บทที่ 9...2/3

ใจดวงนี้สื่อถึงรัก

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่ 9...2/3

“ระดับไหนหรือคะ คุณหมายความว่ายังไง ก่อนจะมีเรื่อง ฉันขอรู้ที่มาที่ไปก่อนได้ไหมคะ”

“มีนใจเย็นๆ เดี๋ยวคินคุยให้เอง” ภาคินกระซิบบอกเพื่อน ถ้ามีเรื่องในร้านแล้วมีคนเอาไปลงในโซเชียลคงไม่ดีแน่ๆ “คุณเป็นใครครับ พอดีว่าที่นี่ขายขนม ถ้าคุณไม่ได้มาเพื่อทานขนม ผมคงต้องถามแล้วว่าคุณมาเพื่ออะไร”

วีดามองชายอีกคนที่ยืนข้างๆ เจ้าของร้านเมนา ผู้ชายคนนี้เป็นใคร พี่ภามจะรู้ไหมว่าผู้หญิงที่ตัวเองสนใจมีผู้ชายอยู่ข้างตัวแบบนี้

“พี่ภามเป็นคนที่ดีพร้อมทั้งการศึกษา หน้าตาทางสังคม ฐานะ ไม่เหมาะกับแม่ค้าขายขนมอย่างคุณหรอกค่ะ”

มีนาพยักหน้าเข้าใจอะไรๆ ขึ้นมาทันที ภาคินกำลังเอ่ยปาก แต่ถูกเพื่อนจับแขนไว้ มีนากระซิบบอกว่าภามเป็นใครและผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นใคร หญิงสาวยิ้มหวานให้ลูกค้าที่ไม่ได้มาซื้อขนมหวานหยด ภาคินกอดอกมองรอดู จากท่าทีแล้วมีนาคงไม่ทำอะไรให้ร้านเมนาเสียชื่อเสียงหรอก

“แม่ค้าขายขนมแล้วยังไง ฉันไม่ได้ขอเงินใครสักหน่อย ทุกอย่างที่ฉันมีมาจากน้ำพักน้ำแรง แต่ฉันมั่นใจว่าคุณค่าของคนไม่ได้วัดจากสิ่งจอมปลอมที่คุณเทิดทูนเอาไว้บนไหล่หรอกค่ะ”

วีดาหน้าม้านรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าด้วยคำพูดเรียบๆ นั้น แถมคนในร้านก็ยกโทรศัพท์มาถ่ายคลิป ทำอย่างไรดี หากมีคนจำเธอได้ แต่ว่าเธอมาถึงที่แล้วจะยอมกลับไปง่ายๆ ได้อย่างไร

“เธอไม่เหมาะสมกับพี่ภาม คนที่เป็นประธานของโรงแรมระดับประเทศจะมาเป็นแฟนกับแม่ค้าที่มีไม่ได้มาจากตระกูลผู้ดีเก่าได้ยังไง”

“อ้อ คนที่เหมาะสมคงเป็นคุณสินะคะ” มีนาเม้มปากกลั้นหัวเราะพอมองภาคินก็สภาพไม่ต่างกัน สมัยนี้แล้วยังมีคนสนใจเรื่อง ‘ตระกูลผู้ดีเก่า’ อีกหรือ

“ถ้าสิ่งที่คุณว่ามันสำคัญนักหนา ทำไมคุณถึงต้องมาที่นี่ เพราะมันไม่ได้สำคัญสำหรับคุณภามไง”

วีดาเม้มปากเมื่อคำพูดของอีกฝ่ายราวกับมีดกรีดลงจากใจ

“พี่ภามแค่ไม่เคยเจอคนระดับพวกเธอก็เท่านั้น”

มีนาถอนใจอยากร้องเฮ้อออกมาดังๆ สังคมของคุณภามอะไรนั่นมีคนแบบนี้เยอะไหม ถ้าผู้ชายคนนั้นมาจีบเมษาจริงๆ เธอควรห่วงพี่สาวหรือเปล่า

“แล้วคนระดับคุณไม่ได้หายใจด้วยจมูกให้อากาศเข้าปอดเหมือนๆ พวกฉันตรงไหนหรือคะ ฉันไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมพี่ภามของคุณถึงไม่สนใจคุณ”

“เกินไปแล้วนะ” วีดาเผลอเสียงดังขึ้นมา พอนึกได้ก็รีบถอนใจยาวๆ ไม่อยากให้ตัวเองเป็นข่าวไม่ดี ร้านนี้มีกล้องวงจรปิดเสียด้วย เธอไม่ยอมพลาดหรอก “ฉันรู้จักพี่ภามมาตั้งแต่เด็ก รู้ดีว่าพี่ภามคู่ควรกับใคร”

มีนาร้องเฮ้อออกมาดังๆ เพราะรำคาญเต็มที ภาคินเปลี่ยนไปหาที่นั่ง ถ้ามาเถียงด้วยเรื่องพวกนี้ มีนาคงไม่จับผู้หญิงคนนั้นทุ่มลงพ้นหรอก การกวนอีกฝ่ายน่าจะเรื่องถนัดของมีนามากว่า

