บทที่ 10 หมายถึงทั้งตัว
เขากระซิบเสียงทุ้มที่ข้างหู ลมหายใจรดลงมาจนทำให้ขนลุก
ความรู้สึกแปลกๆ เริ่มก่อตัวอีกครั้ง แต่ฉันจะทำให้มันเกิดขึ้นมาไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นก่อนที่จะตอบอะไรออกไป ฉันควรที่จะต้องคิดให้รอบคอบ เพื่อที่จะได้มีชีวิตรอดออกไป ฉันถอนหายใจแล้วตอบเขากลับไป
“เฮ้อออออ คุณเซฟเจ้าค่ะ ได้โปรดลุกออกไปจากตัวดิฉัน เอ๊ย เอลิซ ด้วยค่ะ” ฉันเอ่ยอย่างคนไม่สบอารมณ์
“คุณกำลังทำให้ผมไม่พอใจ แล้วถ้าผมไม่พอใจ ผมก็จะ...” ขณะที่เขาพูด มือของเขาก็ลูบไล้ที่ต้นขาของฉัน จนฉันสะดุ้ง
“ขะ..ขอโทษค่ะ คุณเซฟขาาาา ลุกเถอะนะคะ เอลิซ อยากไปเข้าห้องน้ำค่ะ” ฉันส่งสายตาที่คิดว่าหวานหยาดเยิ้มที่สุดให้เขา
แต่หารู้ไม่!!!
“ยิ่งคุณทำแบบนี้ผมยิ่งไม่อยากลุกเลย...เรามาเล่นเกมสนุกๆ เหมือนเมื่อคืนกันดีกว่าไหม” เขาพูด พร้อมก้มลงจูบที่ซอกคอของฉัน
ฉันตกใจกับสิ่งที่เขาทำ ฉันพยายามดิ้นหนีแต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งดิ้นก็ยิ่งทำให้ร่างของเราทั้งสองเสียดสีบดขยี้เพิ่มความสยิวกันเสียมากกว่า
“เอ๊ะ คุณนี่ยังไงกัน ฉันพูดดีก็แล้ว อะไรก็แล้ว จะมาเจ้าเล่ห์อะไรใส่ฉันอีก หึ” ฉันโพล่งออกไปด้วยความรู้สึกสุดจะทน
“ฮ่าๆๆๆ โอเคๆๆ ผมขอโทษ ผมลุกแล้ว ก็ใครให้คุณน่ารัก น่าแกล้งขนาดนี้” คำพูดทีเล่นทีจริงของเขา กลับทำฉันหน้าแดงไปถึงหู
(ไอ้บ้านี่ อารมณ์ดีอะไรได้ขนาดนั้น หุ้นขึ้นหรือไง)
เขาลุกออกจากตัวฉัน แล้วนั่งลงข้างๆ ฉัน ฉันได้โอกาสรีบลุกขึ้นนั่งพร้อมเอาผ้าห่มมาคลุมกายอีกรอบ ฉันต้องเคลียร์กับเขาให้รู้เรื่อง!!
“คุณเซฟค่ะ ฉัน เอ๊ย เอลิซ จริงจังนะคะ รบกวนคุณเซฟแต่งตัวแล้วออกไปรอข้างนอกได้ไหมคะ เอลิซจะขออาบน้ำก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกันให้รู้เรื่องนะคะ” ฉันพูดอย่างจริงจัง
“ก็ได้ งั้นคุณก็เข้าไปอาบน้ำสิ” เขาตอบกลับมาด้วยเสียงราบเรียบแต่ยังคงทุ้มมีเสน่ห์
“แล้วคุณเอ่อ...ไม่...แต่งตัว หรอค่ะ?” ฉันถามด้วยความสงสัย
“คุณเข้าไปอาบน้ำเถอะ ผมขอนั่งตรงนี่สักครู่” เขาพูดโดยที่ไม่ได้หันมามองหน้าฉัน
“งั้นก็ได้ค่ะ เอ่อ...เอลิซขอยืมเสื้อเชิ้ตของคุณสักตัวนะคะ เสื้อผ้าเมื่อคืนมัน...” ฉันมองไปที่เสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นอย่างเขินๆ
“เอาสิ เลือกเอาได้ตามสบาย” เขาเอ่ย
ร่างบางเดินละลิ่ว ไปหยิบเสื้อก่อนที่จะหมุนตัวเข้าไปในห้องน้ำ ตัวเธอจะรู้บ้างไหมว่า บัดนี้มีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่ร่างระหง ด้วยสายตาที่มีความหมายบางอย่าง...
