บทที่ 13 ผลสรุป

นักบู๊หฤโหด

-A A +A

บทที่ 13 ผลสรุป

บทที่ 13 ผลสรุป

 

สถานการณ์ด้านเซี่ยเคอยิ่งนานยิ่งย่ำแย่ ตั้งแต่ต้นจวบจนบัดนี้ ถูกบีบคั้นตกเป็นฝ่ายตั้งรับเสียแปดส่วน สร้างความว้าวุ่นแก่ดรุณีชุดดำจิตใจแทบกระดอนจากปาก เค้าหน้าอ่อนเยาว์เคร่งเครียดจนปั้นยาก ขยี้เท้ากำหมัดแน่น ตระเตรียมสอดมือช่วยเหลือทันที

 

ปลายนิ้วอวี้เสียงต้าซือทิ่มสกัดใส่ชายโครงขวาถนัดถนี่ เซี่ยเคอสะท้านขึ้นคราหนึ่ง มิเพียงไม่ถูกสยบ หนำซ้ำยังหยิบยืมแรงปะทะพลิ้วกายล่าถอยวาเศษ เจ้าอาวาสเส้าหลินมึนงงวูบ ความรู้สึกเมื่อครู่คล้ายสัมผัสถูกกองหญ้าแห้งก็ปาน พลังแฝงกว่าครึ่งมีสภาพดุจดั่งถมทรายลงทะเลใหญ่สาบสูญไร้ร่องรอย

 

เหตุการณ์ผิดคาดหมายสร้างความแตกตื่นแก่หลวงจีนรอบนอก ส่งเสียงวิจารอุทานระงม กระทั่งหญิงสาวชุดขาวยังอดเผยรอยยิ้มขึ้นวูบ อาทิตย์ผ่องอำไพประกายสุขใสในตาคู่งามยิ่งเฉิดฉัน ดรุณีชุดดำลิงโลดยินดีแทบโห่ร้อง ต่อเมื่อหญิงสาวชุดขาวปรายตาห้ามปราม ได้แต่ข่มกลั้นอาการก้มศีรษะต่ำ

 

เซี่ยเคอกอบกู้สถานการณ์ส่วนตัวผ่านพ้น เหงื่อเย็นเยียบชุ่มโชกเสื้อผ้ากลางหลัง ใบหน้าหล่อเหลาเหน็ดเหนื่อยยิ่ง ฤทธิ์ยาขบวนการผีเสื้อหยกร้ายกาจเพียงไหน กระตุ้นสัญชาตญาณต่อสู้ผลักดันความรู้สึกนึกคิดทั้งมวล เบิ่งตาอันแตกซ่านโง่งม ถลึงจ้องอวี้เสียงต้าซือเขม็งนิ่ง สืบเท้าย่างสามขุมสองฝ่ามือกราดฟาดออกด้วยท่าหัตถ์ประทับ แยกย้ายกดกระหน่ำลงใส่เบื้องบนศีรษะอีกฝ่าย

 

เจ้าอาวาสเส้าหลินระงับสติสูดหายใจลึกๆ สะบัดแขนจีวรซ้ายขวาขึ้น เงาสีทองถักทอแน่นขนัด มิผิดอันใดกับตาข่ายมหึมาคุ้มครองตลอดร่างไว้ วิชาแขนเสื้อมุทิตานี้ ดูผิวเผินคล้ายเป็นเพียงการตั้งรับโดยปราศจากการตีโต้ แท้จริงแฝงความพลิกแพลงลึกล้ำ รอจนอีกฝ่ายสัมผัสถูก ต้องเผชิญกับเก้าฝ่ามือบังอาทิตย์ จู่โจมจากเก้าแง่มุมเก้าตำแหน่งอันยากระวังป้องกัน

 