“เบื่อจะอธิบายแล้ว กลับไปเถอะค่ะ คนมองกันใหญ่แล้วเห็นไหม คุณมีหน้าตาทางสังคม ฉันน่ะสบายๆ ลูกค้ารู้จักกันทั้งนั้น”

วีดาเองก็ผิดคาดเพราะอีกฝ่ายดูเหมือนสนุกชอบใจที่ได้ต่อปากต่อคำกับเธอ ไม่ได้แสดงความโกรธหรือโมโหออกมาเลย เธอคงต้องคิดเสียใหม่หากจะเผยธาตุแท้ของผู้หญิงคนนี้ให้พี่ภามได้เห็น

หญิงสาวยอมออกมาจากร้านแล้วเข้ามานั่งในรถกำลังตัดสินใจว่าจะเข้าออฟฟิศหรือว่าไปหาป้านลิน สุดท้ายหญิงสาวเลือกกลับออฟฟิศ ตอนนี้ยังไม่ควรให้ป้านลินรู้ว่าเธอทำอะไรลงไป

มีนามองรถที่กำลังแล่นออกไปจากหน้าร้าน ก่อนจะไปที่คอมพิวเตอร์ของร้านเพื่อเซฟคลิปที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อน เมษาสมควรได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นพี่สาวจะจัดการอย่างไร เธอไม่ก้าวก่าย แต่หากอยากลุยกับใครสามารถบอกเธอได้เสมอ

 

          ภามเคาะประตูแล้วรอจนกระทั่งเมษาออกมาจากห้อง เขาช่วยถือกระเป๋าสะพายให้เธอ สีหน้าของเขาเรียบเฉยและพูดกับเธออย่างสุภาพ เมษารู้สึกได้ทันทีว่าเขาจงใจเว้นระยะห่างระหว่างเราสองคน แม้เขาจะคอยดูแลเรื่องอาหาร ถามไถ่เรื่องสุขภาพก็ตาม

หญิงสาวรู้แล้วว่าคำพูดนั้นแรงเกินไปสำหรับผู้ชายที่ชื่อว่าภาม เธอห่วงความรู้สึกของตัวเองจนลืมคิดไปว่าหากภามไม่ใช่ผู้ชายมากรักตามที่เป็นข่าว เวลานี้เขาย่อมโกรธเธอมาก ความโกรธของภาม ทำให้เธอรู้สึกเสียดายรอยยิ้มและดวงตาที่เปิดเปลือยความรู้สึกของเขา

“เดี๋ยวคุณนั่งที่เบาะหลังนะ ผมจะนั่งเบาะหน้ากับโมกข์ คุณจะได้เหยียดขาพักผ่อนได้สะดวก” ภามบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพพร้อมกับเปิดประตูรถให้เมษา

          “ขอบคุณค่ะ” เมษาจับบานประตูไว้รู้สึกอึดอัด หากไม่พูดบางอย่างกับภามให้เข้าใจ “เรื่องเมื่อวานที่ฉันพูดไป...”

          “ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ เรายังไม่รู้จักกันดีพอ บางทีผมคงเป็นฝ่ายเดียวที่อยากรู้จักคุณ”

          เมษาอยากจะอธิบาย แต่โมกข์เดินมาถึงรถพอดี เธอจึงต้องเข้าไปนั่งในรถ ภามช่วยปิดประตูให้ก่อนจะเดินมานั่งที่เบาะหน้า แม้คำพูดของภามไม่ได้ประชดประชัน แต่เธออยากบอกว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น ทว่าโมกข์เข้ามานั่งในรถแล้ว เรื่องนี้เธอควรคุยกับภามเพียงแค่สองคนหรือเปล่า

          “พอดีว่าฉันมีคุกกี้อยู่หลายชิ้น มีใครสนใจอยากทานไหมคะ” เมษาถามขึ้น ตอนเช้าเธอแวะลงมาชั้นล่างพอดีเจอร้านขนมเลยซื้อติดไม้ติดมือมานิดหน่อย

          “ผมสนใจครับ” โมกข์ตอบรับทันทีพลางแบมือรอ “มีอัลมอนด์เสียด้วย ผมชอบพอดีเลย แต่คุณภามแพ้อัลมอนด์นะครับ”

          “ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้มาก่อน” เมษามองไปที่ภามถึงว่าเขาไม่ตอบ เขาคงเห็นขนมตอนที่เธอถือมาแล้ว

          โมกข์รู้สึกได้ว่าบรรยากาศในรถมันเงียบอย่างไรชอบกล เขาเห็นภามพูดกับเมษาปกติดี แต่ทำไมมันเหมือนมีอะไรสักอย่าง งอนกันหรือ? ใครงอนใคร

          “คุณภามแพ้อัลมอนด์  กะหล่ำปลี คุณเมษาล่ะครับ แพ้อาหารอะไรบ้าง ผมจะได้จำไว้” โมกข์สาธยายเสียเองพร้อมกับถามเผื่อว่าภามอยากรู้ 