กลับมาที่ชายหนุ่มร่างกำยำ เขาล้มตัวเอนนอนบนเตียงทอดสายตามองไปยังร่างบาง สมส่วนน่ามอง ที่กำลังย่างกายเดินเข้าไปในห้องน้ำ ด้วยสายตาที่ยากหยั่งถึง มุมปากหนาได้รูปกระตุกยิ้มแสดงความเจ้าเล่ห์ขึ้นมา ‘แกะน้อยไร้เดียงสา เธอยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เพราะฉันยังกินไม่อิ่ม ‘
ฉันปล่อยให้สายน้ำชโลมร่างกาย เผื่อจะทำให้ฉันมีสติคิดหาทางออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย ฉันไม่อยากมีปัญหากับคนอย่างเขา เซบาสเธีย ธิพัฒน์เดชะไพศาล ใหญ่คับฟ้าคับแผ่นดินเบอร์นั้น ใครที่คิดเป็นศัตรูได้หายไปจากโลกนี้เป็นการถาวรแน่ ให้ตายเถอะออกไปได้แม่จะไปแล้วไปลับเลยคอยดู
แต่สิ่งหนึ่งที่ตงิดอยู่ในใจของฉันมาสักพักก็คือ!! ฉันไม่ยักจำได้เลยแฮะ ว่าฉันบอกว่าจะแต่งงานกับเขาด้วย ฉันไปเอ่ยปากบอกตอนไหนหว่า แต่ก็นะ...ช่างมันเถอะ เมาขนาดนั้น คงจะพูดอะไรเลอะเทอะไปอีกมาก หวังว่าคงจะไม่มีเรื่องเซอร์ไพรส์บ้าๆ บอๆ อะไรอีกนะ
ฉันอาบน้ำไปนานเท่าไรไม่รู้ กว่าจะแต่งตัวแล้วทำใจเดินออกมาได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน แม้จะยังคิดหาวิธีหนีไปจากเขาไม่ได้ แต่ฉันเชื่อว่าคนระดับเขาต้องมีเหตุผล และฟังเหตุผลของฉันอย่างแน่นอน เอาว่ะ..ถึงฉันจะเป็นคนสวย รวยเสน่ห์ หน้าอกสะบึม หุ่นเซี๊ยะ (แล้วเวลานี้แก่จะชมตัวเองเพื่อ!) ฉันคิดว่าเขาคงไม่เอาอนาคตที่จะได้เลือกคู่ชีวิตมาทิ้งไว้ที่ฉันหรอก...ฮึบไว้...ยัยเอลิซ
ฉันเปิดประตูห้องน้ำออกมา ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขา โดยที่ข้างในใส่แค่แพนตี้ตัวจิ๋ว ส่วนหน้าอกฉันปล่อยให้มันเผยความอวบอิ่มโชว์ยอดปทุมถันที่กำลังดุนดันภายใต้เสื้อเชิ้ต เนื่องจากที่ซิลิโคนปิดเม็ดมุกคู่งาม ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วเมื่อคืน แล้วฉันก็ไม่ได้มีสำรองด้วย
เมื่อเดินออกมาต้องผงะ กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เขายังคงเอนนอนอยู่บนที่นอน โดยที่มีแค่ผ้าขนหนูพันไว้ส่วนท่อนล่างเท่านั้น
“คุณเซฟ ทำไมยังไม่แต่งตัวออกไปอีกล่ะค่ะ” ฉันถามอย่างไม่ค่อยพอใจ
