆดึงมีดขึ้นอย่างไว พอมีดเล็กลอยขึ้นมา เนตรก็ใช้ความไว เอาลำลีรีบปิดแผลทันที เลือดกระฉอกออกมานิดหน่อยไม่มาก แล้วเกศก็มาดูมีด เข้าลึกเหมือนกัน แล้วก็วางไว้ข้างๆ เนตรใส่ยาแดง ทิงเจอร์และพวกเมธาดีนให้ชั่วคราว ปิดผ้าก๊อตแล้วเอาผ้าพันแผลมาพันประมาณ 4 รอบ “เรียบร้อยแล้ว ปลอดภัยแล้ว แผลห้ามโดนน้ำ สัก 2-3 อาทิตย์”

   เพ็ญรีบมาดูสามี “อาเต๋า โธ่..ไม่น่าเลย” เพ็ญเอาผ้าขนหนูมาซับให้เผด็จ “ไม่เป็นไร อาไม่เป็นไร” แล้วก็หันไปขอบใจทุกคน

“ขอบใจทุกคนนะที่อุตส่าห์มาช่วย เลยทำให้ทุกคนหมดสนุกเลย” ป๋องเดินเข้ามานั่งลงข้างๆด้านขวาแล้วตบไหล่เพื่อน

“ไม่เป็นไรเฮีย อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้ว่าใครเป็นมิตรและใครเป็นศัตรู” เผด็จเอื้อมไปจับมือป๋องมากำเอาไว้ “ขอบใจไอ้น้อง”

   เผด็จมองไปเห็นลูกทั้งสอง จึงกวักมือเรียกเข้ามาแล้วกอด ทั้งสองคนคุกเข้ากอดพ่อน้ำตาไหลซึม หัวซุกอยุ่ที่ตักทั้งสองข้าง และก็ยิ้มให้กับทีมนางฟ้าพญายมของพวกเขา “ขอบใจด้วยนะ นางฟ้าของฉันทุกคน ขอบใจจริงๆ”

   ทุกคนกอดคอกันและยิ้มแบบเขินๆให้กับเผด็จ “ไม่เป็นไรพ่อ เพื่อพ่อพวกหนูทำได้เสมอ” เนเน่เป็นตัวแทนของทีมกล่าวตอบ เผด็จกวักมือเรียกเนเน่ลูกสาวอีกคนมากอดมาหอมรวมกันกับลูกอีก 2 คน “พ่อรักแกทั้งสามคนนะ เป็นพี่น้องกัน ต้องรักกันนะลูก”

   ลูกทั้งสามคนมองหน้ากัน “ครับ/ค่ะ” เผด็จหันไปที่เนเน่ “แกเป็นคนโตนะเน่ แกต้องคอยดูแลน้องๆด้วยเข้าใจไหม ” เผด็จเอามือเขย่าหัวเนเน่ “ค่ะพ่อ” แล้วเนเน่ก็กอดเอวพ่อ “พวกแกทั้งสองคนก็เหมือนกัน อย่าดื้อกับพี่เค้ามากนัก เข้าใจไหม พี่เค้าเหนื่อย”

“ครับ/ค่ะ” ผิงกับเบื้องตอบพ่อแล้วก็หันไปมองเนเน่ เอามือจับไหล่เนเน่คนละข้าง เพราะเนเน่นั่งอยู่ตรงกลาง

“พี่เน่ หนูฝากพ่อด้วยนะ หนูรู้ว่าพี่พึ่งได้ ถึงเราจะไม่ได้คลานตามกันออกมา หนูก็รักพี่นะ” เนเน่ยิ้มน้ำตาไหล

“ใช่พี่เน่ เบื้องก็รักพี่นะ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้มีแม่คนเดียวกัน แต่เราก็มีพ่อคนเดียวกัน เบื้องฝากพ่อด้วยเวลาไปทำงาน” เนเน่ยิ้มรับ

   เผด็จดีใจมากที่ลูกๆทั้งสามคนของเขา รักและเข้าใจกัน แล้วคืนนั้นต่างคนก็ต่างช่วยกันเก็บของที่พอจะเก็บได้ที่หลงเหลือ ดีนะที่กล่องเก็บเงินกับสมุดได้เก็บไปก่อนหน้านั้นแล้ว คงเหลือแต่เพียงรูปพรีเวตดิ้งของเผด็จกับเพ็ญที่เหลืออยู่ไม่กี่รูป

   นอกนั้นก็พังยับ ถูกกระสุนและพังจากการต่อสู้ที่ผ่านมา แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของตำรวจอย่างอัธวุฒิและอัธวิทย์สองพ่อลูกต่อไป พวกจ่ามิ่ง จ่าหมง นึกว่าจะได้พักสักหน่อย สุดท้ายก็ต้องมาทำงานทางอ้อม เหนื่อยไปตามๆกัน

   ป๋องมองหาทับทิม หลังเหตุการณ์จบลง แต่ก็ไม่เจอเสียแล้ว เธอได้กลับไปตอนที่กำลังเก็บหลักฐานอยู่นั่นเอง ป๋องให้จ่ามิ่งขับรถไปส่งย่าผาด เกศ ขนมผิงและขนมเบื้องที่บ้านเผด็จ เธอดูลูกน้อยทั้งสองคนที่หลับสนิทคาตักหลังรถ ให้จ่าหมงขับรถไปส่งเชี่ยว นมแม้นและเผด็จที่บ้านผบ. เพ็ญนั่งกอดสามีไปตลอดทางกลับบ้านที่เบาะหลัง โดยมีนมแม้นนั่งติดประตูทางซ้าย เพ็ญนั่งกลางและเผด็จนั่งขวาสุด “ท่านครับ” หมงคันปากเลยหาเรื่องคุยกับเชี่ยว “มีอะไรเหรอหมง” เชี่ยวหันไปมองหมง

“ท่านคิดอย่างผมไหม” เชี่ยวหันกลับมามองทางปกติ “คิดอะไรเหรอ” หมงพยายามคิดว่าทำไมมันถึงแปลกๆ

“ก็เหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นในวันนี้หนะครับ” เชี่ยวถอนหายใจ “บอกตามตรงนะ คิด แต่ไม่เข้าใจว่าผู้หญิงคนนั้นต้องการอะไร”

“แต่ผมกลับไม่คิดอย่างท่าน” เชี่ยวหันไปมองหมงอีกที “ทำไมหละ” หมงพยายามอธิบายให้เชี่ยวฟัง

“เท่าที่ผมสังเกตุ นางแมวป่าคนนี้ ไม่เหมือนกับนางแมวป่าคนก่อน” เชี่ยวสนใจขึ้นมาทันที “ทำไมแกถึงพูดแบบนั้น”

“ไม่รู้ซิ เท่าที่ผมเคยสัมผัสและเห็นมาทุกครั้ง พวกนั้นไม่เคยโหดและป่าเถื่อนได้มากเท่าวันนี้”

“ต่างเวลามันก็ต้องเปลี่ยนไป ดูซิวันนี้พวกสามหน้ากากคนดีมันก็ยังเลิกเป็นคนดีเลย สุดท้ายมันก็เป็นพวกเดียวกัน” เชี่ยวเปรย

“สันดานโจร มันก็แบบนี้แหละ ไม่ได้ยินเหรอ มันบอกว่ามันมาทวงของของมันหนะ เต๋าก็ไม่น่าไปหลวมตัวยุ่งกับคนพวกนั้นเลย รู้ทั้งรู้ว่าพวกนั้นเป็นคนไม่ดี ก็ยังทำ ไมน่าเลยจริงๆ” จากนั้นก็คุยกันสัพเพเหระกันไปตลอดทางจนถึงบ้าน

