บทที่ 251 เจ้าอสูร

-A A +A

บทที่ 251 เจ้าอสูร

บทที่ 251 เจ้าอสูร

หลังกลับมาถึงบ้าน ลู่หยางก็ล็อกอินเข้าไปภายในเกมและปรากฏร่างขึ้นมาภายในวิหารเจ้าอสูร

สาเหตุที่ชายหนุ่มไม่เลือกกลับไปพักที่เมืองเพราะชุดเซ็ตเจ้าอสูรที่เขารวบรวมได้มันยังไม่เพียงพอ เขาจึงต้องการที่จะกลับเข้ามาภายในเกมเพื่อฟาร์มอุปกรณ์อีกครั้ง

“วันนี้เราขุดแร่เหล็กดำคุณภาพ 20 ขึ้นไปได้มากกว่า 3,600 ชิ้น แร่ทองคุณภาพ 50 ขึ้นไปได้ 50 ชิ้น นายจะให้คนของเราขุดแร่ต่อไปไหม?” เจียงเจ๋อติดต่อเข้ามารายงานทันทีที่ลู่หยางเริ่มออนไลน์

“ขุดต่อไปก่อนแล้วเก็บของทั้งหมดเอาไว้ในคลังกิลด์” ลู่หยางตอบ

“แต่ตอนนี้พื้นที่ในคลังกิลด์แทบจะไม่พอแล้วนะ” เจียงเจ๋อกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันจะกลับไปเคลียร์พื้นที่ให้เอง” ลู่หยางกล่าว

แร่เหล็กดำคือวัตถุดิบสำคัญสำหรับการอัปเกรดอุปกรณ์ ดังนั้นยิ่งเขาหาชุดเซ็ตเจ้าอสูรมามากเท่าไหร่ มันก็จำเป็นจะต้องใช้แร่เหล็กดำในการอัปเกรดมากขึ้นเท่านั้น

หลังจากปิดเครื่องสื่อสารไป ชายหนุ่มก็เดินไปยังชั้นใต้ดิน 3 เพื่อสังหารองครักษ์เจ้าอสูรต่อ

วันนี้เขาตั้งใจที่จะบุกเข้าไปในวิหารเจ้าอสูรโดยตรงเพื่อเผชิญหน้ากับเจ้าอสูรที่มีโอกาสดรอปคำสั่งโจมตีป้อมปราการคริมสัน

ป้อมปราการคริมสันและป้อมปราการเกรย์มีความแตกต่างจากป้อมปราการอื่น ๆ ในดินแดนมนุษย์ เพราะมันเป็นป้อมปราการที่อยู่ชายแดนระหว่างเผ่ามนุษย์และเผ่าอสูรจึงทำให้คำสั่งบุกยึดป้อมปราการเหล่านี้ดรอปเฉพาะในแผนที่เลเวล 30 ของมนุษย์อย่างคุกใต้พิภพและวิหารเจ้าอสูรในเขตของเผ่าอสูรเท่านั้น ไหน ๆ วันนี้เขาก็เดินทางมาเยือนวิหารเจ้าอสูรแล้ว ชายหนุ่มจึงอยากจะลองเสี่ยงโชคดูสักหน่อย

ลู่หยางไล่สังหารมอนสเตอร์ไปจนถึงชั้นใต้ดิน 5 ทำให้เขาเก็บรวบรวมชุดเซ็ตเจ้าอสูรได้ 6 เซ็ต เมื่อเขาเดินทางไปจนถึงทางเข้าของชั้นที่ 6 ลู่หยางก็ได้พบว่าน้ำยาในกระเป๋าเหลืออีกเพียงแค่ 5 ชุดเท่านั้น

นักเวทหนุ่มตัดสินใจเทเลพอร์ตกลับไปยังวิหารเทพอสูรพร้อมกับวางอุปกรณ์ทั้งหมดเอาไว้บนพื้น จากนั้นเขาก็ทำการเติมน้ำยาให้เต็มกระเป๋าและเทเลพอร์ตกลับไปยังวังใต้ดิน

พื้นที่ชั้นที่ 6 ของวังใต้ดินเป็นเขาวงกตลักษณะคล้ายรังผึ้ง 6 เหลี่ยมที่มีขนาดใหญ่มาก และเนื่องจากพื้นที่อันซับซ้อนมันจึงทำให้ผู้เล่นหลาย ๆ คนที่เคยเข้ามาสำรวจที่นี่เป็นเวลากว่า 5 ปีก็ยังหาทางออกไปจากรังผึ้งไม่ได้

