บทที่ 457: ข้าคิดว่าข้าเองก็ไม่คู่ควรกับนาง
มู่ไป๋ไป่ตกตะลึงไปชั่วขณะ แล้วจิตใต้สำนึกก็บอกให้เธอชักมือกลับ ในขณะที่ใบหน้าสวยแดงขึ้นอีกครั้ง แต่เธอไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้คว้าซี่โครงหมูชิ้นหนึ่งมายัดใส่ปากเป็นการประท้วง “ข้าอยากจะกินข้าก็จะกิน ท่านมีปัญหาอะไรหรือ?”
เซียวถังอี้มองแก้มป่อง ๆ ของสตรีตรงหน้าโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง
เจ้าตัวเล็กคนนี้ดูเหมือนจะโตขึ้นแล้ว แต่นิสัยนางไม่เปลี่ยนเลยสักนิด
แล้วทั้งคู่ก็นั่งอยู่ที่ริมสระน้ำจนถึงเที่ยงคืน มู่ไป๋ไป่ถึงจะกลับไปที่ห้องนอนพร้อมกับท้องที่กลมนูน
ภายใต้แสงจันทร์ เซียวถังอี้เฝ้าดูร่างระหงเดินเข้าไปในห้องตัวเอง เมื่อแสงเทียนภายในดับลง เขาก็ค่อย ๆ หันกลับไปมองเต่าเฒ่าที่ปีนขึ้นมาจากสระน้ำ แล้วยื่นคอออกมาหมายจะขโมยเนื้อกิน
เต่าชราตัวนี้กินเนื้อในจานอย่างเอร็ดอร่อย พอถึงตอนที่มันรู้ว่ามีอันตรายพุ่งมาที่ตน มันก็ถูกยกลอยขึ้นไปในอากาศเรียบร้อยแล้ว
“ไอ้หนู! เจ้าทำอะไรน่ะ!” เต่าอาวุโสพยายามขยับขาของมัน ในขณะที่หัวสั่นคลอนด้วยความตื่นตระหนก “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!”
“โอ๊ย สูงชะมัด! ข้าต้องตกลงไปตายแน่!”
เต่าเฒ่าตะโกนโวยวายเสียงดัง แต่ไม่นานมันก็ต้องเผชิญหน้ากับหน้ากากสีเงิน
ชายหนุ่มที่เคยกลั่นแกล้งมันก่อนหน้านี้กำลังกะพริบตาคมดุมองมันอยู่
ฝ่ายที่ถูกจ้องมองสำลักอาหารในปากอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมันก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และพูดด้วยความเหลือเชื่อ “ที่เจ้ามองข้าแบบนั้น หรือเป็นเพราะว่า…?”
“เจ้าได้ยินที่เต่าตัวนี้พูดด้วยหรือ?”
องค์หญิงหกคือจ้าวอสูร ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่นางจะเข้าใจในสิ่งที่มันพูด
แต่ชายหนุ่มที่สวมหน้ากากตรงหน้าคนนี้ล่ะ?
มันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีผู้ใดในโลกนี้ที่สามารถเข้าใจภาษาสัตว์ได้นอกจากจ้าวอสูร มันจึงไม่อยากปักใจเชื่อสักเท่าไหร่
“ใช่ ข้าได้ยินที่ท่านพูด” เซียวถังอี้เม้มปากแล้วตอบกลับ “ผู้เฒ่าเต่า”
ดวงตาของเต่าชราเบิกกว้างทันทีที่ได้รู้ความจริงมันน่าเหลือเชื่อ “เจ้าได้ยินข้าจริง ๆ หรือ นี่เจ้ากำลังล้อข้าเล่นใช่หรือไม่ ฮึ! ข้าไม่หลงกลเจ้าหรอก มันก็แค่เรื่องบังเอิญ…”
“ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินท่านผู้เฒ่าเต่าพูดกับไป๋ไป่ว่ารู้ความลับมากมายในวังหลวง” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับยิ้มจาง ๆ “ข้าอยากจะรู้ว่าท่านผู้เฒ่าจะช่วยข้าไขข้อสงสัยนี้ได้หรือไม่?”
“เจ้าได้ยินจริง ๆ หรือ?” เต่าอาวุโสยังคงตกตะลึงไม่หาย “แล้ว… แล้วที่ข้าบอกว่าจะช่วยอ่านดวงชะตาให้…”
เซียวถังอี้ยิ้มโดยไม่พูดอะไร แต่นั่นก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด
เต่าชราตัวสั่นเมื่อคิดว่าพ่อหนุ่มคนนี้เป็นคนที่มีความคิดล้ำลึก ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาเสแสร้งได้เก่งมากจนทำให้เต่าที่มีอายุยืนยาวอย่างมันยังโดนหลอก!