“ขอบใจมากนะหมง” หลังจากที่หมงช่วยพยุงผู้การขึ้นบันไดบ้าน นมแม้นและเพ็ญพยุงเผด็จเข้าบ้าน

“ไม่เป็นไรครับท่าน ผมขอตัวก่อนนะครับ” แล้วจ่าหมงก็สวัสดีเชี่ยวและขับรถกลับบ้าน

   หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันเข้านอน เธอปิดไฟใหญ่แล้วเปิดไฟโคมหัวเตียงสลัวๆพอเห็น เพ็ญพาเผด็จไปนั่งที่เตียง ถอดชุดสูทกับเสื้อเชิ๊ตออกให้อย่างช้าๆประคองตัวเผด็จลงกับที่นอน ปลดเข็มขัดและดึงกางเกงออกรวมถึงบ๊อกเซอร์ด้วย ตอนนี้เผด็จเปลือย เพ็ญเอาผ้าเช็ดตัวมาห่มให้ชั่วคราว “หนูขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะสามีสุดที่รัก เดี๋ยวจะกลับมาเช็ดตัวให้นะคนดี”

   แล้วก็ก้มลงไปหอมแก้มขวาสามีเผด็จพยักหน้าและหลับตาพักผ่อน เพ็ญก้มเก็บเสื้อผ้าของสามีใส่ตะกร้าและไปเปลี่ยนชุดอาบน้ำอย่างสบายใจ หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เพ็ญก็มาดูแลและปรนนิบัติสามีอย่างดี ใส่ชุดคลุมอาบน้ำออกมา พร้อมด้วยอ่างน้ำและผ้าขนหนู เธอดึงผ้าเช็ดตัวผืนนั้นออก แล้วก็เริ่มทำความสะอาดเช็ดตัวให้เผด็จทุกซอกทุกมุมเพื่อให้ร่างกายสะอาด

   เพ็ญเริ่มที่ด้านบนก่อนตามปกติ ก็ไม่มีอะไร ขณะที่เผด็จกำลังพักสายตาอย่างสบาย ทำได้ไม่นาน เมื่อเช็ดไปเช็ดจนถึงส่วนล่าง เมื่อเห็นว่าน้องชายเริ่มมีชีวิต เพ็ญจ้องมันอยู่นานแล้วห้ามใจไม่ได้จึงเกิดอารมณ์ขึ้นมาทันที เผลอตัวอมมันเข้าไปและเล่นอยู่นาน แล้วก็ถอดชุดของตัวเองที่ใส่อยู่ออกจนร่างกายเปลือย แล้วขึ้นคร่อมร่างสามีและจากนั้นเธอก็หาความสุขใส่ตัวตลอดทั้งคืนจนเช้า ไม่รู้ว่ากี่ยกที่เธอทำให้เผด็จ เพื่อตัวเองจะได้มีความสุข

///// +++++ /////

   เทียนหอม กลับมาพักผ่อนต่อที่ห้องเนตรดังเดิม ส่วนกันตภณก็ไปพักอยู่กับพู่กัน เนตร เนเน่และเทียนหอมหลังจากอาบน้ำชำระล้างความสกปรกเสร็จ ก็มานั่งมองหน้ากัน เนเน่พูดออกมาก่อน “แม่หนูขอตัวนอนก่อนนะง่วงแล้ว พรุ่งนี้หนูมีเรียนแต่เช้า”

   เนตรสะบัดมือไล่ลูกสาวไปนอน “เออ แกไปเถอะ แม่กับแม่หอมยังไม่ง่วง ถ้าพรุ่งนี้เช้าตอนแกไปเรียนไม่ต้องปลุกแม่นะ” เนเน่ยกมือ Ok แล้วก็เดินหาวไปนอนทันที ปล่อยให้ทั้งสองแม่อยู่กันสองคน เนตรกับหอมมองหน้ากันอีกครั้ง ต่างคนต่างพูดไม่ออก เปิดทีวีดูไปด้วย ความทุกข์มันจุกอกทั้งคู่ ที่ต่อไปนี้คงไม่ได้นอนกอดสามีเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เมื่อเพ็ญเล่นฉกชิ้นปลามันไปเสียแล้ว “เนตร” หอมถามด้วยน้ำเสียงเหมือนเหนื่อยๆ เนตรตอบเสียงอ่อยๆ “ว่าไงพี่”

   หอมตอบขณะที่ดูทีวีไปด้วย “พรุ่งนี้พี่จะกลับฐานแล้วนะ” เนตรเบื่อๆเซ็งๆ “หนูไปด้วยซิ”

“อ้าวทำไม ไม่อยู่ที่นี่ก่อนหละ เผื่อนายจะมีอะไรเรียกใช้ แล้วไหนจะไอ้เน่อีก” เนตรลุกขึ้นเดินช้าๆ ไปรอบห้องเรื่อยๆ

“ตอนนี้คงไม่หรอก เห็นได้ข่าวว่า อีกสองวันจะไป Honey Moon ที่ปารีส หนูอยู่ไปก็ไม่มีอะไรทำ ไอ้เน่มันก็เรียน หนูไม่รู้ว่าจะอยู่ทำไมที่นี่ สู้ไปช่วยพี่ที่ฐานดีกว่า ยังมีงานทำ ดีกว่าอยู่เฉยๆบอกตามตรงไม่อยากฟุ้งซ่าน ขอปรับตัวทำใจก่อน พี่คงเข้าใจหนูนะ”

“ก็เอา ยินดี ไป งั้นเราก็เข้านอนกันเถอะ พรุ่งนี้จะได้ไปกันแต่เช้า ออกกาศกำลังสบายๆ จะได้ไม่ร้อน”

“ส่วนไอ้เน่ พี่ไม่ต้องห่วงมันหรอก มันโตเป็นสาวแล้ว อยู่คนเดียวได้ ไม่กี่วันเอง เมื่อก่อนตอนหนูไปทำภาระกิจ มันก็ยังอยู่ได้”

“เออๆนั่นมันลูกแก ไม่ใช่ลูกฉัน แกก็ดูแลเลี้ยงมันให้ดีแล้วกัน” แล้วหอมก็ปิด Tv และก็เดินกอดคอเนตรไปนอน

----- ^^^^^ -----

   ปริ๊นซ์ ถือโอกาสมาส่งอ้อม “วันนี้อ้อมของพี่ สวยเป็นพิเศษเลยนะครับ” อ้อมยิ้มแบบเขินๆ เมื่อปริ๊นซ์จับมือแล้วดึงขึ้นมาหอม

“หนูเป็นของพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่าขี้ตู่ง่ายๆซิพี่ หนูยังไม่อยากเป็นเหมือนผู้การนะ” อ้อมตีรวนปริ๊นซ์ซะแล้ว

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่หละ พี่ไม่ได้เจ้าชู้เหมือนผู้การซะหน่อย” ปริ๊นซ์แก้ตัว เพราะกลัวว่า อ้อมจะเหมารวมผู้ชายหมดทั้งโลกเป็นเหมือนเผด็จ “ผู้ชายก็เชื่อไม่ได้สักคนแหละ” แล้วก็เอามือซ้ายแกะมือปริ๊นซ์ออก ไปจับราวสะพานที่เดินข้าม

“ชีวิตมันก็มีอยู่แค่นี้เองใช่ไหมพี่ กิน เที่ยว สำราญ และก็ Sex” อ้อมมองลงไปที่คลอง แล้วปาก้อนหินเล็กๆลงไปแก้เซ็ง