จริงดั่งคาดหมายหลวงจีนหยูอี้และไห่เสียง ลอบสบตากันวูบ ล้วนต้องการชมดูชายหนุ่มชุดครามไร้ชื่อเสียงเรียงนามนี้พ่ายแพ้ภายใต้เงื้อมมือหลวงจีนอวี้เสียง ไม่เพียงสามารถกอบกู้หน้าเท่านั้น สำหรับกับบู๊ลิ้มส่วนรวม นับว่าสามารถลดทอนศัตรูเข้มแข็ง

 

ลมฝ่ามือพลังแขนจีวรพอใช้ถึงขีดสุด บังเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหว อานุภาพยิ่งยงหนักหน่วงสุดเปรียบปาน เศษอิฐเขียวปลิวเวียนว่อน ครอบคลุมรัศมีวาเศษรอบวงต่อสู้

 

เซี่ยเคอพอใช้กระบวนท่าสิ้นสุดก็โผพุ่งขึ้นอากาศสองวา ยามนั้นเจ้าอาวาสเส้าหลินตวาดเกรี้ยวกราด ในแขนจีวรเบ่งพองราวกระบองเหล็ก เงาฝ่ามือสุดคณานับ ก็แหวกพุ่งกระจัดกระจายคล้ายขวานนับร้อยๆพันๆจามใส่ผนังหินผาโดยพร้อมเพรียง

 

เซี่ยเคอเบิกตากลมกว้างกดสองมือประทับใส่สองฝ่ามืออีกฝ่ายตรงๆ พริบตาที่โน้มร่างก็ม้วนหน้าตีลังกาตลบหนึ่ง ร่างคล้ายลูกหนังเกลือกกลิ้งกลางอากาศ หลบรอดจากท่าฝ่ามือบังอาทิตย์อย่างหวุดหวิดหวาดเสียว

 

อวี้เสียงต้าซือหะแรกเคร่งเครียดเยือกเย็น เริ่มมีโทสะเดือดดาลขึ้นบ้างแล้ว กระทั่งชายหนุ่มอายุเยาว์ซึ่งผ่านการต่อสู้สองรอบติดต่อกัน ท่านยังมิสามารถสยบเอาชัยได้ สภาพการณ์หากแพร่สู่วงพวกนักเลง ไหนเลยจะมีคำอธิบายต่อทำเนียบกระบี่คุณธรรม อากัปกิริยาว่องไวเพียงใด ความคิดพอบังเกิด สลับเท้าหันกายกวาดแขนจีวรทั้งสองออกตามสภาวะ กระแสพลังปั่นป่วนดุจมรสุม แหวกจู่โจมใส่ในชั่วพริบตาอีกด้วย

 

เซี่ยเคอถ่วงกำลังลงพื้น ไม่ทันยืนหยัดมั่น พลังหยุ่นเยือกสองสายก็ถาโถมบรรลุถึงแล้ว กายสูงโปร่งก้าวเฉียงทางซ้ายครึ่งก้าว เงาสีครามละลานพร่าพราย ท่าเท้าอันประหลาดพิสดารดุจวิญญาณร้าย หมุนคว้างครึ่งรอบแขนเสื้อข้างขวาสะบัดเป็นครึ่งวงโค้ง วกอ้อมถึงด้านหลังเจ้าอาวาสเส้าหลิน แม้แต่หลวงจีนไห่เสียงและหยูอี้ยังแทบไม่ทันสังเกตุชัด งอนิ้วโป้งกลางนางจรดใจกลางฝ่ามือ ยื่นเหยียดนิ้วชี้และก้อยดีดพลังดรรชนีสายหนึ่งจ่อจี้ใส่จุดห้วนเหมินบริเวณกลางหลัง

 

อวี้เสียงต้าซือสะท้านใจอย่างรุนแรง รีบถลันกายหมุนขวับ ปฏิกิริยาแคล่วคล่องเพียงใด ดรรชนีครานี้รวดเร็วยิ่งกว่า เสียงควากเมื่อแขนจีวรข้างขวาถูกกรีดขาดสองนิ้ว สร้างความสะทกสะท้อนรันทดแก่ท่านจนสีหน้าแปรเปลี่ยนไม่หยุดยั้ง เซถอยตึง...ตึง...ตึงสามก้าวใหญ่ค่อยปักหลักมั่น

