บทที่ 294 ปีศาจลาวา
บทที่ 294 ปีศาจลาวา
ป่าเรดวูด
กลุ่มผู้เล่นกำลังเดินตามเจียงเจ๋อด้วยความกระตือรือร้น
“หัวหน้าเจียงเจ๋อครับ หัวหน้ากิลด์พูดจริง ๆ ใช่ไหมว่าถ้าหากเราสร้างผลงานในครั้งนี้ได้ดี เราจะมีสิทธิ์เข้าร่วมทีมของราชินีหยู่เว่ย” นักรบหัวโล้นคนหนึ่งถามขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับมองไปยังกลุ่มผู้เล่น 50 คนที่อยู่ไกล ๆ
เมื่อสักครู่นี้พวกเขาทั้ง 50 คนได้สังหารคนของโอเวอร์ลอร์ดไป 200 คน พวกเขาจึงรีบเข้ามารายงานอย่างดีใจเพื่อหวังจะได้เข้าร่วมทีมของเซี่ยหยู่เว่ย
“คนที่ทำผลงานได้ดีก็แค่มีสิทธิ์ได้เข้าร่วมกองกำลังของเซี่ยหยู่เว่ยเพิ่มขึ้นเท่านั้น อย่าลืมนะว่ากองกำลังใหม่นี้คัดเลือกสมาชิกเพียงแค่ 10,000 คน แต่พวกคุณมีกัน 50,000 คน ดังนั้นพวกคุณจะต้องแย่งชิงตำแหน่งกันเอง” เจียงเจ๋อกล่าว
“อีก 15 วันก็จะถึงวันคัดเลือกแล้ว ไม่ได้การล่ะฉันจะไปบุกป้อมของโอเวอร์ลอร์ดเดี๋ยวนี้เลย”
“บุกป้อมของโอเวอร์ลอร์ดแล้วยึดป้อมมาเป็นของขวัญให้กับราชินีหยู่เว่ยของพวกเราดีกว่า”
เมื่อได้เห็นความฮึกเหิมของทุกคน เจียงเจ๋อก็รีบห้ามปรามด้วยความปวดหัวว่า
“หากใครทำอะไรนอกเหนือคำสั่ง ฉันจะไล่คนพวกนั้นออกจากกิลด์ให้หมดเลย”
“ถ้างั้นพวกเราควรทำยังไงต่อครับหัวหน้า?” เหล่าบรรดานักรบเลือดร้อนต่างก็สงบเสงี่ยมลงในทันทีหลังจากที่ได้ยินคำขู่ของเจียงเจ๋อ
“ระหว่างนี้ทุกคนเก็บเลเวลรอกันไปก่อน หลังพี่น้องแสงเงาสืบข่าวกลับมาแล้วพวกเราค่อยตัดสินใจ” เจียงเจ๋อกล่าว
เมื่อได้ยินชื่อของสองคนนี้แววตาของทุกคนก็เปลี่ยนไป ก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันกลับไปนำทีมของตัวเอง
ไม่นานบริเวณลานโล่งใต้แสงแดดอันเจิดจ้า ผู้เล่นคนหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นมาอย่างกะทันหันราวกับว่าเขาปรากฏตัวขึ้นมาจากแสงแดดเสียเฉย ๆ
ในเวลาเดียวกันก็มีผู้เล่นอีกคนปรากฏตัวภายใต้ร่มไม้ ก่อนที่ทั้งสองจะเข้ามาพูดกับเจียงเจ๋ออย่างนอบน้อม
“หัวหน้า พวกเรากลับมาแล้วครับ”
เจียงเจ๋อพยักหน้ารับอย่างพอใจและทั้งคู่ก็คือผู้เล่นที่ได้รับฉายาว่าจอมโจรแห่งแสงและจอมโจรแห่งเงานั่นเอง
จอมโจรแห่งแสงคือผู้ที่ได้เปลี่ยนอาชีพจากโจรไปเป็นไบรท์ทีฟที่มีความสามารถซ่อนตัวในแสงสว่าง ส่วนจอมโจรแห่งเงาได้เปลี่ยนอาชีพเป็นชาโดว์ทีฟที่มีความสามารถในการซ่อนตัวภายในเงา พวกเขาจึงกลายเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดภายในกลุ่มผู้เล่นที่รับสมัครเข้ามาใหม่ในรอบนี้นั่นเอง
อย่างไรก็ตามทั้งคู่ก็ยังสู้เจียงเจ๋อที่เปลี่ยนอาชีพเป็นเดดไนท์ไม่ได้ เพราะด้วยสกิลสัมผัสวิญญาณขอแค่มีสิ่งมีชีวิตเข้าใกล้ในระยะ 20 เมตร เจียงเจ๋อก็สามารถสัมผัสถึงคนเหล่านั้นได้แล้ว
ย้อนกลับไปในช่วงเช้าที่เจียงเจ๋อได้รับคำสั่งให้นำทีม จอมโจรทั้งสองคนนี้ไม่คิดที่จะยอมรับคำสั่งจากใครง่าย ๆ พวกเขาจึงท้าทายเจียงเจ๋อพร้อม ๆ กัน
อย่างไรก็ตามเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าเจียงเจ๋อ ความสามารถในการซ่อนตัวของพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะนำมาใช้งานได้เลย นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเขาจึงไม่กล้าแสดงท่าทีอันหยิ่งยโสต่อหน้าเจียงเจ๋ออีกต่อไป
