บทที่ 138: ผู้สืบทอดมรดกไททันพยากรณ์
ในตอนนี้สายตาของไททันทุกตัวในเมืองต่างสับสนปนกับหวาดกลัว
หลังจากที่ไททันเทพอาสัญทำลายกำแพงเมืองแล้ว มันก็เดินตรงเข้าไปในเมืองจี้มู่
พอมันมาเผชิญหน้ากับไททันในเมืองจริง ๆแม้แต่ไททันมหาวิบัติก็ยังดูเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับไททันเทพอาสัญ
จากนั้นมันก็คว้าไททันมหาวิบัติเข้าปากอย่างไม่ใส่ใจและเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
บัดนี้เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากปากของไททันผู้หิวโหยทำให้มันยิ่งดูน่าสะพรึงกลัวมากยิ่งขึ้น
“โอ้… ได้กินแบบสด ๆ… ย่อมมีรสชาติดีกว่า…” หลังจากกินไททันมหาวิบัติตัวนั้นแล้ว ไททันเทพอาสัญก็เลียเลือดที่มุมปากด้วยท่าทางพึงพอใจ ก่อนจะเอื้อมมือออกไปคว้าไททันอีกตัวขึ้นมา
ถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นไททันเหมือนกัน แต่พวกมันกลับไม่มีความรู้สึกเห็นใจหรือผูกพันกับเผ่าพันธุ์เดียวกันเลย
ในสายตาของมัน ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือไททันก็ไม่ได้แตกต่างกันตรงไหน
พวกนี้ล้วนแต่เป็นอาหารของมันทั้งสิ้น
อาจเป็นเพราะนิสัยนี้เองจึงทำให้หลินหยวนต้องขบคิดอย่างหนักเพื่อปราบไททันเทพอาสัญตัวนี้
เพราะถ้าเขาสามารถดึงไททันเทพอาสัญมาเป็นพวกของตนได้ เขาก็จะฝึกฝนมันให้เปลี่ยนกลายเป็นดาบคมกริบเอาไว้แทงกลางใจของเผ่าไททัน
…
ที่นอกเมืองจี้มู่ หลินหยวนมองภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาเยาะเย้ย “ไททันเอ๋ยไททัน… ในที่สุดก็มีวันที่พวกมันได้สัมผัสถึงความหวาดกลัวที่มนุษย์ต้องเผชิญกันมาตลอดนับ 100 ปี”
ด้วยขนาดที่ใหญ่โตกว่าไททันทั่วไปของไททันเทพอาสัญ พอมันไปยืนอยู่ต่อหน้าไททันพวกนั้น อีกฝ่ายแทบจะเทียบไม่ติดเลยสักนิด
ถ้าไททันเทพอาสัญทำลายเมืองด้วยความเร็วขนาดนี้ ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง เมืองจี้มู่ก็จะถูกมันกวาดล้างจนสิ้นซาก!!
ภายในเมืองจี้มู่ เสียงบ้านเรือนที่พังทลายลงยังคงดังก้อง ไททันเทพอาสัญเบื้องหน้าเป็นเหมือนรถแบคโฮที่คอยรื้อถอนอาคารสิ่งก่อสร้างไม่หยุด
ไม่ว่ามันจะผ่านไปที่ไหน ตรงนั้นก็จะเปลี่ยนกลายเป็นซากปรักหักพัง
หลินหยวนที่เห็นก็ยังส่ายหัวน้อย ๆ “ไอ้หมอนี่… เกิดมาเพื่อทำลายล้างจริง ๆ”
เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าตอนไททันเทพอาสัญยังมีชีวิตอยู่นั้นน่ากลัวมากแค่ไหน แม้ว่ามันจะตายไปแล้ว แต่มันก็ยังน่ากลัวได้ถึงขนาดนี้
เด็กหนุ่มไม่อาจเข้าใจได้ว่า แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังอย่างไททันเทพอาสัญก็ยังหนีไม่พ้นความตาย
แล้วใครเป็นคนฆ่ามัน?...
ในตอนนั้นหลินหยวนไม่กล้าคิดต่อ
เดิมทีเขาคิดว่าไททันมหันตภัยคือสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในเผ่าไททันแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นแบบนั้น
แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีพลังเทียบเท่ากับไททันมหันตภัย แต่ในสายตาของเขา เผ่าไททันก็ยังเป็นยักษ์ใหญ่ที่แตะต้องไม่ได้อยู่ดี
เพราะเหนือขึ้นไปจากไททันมหันตภัยแล้วยังมีไททันโลกาวินาศอยู่
แล้วเหนือไททันโลกาวินาศจะเป็นอะไรล่ะ?
จะมีไททันที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้อีกเหรอ?
เรื่องนี้ไม่มีใครสามารถตอบได้อย่างชัดเจน
เพราะไม่มีใครเข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของเผ่าไททันเลยสักคน
ต่อหน้ามนุษย์ ดูเหมือนว่าไททันไม่เคยเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมาเลยสักครั้ง บางทีสิ่งที่ไม่รู้อาจเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด!