 

"กลับมา"

 

ซุ่มเสียงแหลมเล็กตวาดออกคำสั่ง ทำลายบรรยากาศอันหนักอึ้งตึงเครียด ทุกผู้คนต่างมีท่าทีอ่อนล้าระโหย ส่งเสียงอุทานท้อแท้ทอดอาลัย มิบอกก็แน่แก่ใจ สภาพเยี่ยงนี้มาวิจาร ฝ่ายที่เพลี่ยงพล้ำเสียที คือเจ้าอาวาสเส้าหลินแน่แล้ว

 

เซี่ยเคอหลั่งเหงื่อดั่งห่าฝน ล่าถอยถึงข้างกายหญิงสาวชุดขาว ดรุณีชุดดำกลอกตาสำรวจอวี้เสียงต้าซือพลางกล่าวว่า

 

"ท่านแพ้แล้ว"

 

อวี้เสียงต้าซือทรงกายผงกศีรษะเชื่องช้า ประนมมือสรรเสริญพุทธคุณย้อนถามว่า

 

"โอมมณีตัสสะ จริงอยู่วันนี้ฝ่ายอาตมาพ่ายแพ้หมดหัวใจ แต่นี่มิใช่เพราะนงคราญชังฟ้า หากแต่ยอมรับในบุรุษหนุ่มเสื้อคราม โอกาสหน้ายังหวังให้กูเหนียงลงมือด้วยตัวเอง"

 

หญิงสาวชุดขาวล่วงรู้ความหมายในวาจา อีกฝ่ายส่อเจตนาเหน็บแนมเสียดสี ใบหน้าสงบราบเรียบ เลิกคิ้วเรียวงามแค่นเสียงเอื้อนเอ่ยเสียงกระด้าง

 

"เฮอะๆ!มิต้องพยายามรักษาภาพพจน์กู้หน้า"

 

ชี้มือมาทางชายหนุ่มชุดครามอธิบายสืบต่อ

 

"เขาเมื่อรับใช้ข้างกายข้าพเจ้า ย่อมเป็นบริวารผีเสื้อหยก ต่อให้ประมือกับข้าพเจ้าแล้วจะเป็นไร ท่านสู้เขามิได้ยังมีวาจาแก้ต่างหรือ"

 

หยูอี้ต้าซือเดือดดาลแทบมีเปลวไฟพวยพุ่ง ยามนั้นขบกรามถลึงตาโปนโตสอดคำ

 

"หากเราสามผนึกกำลัง เด็กหญิงคงมิกล้าอวดโอ่ถือดีเยี่ยงนี้ดอก"

 

ดรุณีชุดดำเชิดปากชี้หน้ากระชากเสียงเยาะเย้ยทันที

 

"เฮอะๆ!ชนชั้นเสาหลักธรรมะ กลับมีพฤติการณ์ไร้ยางอายนัก"

 

"เด็กหญิงคิดทำอย่างไรก็แล้วแต่สมควร หยูอี้ล่าถอยไป"

 

เจ้าอาวาสเส้าหลินโบกแขนจีวรหลวมกว้าง ซุ่มเสียงอิดโรยอย่างยิ่ง สร้างความหมกมุ่นกังวลแก่หลวงจีนรอบบริเวณ

 

หญิงสาวชุดขาวทอดถอนใจยาว ผงกศีรษะกล่าว

 

"เยี่ยงนี้เถอะ...ภายในครึ่งปีนี้ ห้ามท่านลงจากเขา และไม่เกี่ยวข้องกับบู๊ลิ้มส่วนรวม"

 

"เด็กหญิงหมายความว่า ให้อาตมานิ่งเฉยกับพฤติการณ์ของนงคราญชังฟ้า"

 

"อือ!"