“อ้อมหมายความว่ายังไง พี่ไม่เข้าใจ” ปริ๊นซ์งงกับคำพูดประโยคนี้ แล้วอ้อมก็เดินต่อไปช้าๆและหยุดโยนก้อนหินลงไปในน้ำอีก

“รัก โลภ โกรธ หลง ก็ดูอย่างพี่เพ็ญซิ ดิ้นรนที่อยากจะได้ผู้การมาเป็นสามี ใครๆเขาก็รู้กันทั้งกรม เธอก็พยายามทำจนสำเร็จ ถึงขั้นมีลูกด้วยกันเลยทีเดียว ส่วนนางแมวป่าที่บุกมาวันนี้ ที่บอกว่ามาทวงสามีคืน ซึ่งก็คือผู้การ คือไม่รู้ว่าจะจริงหรือเท็จอะนะ หนูถึงบอกว่า ชีวิตที่แท้แล้วมันคืออะไร เราต้องการแค่นี้กันเท่านั้นเองเหรอ แย่งกันไป โกหกกันมา ครอบครองทั้งๆที่มันไม่ใช่ของเรา”

“มันก็จริงนะ” ปริ๊นซ์มายืนจับขอบสะพาน คู่กับอ้อม แล้วหันหลังเอาศอกพิงขอบสะพาน มองหน้าขึ้นฟ้า แล้วชี้ไปบนฟ้า

“อ้อมลองมองขึ้นไปบนนั้นซิ เราไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่า ไอ้ที่อยู่บนนั้นหนะมันมีอะไรบ้าง ความสุข ความทุกข์ ความจน ความรวย”

   อ้อมก็หันไปดูและพยายามจะทำความเข้าใจกับมันในสิ่งที่ปริ๊นซ์พูด จากนั้นก็เดินคุยกันไป จนถึงห้องพักของอ้อม

<<<<< ----- >>>>>

   อัธวิทย์มาส่งขิงที่บ้าน เขามาจอดรถที่หน้าบ้าน “ไม่ต้องคิดอะไรมากนะวิทย์” วิทย์เหมือนเหนื่อยกับงานขึ้นทุกวันๆ

“วิทย์ทำดีที่สุดแล้ว งานทุกงานมันไม่มีผลกับชีวิตเราหรอก ถ้าเรามาเอาชีวิตเราไปผูกติดไว้กับมัน” ขิงเป็นห่วงแฟน

   เพราะอัธวุฒิโอนงานหินมาให้สองสามงาน บางงานก็ไม่ให้ขิงรู้ เพราะพ่อไม่ไว้ใจ เขายอมรักว่าในเมื่อรักไปแล้ว ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ก็ไม่สามารถบอกใครได้จริงๆจึงต้องทำปัจจุบันให้ดีเข้าไว้ แล้วค่อยๆหาทางออกที่ดีกว่านี้อีกที

“ขิงกลับเข้าบ้านเถอะนะ ดึกมากแล้ว อีกอย่างวันนี้ก็เหนื่อยมามาก วิทย์ไม่เป็นอะไรจริงๆ” ขิงเอียงหน้าไปหอมแก้มซ้ายวิทย์

“ฝันดีนะ” วิทย์พยักหน้า แล้วขิงก็ลงรถ โบกมือบ๊ายบาย วิทย์ถอยรถออกไป แล้วขิงก็เดินเข้าบ้าน เจอจีจี้ยืนขวางอยู่

“ผัวมาส่งเหรอ” ขิงมองหน้าจีจี้ “พูดอะไรน่าเกลียดจีจี้ แค่แฟน ฉันไม่ได้ใจง่ายอย่างที่แกพูดหรอกนะ”

“ไง งานยกเสาลงหลุมวันนี้ สนุกไหม เห็นได้ข่าวว่าดังระเบิดเลยไม่ใช่เหรอ”

   ขิงมองลงมาที่จีจี้ ขณะที่เดินขึ้นชั้นบน “นี่ถ้าจะมารอเพื่อถามคำถามที่ไม่สร้างสรรหนะนะ คราวหลังไม่ต้อง มันเสียเวลานอน”

“ทำไมหละ ก็ฉันแค่อยากจะรู้ว่าผู้การเค้าเต็มใจที่จะแต่งหรือจำใจแต่งกันแน่ ก็เท่านั้น”

“แล้วทำไมแกถึงไม่ไปดูด้วยตาแกเองหละมาถามฉันทำไมและอีกอย่าง แล้วแกไปเกี่ยวอะไรกับเค้ามิทราบ เค้าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจหนะประหลาดแท้ ประสาทรึเปล่าวะเนี่ย” แล้วขิงก็เดินขึ้นห้องไปเลย ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับจีจี้อีกเหมือนเมื่อก่อน ใจเย็นลงเยอะ

***** ฿฿฿฿฿ *****

  ไตรทศมาส่งม่านมุกที่แมนชั่น “ฝันดีนะคะหมอ” หมอทำหน้าเหมือนไม่อยากจะกลับเลย “อย่าทำหน้าแบบนั้นซิคะ”

“คือผม” หมอไม่สันทัดเรื่องแบบนี้ แต่ม่านมุกเริ่มรู้แล้วว่าหมอหนะมาชอบตน แต่ก็ยังไม่อยากจะเผลอใจอีก เลยขอยั้งใจไว้ก่อน

“ค่อยเป็นค่อยไปนะหมอ มุกพึ่งผ่านการเฉียดตายมา ขอเวลาให้มุกสักนิดได้ไหม ไม่อยากกลับไปที่จุดนั้นอีก แล้ววันนึงมุกจะบอกหมอเอง ถ้าหมอยังมั่นคงกับมุกเหมือนเดิม นะมุกให้สัญญาว่า มุกจะไม่มีใครนอกจากหมอ แต่ตอนนี้มุกขอเวลาทำใจก่อน”

“ได้ครับ ได้ฟังแค่นี้ ผมก็ดีใจแล้ว งั้น ก็..ฝันดีนะครับ” ม่านมุกยิ้มให้ และก็เปิดประตูห้องเข้าไป หมอมีรอยยิ้ม เพราะมีความหวัง

>>>>> ***** <<<<<

   คืนนั้นข่าวภาคดึกออกข่าวงานแต่งของเผด็จอย่างครึกโครม โบว์ เบ็นซ์ และแป๋วตกใจมากเมื่อเห็นว่ามีพวกเธอสามคนไปปรากฏร่างที่นั่นได้ยังไง โบว์จึงต้องรีบหาความจริง แป๋วกับเบ็นซ์ก็เช่นกัน ชักไปกันใหญ่แล้ว สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว งานนี้พวกเธอทั้งสามเป็นแพะไปแล้วเต็มๆพวกสามสาวต้องรีบหาหลักฐานเพื่อมาแก้ต่างกับสิ่งที่ถูกกล่าวหากับเรื่องที่ไม่ได้ทำ คดีใหญ่ขนาดนี้ตำรวจไม่เอาไว้แน่ คดีเก่ายังไม่จาง คดีใหม่มาอีกแล้ว ซวยจริงๆ แต่ทั้งสามคนมุ่งไปอยู่ที่คนๆเดียว คือฉัตรเทพแน่นอน ไม่มีใคร เพราะพวกเธอเกิดมาจากเขา และตัวปลอมพวกนี้ก็ต้องมาจากฉัตรเทพเช่นกัน

   หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ตามมาอีก เหตุการณ์คนตายปริศนาตามผับมากขึ้นบ่อยขึ้น รวมถึงนักการเมืองบางคนโดนข่มขู่ และตาย ทางตำรวจสัณนิษฐานว่าจะมาจากกลุ่มคนทั้ง 6 ที่ประกาศตัวอย่างเป็นทางการเพื่อเย้ยกฎหมาย ไม่เกรงกลัวใดๆทั้งสิ้น จึงมีคำสั่งจากเบื้องบนให้กำจัดให้สิ้นซากในเร็ววัน จึงทำให้อัธวุฒิเริ่มปวดหัวและทำอะไรไม่ได้มาก เพราะรู้ทั้งรู้ว่าไม่ใช่เมียตัวเองแน่นอน แล้วจะมีวีธีอะไรที่จะมาช่วยเมียเขาได้บ้าง

<<<<< ===== >>>>>

   อากาศยามเช้าและธรรมชาติที่ทะเลทางใต้ก็สดชื่นมันน่าจะทำให้โบว์เย็นใจได้บ้าง แต่เปล่าเลย มันกลับทำให้เธอทุกข์และร้อนใจมากขึ้น เหตุการณ์ต่างๆที่มันประดังประเดถาโถมเข้ามาจนเธอแทบจะรับแทบไม่ได้ หลายๆเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาและผ่านไป มันทำให้เธอต้องคิดหนัก นี่ขนาดหนีกลับมาอยู่ที่เกาะของคนรักแล้วนะ ต้องมาเจอมรสุมชีวิตที่หนักอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนางแมวป่าตัวปลอม เรื่องคดี เรื่องพี่สาวและเรื่องของเผด็จ เมื่อต้องตัดสินใจยกคนรักให้กับใครที่ไหนก็ไม่รู้ เรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้ว เธอก็ต้องยอมรับมันให้ได้

< The Day You Went Away - M2M > https://www.youtube.com/watch?v=uVPrgbweR8o

\\\\\ ----- /////

   สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ก็คือตำรวจออกหมายจับ สองสาว เบ็นซ์ แป๋ว อยู่คอนโดไม่ได้แล้ว จึงตัดสินใจเผ่นหนี ไปอยู่ที่เมืองกาญจน์ รีสอร์ท เจ๊ดาวกันก่อนและปิดโทรศัพท์..ตำรวจบังคับให้เบียร์เปิดทางให้ ถ้าไม่ยอมเปิดประตู ก็จะโดนจับด้วยข้อหาสมรู้ร่วมคิด

“หมวดครับผมขอความร่วมมือด้วย ถ้าหมวดไม่ยอมเปิดประตูให้พวกเราเข้าไปจับกุมผู้หญิงสองคนนั่น ผมคงต้องขอเสียมารยาทด้วยนะครับ หมวดจะโดนจับด้วยข้อหาสมรู้ร่วมคิด” จ่ามิ่งกล่าว เบียร์จึงต้องยอม เช้าวันเสาร์วันนี้ช่างเป็นวันที่ดีเสียจริง

   งานนี้เบ็นซ์กับแป๋วต้องหนีแบบเอาตัวเกือบไม่รอด ดีนะที่เบียร์แอบมาบอกให้รู้ก่อน จึงแอบหนีกันไปตอนรุ่งสาง

“ไม่มีใครอยู่เลยครับผู้กอง” จ่ามิ่งมารายงานอัธวิทย์ “เหมือนพวกนั้นจะรู้ตัวก่อน” จ่าหมงกล่าวสำทับ

   อัธวิทย์มองหน้าเบียร์แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ “กลับ..” อัธวิทย์ชี้หน้าเบียร์ “อย่าให้ผมรู้นะ ว่าหมวดรู้เห็นเป็นใจ ให้คนร้ายหนีไป” แล้วอัธวิทย์ก็พาตำรวจทั้งหมดกลับ หลังจากพวกนั้นกลับไปเบียร์ก็ส่งข้อความบอกแป๋วและเบ็นซ์

“ไปหมดแล้วพี่ เฉียดนิดเดียว ถ้าไปช้าอีกนิด โดนซิวแน่ ขอให้เดินทางปลอดภัยนะ หนูช่วยพวกพี่ได้แค่นี้แหละ รักนะ”

   คืออัธวิทย์บุกมาตั้งแต่ตี 5 ตอนที่อัธวิทย์มา แป๋วกับเบ็นซ์หนีลงทางบันไดหนีไฟพอดี เพราะคราวนี้ตำรวจฟันธงเลยว่า สามสาวหน้ากากเป็นตัวอันตราย ไปป่วนในงานแต่งของเผด็จ เอารูปจริงประกาศออกทีวีเลยคราวนี้ จะออกไปไหนก็ลำบาก ถ้าใครเจอสามสาวนี้โปรดให้เบาะแสด้วยจะมีรางวัลนำจับให้เป็นพิเศษ งานที่เบ็นซ์รับไว้จึงไปทำไม่ได้แล้วพวกลูกค้าโทรมาถามเอเจนซี่กันใหญ่ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ข่าวที่ออกมาจริงไหม เบ็นซ์นางแบบชื่อดังที่แท้คือนางโจรเหรอ จนพวกโมเดลลิ่งต้องปฏิเสธกันให้วุ่นไปก่อนว่าอาจจะมีความเข้าผิดกันก็ได้ ตอนนี้เบ็นซ์ไม่อยู่ไปทำงานต่างประเทศ จึงทำให้โกลาหลกันอีกเป็นครั้งที่ 2 หลังจากข่าวการตายของเบ็นซ์ครั้งที่แล้ว สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ก็คือยอดวิวและยอดจองเสื้อผ้าที่เบ็นซ์เป็นฟรีเซ็นเตอร์กลับสูงขึ้นในชั่วพริบตาไม่กี่นาที

***** >>><<< *****

   ต้นกล้า นั่งซึมเมื่อรู้ข่าวว่าเบ็นซ์โดนตำรวจตามล่า เขาไม่มีกระจิตกะใจที่จะทำอะไรเลย วันนี้เทียนหอมใจกล้า เดินมานั่งคุยกับต้นกล้าได้ในรอบหลายปี จนทำให้เขาต้องแปลกใจเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่เพราะกำลังคิดถึงแต่เรื่องของเบ็นซ์

“เป็นอะไรคะ” เทียนหอมนั่งลงข้างๆ ต้นกล้าหันไปมองนิดๆแล้วก็หันกลับ

“มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อยครับ พอดีได้ข่าวว่าเพื่อนสนิทกำลังมีปัญหา อยากจะหาทางช่วย ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี”

“เพื่อนหรือแฟนคะ” หอมแกล้งแซว เผื่อต้นกล้าจะหายเครียดได้บ้าง

“เพื่อนครับ” แล้วต้นกล้าก็ลุกขึ้น หอมจึงลุกตาม แล้วก็เดินคุย “ผมคงได้เป็นแค่เพื่อนในสายตาเค้าเท่านั้นแหละครับ”

   หอมไม่สบายใจทันทีที่ไปสะกิดแผลใจ “ต้องขอโทษคุณด้วยนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ คุณหอมไม่ได้มีเจตนา คงอยากให้ผมสบายใจขึ้น มากกว่า”

“ทำไมไม่ลองหาเวลาและปรับความเข้าใจกันหละคะ ดูอย่างหอมกับแฟนซิ ยังหาเวลาและปรับความเข้าใจกันได้เลย จนตอนนี้เราสองคนก็เข้าใจกันดีแล้ว อะไรที่เราต้องการ เขาต้องการ ก็มาตกลงมาคุยกัน เปิดใจเปิดอกกันไปเลย รักกันชอบกัน จะมัวมาปิดบังซ่อนเร้นกันทำไม จริงไหมคะ” เมื่อพูดถึงเผด็จขึ้นมาทีไร หอมหน้าแดงทุกที ต้นกล้าแปลกใจ ที่หอมบอกเรื่องคนรัก