ขณะนี้จู่ ๆ หลินหยวนก็รู้สึกมืดแปดด้าน เขาไร้ทางออก ไร้ซึ่งหนทางที่จะเดินต่อ เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองกำลังหลงทางแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต
ในเวลาเดียวกัน ฉู่อวี้ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเขา เธอจึงยื่นมือไปจับมือเขาไว้เงียบ ๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไร
เธอใช้วิธีนี้ในการบอกเขาว่าเขามีเธอคอยอยู่เคียงข้างเสมอ ต่อให้เส้นทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยขวากหนาม หรือเป็นเพียงทางตันที่ไร้หนทางเดินต่อ แต่เธอก็จะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน
…
สำหรับไททันเทพอาสัญ เมืองไททันเมืองหนึ่งที่ไม่มีไททันมหันตภัยคอยเฝ้ามันก็เปรียบเสมือนบ้านกระดาษที่ถูกทำลายได้ง่าย
ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง เมืองจี้มู่ก็พังทลายลง
ในขณะนั้นไททันส่วนใหญ่เลือกที่จะทิ้งเมืองหลบหนีออกไป
ทางด้านหลินหยวนเองก็เลือกที่จะไม่ไล่ตามไททันพวกนั้นเพราะมันไม่จำเป็น
ประการแรกก็คือ พวกมันมีจำนวนมากเกินไป ถึงเขาจะทุ่มกำลังทั้งหมดเพื่อไล่ล่าพวกมัน แต่บางตัวก็อาจจะหนีรอดไปได้อยู่ดี
ประการที่ 2 ในเมื่อที่อยู่ของเขาถูกเปิดเผยไปแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องกำจัดไททันทั้งหมดเพื่อปิดปากพวกมันอีก แล้วเขาก็คอยยืนดูไททันเทพอาสัญคอยทำลายเมืองจี้มู่ต่อไป
ที่ทำไปทั้งหมดนี้เขาแค่อยากจะสั่งสอนเผ่าไททัน เขาอยากจะทำให้พวกมันรู้ว่ามนุษย์เองก็ไม่ได้ไร้อำนาจต่อกร!
สักวันหนึ่งเขาจะทำลายเผ่าไททันให้หมด เช่นเดียวกับที่เขาทำลายเมืองจี้มู่!
ทันใดนั้นไททันเทพอาสัญที่กำลังถือไททันเอาไว้ในมือข้างละตัวและกัดกินเนื้อของมันอย่างตะกละตะกลามก็เดินตรงเข้ามาหาหลินหยวน
“ยังไม่ถึงชั่วโมงเลย… เจ้าสัญญาไว้แล้ว… ว่าจะเพิ่มหมอกสีดำให้อีก 5 ลูก… อิอิ…”
พอมันมายืนอยู่ต่อหน้าเด็กหนุ่ม มันก็เผยรอยยิ้มไร้เดียงสาซึ่งขัดกับปากที่เปื้อนเลือดทำให้มันเหมือนกำลังแสยะยิ้มเสียมากกว่า
“ไม่ต้องห่วง ฉันเป็นคนรักษาคำพูด” หลินหยวนตอบกลับ “แต่เราต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อน อีกไม่นานกำลังเสริมของไททันจะมาถึง แกเองคงไม่อยากถูกจับไปขังไว้ในสุสานเหมือนเดิมใช่ไหม?”
ไททันเทพอาสัญชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ในสุสานไม่มีอะไรกิน… ข้าไม่อยากถูกขังแล้ว”
เด็กหนุ่มแล้วกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นแกก็ตามฉันมา แต่ขนาดตัวของแกทำให้แกตกเป็นเป้าหมายได้ง่าย ๆ ตอนนี้แกเข้ามาพักด้านในก่อนเถอะ”
หลินหยวนพูดจบแล้วก็ใช้พลังอันเดดเปิดประตูมิติอันเดดขึ้นมา
เนื่องจากไททันเทพอาสัญเป็นเพียงศพที่มีความคิด มันจึงน่าจะเข้าไปอยู่ในช่องเก็บอันเดดได้เหมือนศพอื่น ๆ
ในตอนแรกไททันเทพอาสัญดูเหมือนจะต่อต้านคำสั่งของเด็กหนุ่มอยู่เล็กน้อย แต่แล้วพลังที่แผ่ออกมาจากภายในมิติก็ได้ดึงดูดความสนใจของมัน ไม่นานมันก็ถูกดูดเข้าไป
สำหรับสิ่งมีชีวิตอันเดด มิติอันเดดที่หลินหยวนเปิดออกนั้นมีสภาพแวดล้อมที่น่าดึงดูดและสะดวกสบาย ดังนั้นไททันเทพอาสัญจึงไม่อาจต้านทานมันได้
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยพละกำลังของมัน การที่จะฝ่าออกมาจากมิติอันเดดนั้นไม่ใช่เรื่องยาก
หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดแล้ว หลินหยวนก็คว้ามือฉู่อวี้ก่อนที่ร่างจะเปลี่ยนเป็นสายฟ้าหายวับไปจากที่ที่เคยยืนอยู่ทันที
…
1 ชั่วโมงต่อมา
ชายชุดดำคนหนึ่งบินลงมาจากท้องฟ้า ด้านหลังเขามีไททัน 3 ตัวที่มีรูปร่างแตกต่างกัน
1 ในนั้นตัวใหญ่เท่าภูเขา แขนท่อนล่างดูแข็งแกร่งโดยที่แต่ละข้างมีนิ้วเท้า 4 นิ้ว ส่วนปลายมีกรงเล็บแหลมคม บนใบหน้าเองก็เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลม
รูปร่างของมันคล้ายกับ ‘เบฮีมอธ*’ ในตำนานของฝั่งตะวันตกมาก และที่สำคัญกว่านั้น ร่างกายของมันปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีม่วงที่เปล่งประกายวาววับ
*เบฮีมอธ (Behemoth) ที่เป็นสัตว์ประหลาดในตำนานของศาสนายูดายและศาสนาคริสต์ ซึ่งเป็นสัตว์ตัวใหญ่โตและทรงพลังมาก
นั่นหมายความว่าไททันตัวแรกก็คือเบฮีมอธอเมทิสต์!