 

อวี้เสียงต้าซือคล้ายถูกพะเนินเหล็กหล่นทับทรวงอก ประกายตาหมองหม่นลง เงียบงันไร้วาจาว่ากล่าว หญิงสาวชุดขาวสะบัดมือวูบ หว่างกลางอากาศพลันปรากฏวัตถุรูปผีเสื้อแดงฉานแตกระเบิดดังสนั่น ทันใดเสียงชายเสื้อสับสนเงาคนพลุกพล่านทะยอยล่าถอย ขณะเดียวกันหันกายกวักมือพลางออกคำสั่ง

 

"พวกเราก็ไปกันเถอะ"

 

ดรุณีชุดดำขานรับชิงล้ำหน้ากระโดดปราดออกไปก่อน หลวงจีนไห่เสียงทราบแน่แก่ใจ หากฉีกหน้าลงมือมิรักษาคำพูด ฝ่ายตนผลสุดท้ายต้องเสียหายเกินเยียวยา โบกมือขึ้นสูงตวาดสำทับ

 

"ห้ามลงมือเด็ดขาด"

 

เงาร่างทั้งสามดุจกับเป็นสายลมหอบหนึ่ง ทะยานข้ามศีรษะประดาหลวงจีนวงนอก ชั่วอึดใจก็รุดถึงหน้าซุ้มประตู บริวารทั้งชายฉกรรจ์สะพายกระบี่ และดรุณีอาภรณ์เขียวต่างห้อมล้อมโลดลิ่วลงจากเขา

 

......

 

รถม้าปิดประทุนดำปล่อยม่านประดับมุกห้อยระย้า ส่ายโคลงเคลงตามเส้นทางเข้าเมือง การประดับประดาเลิศหรูทั้งยังปิดม่านมิดชิด พฤติการณ์เยี่ยงนี้ย่อมต้องเป็นจุดสนใจสังเกตุโดยเฉพาะ หากมิใช่คนมีฐานะสูงส่งคุณหนูตระกูลใหญ่ ก็ต้องเป็นบุคคลยากตอแยในยุทธจักร

 

เนื่องจากผ่านการเร่งรุดทั้งวันและคืน ในที่สุดบรรลุถึงเหลาเริงรมย์ นครหยางโจวเวลาใกล้เที่ยง ประดาคนสัญจรพ่อค้าวาณิช กระทั่งเศรษฐีมีทรัพย์ยังต้องแวะขึ้นเหลาดื่มกินหาความสำราญใส่ตัว รถม้าพอจอดลง คนรับใช้สองคนรีบปราดเข้ามารับบังเหียน คนแรกเป็นสตรีอาภรณ์ขาวติดตามด้วยดรุณีชุดดำ รั้งท้ายยังมีชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาประดุจหยก ผู้คนพอพบพานล้วนคลางแคลงระคนอิจฉา ประดาแขกเหรื่อชั้นล่าง ยังลอบชมเชยต่อโชคชะตาชายหนุ่มเสื้อคราม

 

สตรีชุดขาวเหลียวหน้ากล่าววาจากำชับผู้รับใช้สองสามประโยค คนแรกจูงม้าไปเลี้ยงดูป้อนหญ้าน้ำ อีกคนสาวเท้านำพาทั้งสามวกอ้อมถึงเขตหลัง เหลาแห่งนี้ปลูกสร้างอย่างโอ่อ่าโอฬาร แบ่งเป็นสองคูหาสามช่วงตึก มีเขตหน้ากลางและหลัง ผู้รับใช้รูปกายทั้งผอมทั้งเตี้ย นำทางถึงตึกช่วงหลัง สตรีชุดขาวกวาดตาเย็นชา กำชับมันว่า

 

"เราจองตึกเขตหลังทั้งหมด ไม่ว่าผู้ใดถามถึงล้วนอย่าให้พวกมันเฉียดใกล้วุ่นวายเด็ดขาด"

 

ผู้รับใช้ผงกศีรษะระรัว รู้สึกคล้ายถูกรังสีเย็นยะเยียบคุกคามตลอดเวลา ก่อนล่าถอยจากไปยังอดสั่นระริกมิได้

 

......