“คุณหอมมีแฟนแล้วเหรอครับผมไม่เห็นจะรู้เลย ทำงานมาก็นาน ผมไม่เห็นคุณหอมคบใคร หรือมีใครมารับมาส่งเลย”

“แฟนหอมเค้าไม่ค่อยว่างหรอกค่ะ หอมถึงบอกไงคะว่าเราต้องหาเวลามาปรับความเข้าใจกัน เมื่อต่างคนต่างมีเวลาที่ไม่ตรงกัน มีเวลาเจอกันน้อย เราก็ต้องเข้าใจและทำใจให้ได้ ถ้าเรายอมรับเงื่อนไขของกันและกันได้ มันก็ Happy กันทั้งสองฝ่ายจริงไหมคะ”

   แล้วเทียนหอมก็ชูแหวนที่นิ้วนางให้ต้นกล้าดู “นี่ไงคะ รางวัลที่หอมได้ แฟนหอมเค้าพึ่งให้หอมมาเมื่อไม่กี่วันนี่เอง” ต้นกล้ามองดูแหวนเล็กๆและสีหน้าที่บ่งบอกถึงความสุขที่หอมได้รับ

“ที่จริงมันไม่ได้อยู่ที่ว่า แหวนจะเล็กหรือใหญ่ สำหรับหอม หอมคิดว่ามันอยู่ที่ใจของเรามากกว่า ถ้าเราคิดว่า เรารักและเข้าใจใครสักคน แค่ได้คิดถึง ก็พอ ไม่จำเป็นที่ต้องอยู่ด้วยกันตัวติดกัน ตลอด 24 ชั่วโมง มันก็มีความสุขได้ ถ้าเราเลือกที่จะรักและยอมรับความจริงกับมัน แค่นี้ชีวิตเราก็ไม่ต้องการอะไรที่จะมากไปกว่านี้แล้ว”

“คุณหอมนี่เป็นผู้หญิงแกร่งกว่าที่ผมคิดอีกนะ บู๊ก็เก่ง ความคิดก็เยี่ยม สวยก็สวย มิน่าหละ ผู้การถึงยกที่นี่ให้คุณหอมคุมและดูแล ถ้าไม่เก่งและสำคัญจริงๆ ไม่มีใครเขายกให้หรอกครับ เอ..ผมชักจะสงสัยแล้วซิ หรือว่า เจ้าของแหวนที่ใส่อยู่นั่น เป็นของ..”

“อย่าเดาเลยคะ ไม่ใช่หรอก” เทียนหอมต้องโกหกขืนถ้าบอกความจริงไปเดี๋ยวต้นกล้าอาจจะทำตัวไม่ถูกและไม่กล้ามาคุยกับเธออีก

“ตกลงสบายใจขึ้นบ้างรึยังคะ” เทียนหอมหันไปถามต้นกล้า

“ครับสบายใจขึ้นมาแล้ว” เดินคุยกันมาจนถึงทางเข้าฐานตอนไหนไม่รู้

“เอาเป็นว่า ผมขอขอบคุณ คุณหอมมากนะครับที่อุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อนและให้คำปรึกษาให้สิ่งดีๆกับผม แล้วผมจะเอากลับไปคิดดู”

“สู้ๆนะคะ ต้นกล้า” แล้วต้นกล้าก็จากไป ต้นหอมเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน นั่งอมยิ้มเอามือจับแหวนเพชรที่สามีให้มามีความสุข

 

   กันตภณแอบย่องมาแล้ว “จ๊ะเอ๋” หอมตกใจ “ยิ้มอะไรหนะเจ๊ ผมเห็นเดินยิ้มเข้ามาตั้งนานแล้ว เห็นนะเมื่อกี้ ว่าคุยกะใคร ฮั่นแน่”

“บ้าไอ้ภณ” กันตภณพึ่งสังเกตุเห็นแหวนที่นิ้วนาง ที่หอมจับอยู่ตลอดเวลา จึงเดินเข้ามาดูใกล้ๆ “แหวน ที่นิ้วนาง ทำไมผมไม่..”

   หอมรีบเอามือลง “อะไรอะไร แหวนเหวินที่ไหน” กันตภณรีบดึงมือซ้ายพี่สาวขึ้นมา “นี่ไง ยังจะมาแถอีกหลักฐานทนโธ่อยู่นี่”

“เออๆ ก็ได้ๆ เอ้า เห็นแล้วจะทำไม” หอมปิดไม่ได้ ก็ต้องยอมรับความจริงไป กันตภณจ้องมองแหวนเพชรวงน้อยน้ำงาม

“ทำไมผมไม่เคยเห็น ไม่เคยสังเกตุสักที ว่าพี่มีแหวนที่นิ้วนี้ด้วย” ภณสงสัย

“ใครให้มาหนะ อย่าบอกนะว่าคุณต้นกล้าเค้าให้พี่มาเมื่อกี้หนะ ทำไมมันไวจัง ก็เมื่อเดือนที่แล้วยังบอกไม่กล้าที่จะคุยกับเค้าอยู่เลย แล้วนี่อะไร บอกมา เร็วบอกมาเลย ใช่ไหม” หอมตีมือภณ แล้วลุกเดิน

“แฟนพี่เค้าให้มาหยะ ตอนที่พี่ไปทำธุระที่ผ่านมานี้ไง พอใจยัง” หอมเดินไป ยิ้มไป ร้องฮัมเพลงเบาๆตรวจงานไปด้วย ภณเดินตาม

“ถ้าไม่ใช่คุณต้นกล้า แล้วใครหละ เอ..ใครน้าที่สามารถ กำหัวใจพยัคฆ์สาวสวยอย่างหงส์หยกได้นะ หรือว่า หัวหน้าชุดเสือขาว”

“ไม่ใช่ แกอย่าเดาเลยแฟนพี่เค้าไม่ค่อยว่างนานๆจะได้เจอกันสักที นี่ขนาดเค้าเซอร์ไพร์สพี่พี่ยังตั้งตัวไม่ติดเลยคนอะไรน่ารักสุดๆ”

“เอ..ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติของผม มีคนจองตัวเสียแล้วเมื่อไหร่เนี่ย ทำไมผมถึงไม่รู้นะ เสียชื่อ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองดีเด่นหมด” หอมยืนกอดอก แล้วหันมาบอกภณ “แกไม่รู้สักเรื่องมันจะตายไหมไอ้ภณ” หอมชี้หน้าน้องชาย

“ไป ไปเลยไปทำงาน งานมีตรึม” แล้วหอมก็ผลักกันตภณออกไปห่างๆ “อยากรู้หงะ” กันตภณแหย่หอม “ยังอีกแก ไปเลย ไป”

   แล้วเทียนหอมก็ยืนอมยิ้มและมองแหวนที่สามีให้มา สักพักก็เดินไปตรวจงานตามแผนก แบบมีความสุข