ส่วนไททันตัวที่ 2 ร่างมหึมาของมันลอยอยู่กลางอากาศ รอบกายส่องแสงดั่งดวงอาทิตย์ดูราวกับเทพเจ้า ส่วนแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากตัวมันรุนแรงยิ่งกว่าไททันตัวแรกเสียอีก
หากจะเรียกขานให้สมกับรูปลักษณ์ของมันก็คงจะต้องเป็น ‘เพลิงสุริยัน’
และไททันตัวที่ 2 นี้ก็คือไททันเพลิงสุริยัน!
ส่วนไททันตัวสุดท้ายมีรูปลักษณ์ดุร้ายดุจดั่งปีศาจ ลักษณะเด่นของมันก็คือ หัวงูขนาดยักษ์ 9 หัวที่งอกออกมาจากคอ
ไททันตัวที่ 3 นี้ก็คือไททันไฮดรา!
ถึงแม้ว่าไททันทั้ง 3 จะมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกัน แต่รอบตัวพวกมันล้วนเปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาล
เมื่อเทียบกับไททันมังกรเพลิงที่แข็งแกร่งตัวนั้น พวกมันยังน่ากลัวกว่าเสียอีก
นั่นหมายความว่าไททันทั้ง 3 ตัวนี้อย่างน้อยจะต้องไม่ต่ำกว่าระดับมหันตภัยขั้นสูงสุด
และคนที่พาพวกมันมาที่นี่ดูเหมือนจะเป็นมนุษย์ที่สวมชุดสีดำซึ่งกำลังลอยอยู่ในอากาศ
ทันใดนั้นเขาก็ค่อย ๆ เปิดหมวกในขณะที่สายตาล้ำลึกจับจ้องไปที่ซากเมืองจี้มู่
ถ้าหลินหยวนเห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้หมวกนั้น เขาจะต้องตกตะลึงแน่นอน เพราะชายชุดดำคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฉู่เซียว คนที่เคยหลบหนีจากเขาไปได้สำเร็จ
หลังจากที่ชายหนุ่มหลบหนี เขาถึงขั้นวางแผนเปิดโปงตัวตนของเด็กหนุ่มเกือบสำเร็จด้วยซ้ำ
แม้ว่าสุดท้ายแล้วแผนการของเขาจะล้มเหลว แต่มันก็ยังสร้างความประทับใจให้หลินหยวนได้ไม่รู้ลืม
ปัจจุบันดูเหมือนว่าเขาจะเข้าร่วมกับเผ่าไททันได้สำเร็จและได้ครอบครองตำแหน่งที่สูงส่งในเผ่าไททัน
ไม่อย่างนั้นคงไม่มีไททันมหันตภัยขั้นสูงสุด 3 ตัวเดินตามหลังเขาต้อย ๆ แบบนี้
ฉู่เซียวยังคงนิ่งเงียบ แต่เบฮีมอธอเมทิสต์เป็นคนแรกที่พูดขึ้นทำลายความเงียบ “ท่านผู้พยากรณ์ ท่านเห็นอะไรหรือขอรับ?”
ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบว่า “ข้าเห็น… พวกมันออกไปแล้ว เพิ่งจะผ่านไปเมื่อชั่วโมงเศษ ๆ นี้เอง”
เหตุผลที่เบฮีมอธเรียกเขาว่า ‘ท่านผู้พยากรณ์’ ก็เพราะว่าเขาเป็นผู้สืบทอดมรดกจากไททันโลกาวินาศ!
และไททันตัวนั้นก็คือ ‘ไททันพยากรณ์’!
ภายในเผ่าไททัน ไททันพยากรณ์มีพลังที่พิเศษมาก มันมี ‘ดวงตาแห่งการทำนาย’ คู่หนึ่ง มันจึงสามารถมองเห็นอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
*******************************************
SkySaffron: หายหน้าหายตาไปนาน กลายเป็นผู้สืบทอดอีกคนแล้วเหรอเนี่ย!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 83
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น