 

บนชั้นสองของเหลายามนี้โต๊ะเก้าอี้ถูกจับจองเต็มทุกโต๊ะ บัณฑิตรูปกายสันทัดสวมเสื้อผ้านักบู๊รัดกุม โบกพัดจีบก้านทองพลางแย้มยิ้มปลอดโปร่ง ยกถ้วยชาขึ้นจิบเบาๆ สลับกับใช้มือลูบหนวดเรียวเหนือริมฝีปาก ดูท่ากำลังครุ่นคิดอันใด ทอดตาเหม่อมองนอกหน้าต่าง พอดีกับสองสตรีหนึ่งบุรุษหนุ่มลงจากรถม้า พลันขมวดคิ้วส่งเสียงอุทานคำหนึ่ง

 

ผู้ร่วมโต๊ะฝั่งตรงข้ามเป็นชายฉกรรจ์แต่งกายด้วยผ้าเนื้อหยาบ กายบึกบึนไว้เคราสามแฉก ท่าทีคึกคักเหี้ยมหาญยิ่ง กรอกสุรารวดเดียวหมดถ้วยพลางถามว่า

 

"มู่หยงเซียนเซิงเกิดเรื่องใด"

 

"เอ๊ะ!ประหลาดประหลาด เมื่อครู่ท่านเห็นชายหนุ่มเสื้อครามนั้นหรือไม่"

 

หานต้าปินคล้ายกำลังนึกทบทวน ชั่วขณะจึงส่งเสียง

 

"อ้อ!มันไฉนคลับคล้ายน้องแซ่เซี่ย"

 

"ถูกต้องทีเดียวเรากำลังครุ่นคิด ฟังจากปากคำเมื่อพบคราแรก มิใช่มันเพิ่งออกท่องวงพวกนักเลงหรอกหรือ ไหนเลยจะไปมักคุ้นสนิทสนมกับสาวงามรวดเร็วเยี่ยงนี้"

 

หานต้าปินนิ่งเงียบเหลียวซ้ายแลขวา ร้องเรียกผู้รับใช้เข้ามาเลียบเคียงถามว่า

 

"เมื่อครู่ชายหนุ่มเสื้อครามนั้น ติดตามหลังสองสตรีเยาว์วัยไปที่ใด"

 

ผู้รับใช้น้อมกายพลางทำท่าลำบากใจ มู่หยงคังหัวร่อฮาๆ หยิบยื่นเงินแท่งยัดใส่อกเสื้อมัน ค่อยสำทับอีกว่า

 

"เป็นไรเจ้าถูกกำชับมา มิให้บอกต่อผู้อื่นกระมัง"

 

"นายท่านนี้ปราดเปรื่องนัก"

 

ยิ้มประจบลดเสียงแผ่วเบากล่าวสืบต่อ

 

"พวกนางสั่งผู้ต่ำต้อย ห้ามแขกเหรื่อเข้าไปวุ่นวายยังเขตหลัง"

 

เอ่ยถึงตอนนี้ พลันได้คิดถึงสตรีอาภรณ์ขาว ต้องสยิวกายหนาวเหน็บรีบปฏิเสธขอตัว มู่หยงคังโบกมือขับไล่มันผละจาก ค่อยกล่าวกับหานต้าปินอย่างระมัดระวัง

 

"เรื่องราวส่อพิรุธอยู่บ้าง อย่างไรเราต้องสืบสาวให้แน่ชัด อาจบางทีนี่เป็นเบาะแสใหญ่โตประการหนึ่ง"...

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.