“เป็นยังไงบ้าง ได้ข่าวอะไรมาบ้างไหม?” เจียงเจ๋อถาม
“ฉงป้าไม่คิดจะปะทะกับพวกเราแล้วครับ เขาได้สั่งให้คนส่วนหนึ่งเฝ้าอยู่ด้านนอกป้อมปราการ ขณะที่กองกำลังอีกส่วนเข้าไปบุกเบิกพื้นที่ภายในป้อมปราการต่อ” หยางหวางหรือจอมโจรแห่งแสงกล่าว
“พวกเขายอมถอยงั้นเหรอ?” เจียงเจ๋ออดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เมื่อได้เห็นฉงป้าที่ขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์ร้อนและหยิ่งผยองยอมถอยออกไปง่าย ๆ แบบนี้
“ตอนนั้นผมอยู่ห่างจากฉงป้าไม่ไกล แต่จากท่าทางแล้วเหตุการณ์นี้ทำให้เขาโกรธมากจนระบายอารมณ์ใส่ลูกน้องไปยกใหญ่ สรุปแล้วเขาเก่งกาจอย่างในข่าวลือจริง ๆ เหรอครับ?” เซี่ยเย่หรือจอมโจรแห่งเงาถาม
“บางทีอาจจะเป็นเพราะชื่อเสียงของพวกนายยิ่งใหญ่เกินไป ฉงป้าเลยไม่กล้าปะทะกับพวกนายโดยตรง” เจียงเจ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แล้วพวกเราจะทำยังไงต่อครับ?” หยางหวางถาม
“แยกย้ายกันไปจัดการมอนสเตอร์แล้วรวบรวมวัตถุดิบ พวกเราจะปักหลักกันอยู่ที่นี่สักพักจนกว่าฉงป้าจะยอมไปขอโทษหัวหน้ากิลด์ด้วยตัวเอง” เจียงเจ๋อกล่าวก่อนที่จะนำทีมไปออกล่าไฮดร้าอย่างเนียน ๆ
“ได้ครับ” ทั้งสองตอบรับขึ้นมาพร้อมกัน
ในอีกด้านหนึ่งซุนหยูก็สั่งการในลักษณะที่คล้าย ๆ กันเพียง แต่วัตถุดิบเป้าหมายสำหรับการล่าเป็นไอเท็มที่แตกต่างกันก็เท่านั้นเอง
—
บนกำแพงป้อมปราการคริมสัน
ลู่หยางขึ้นมายืนบนกำแพงที่มีความสูงจากพื้นกว่า 40 เมตร ทันใดนั้นเขาก็ได้รับข่าวจากซุนหยูและเจียงเจ๋อ
“ดีมาก” ลู่หยางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ขณะทำการขว้างมีดเอสเคพเดจเจอร์ขึ้นไปด้านบนอย่างรุนแรง
ตัวมีดเปล่งประกายแสงสีฟ้าพร้อมกับพุ่งขึ้นไปด้วยความรวดเร็ว เมื่อมีดบินขึ้นไปจนถึงความสูง 30 เมตร ลู่หยางก็ทำการที่เทเลพอร์ตต่อเนื่องขึ้นไปยืนอยู่บนกำแพงที่สูงกว่าเดิม
อย่างไรก็ตามกำแพงบริเวณนี้เป็นกำแพงอันราบเรียบไม่มีที่ให้ยึดเกาะและมีพื้นที่ให้ยืนเพียงแค่ประมาณ 5 เมตรเท่านั้น โดยด้านล่างเป็นเหวลึกที่ถ้าหากใครร่วงหล่นลงไปคงจะเสียชีวิตอย่างแน่นอน
หลังจากรอคูลดาวน์วนกลับมาจนเสร็จ ลู่หยางก็ทิ้งตัวลงไปตามแนวของกำแพง ก่อนที่เขาจะเหวี่ยงเชือกภายในมือเข้าไปเกี่ยวกับช่องยิงธนู และทำการออกแรงดึงเพื่อพุ่งเข้าไปในกำแพงอย่างรวดเร็ว
“ศัตรูบุก!” คนแคระร่างสีดำที่ได้เห็นลู่หยางปรากฏตัวอย่างกะทันหันรีบตะโกนเพื่อส่งเสียงเตือน
คนแคระแบล็คสโตน (อีลิท)
เลเวล 40
พลังชีวิต 250,000/250,000
ในกำแพงมีคนแคระอยู่มากกว่า 200 คน เมื่อจู่ ๆ มันได้มีศัตรูบุกรุกเข้ามา นักรบคนแคระกว่า 20 คนก็ได้ใช้สกิลชาร์จพุ่งเข้าหานักเวทหนุ่มพร้อม ๆ กัน
อย่างไรก็ตามก่อนที่ร่างของคนแคระจะพุ่งเข้าชน ลู่หยางก็ได้เปิดใช้งานเอมเมอรัลฮาร์ททำให้ร่างกายของตัวเองกลายเป็นร่างสีเขียวโปร่งใส
เมื่อคนแคระพุ่งเข้าชนลู่หยางก็ยืนติดสตั้นอยู่กับที่ แต่ภายใต้สถานะไร้ตัวตนนี้การโจมตีทางกายภาพของเหล่าคนแคระก็ไม่สามารถที่จะสร้างความเสียหายต่อลู่หยางได้เลย