***** ///// *****

   ซึ่งต่างจากเนตร เนตรหลบมานอนร้องไห้อยู่ที่บ้านของเกศ ที่เผด็จยกให้ ไม่ได้มาช่วยงานอย่างที่บอกไว้หรอก เธอนอนคิดถึงเรื่องต่างๆที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มรู้จักเผด็จและยอมเข้ามาทำงานด้วย ยอมฝึกหนัก ยอมทำทุกอย่างเพื่อจะได้อยู่ใกล้กับคนที่เธอรักเธอชอบ ยอมปิดใจมาตั้งนาน พอเริ่มกล้าที่เปิดใจ ความสุขที่ได้ทำไมมันถึงช่างน้อยนิดอะไรเช่นนี้ รู้งี้ยอมเป็นเมียและมีลูกกับเผด็จไปตั้งนานแล้ว ไม่ยอมให้เพ็ญมาแย่งปาดหน้าเค้กไปง่ายๆแบบนี้หรอก คิดไปก็เจ็บใจตัวเอง ถ้ายอมซะตั้งแต่คืนนั้น วันนี้คงไม่ต้องมาทุกข์ นอนร้องไห้และเจ็บปวดใจอย่างนี้ คิดแล้วก็ได้แต่ทุบเตียง ทุบๆๆ จนไม่รู้จะ ทำยังไงแล้ว เพราะมันสายไปเสียแล้ว

***** ----- *****

   เผด็จเตรียมตัวไป Honey Moon ลูกทั้งสองตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวเมืองนอก สนุกกับการจัดกระเป๋ากันใหญ่ ทุกคนมีความสุข ซึ่งต่างจากเผด็จที่ดูเหมือนจะเฉยๆไม่ยินดียินร้ายอะไร กำลังช่วยลูกจัดกระเป๋า  แต่เพ็ญก็ไม่อยากคิดมาก ในเมื่อตอนนี้เธอก็ได้เผด็จมาอยู่กับเธอสมใจแล้ว สร้อยเพชรก็ได้ ทะเบียนสมรสก็ได้ เพราะพึ่งไปจดมาเมื่อเช้านี้ ยังจะเอาอะไรอีก “มาคุณย่าหนูช่วย”

“เลิกเรียกย่าได้แล้ว เป็นสะใภ้ก็ต้องเรียกแม่ซิลูก แล้วก็เลิกเรียกไอ้เต๋าว่าอาได้แล้ว เดี๋ยวลูกที่เกิดมามันจะงง”

“ก็มันติดปากไปแล้วนี่คะคุณย่า” ผาดพยายามสอนสะใภ้เด็ก “เพ็ญก็ต้องหัดเรียกเสียใหม่ให้มันชินปากซิลูก ไหนลองเรียกซิ”

   เพ็ญไม่กล้าเรียก จนผาดต้องคะยั้นคะยอ “คุณแม่ คุณพี่ เอ้า ไหนลองซิ” เพ็ญก็ลองพยายามเรียกแบบตะกุกตะกัก

“คุณ..แม่ เอ้อ คุณ..พี่ มันยังไงก็ไม่รู้” ผาดหัวเราะ “เอาเถอะแรกๆมันก็แบบนี้แหละ อีกหน่อยเดี๋ยวมันก็จะชินไปเอง”

   เพ็ญหันไปดูสามีที่กำลังเล่นสนุกกับลูกๆและมองไปที่เกศินี จนผาดต้องพูดขึ้นมาเมื่อสายตาเพ็ญจ้องไปที่เกศินีแบบสงสัย

“ถ้าไม่ถนัด ก็เรียกพี่เด็จหรือพี่เต๋าเหมือนที่เกศมันเรียกก็ได้” เพ็ญเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหว วันนี้ต้องรู้ให้ได้ว่าเกศคือใคร

“เออ หนูว่าจะถามตั้งนานแล้ว เมื่อก่อนหนูก็ไม่ได้ติดใจอะไร แต่ตอนนี้ในเมื่อหนูเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย หนูเลยอยากรู้”

“อะไรเหรอ” ผาดจัดเสื้อผ้าไปถามไป “ตกลงว่าคุณเกศเนี่ยเขาเป็นใคร ทำไมคุณอา” ผาดชี้หน้า

“เออ พี่เด็จถึงให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนนี้มากเป็นพิเศษคะแม่” ผาดปรบมือให้เบาๆ

“ดีมาก..เห็นไหมเริ่มจะชินแล้ว..ก็ไม่มีอะไรมาก เต๋ามันไม่มีเวลาที่จะมาเลี้ยงลูก เพราะมันบ้าแต่งานเพ็ญก็เห็น พอดีเกศมันเป็นเพื่อนเก่าของนุชเมียเก่าเจ้าเต๋ามัน มันไม่ไว้ใจใครที่จะให้มาดูแลลูกๆ ก็เลยขอแรงเกศ จ้างมาเป็นพี่เลี้ยง/แม่บ้านก็เท่านั้น แต่ก็แปลกนะ ธรรมดาเจ้าผิงเนี่ยเข้ากับผู้หญิงคนไหนไม่ได้เลย แต่กับเกศเนี่ยมันกลับไม่แผลงฤทธิ์ แถมรักยังกะอะไรดี ไม่หึงไม่หวง เหมือนเราสมัยแรกๆหนะ จำได้ไหม” ผาดอธิบายให้ฟังแบบกันเอง “เหรอคะ หนูพึ่งรู้นะเนี่ย ว่าคุณเกศอะไรนี่เป็นเพื่อนรักอานุช”

“ใครไม่รู้ก็นึกว่าแม่กับลูกกัน เพราะไอ้ผิงมันรักไอ้เกศยังกะอะไรดี ดูซิ นัวเนียๆ ไม่ห่าง เพ็ญไม่สังเกตุเหรอว่า หลังๆนี้เจ้าผิงมันไม่เจ้าอารมณ์และหวงพ่อมันเหมือนเมื่อก่อน” เพ็ญพึ่งเข้าใจและจ้องมองขนมผิงที่มีแต่รอยยิ้ม ขณะที่อยู่กับเกศินี

“มันก็ใช่นะ หนูไม่ได้สังเกตุจริงๆ แต่ก็ดี มันจะได้ไม่ต้องมาแผลงฤทธิ์กะหนูอีก 5555+” แล้วก็หัวเราะต่อกระซิกกัน

///// +++++ /////

  ป๋องหาเวลามาขอคืนดีกับทับทิมอีกครั้ง หลังจากที่ทับทิมได้ช่วยชีวิตเขาอีกครั้งในศึกที่ผ่านมา แต่ทับทิมก็ยังใจแข็งอยู่ดี ไม่ยอมกลับไปอยู่ด้วย “กลับไปเถอะค่ะอาป๋อง อย่าพยายามเลยเสียเวลาเปล่าๆ เอาเวลาไปทำคดีไปทำอะไรก็ได้ ที่มันมีค่ามากกว่ามาตามหนู เพราะถึงยังไงๆหนูก็ไม่กลับไปอยู่กับอาอยู่ดี เวลามันทำให้หนูรู้ว่า ที่มาผ่านมา มันคือความหลงไปชั่วขณะไม่ใช่ความรัก เมื่อหนูพลาดไปแล้วครั้งนึง หนูก็ไม่อยากที่จะพลาดเป็นครั้งที่สอง ในเมื่ออาป๋องไม่ยอมหย่า หนูก็ไม่ว่า รอรับหมายศาลก็แล้วกัน หนูขอตัวนะคะ หนูมีสอน” แล้วทับทิมก็เดินจากไป พอพ้นประตูที่ป๋องไม่เห็น ก็หลบหลังประตูยืนร้องไห้อยู่คนเดียวจนปูนสงสาร