แม้สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้การสำรวจล่าช้าจะมาจากพื้นที่อันซับซ้อน แต่สาเหตุอีกส่วนหนึ่งก็มาจากองครักษ์เจ้าอสูรและนักธนูอสูรที่พวกมันไม่ได้อยู่ในสภาพถูกปิดผนึกอีกต่อไปแล้ว ผู้เล่นส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามายังแผนที่แห่งนี้จึงถูกสังหารจนตาย และถึงแม้บางคนจะยังไม่ตายแต่สุดท้ายพวกเขาก็จะถูกบังคับให้ต้องใช้น้ำยาจนหมดอยู่ดี

หากไม่มีกิลด์ใหญ่เดินทางมาบุกเบิก มันก็อาจจะต้องใช้เวลานานมากกว่าผู้เล่นจะสำรวจพื้นที่นี้ได้ครบ แน่นอนว่าผู้เล่นกลุ่มแรกที่เคลียร์พื้นที่ได้สำเร็จย่อมได้รับโบนัสกลับไปมากกว่าคนอื่น และโชคดีที่ในชาติก่อนลู่หยางเคยเดินผ่านพื้นที่นี้มาเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน

ในเขาวงกตมีห้อง 6 เหลี่ยมอยู่ทั้งหมด 1,686 ห้องและเส้นทางที่จะนำไปสู่พื้นที่ชั้นที่ 7 ก็มีอยู่เพียงแค่เส้นทางเดียวเท่านั้น หลังจากที่ลู่หยางวิ่งผ่านห้อง 6 เหลี่ยมมา 24 ห้อง ในที่สุดเขาก็ได้พบกับห้องโถงอันกว้างใหญ่

ระบบ: คุณค้นพบวิหารเจ้าอสูร

ในห้องโถงมีพื้นที่ประมาณ 500 ตารางเมตร โดยพื้นที่ทั้งหมดทำขึ้นมาจากหินสีดำ ผนังโดยรอบก็ทำขึ้นมาจากหินสีดำด้วยเช่นกัน ตรงบริเวณตรงข้ามกับทางเข้ามีแท่นบูชาที่มีรูปปั้นอสูรหัวแพะขนาดใหญ่สูงกว่า 5 เมตรยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางห้องโถง

แม้รูปปั้นตรงหน้าจะดูเหมือนไม่มีพิษมีภัย แต่ความจริงแล้วมันคือผู้นำของสถานที่แห่งนี้หรือก็คือเจ้าอสูรนั่นเอง

แปลงร่าง!

ลู่หยางใช้สกิลแปลงร่างกลายเป็นอสูรเพลิงที่มีความสูงมากกว่า 5 เมตร จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เดินเข้าหาเจ้าอสูรอย่างช้า ๆ และเมื่อระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายลดลงมาเหลือเพียงแค่ 10 เมตรทั่วทั้งห้องก็เริ่มมีการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

เปลือกสีเทาบริเวณรอบนอกของเจ้าอสูรเริ่มปริแตกออก ก่อนที่ในที่สุดเจ้าอสูรตัวสีเทาแดงจะกระโดดลงมาจากแท่นบูชา

เจ้าอสูร (บอส)

เลเวล 40

พลังชีวิต 1,500,000/1,500,000

“ไอ้พวกชั่วช้า! พวกแกกล้าใช้ดวงตาอสูรปิดผนึกข้าเอาไว้งั้นเหรอ วันนี้ข้าจะกวาดล้างพวกเจ้าให้สิ้นซาก!” เจ้าอสูรร้องคำรามด้วยความโกรธ ก่อนที่มันจะยกมือเรียกเปลวเพลิงขึ้นมาเหนือศีรษะและพุ่งเข้าหาลู่หยางด้วยความรวดเร็ว

นี่คือสกิลพิเศษของเจ้าอสูร “บีทพั้นช์” ที่หากบอสจู่โจมเข้าใส่เป้าหมายได้สำเร็จ มันจะสามารถสร้างความเสียหายได้ 3 เท่าพร้อมกับสามารถเรียกองครักษ์เจ้าอสูร 10 ตัวออกมาจากเปลวไฟ

จุดที่ยากที่สุดสำหรับการเผชิญหน้ากับเจ้าอสูรคือบอสสามารถเรียกลูกสมุนออกมาได้อย่างไม่จำกัด ยิ่งไปกว่านั้นองครักษ์เจ้าอสูรที่ถูกเรียกออกมายังมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นบอสด้วยเหมือนกัน มันจึงทำให้แม้แต่ทีมชั้นยอด 50 คนของกิลด์ขนาดใหญ่ก็ยังสู้กับบอสตัวนี้ไม่ไหว

