ตอนที่ 1,009 2 ใน 1
ตอนที่ 1,009 2 ใน 1
เรื่องน่าตกใจมักจะวนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวเซี่ยเฟยอยู่เสมอ โดยเฉพาะในครั้งนี้ที่ชายหนุ่มสามารถใช้วิชาวิญญาณออกมาโดยที่ยังได้รับคำแนะนำจากใคร มันจึงทำให้ทั้งลินนิจและริเวอร์ต่างก็จ้องมองไปยังชายหนุ่มด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“ฉันไม่เชื่อ! ถึงจะตายอีกครั้งฉันก็ไม่เชื่อ!! คนบ้าอะไรจะเรียนรู้ด้วยตัวเองได้เร็วขนาดนั้น สิ่งที่นายทำมันจะต้องเป็นแค่เรื่องบังเอิญแน่ ๆ” ลินนิจกล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ถ้าไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ ตอนนี้ฉันยังรู้สึกได้ถึงพลังแปลก ๆ อีกมากพอสมควร แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันควรจะใช้พลังออกมายังไงดี” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่
“รีบใช้พลังออกมาเลย เดี๋ยวฉันกับลินนิจจะช่วยดูให้” ริเวอร์รีบกล่าวเพราะเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเซี่ยเฟยยังจะทำอะไรได้อีกบ้าง
เซี่ยเฟยพยักหน้าก่อนที่เขาจะเริ่มฝึกใช้วิชาวิญญาณตามความรู้สึกที่ปรากฏขึ้นมาเองภายในใจ
“อย่าบอกนะว่าเขาทำได้จริง ๆ?” ลินนิจกล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นมาแตะคาง
ทันทีที่เขาพูดจบมือของเซี่ยเฟยก็เปล่งประกายออกมาอย่างเจิดจ้าราวกับว่าฝ่ามือของเขาทำขึ้นมาจากคริสตัล
“ชิบหายละ!” ลินนิจตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจ ก่อนที่เขาจะรีบมุดเข้าไปภายในเนอร์วาน่า
ริเวอร์มองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึงด้วยเช่นกัน ซึ่งมันก็ทำให้เขาอ้าปากค้างราวกับว่าตัวเองได้เห็นภาพจักรวาลที่กำลังแตกสลาย
ในที่สุดแสงบนฝ่ามือของชายหนุ่มก็หายไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเซี่ยเฟยที่ยืนหอบหายใจออกมาอย่างหนัก ระหว่างนั้นลินนิจก็ค่อย ๆ โผล่ศีรษะออกมาจากเนอร์วาน่าอย่างช้า ๆ เพื่อดูว่าสถานการณ์สงบลงแล้วหรือยัง
“เป็นอะไร? ทำไมคุณถึงต้องรีบหนีไปแบบนั้นด้วย?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“นี่นายยังจะกล้าถามอยู่อีกเหรอ?! ฉันเป็นหนึ่งในองครักษ์ส่วนตัวของปู่นายนะ แล้วนายจะฆ่าฉันทำไม?” ลินนิจตะโกนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ฉันไม่ได้จะโจมตีคุณสักหน่อย ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้น?” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างสับสน
“มหัศจรรย์มาก! เมื่อกี้คุณพึ่งปล่อยลำแสงทำลายวิญญาณออกมา นั่นเป็นทักษะพิเศษสำหรับโซลอีทเตอร์โดยเฉพาะ ตอนนี้ลินนิจอยู่ในร่างวิญญาณถ้าหากว่าเขาถูกลำแสงทำลายวิญญาณเข้าไป วิญญาณของเขาย่อมแหลกสลายอย่างแน่นอน แล้วมันก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงต้องรีบหนีขนาดนั้น” ริเวอร์อธิบายขณะพยายามระงับความตกใจเอาไว้
“เรื่องสำคัญในตอนนี้ไม่ใช่ว่าเซี่ยเฟยปล่อยลำแสงทำลายวิญญาณออกมาได้ยังไง แต่มันคือเรื่องที่เซี่ยเฟยสามารถใช้พลังของทั้งโซลฮันเตอร์และโซลอีทเตอร์ได้ต่างหาก”