   ไม่รู้ว่าจะช่วยเพื่อนยังไง เพราะตัวเองก็พึ่งเจ็บมาเหมือนกัน จึงได้แต่แอบมองดูอยู่ห่างๆ เวลาเท่านั้นที่จะเยียวยาจิตใจของใครต่อใครได้รวมถึงตัวเธอเองด้วย ไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าเมื่อไหร่ป๋องมีเรื่องร้ายเธอจะเข้าไปช่วยทันที ว่าง่ายๆเหมือนตามจีบใหม่ ป๋องต้องจีบให้ติด ต้องมั่นคง ตอนนี้เหมือนทับทิมกำลังลองใจสามีอยู่ ลึกๆแล้วก็คงอยากจะกลับไปนั่นแหละ แต่กลัวเสียฟอร์ม ทับทิมคงอยากจะฝึกความอดทนมั้ง ว่ายังจะรักเดียวใจเดียวกับเธออยู่ไหม ป๋องคงต้องสู้ต่อไปและทับทิมเองก็คงต้องสู้กับใจตัวเองเช่นกัน

   ผิดกับปูนที่ซึมกระทือไปเลย ทับทิมยังมีความเข้มแข็งที่สามารถทนพูดกับป๋องได้ แต่ปูนไม่กล้าที่จะติดต่อกลับไปเพื่อต่อว่าหรือทวงสิทธิ์ใดๆจากการเสียตัวและความรู้สึกที่ผ่านมา คงต้องใช้เวลาในการรักษาแผลใจครั้งใหญ่เลยครั้งนี้

%%%%%% ----- %%%%%%

   และแล้ววันเดินทางไปเที่ยวปารีสของทัวส์ Honey Moon ก็มาถึง เชี่ยวมาส่งลูกและเผด็จ ป๋องก็มาเพราะเผด็จแอบมากระซิบสั่งงานอะไรก็ไม่รู้ เพ็ญแอบมองสามีอยู่ตลอดเวลา เพราะเห็นสั่งงานป๋องเหมือนจะเครียดมากๆ ทำไม้ทำมือ เหมือนไม่อยากจะไป ป๋องก้มหัวรับคำสั่งอย่างเดียว จากนั้นเครื่องบินก็ทะยานขึ้นสู้ท้องฟ้าไปยังปารีสทันทีในเช้าวันนั้น

..... +++++ .....

  ฉัตรเทพและแทนไทสะใจ หัวเราะกันดังลั่นมีความสุขมาก ทั้งสองนั่งเลี้ยงฉลองกันรวมทั้งสัตยาและดรัณ สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ ก็คือพวกตัวปลอมที่ทำงานพลาดกลับไม่โดนฉัตรเทพด่าหรือต่อว่าเลย แต่ตรงกันข้ามกลับได้รางวัลเป็นการตอบแทน ที่ทำให้พวกสามสาวเป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งและออกทีวีได้และดังไปทั่วประเทศในชั่วข้ามคืน จนไม่มีที่จะยืนอีกต่อไปบนแผ่นดินตั้งแต่วินาทีนี้

“แหมคุณนี่เฉียบจริงๆฉัตรเทพ ไม่เสียแรงที่ลงขันด้วย การลงทุนแบบเบ็ดเสร็จ ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองสามตัว”

“มันก็แน่อยู่แล้วเสี่ย ผมโดนมาเยอะ เจ็บมาแยะ เอาเอ้า มาชนกันหน่อย มาสัตยา ดรัณ แล้วอย่าลืมให้รางวัลทั้ง 6 คนนั้นด้วยนะ เอาไปคนละหมื่นสองหมื่นโดยเฉพาะนังนางแมวป่ากำมะลอหนะ แหม มันเล่นได้เกินบทจริงๆให้มันเยอะๆหน่อยเพิ่มให้มันอีกหมื่น”

“ได้ค่ะนาย..แล้วแผนต่อไปจะดำเนินไงต่อ” ดรัณอยากรู้แผนลำดับต่อไป เพราะแผนที่ทำตอนนี้กำลังไปได้ดี เงินกำลังไหลมาเทมา

“ฮืม..ตอนนี้ก็ให้พวก 6 คนนั้น ทำงานแทน 3 คนไปเลย งานที่เราเคยวางเอาไว้ให้ สามสาวทำอะไรก็ให้ 6 คนนี้กระจายกันไปทำ โดยเฉพาะ ไอ้พวกกงจักรทอง ฉันต้องแก้เผ็ดและถล่มมันให้ได้สักวัน ตอนนี้ปล่อยให้มันมีชีวิตรอดไปพลางๆก่อนก็แล้วกัน”

“เออ พูดถึงกงจักรทองฉันยังเจ็บใจไม่หายที่มันไปป่วนบ่อนเราคราวนั้น เจ็บใจจริงๆ คราวนี้ฉันเลยไม่มีแหล่งที่ทำมาหากินอีกเลย”

“อย่าคิดมากน่าเสี่ย ถ้าใน กทม. เปิดไม่ได้ เราก็ไปเปิด ตจว.ซิ ในประเทสไทยมีที่ทำกินเยอะแยะ โดยเฉพาะแถบชายแดน เสี่ยจะเอาตรงไหนบอกผม ผมจัดให้ เชียงราย โรงเกลือ หรือแม้แต่เมืองกาญจน์ ได้ทั้งนั้น เอ้อ แล้วตกลงเรื่องโรงงานที่จะเปิดเอาไง เริ่มได้รึยัง ไหนๆเสี่ยก็ว่างแล้วนี่” แทนไท ทำหน้าเครียดขึ้นมาทันที เมื่อจี้ใจดำเรื่องโรงงาน

“เอาวะ ยังพอมีเงินทุนเหลืออยู่บ้าง คุณดำเนินการได้เลย เรื่องสถานที่ เดี๋ยวผมจะบอกภูผากับคฑาเอง เรื่องนัดมาดาม แต่ที่เดิมคงไม่ได้แล้วมั้ง” แทนไทยังขยาดกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่หาย เสียดายก็เสียดาย ของยังขนของออกมาไม่หมด แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปเอา

“ผมมีที่อยู่อีกฝากนึง ไม่ไกลกัน เครื่องจักรเท่าที่ผมให้คนเข้าดู ยังพอเคลื่อนย้ายได้ ทางการยังไม่มาเคลื่อนย้าย แค่กันพื้นที่เฉยๆ เราต้องรีบย้ายเสียก่อน ได้ข่าวว่า ไอ้ผู้การตัวแสบไม่อยู่ไป Honey Moon กว่าจะกลับอีกหลายวัน เราต้องรีบกันเลย”

“ก็ได้ ยังไงเรื่องคน ฉันต้องพึ่งคุณก่อน ส่วนเรื่องอุปกรณ์และของ เดี๋ยวฉันจะคุยกับมาดามเอง”

“ไม่เป็นไร แหมเราคนกันเอง มามา เรามาชนแก้วกันต่อ” ฉัตรเทพอารมณ์ดีสุดๆช่วงนี้ ที่ความบรรลัยไปเกิดกับฝ่ายตรงข้าม

“นาย แล้วเรื่องตามล่าอีตัวแสบ สามคนนั้นจะเอาไงต่อ” สัตยายังติดใจ

“ก็บอกแล้วไง ปล่อยมันไปก่อน ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ เราจะมาเหนื่อยทำไม จริงไหมเสี่ย”

“ใช่ๆ เรามาดื่มฉลองให้กับโรงงานของเราที่จะเปิดได้อีกในไม่ช้านี้กันดีกว่า”   แล้วทั้งหมดก็ชนแก้วกัน ฉลองชัยกันล่วงหน้า

+++++ ****** +++++

   เบ็นซ์และแป๋ว เมื่อมาถึงที่รีสอร์ท ก็พยายามไม่ออกไปไหน ยังดีนะที่เจ๊ดาวเข้าใจ ไม่แจ้งตำรวจจับพวกเธอเข้าคุกและยอมให้พวกเธอหลบซ่อน “พวกเราสองคนต้องขอขอบคุณเจ๊ดาวมากนะที่ให้เราสองคนหลบซ่อนอยู่ที่นี่ โดยไม่แจ้งตำรวจ”