ในระหว่างที่คนแคระกำลังรุมโจมตีเข้าใส่ลู่หยาง มันก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากในระยะไกล ก่อนที่กลุ่มคนแคระจะรีบวิ่งตามนกฟีนิกซ์ออกไปอย่างรวดเร็ว
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ” ลู่หยางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หลังจากที่เขาได้ทำการอัญเชิญนกฟีนิกซ์เพื่อลากพวกคนแคระออกไปได้แล้ว
ระบบ: คุณค้นพบปากปล่องภูเขาไฟ
นี่คือวิธีการบุกป้อมปราการที่เคยถูกเขียนเอาไว้ในคู่มือเมื่อชาติก่อน ซึ่งลู่หยางเริ่มปีนกำแพงป้อมปราการตั้งแต่ตี 4 และใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงกว่าจะเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ได้
ตำแหน่งปัจจุบันที่เขายืนอยู่คือตรงบริเวณจุดสูงสุดของป้อมปราการคริมสันและมันก็ยังเป็นที่อยู่ของบอสตัวสุดท้ายอีกด้วย
เนื้อเรื่องของเกมได้กล่าวเอาไว้ว่าเมื่อหลายพันปีก่อนเผ่าคนแคระแบล็คสโตนบังเอิญได้รับอุกกาบาตจากนอกโลก ซึ่งอุกกาบาตชิ้นนี้มีความแข็งแกร่งมากขนาดที่ไม่มีไฟใด ๆ สามารถหลอมละลายอุกกาบาตชิ้นนี้ได้
เหล่าคนแคระจึงได้บูชาหินอุกกาบาตว่าเป็นของวิเศษและมีความคิดที่จะเปลี่ยนหินก้อนนี้ให้กลายเป็นอาวุธวิเศษประจำเผ่าพันธุ์ของพวกเขา ในที่สุดมันก็มีคนเสนอราชาคนแคระแบล็คสโตนว่าที่นี่เป็นภูเขาไฟที่สงบลงแล้ว หากพวกเขาได้ขุดดินลึกลงไปความร้อนของลาวาก็น่าจะสามารถหลอมละลายอุกกาบาตชิ้นนี้ลงไปได้
ราชาคนแคระแบล็คสโตนหลงใหลในอุกกาบาตวิเศษชิ้นนี้มาก เขาจึงนำคนทั้งเผ่ามายังภูเขาและได้พบว่าพื้นที่บริเวณนี้มีอุณหภูมิที่สูงมาก ซึ่งมันก็เป็นหลักฐานที่แสดงว่าบริเวณใต้ดินยังจะต้องมีลาวาไหลเวียนอยู่แน่ ๆ
หลังจากราชาคนแคระได้นำคนแคระกว่า 100,000 คนขุดเจาะลงไปใต้ดิน 1 ปีต่อมาพวกเขาก็ขุดเจอลาวาได้สำเร็จ แต่ในขณะที่พวกเขากำลังดีใจอยู่นั่นเอง จู่ ๆ มันก็มีปีศาจลาวายักษ์ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน
การปรากฏตัวของปีศาจลาวาทำให้ภูเขาไฟปะทุและทำให้คนงานขุดเหมืองกว่าครึ่งเสียชีวิตลงไปอย่างฉับพลัน คนแคระแบล็คสโตนในส่วนที่เหลือจึงถูกจับมาเป็นทาส และคนแคระแบล็คสโตนที่คอยเฝ้าป้อมปราการอยู่ในขณะนี้ก็คือลูกหลานของทาสที่ถูกปีศาจลาวาจับตัวมาในตอนนั้นนั่นเอง
สาเหตุที่ลู่หยางไม่โจมตีเหล่าคนแคระนั่นก็เพราะว่าพวกเขายังมีภารกิจที่ซุกซ่อนอยู่ ตราบใดก็ตามที่เขาสังหารปีศาจลาวาลงไปได้ มันก็จะเป็นการปลดล็อคภารกิจลับของคนแคระแบล็คสโตน
กรร!
เสียงร้องคำรามดังขึ้นมาจากระยะไกล เมื่อลู่หยางมองตามเสียงไปเขาก็ได้พบกับปีศาจลาวาที่มีความสูงกว่า 10 เมตรค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจากลาวาอันร้อนระอุ
“ไอ้พวกทาสโสโครก! กล้าดียังไงถึงมารบกวนการพักผ่อนของข้า” ปีศาจลาวาร้องคำรามด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่มันจะสะบัดมือเพื่อสังหารนกฟีนิกซ์และคนแคระกว่า 200 คนให้เสียชีวิตในทันที
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 187
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น