“ตอนนี้นายกลายเป็นตัวอะไรไปแล้วเนี่ย ถึงใช้วิชาของทั้งสองฝั่งได้แบบนี้” ลินนิจอุทานอย่างสับสน
—
หลังจากวิหารผู้สร้างหลังเดิมถูกทำลายวิหารผู้สร้างหลังใหม่ก็ถูกสร้างขึ้นมา จริง ๆ แล้วสถานที่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากเผ่าเทพและเผ่ามารมากนัก แต่เนื่องมาจากสภาพแวดล้อมโดยรอบถูกปกปิดเอาไว้อย่างมิดชิด มันจึงยังไม่มีใครสามารถค้นพบการคงอยู่ของวิหารแห่งนี้ได้
หากเปรียบเทียบกับวิหารอันเก่า วิหารอันใหม่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด แต่มันถูกแทนที่ด้วยการตกแต่งอย่างหรูหรา เพราะท้ายที่สุดมันก็คือสถานที่พักของเหล่าบรรดาผู้สร้างทั้ง 13 คน
“นี่น่ะเหรอที่อยู่ของผู้สร้าง ในที่สุดฉันก็หามันจนเจอซะที” เซี่ยกู่เฉิงกล่าวอย่างเคียดแค้น ขณะจ้องมองไปยังวิหารผู้สร้างในระยะไกล
เครน, ซีนและโอเชี่ยนที่อยู่ใกล้ ๆ ก็แสดงสีหน้าออกมาอย่างน่าเกลียด เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็คือผู้สร้างเหมือนกัน การที่อีกฝ่ายกล่าวเหน็บแนมผู้สร้างแบบนั้น มันก็ส่งผลกระทบต่อพวกเขาทั้งสามคนด้วย
โชคดีที่เซี่ยกู่เฉิงไม่ใช่คนบ้ามากกว่านี้ที่กล้าบุกโจมตีวิหารด้วยตัวคนเดียว เขาจึงทำการเรียกจอมเทพทั้งห้าของตระกูลมารวมตัวด้วย
เมื่อทุกคนได้ยินว่าเซี่ยเฟยถูกผู้สร้างลงมือสังหาร เหล่าบรรดาจอมเทพจากสกายวิงก็ไม่สามารถระงับจิตสังหารของพวกเขาเอาไว้ได้อีกต่อไป ทุกคนต่างก็เริ่มส่งเสียงออกมาอย่างดุเดือดพร้อมกับจับจ้องมองไปยังวิหารผู้สร้างด้วยดวงตาสีแดงก่ำ
“ตามฉันมา!” เซี่ยกู่เฉิงตะโกนออกคำสั่ง ก่อนที่เขาและจอมเทพทั้งห้าคนจะเริ่มเคลื่อนไหว
“นี่คุณบ้าไปแล้วงั้นเหรอ?! ถึงกล้าบุกเข้าวิหารตรง ๆ แบบนั้น นี่คือที่อยู่ของผู้สร้างถึงเจ็ดคนเชียวนะ พวกเราควรจะวางแผนให้รอบคอบซะก่อน ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้พวกเราก็อาจจะกลับมาแก้ไขไม่ได้อีกเลย” เครนรีบเข้ามาหยุดเซี่ยกู่เฉิงเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะทำอะไรบุ่มบ่ามมากกว่านี้
“ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยบอกฉันทีว่าคุณรออะไรมาตั้งนานหลายปีถึงไม่คิดจะทำอะไรเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันไม่ได้มีความอดทนเหมือนกับคุณหรอกนะ ใครที่มันกล้าฆ่าสกายวิงพวกมันก็จะต้องชดใช้!” เซี่ยกู่เฉิงร้องคำรามอย่างหงุดหงิด ก่อนที่เขาจะนำพาฝูงหมาป่าทั้งห้าตรงไปยังวิหารไม่สนใจคำเตือนจากผู้สร้างทั้งสามเลยแม้แต่น้อย
ทุกคนต่างก็คิดว่าในวิหารมีผู้สร้างอยู่ทั้งหมดเจ็ดคน แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าแท้ที่จริงเซี่ยเฟยสังหารผู้สร้างไปแล้วหนึ่งคน และทำให้ผู้สร้างอีกคนได้รับบาดเจ็บสาหัส การกระทำของชายหนุ่มจึงทำให้ปัจจัยเสี่ยงในการบุกโจมตีวิหารในครั้งนี้ลดลงอย่างไม่ต้องสงสัย
—
“เซี่ยเฟยเป็นทั้งโซลฮันเตอร์และโซลอีทเตอร์จริง ๆ” ริเวอร์กล่าวอย่างตกตะลึง เพราะหลังจากที่เขากับลินนิจทดสอบเรื่องหลาย ๆ อย่างกับชายหนุ่ม พวกเขาก็สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจนแล้วว่าเซี่ยเฟยสามารถใช้ได้ทั้งพลังของโซลฮันเตอร์และโซลอีทเตอร์