“โอ๊ย ช่างมันเถอะแม่คุณ ฉันเข้าใจ ที่จริงฉันก็ไม่อยากจะเชื่อว่า คนน่ารักๆอย่างพวกเธอจะทำอะไรแบบนั้นได้ สบายใจได้อยู่ไปเถอะ อยากได้อะไรก็บอกเด็กๆมา อ้อ แล้วไม่จำเป็นก็อย่าพึ่งออกไปเพ่นพ่านที่ไหนหละช่วงนี้ ถึงคนที่นี่จะไม่พลุกพล่าน แต่เราก็ไว้ใจใครไม่ได้ เอาหละเจ๊ไปหละ” สองสาวสวัสดีขอบคุณ แล้วเจ๊ดาวก็ไป

   คงเป็นเพราะโบว์ความดีและน่ารักของโบว์ที่ทำให้เจ๊ดาวเอ็นดู จึงทำให้เบ็นซ์กับมานอนคิดว่าจะยังคงโกรธน้องอยู่ดีไหม ในเมื่อเพ็ญก็คาบแฟนเธอไปกินแล้ว จะมาโกรธน้องทำไม เพราะถึงเช่นไรมันก็อดไปแล้วทั้งคู่ เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงตัดสินใจว่าจะขอโทษโบว์ถ้าโบว์กลับมา “ดีแล้วไอ้เบ็นซ์ที่แกคิดได้อย่างนั้น” แป๋วดีใจที่เบ็นซ์คิดได้

“เพราะถึงยังไง นั่นก็คือญาติเพียงคนเดียวที่แกเหลืออยู่ ถ้าไม่นับชั้น ไปหาอะไรกินกันดีกว่าไปหิวแล้ว เออน่า อย่าคิดมาก”

<<<<< ===== >>>>>

  แตงโม กลับมานั่งที่สำนักงานตัวเอง แบบหน้าเครียดๆ จนปริ๊นซ์ต้องเข้ามาแซว “แหม สำนักงานนักสืบของเรา งานชุกขึ้นเยอะเลยหวะตั้งแต่แกออกทีวีครั้งนั้น รู้งี้ฉันให้แกออกทีวีนานแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอลูกค้าเข้ามา เอ๊ยเป็นไรวะ ช่วงนี้”

“เป็นห่วงปูน” แตงโมตอบสั้นๆ “ก็พามันไปเที่ยวผ่อนคลาย เปลี่ยนบรรยากาศมั่งซิวะ ถ้ากลัวมันเป็นอะไรขึ้นมา ไม่เห็นต้องมานั่งกลุ้มใจอะไรแบบนี้เลย” ปริ๊นซ์ พยายามช่วยเพื่อน “ไหนจะเรื่องไอ้เตี๊ยกับผัวมันอีก เออ ตกลงยังไงวะ ตกลงมันเลิกแน่เหรอ”

“ไม่รู้โว๊ย..เรื่องใครเรื่องมัน ข้าเคยเตือนมันแล้ว ช่วยไม่ได้ ตัวใครตัวมัน โตๆกันแล้ว” แตงโมหงุดหงิด “น่าลองทำแบบที่ฉันบอก”

“เออ ไม่เหมือนแกนี่ กำลังอินเลิฟ ไอ้ทุเรศ แกก็พูดได้ ไม่มาเป็นอย่างฉัน” สักพักก็มีเสียงเคาะประตู อ้อมเปิดประตูเข้ามา

   แตงโมหันไปดู ปริ๊นซ์วิ่งไปรับ จะหอมแก้ม อ้อมเอามือมาบังไว้ “น้อยหน่อย เดี๋ยวนี้ลามปามล้ำเส้นใหญ่แล้วนะพี่ปริ๊นซ์” ปริ๊นซ์ทำหน้าจ๋อย “แล้วมาหาพี่ทำไมแต่หัววัน ไม่ทำงานเหรอ” อ้อมชี้หน้า

“ทะเล้นนัก เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย หนูมาธุระเรื่องงานของคุณอาอัธวุฒิ เขาให้เอาซองเอกสารนี้ฝากมาให้พี่โมด่วน หนูก็เลยรีบมา”

   แตงโมรับซองเอกสาร แล้วแกะดู เป็นภาพพวกนักธุรกิจที่ได้เสียชีวิตหลังจากเกิดเรื่องหลังงานแต่งเผด็จไม่กี่วัน และเด็กวัยรุ่นบางส่วนที่ตายในผับต่างๆ อยากมาขอความร่วมมือจากเหยี่ยวราตรีและสองสาว เพราะลำพังตำรวจทำงานไม่ทัน ทางแตงโมน่าจะช่วยหาคำตอบได้เร็วขึ้น “ฝากไปบอกผู้กำกับนะว่า พี่จะทำให้ แต่อาจจะช้าหน่อยนะ เพราะลูกทีมยังไม่ค่อยพร้อมเท่าใด”

“ได้คะพี่ งั้นหนูกลับก่อนหละ ไปนะพี่ปริ๊นซ์” อ้อมบ๊ายบายแฟน และแลบลิ้นใส่

“แล้วเย็นนี้หละที่รัก” ปริ๊นซ์กลัวความรักจะจืดจาง “ไม่รู้ โตแล้วคิดเอาเอง ถ้าคิดเองไม่ได้ก็..” อ้อมไม่พูดต่อเดินออกไปเลย 

   เผด็จสั่งอัธวุฒิไว้ก่อนที่จะไปเมืองนอกว่าให้แตงโมช่วย สามคนนี้สามารถที่จะช่วยหาต้นตอและที่มาของทุกอย่างได้เร็วกว่าพวกตำรวจ เพราะมีเส้นสายค่อนข้างเยอะ แล้วขอร้องอัธวุฒิไว้อีกเรื่องนึงคือ อย่าตามล่าพวกสามสาวนักฆ่า เพราะพวกเธอถูกใส่ร้าย ขอเท่านั้นจริงๆ อัธวุฒิก็รับปาก เอาไว้ให้เขากลับมาก่อนและจะอธิบายทุกอย่างให้ฟังทั้งหมด แต่ช่วงระหว่างที่เขาไม่อยู่ขอไว้ก่อน

\\\\\ ----- /////

   เย็นหลังจากเลิกงาน ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพัก ใครมีเวรก็อยู่ทำหน้าที่กันไป เทียนหอมพึ่งอาบน้ำเสร็จ ก็มายืนยิ้มชมธรรมชาติภายนอกหน้าต่างและมองแหวนอย่างมีความสุขที่นิ้วไปด้วย ห่มผ้าเช็ดตัวอยู่แบบสบายๆ นี่เป็นตัวแทนสุดท้ายสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ เป็นของแทนตัวเผด็จสามีสุดที่รักที่อยู่ใกล้ตัวเธอที่สุด เธอแต่งตัวไปด้วยอยู่บนห้องพักส่วนตัว กันตภณ ก็มาเคาะประตู “รอเดี๋ยว”

   เธอออกมาเปิดประตู “มีอะไรด่วนเหรอภณ” เทียนหอมถามด้วยสีหน้าที่ยังมีความสุข กับผ้าเช็ดตัวผืนน้อยที่ยังแต่งตัวค้างอยู่

“มีสัญญานแปลกๆจากหุบเขาลึกลับที่เราเคยไปถล่มหนะพี่”

>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<

โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 36 .. “ ของขวัญจากคนไกล ”

ตอนที่ 35 .. “ สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ ”

นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.