“ก็นี่มันห้องผม” เขาตอบขณะที่ยังปิดเปลือกตา
“ก็เอลิซบอกแล้วไม่ใช่หรอค่ะว่า ให้คุณแต่งตัวออกไปรอข้างนอก เรามีเรื่องที่จะต้องตกลงกัน” ฉันเอ่ยอย่างหัวเสียขณะยื่นกอดอกอย่างคนเอาเรื่อง คนอะไรพูดไม่รู้เรื่อง
พอฉันพูดจบ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาแล้วมองมาที่ฉัน ปราดเดียวเท่านั้นที่ฉันสัมผัสได้ถึงความหื่นกระหายจากดวงตาคมสีเทาเข้มคู่นั้น ตอนที่จับจ้องมายังเรือนร่างของฉันที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขา ก่อนจะแปรเปลี่ยนกลับไปเป็นสายตาเย็นชาทรงเสน่ห์เช่นเดิม
“จะคุยก็คุยตรงนี้แหละ ผมขี้เกียจ...ถอด.....อีกรอบ” เขาพูดขณะที่นอนเอนกายแล้วเอามือทั้งสองพาดหนุนคอตัวเอง
(จิ๊..จะมาถงมาถอดอะไรเพ้อเจ้อ) ฉันสบถในใจ
“งั้นก็เข้าเรื่องเลยนะคะ” ฉันยืนพูดกับเขาอย่างจนใจ
“มานั่งตรงนี้ ผมไม่อยากตะโกนคุย เจ็บคอ”
(ตะโกนอะไร ก็คุยกันตั้งนานสองนาน จะมาลูกไม้อะไรอีก) ฉันได้แต่นึกในใจ
ฉันเดินไปด้วยความระแวง ด้วยความที่เสื้อผ้าที่ฉันใส่มันไม่เรียบร้อยเอาสะเลย ก่อนจะค่อยๆ หย่อนกายนั่งลงปลายเตียง
“มานั่งที่ตักผม” เขาเอ่ยน้ำเสียงออกคำสั่ง
“เอลิซนั่งตรงนี้ได้ค่ะ” ฉันยืนกรานที่จะไม่เข้าไป
“ผมบอกให้มาไง” เขาเริ่มขึ้นเสียง ทำให้ฉันสะดุ้งโหยง
(ไหนกลัวเจ็บคอ ตะคอกสะตกอกตกใจหมด)
ฉันเดินไปอย่างจำใจ ค่อยๆ ปีนขึ้นไปนั่งที่ต้นขาเขาอย่างทุลักทุเล เพราะว่าเสื้อผ้าที่ใส่อยู่มันไม่เรียบร้อยเอาสะเลย ขณะนั่ง ฉันพยายามที่จะไม่ให้บั้นท้ายงอนงามไปโดนแก่นกายของเขาที่มันคอยจะดันตัวออกมานอกผ้าขนหนูผืนบางผืนนั้น
“หันมาหาผม” เขาพูดอย่างเอาแต่ใจ
“ก็หันอยู่นี่ไงคะ ลืมตาขึ้นมาดูสิ...ชิ” ฉันพูดอย่างเหลืออด ขณะเอียงคอมองเขา
“ผมหมายถึงทั้งตัว” เขายังคงนอนหลับตา แต่กลับเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเล็กน้อย
“ห๊ะ......” *_*??ฉันนั่งงง ทำอะไรไม่ถูก
“ก็นั่งคร่อมไง งงอะไร” เขาพูดพลางลืมตามาดูท่าทีของฉัน
(อ๊ากกกกกกกกก ไอ้บ้า ไอ้คุณเซฟบ้า นั่งคร่อมมันก็เท่ากับ........)
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 105
แสดงความคิดเห็น