“บางทีพวกเราอาจจะเป็นเพียงแค่กบในกะลาถึงไม่รู้ว่าในจักรวาลมีคนที่สามารถควบคุมพลังทั้งสองสายได้ โดยสรุปสถานการณ์ในปัจจุบันของเซี่ยเฟยก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เราคิด อย่างน้อยตอนนี้เขาก็เริ่มใช้วิชาวิญญาณได้บ้างแล้ว”
“พูดตามตรงฉันคิดว่าการโจมตีของเซี่ยเฟยดูแตกต่างจากสิ่งที่ฉันเคยเห็นมามาก คล้ายกับว่ามันมีพลังมากกว่านักรบวิญญาณรุ่นใหม่ และพลังที่เขาใช้มันก็ให้ความรู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก” ริเวอร์กล่าว
“ทุกอย่างที่นายพูดมันถูกต้องหมดนั่นแหละ เพียงแต่ฉันไม่อยากจะยอมรับความจริงข้อนี้เลย ตระกูลออโรร่าคงอยู่มาเป็นเวลาเนิ่นนานมาก มรดกของตระกูลก็มีจำนวนนับไม่ถ้วน แต่เซี่ยเฟยกลับไม่สามารถใช้มรดกของออโรร่าเหล่านั้นได้เลย” ลินนิจกล่าวอย่างเสียดาย
“บางทีเซี่ยเฟยอาจจะเป็นคนที่แตกต่างจากคนอื่น ลองคิดดูสิว่าเขาคือคนที่สามารถเปิดโซลมาร์คได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และพลังที่เขาใช้มันก็เป็นพลังที่เราไม่รู้จัก บางทีการที่เขาเป็นแบบนี้มันอาจจะดีสำหรับเขาแล้วก็ได้” ริเวอร์กล่าว
“นายหมายความว่ายังไง?” ลินนิจถามอย่างสงสัย
“เซี่ยเฟยแตกต่างจากสมาชิกคนอื่นของออโรร่ามาก วันหนึ่งถ้าหากเขากลับไปที่ตระกูลเขาอาจจะกลายเป็นตัวประหลาดของตระกูลเลยก็ได้ การที่เขาไม่ใช้วิชาของตระกูลมันก็จะเป็นการลดเป้าโจมตี ไม่อย่างนั้นถ้าหากเขาใช้วิชาของตระกูลไปทำให้ชื่อเสียงของออโรร่าเสื่อมเสีย เรื่องราวมันก็อาจจะเลวร้ายไปมากกว่านี้” ริเวอร์กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
ลินนิจชะงักค้างไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะแอบพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ตระกูลออโรร่าให้ความสำคัญกับความสง่างามมาก แต่เซี่ยเฟยให้ความสำคัญกับความเป็นจริงเท่านั้น ชายหนุ่มจึงไม่เคยสนวิธีการ ตราบใดก็ตามที่เขาสามารถใช้วิธีการไหนได้เขาก็จะใช้วิธีนั้นอย่างไม่ลังเล
การคิดอย่างรอบคอบ, การเคลื่อนไหวอย่างว่องไว, การกระทำอันเจ้าเล่ห์และการลงมืออย่างเฉียบขาดคือจุดเด่นของเซี่ยเฟยมาโดยตลอด แต่วิธีการเหล่านี้ย่อมถูกต่อต้านจากออโรร่าอย่างแน่นอนเพราะมันไม่ใช่วิธีการที่สง่างาม
—
เซี่ยเฟยรู้ดีว่าตอนนี้บรรพบุรุษต้องการพบกับเขาอย่างเร่งด่วน ดังนั้นหลังจากที่เขาได้ทดสอบพลังวิญญาณในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เขาจึงรีบเดินทางไปยังเมืองหุ่นยนต์เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าของการสร้างยานไททัน
อย่างไรก็ตามทันทีที่ชายหนุ่มได้ปรากฏตัว ชุดเกราะเทียมสวรรค์ที่เขากำลังสวมใส่มันก็ทำให้พวกโซฟีเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