          “ฉันไม่แพ้อะไรเลยค่ะ”

          โมกข์ยิ้มชอบใจทันเห็นว่าภามพยักหน้า คนที่งอนน่าจะเป็นภามกระมัง เขาทำงานกับภามมาหลายปีไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้มาก่อน

          “แบบนี้จำง่ายดีนะครับคุณภาม”

          “อืม” ภามให้เสียงพลางมองเมษาที่นั่งดูสบายดี แต่เขาสังเกตหลายครั้งแล้วว่าเธอน่าจะเป็นคนขี้หนาว

          โมกข์มองตามสายตาของภามก็พูดขึ้นอย่างรู้ใจ “ผ้าห่มในถุงซิปคุณเมษาเปิดใช้ได้เลยนะครับ เมื่อเช้าผมได้ยินว่าคุณภามบอกให้พนักงานเตรียมไว้ให้คุณเมษาครับ”

ภามหันไปมองโมกข์ ก่อนจะหันไปมองเมษาที่กำลังมองเขาอยู่

          “ขอบคุณค่ะ”

          “ไม่เป็นไร คุณดูเหมือนจะขี้หนาว มีผ้าห่มไว้ใกล้ๆ น่ะดีแล้ว” ภามเห็นเมษายิ้มให้ก็พลอยยิ้มตามไปด้วย

          เมษารู้แล้วว่าเธอเข้าใจผิดไปมาก ความจริงแล้วภามอาจไม่ได้โกรธเธอ แต่เขาน้อยใจหรืองอนเธอใช่ไหมนะ ภามวางสีหน้าเรียบๆ โชคดีที่ปุริมส่งไฟล์งานมาทำให้เขาได้ใช้เวลาในการเดินทางกลับไปกับการอ่านเอกสารที่ผู้จัดการฝ่ายต่างๆ เสนอเข้ามา

จนผ่านไปนานพอสมควรพอภามหันไปมองที่เบาะหลังเมษาก็หลับไปแล้ว ชายหนุ่มยื่นมือไปช่วยดึงผ้าที่ร่วงลงมาที่พื้นขึ้นมาห่มให้หญิงสาว เรียวปากหนายิ้มบางก่อนจะอ่านงานของเขาต่อ โมกข์เม้มปากอมยิ้ม เขากับแฟนตอนที่จีบกันใหม่ๆ ก็พ่อแง่แม่งอนแบบนี้แหละ

ขากลับภามแวะโรงพยาบาลเพื่อพาเมษาไปพบหมอประจำตัวของเขาซึ่งได้โทรนัดไว้แล้ว โดยเขาให้เหตุผลว่าการที่เธอเป็นสื่อกลางอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายก็ได้ จึงควรตรวจให้แน่ใจ ตลอดเวลานั้นเขาอยู่เป็นเพื่อนเธอก็จริง แต่ยังคงรักษาระยะห่าง เขาสุภาพ แต่เคร่งขรึม เขานั่งทำงานระหว่างรอเธอเก็บตัวอย่างเลือด ตรวจ MRI (เครื่องตรวจวินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า Magnetic Resonance Imaging) และเก็บเนื้อเยื่อที่จมูกเพื่อตรวจให้แน่ใจว่าการที่เธอเลือดกำเดาไหลเป็นเพราะอะไร

ภามบอกว่าจะส่งเอกสารการตรวจทั้งหมดมาให้เมษาเมื่อผลออกมาครบแล้ว ก่อนจะพาเธอกลับมาที่รถ เมษาได้แต่มองเขาและพยายามเข้าใจ บางทีระหว่างเราสองคนเป็นแบบนี้อาจจะดีแล้วก็ได้ เธอกับเขามีความต่างกันมากเกินไป ทั้งฐานะ สังคม การดำเนินชีวิตและอีกไม่นานภามคงได้คำตอบว่าใครวางแผนฆ่าคุณภูมิ เมื่อถึงเวลานั้นเธอกับเขาคงไม่ต้องมาพบกันอีก

 

มีคนงอน 1 อัตรา งอนแต่ดูแลห่วงใยนะ

มาแจ้งข่าวนะคะ

1. ใจดวงนี้สื่อถึงรักลงขายเป็น E-Book ใน MEB แล้วค่ะ หมวดนิยายรัก 

โดยโบว์ทำโปรโมชั่นลดเหลือ  149 บาทจาก 329 บาทเป็นเวลา 20 วัน ถ้าอ่านตัวอย่างแล้วถูกใจก็รวบกวนไหว้ละ ^_^ ไปพาเมษากับภามไว้บนชั้นหนังสือกันนะคะ

 

2. โบว์จะอัพต่อไปเรื่อย น่าจะอีก 60% ของเนื้อเรื่อง ประมาณ  5-6 ตอนนะคะ ขอดูระยะเวลาก่อน

 

ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ

บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.