ในชาติก่อนมันได้มีกิลด์ ๆ หนึ่งคิดวิธีการต่อสู้กับเจ้าอสูรอย่างชาญฉลาด โดยการเลือกใช้โจรเป็นแนวหน้าแทนที่จะใช้นักรบตามปกติ ซึ่งหลังจากที่โจรมีเลเวล 30 พวกเขาจะสามารถเรียนรู้สกิลที่ช่วยเพิ่มอัตราการหลบหลีก 75% เป็นเวลา 1 นาที และเมื่อมันได้รวมกับอัตราการหลบหลีกของตัวเองแล้วมันก็ทำให้พวกเขาแทบจะหลบการโจมตีของเจ้าอสูรได้ 100%

อย่างไรก็ตามลู่หยางก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเตรียมทีมมาแบบนั้น เพราะทันทีที่ร่างของเจ้าอสูรพุ่งเข้ามาร่างของลู่หยางก็กลายเป็นแสงสีขาว ก่อนที่จะหายตัวไปปรากฏทางด้านหลังของเจ้าอสูร 35 เมตร

เฟลมสตอร์ม!

พื้นสีดำปะทุใต้เท้าเจ้าอสูรก่อนที่เสาเพลิงขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 13 เมตรจะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

-1,106

สัญลักษณ์ติดสตั้นปรากฏขึ้นเหนือศีรษะเจ้าอสูร 0.1 วินาที แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ลู่หยางใช้เฟลมสตอร์มใส่เจ้าอสูรที่ยืนมึนอยู่กับที่ได้อีกครั้ง

การโจมตีนี้ทำให้เจ้าอสูรไม่สามารถใช้สกิลพุ่งเข้ามาโจมตีใส่ลู่หยางได้เลย มันจึงจำเป็นจะต้องเดินเข้ามาหาลู่หยางอย่างช้า ๆ และถูกเฟลมสตอร์มโจมตีกว่า 10 ครั้งกว่าจะเข้ามาใกล้ชายหนุ่มได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตามในตอนที่บอสกำลังจะปล่อยบีทพั้นช์ออกไป ร่างของลู่หยางก็ได้กลายเป็นแสงสีฟ้าไปปรากฏตัวทางด้านหลังของเจ้าอสูรอีก 35 เมตร

เจ้าอสูรส่งเสียงร้องคำรามขึ้นมาด้วยความโกรธและพยายามที่จะพุ่งเข้าหาลู่หยางด้วยความรวดเร็ว น่าเสียดายที่ในตอนนี้ลู่หยางได้แปลงร่างเป็นอสูรเพลิง เขาจึงสามารถที่จะใช้เวทมนตร์ได้โดยไม่มีคูลดาวน์ การพยายามเข้าถึงตัวลู่หยางในช่วงเวลานี้จึงเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

เมื่อเจ้าอสูรเข้ามาใกล้ลู่หยางอีกครั้งบริเวณใต้เท้าของชายหนุ่มก็เต็มไปด้วยเปลวไฟอันลุกโชน จากนั้นเขาก็ออกวิ่งด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเจ้าอสูรถึง 2 เท่าพร้อมกับใช้สกิลเมเทโออิมแพคโจมตีไปด้านหลัง โดยให้อุกกาบาตกลิ้งมาตามทิศทางที่เจ้าอสูรกำลังวิ่งไล่ตามเขาอยู่

ไม่นานพลังชีวิตของเจ้าอสูรก็ลดลงเหลือต่ำกว่า 50% ซึ่งในขณะนี้ลู่หยางยังไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย

“เจ้าพวกมดปลวก! ข้าจะให้พวกเจ้าได้รับผลกรรมที่ทำเอาไว้!!” ทันใดนั้นร่างของเจ้าอสูรก็ขยายขนาดออกเป็น 2 เท่า ก่อนที่มันจะกางแขนออกเปิดประตูเปลวเพลิงที่ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ระหว่างนั้นลู่หยางก็ได้ถอยหลังไปอีก 30 เมตรจนถึงมุมกำแพงห้อง ก่อนที่จะใช้ไฟร์วอลล์ล้อมตัวเองไว้ในทุก ๆ ด้าน

เมื่อประตูเพลิงถูกเปิดออกองครักษ์เจ้าอสูรก็ทยอยเดินออกมาทีละตัว แต่หลังจากที่พวกมันพยายามพุ่งเข้าหาลู่หยาง ร่างของพวกมันก็ถูกหยุดเอาไว้ด้วยกำแพงไฟเสียก่อน

นี่คือเทคนิคที่มีชื่อเสียงในชาติก่อนมาก เพราะถึงแม้เจ้าอสูรจะไม่กลัวไฟแต่ลูกน้องของมันกลับไม่กล้าที่จะแตะต้องกำแพงไฟเลยแม้แต่นิดเดียว นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมลู่หยางถึงถอยมายังมุมห้อง เพราะมันทำให้ลูกน้องของบอสไม่สามารถจะทำอะไรกับเขาได้ และในเวลาเดียวกันตอนนี้บอสก็ยังไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้ด้วย

 

 


 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.