อุปกรณ์ชั้นยอดย่อมมีกลิ่นอายเป็นของตัวเอง พวกเขาจึงสามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของชุดเกราะเทียมสวรรค์ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะวอร์สตาร์กับอันธที่กำลังจับจ้องมองไปยังชุดเกราะชุดใหม่ของเซี่ยเฟยด้วยแววตาอันเป็นประกาย เพราะมันคือชุดเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเห็นมา
แน่นอนว่ากลิ่นอายของเซี่ยเฟยในวันนี้ก็มีความรุนแรงมากกว่าปกติด้วยเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดชายหนุ่มก็ได้พัฒนาจนกลายเป็นจอมเทพเรียบร้อยแล้ว ร่างกายของเขาจึงอยู่ใกล้เคียงกับคำว่าจุดสูงสุดอย่างแท้จริง
หลังจากพูดคุยกันสั้น ๆ เซี่ยเฟยก็เริ่มถามเกี่ยวกับเรื่องของแอวริลและสถานะของไททัน เพราะเรื่องสองเรื่องนี้คือสิ่งที่เขารู้สึกกังวลมากที่สุด
ตอนนี้แอวริลกับเซียวรั่วหยูกลายเป็นเพื่อนสนิทกันเรียบร้อยแล้ว และพวกเธอก็ตัวติดกันทั้งวันทั้งคืน แม้ว่าเซียวรั่วหยูจะเด็กกว่าแต่เธอก็มีประสบการณ์ภายในดินแดนกฎ เธอจึงกลายเป็นเหมือนกับอาจารย์ของแอวริลที่ช่วยฝึกฝนทักษะต่าง ๆ ให้กับหญิงสาว
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่ได้คาดหวังให้แอวริลมีพลังมากนัก นอกเสียจากจะให้เธอมีชีวิตยืนยาวจากการเรียนรู้กฎแห่งชีวิต ท้ายที่สุดเรื่องในสนามรบก็ควรจะเป็นเรื่องของผู้ชาย ขอแค่แอวริลดูแลตัวเองได้แค่นั้นชายหนุ่มก็พอใจมากแล้ว
เมื่อบทสนทนาเปลี่ยนไปจนถึงเรื่องไททัน มอร์โรว์ก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างลึกลับ ก่อนที่เขาจะเปิดหน้าจอขึ้นมาโชว์
ภาพตรงหน้าทำให้เซี่ยเฟยชะงักค้างไปอย่างฉับพลัน เพราะสภาพภายนอกของไททันถูกสร้างขึ้นมาอย่างเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
“นี่พวกนายสร้างยานไททันลำแรกได้แล้วงั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยอุทานอย่างประหลาดใจ
“ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามที่คุณพามามีความสามารถที่น่ากลัวมาก และฉันก็ไม่รู้ว่าคุณให้ยาอะไรพวกเขากิน พวกเขาเลยทำงานทั้งวันทั้งคืนไม่เคยหยุดหย่อน เมื่อนำความสามารถของผู้เชี่ยวชาญทั้งสามมาประกอบกับเทคโนโลยีของศูนย์วิจัยลับและกำลังการผลิตของพวกเรา”
“ในที่สุดพวกเราก็สามารถสร้างยานไททันลำแรกได้สำเร็จ ส่วนยานอีกสามลำเหลือแก้ไขข้อบกพร่องอีกนิดหน่อย คาดว่าพวกมันจะเสร็จสมบูรณ์ในสัปดาห์นี้” มอร์โรว์รายงานด้วยรอยยิ้ม
“ช่วยติดต่อไปหาพวกผู้อาวุโสหน่อย ฉันอยากจะขอบคุณกับพวกเขาด้วยตัวเอง”
“ไม่สิ พวกเขาช่วยเหลือเราได้มากเลย ฉันควรจะไปหาพวกเขาด้วยตัวเอง”
ท่าทางลุกลี้ลุกลนของเซี่ยเฟยทำให้ทุกคนหัวเราะขึ้นมาในทันที เพราะไม่ว่าชายหนุ่มคนนี้จะมีพลังมากแค่ไหน แต่เขาก็มักจะกลายเป็นเด็กหนุ่มอารมณ์ดีอยู่เสมอเมื่ออยู่กับสหาย
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้บรรพบุรุษของนายกำลังเจอกับปัญหาใหญ่แล้ว” ริเวอร์กล่าวขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด ก่อนที่เซี่ยเฟยจะสังเกตเห็นกระเรียนขาวภายในมือของอีกฝ่าย
***************
ยานไททันสร้างเสร็จแล้ว!! คิดถึงคุณตาฉินหมางเลย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 306
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น