“ในเมื่อเจ้าเข้าใจภาษาสัตว์ แล้วไยเจ้าถึงต้องแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ?” เต่าอาวุโสจ้องชายสวมหน้ากากสีเงินด้วยดวงตาที่มีขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว แต่พอมันหรี่ตาลง มันก็ดูดุดันขึ้นไม่น้อย “ทำไมเจ้าต้องปิดบังท่านจ้าวอสูร? เจ้าคิดร้ายกับท่านจ้าวอสูรหรือ?”
เซียวถังอี้พยายามกลั้นยิ้มในขณะที่ตอบออกไปด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าเพียงแค่เข้าใจภาษาสัตว์ได้โดยบังเอิญเท่านั้น ข้าไม่รู้ว่าความสามารถนี้จะยั่งยืนนานเพียงใด ข้าจึงยังไม่ได้บอกไป๋ไป่ แล้วก็รบกวนให้ท่านช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วย”
เขารู้ว่าสัตว์เหล่านี้มีความเคารพนับถือต่อมู่ไป๋ไป่ และสัตว์ก็มีความอ่อนไหวมากกว่ามนุษย์ ดังนั้นเขาไม่มีทางโกหกต่อหน้าสัตว์พวกนี้ได้แน่นอน
“ฮึ ทำไมข้าต้องช่วยเจ้าเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วยล่ะ?” เต่าเฒ่าทำท่าทางดูถูกอีกฝ่าย “เจ้ามันเป็นมนุษย์จิตใจสกปรกที่คิดไม่ซื่อ”
“บิดาได้เห็นผู้คนและกลอุบายสารพัดในวังหลวงแห่งนี้ บิดามองเห็นอย่างชัดเจนว่าเจ้าคิดอย่างไรกับท่านจ้าวอสูร แต่บิดาก็ต้องบอกเจ้าตามตรงว่า เจ้าไม่คู่ควรกับท่านจ้าวอสูรของเรา”
ดวงตาของเซียวถังอี้มืดลงเล็กน้อยพร้อมกับมีแสงเย็นวาบไปทั่วหน้ากากสีเงิน แต่คำพูดที่เอ่ยออกมากลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “ข้าคิดว่าข้าเองก็ไม่คู่ควรกับนางเช่นกัน”
“หืม?” เต่าชราไม่คิดว่าชายหนุ่มจะตอบกลับเช่นนี้ มันจึงเอียงคอมองคนตรงหน้าด้วยความสงสัย “ช่างเป็นมนุษย์ที่หาได้ยากยิ่ง”
“เอาเถอะ บอกข้ามาสิว่าเจ้าอยากจะถามอะไร วันนี้ข้าอารมณ์ดี ข้าจะฝืนใจตอบคำถามของเจ้าก็แล้วกัน แต่มีเงื่อนไขว่าเจ้าจะต้องวางเต่าตัวนี้ลงก่อน”
…
คืนนั้นมู่ไป๋ไป่นอนหลับสบายมากกว่าที่ผ่าน ๆ มา
ดูเหมือนว่าความฝันของเธอจะตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมหวานของสุราและแสงจันทร์ ถึงขนาดที่ว่าพอเธอลืมตาในเช้าวันรุ่งขึ้นแล้วเผชิญหน้ากับเต่าเฒ่าตัวนั้น เธอก็ยังคิดอะไรไม่ออก
“จ้าวอสูร อย่าหาว่าอย่างนู้นอย่างนี้เลยนะ เจ้าเป็นถึงองค์หญิงของแว่นแคว้น แม้กระทั่งการนอนก็ช่วยสำรวมกิริยามารยาทหน่อยได้หรือไม่?” เต่าชราที่นอนอยู่ข้างหมอนเอ่ยปากสั่งสอนหญิงสาวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถ้าใครมาเห็นเจ้าในสภาพเช่นนี้ เจ้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน พวกเขาคงจะหัวเราะเยาะเจ้าแน่”
มู่ไป๋ไป่ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความมึนงง เธอต้องใช้เวลานานกว่าที่สมองจะประมวลผลว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่เธอจะกอดผ้าห่มเอาไว้พร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ใครจะมาอยากดูข้าตอนนอนกัน ว่าแต่… ท่านปู่เต่า ท่านมาทำอะไรที่นี่?”
ตัวเธออาจจะไม่ได้ใส่ใจว่าสระน้ำนั้นอยู่ห่างจากที่นี่เท่าใด
สระน้ำนั้นอาจจะอยู่ไม่ไกลจากห้องของเธอสักเท่าไหร่ แต่นั่นมันสำหรับมนุษย์
เต่าชราตัวนี้ตัวเล็กมาก และด้วยสายพันธุ์ของมันทำให้มันคลานได้ช้ามากจนเธอไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะคลานมาถึงที่นี่
“ท่านปู่เต่า ท่านมีอะไรจะพูดกับข้าหรือ?” มู่ไป๋ไป่ขยี้ตาที่ยังตื่นไม่เต็มที่พร้อมกับพยายามลุกจากเตียงเพื่อไปล้างหน้าล้างตา “ถ้าท่านปู่อยากกินเนื้อ เอาไว้ข้าจะสั่งให้คนนำเนื้อไปวางไว้ให้ท่านปู่ที่ข้างสระน้ำก็แล้วกัน”
เต่าเฒ่าหันกลับมามองหญิงสาวช้า ๆ แล้วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “แน่นอน ข้าอยากกินไก่ย่างที่เจ้ากินเมื่อคืน”
“เอาทั้งตัวเลย”
มู่ไป๋ไป่รู้สึกขบขันกับคำขอของมัน เธอจึงหันมาพูดพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าเป็นไก่ย่างทั้งตัว ท่านกินไหวหรือ?”
เต่าชราตัวนี้มีขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของตัวไก่เท่านั้น มันจะกินไก่ทั้งตัวเพียงลำพังได้อย่างไร?
“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น” เต่าเฒ่าพูดด้วยน้ำเสียงฟึดฟัด “ข้ามาหาเจ้าแต่เช้าเพราะว่าตอนที่ข้าเฝ้าดูดวงดาวบนท้องฟ้าเมื่อคืนนี้ ข้าเห็นอะไรบางอย่าง”
“ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าข้าดูดวงเป็น”
“ดูดวงหรือ?” มู่ไป๋ไป่ขมวดคิ้วทำหน้าฉงน “ท่านปู่เต่า ท่านดูดวงเป็นจริง ๆ หรือ?”
“นี่ ข้าจะโกหกเจ้าไปทำไม?” พอเต่าอาวุโสเห็นว่าหญิงสาวไม่เชื่อตน มันก็รู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย “เอาเถอะ เจ้าควรตั้งใจฟังให้ดี”
“ตามคำทำนายที่ข้าสังเกตดวงดาวเมื่อคืนนี้ เจ้าจะประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่ในตอนที่กลับมาเมืองหลวง”
“หากเจ้าสามารถผ่านพ้นภัยพิบัติในครั้งนี้ไปได้ เจ้าก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระไร้กังวลตลอดไป”
ฝ่ายที่ได้ยินกะพริบตาด้วยความประหลาดใจ “อิสระและไร้กังวล…” นั่นเป็นสิ่งที่เธอโหยหามาตลอด หรือว่าเจ้าเต่าตัวนี้จะวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ?
“แล้วถ้าข้าผ่านพ้นมันไปไม่ได้ล่ะ?” มู่ไป๋ไป่อดถามขึ้นมาไม่ได้
เต่าชราเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวเงียบ ๆ หลังจากนั้นไม่นานมันก็ตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เช่นนั้นเจ้าก็จะตาย”
“...”
“แต่เจ้าไม่ต้องกังวลมากเกินไป” เต่าเฒ่าค่อย ๆ คลานกลับไปบนหมอนพร้อมกับความรู้สึกว่าที่นี่สบายกว่าในสระน้ำเย็น ๆ หลายเท่า
“เนื่องจากโชคชะตาของเจ้านั้นดีเยี่ยมมาตลอด และมีบุคคลผู้มีอำนาจที่ถูกกำหนดให้มาช่วยเหลือเจ้า ขอเพียงแค่บุคคลนั้นยังอยู่ที่นี่ เจ้าจะหลีกหนีจากภยันตรายไปได้แน่นอน”
“ใครกัน?” มู่ไป๋ไป่หวาดกลัวคำว่าตายตั้งแต่ยังเด็ก ภัยพิบัตินั้นหมายถึงความตาย หากไม่สามารถก้าวผ่านมันได้ นั่นมันไม่ใช่ภัยพิบัติร้ายแรงหรอกหรือ?
เธอเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ในที่สุดเธอก็ได้เกิดใหม่จนเติบโตมาถึงตอนนี้ ดังนั้นเธอไม่อยากล้างไพ่แล้วต้องไปเริ่มใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง และเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนจะยังได้รับโอกาสเช่นนี้อีกหรือไม่
“ท่านปู่เต่า ท่านรู้หรือไม่ว่าใครคือผู้มีพระคุณของข้า?” มู่ไป๋ไป่นอนอยู่บนเตียงด้วยความกังวล ไม่ว่าสิ่งที่เต่าตัวนี้พูดนั้นจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ อย่างน้อยเธอก็ควรรู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 133
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น