บทที่ 367: ความกังวลของเฟิงเฉิง
หลังจากพูดคุยกันจนเข้าใจ หูเจียวเจียวกับหูชิงซานก็โบกมือลากัน “พี่ใหญ่ ข้ากำลังรอฟังข่าวดีของท่านอยู่นะ”
“ขอบคุณนะน้องเล็ก”
ชายหนุ่มแทบรอไม่ไหวที่จะแปลงร่างเป็นสุนัขจิ้งจอกสีขาว และในไม่ช้าเขาก็หายไปจากสายตาของผู้เป็นน้องสาว
จากนั้นหูเจียวเจียวก็ปัดมือ กอดอก ในขณะที่ยิ้มจนดวงตาของเธอกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยวพลางพูดกับตัวเองว่า
“พี่ใหญ่ การรักษาลูกทั้ง 3 ของข้าขึ้นอยู่กับท่านแล้ว...” โดยธรรมชาติภูตจะแสดงความรักต่อกันอย่างตรงไปตรงมา แต่พี่ชายคนโตของเธอกลับทำตัวเหมือนเด็กแรกรุ่นที่พบรักแรก
หลังจากนี้วิธีการดังกล่าวจะได้ผลหรือไม่นั้นเธอต้องรอลุ้นไปก่อน
หากมันไม่ได้ผล หญิงสาวก็จะเปลี่ยนแผนเพราะเธอไม่อยากให้ลูก ๆ รอนานเกินไป
หูเจียวเจียวยืนอยู่ที่เดิมชั่วครู่ก่อนจะเดินกลับไปหาหลงโม่
อีกด้านหนึ่ง
หู่จิงกับหูชิงหยวนกำลังดื่มเหล้าผลไม้ทีละจิบ
ทั้งคู่รักกันหวานชื่น นางป้อนเขา เขาป้อนนาง พวกเขาพลอดรักกันแบบไม่สนใจว่าใครจะอยู่ในบ้านบ้าง
ทางด้านเฟิงเฉิงมองหู่จิงกับหูชิงหยวนด้วยสายตาเบื่อหน่าย และรู้สึกถึงกลิ่นหอมหวานจนเลี่ยนในอากาศ
“ข้าจะไปเดินเล่นสักหน่อย” นางพูดจบแล้วก็หยิบไม้เท้า ตั้งท่าจะเดินออกไปข้างนอก
“เฟิงเฉิง ข้างนอกหนาวมาก ถ้าเจ้าต้องลมหนาวแล้วล้มป่วยไปจะทำยังไง!” เสือสาวโน้มศีรษะออกมาจากแขนของสามีหนุ่มเมื่อนางได้ยินเสียงเรียบเฉยของหมอผีและรีบเรียกนางให้หยุด
“ไม่เป็นไร ข้าไม่ป่วยง่าย ๆ หรอก” เฟิงเฉิงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
นางห่างหายจากการได้อยู่อย่างอิสระในเผ่ามานานมาก
ข้าถูกไอ้ผู้ชายสารเลวอย่างหลางซัวคุมขังมานาน ข้าไม่เคยมีโอกาสได้ติดต่อกับผู้คนในเผ่าของข้าเลย
ข้าต้องติดต่อกับพวกเขาให้เร็วที่สุด
ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาหลังจากถูกคนคนนั้นทรยศและตอนนี้พวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง...
เมื่อเฟิงเฉิงคิดได้เช่นนี้ก็ผลักประตูออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะนั้นหู่จิงกำลังจะไปตามอีกฝ่ายกลับมา แต่นางถูกหูชิงหยวนรั้งไว้ก่อน
“เจ้าดึงข้าไว้ทำไม นางเป็นผู้หญิงนะ การปล่อยให้นางออกไปเดินอยู่คนเดียวข้างนอกในฤดูหนาวมันไม่ดี”
เสือสาวขมวดคิ้วพูดแบบไม่พอใจ
“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่านางเป็นหมอผี นางมีความสามารถในการนำภูตที่ตายแล้วกลับมาได้ แล้วนางจะป่วยได้ยังไง เจ้าเคยได้ยินใครบอกว่าหมอผีเคยป่วยบ้างไหม?” จิ้งจอกหนุ่มกล่าวพลางมองภรรยาของตนอย่างขบขัน
หู่จิงที่ได้ยินดังนั้นตกตะลึง “เอ่อ นั่นสินะ...”
นางเกือบลืมไปว่าเฟิงเฉิงเป็นหมอผี
“แต่หมอผีก็ป่วยได้เหมือนกัน ไม่ใช่ว่านางจะป่วยไม่ได้สักหน่อย”
ยามนี้หญิงสาวเม้มริมฝีปากมองไปยังทิศทางที่เจ้าของเรือนผมสีฟ้าเดินไป ก่อนจะเห็นว่านางได้ปิดประตูแล้ว
“ข้าได้ยินจากพี่ใหญ่ของข้าว่านางเคยถูกขังอยู่ในบ้านทุกวันตอนที่อยู่ในเผ่าหมาป่า บางทีนางอาจจะแค่อยากออกไปสูดอากาศข้างนอก” หูชิงหยวนอธิบาย
หู่จิงผงกหัวรับ แต่จู่ ๆ นางก็นึกบางอย่างขึ้นได้และถามว่า
“ไม่ใช่สิ พี่ใหญ่รู้จักเฟิงเฉิงดีขนาดนี้ได้ยังไง ตอนที่ข้าอยู่กับนาง ข้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย!”
…
ยามนี้ต้นไม้ที่เหลือแต่กิ่งนอกบ้านถูกหิมะโปรยปรายลงมาทับถมจนมันถูกย้อมกลายเป็นสีขาวโพลน
ปัจจุบันเฟิงเฉิงเดินมาอยู่ใต้ต้นไม้ ก่อนจะเอามือปัดเกล็ดหิมะที่เกาะอยู่ตรงลำต้นหนาอย่างแผ่วเบา แล้ววางฝ่ามือข้างหนึ่งบนลำต้น ส่วนอีกมือหนึ่งจับไม้เท้าไว้แน่น จากนั้นก็กระชับมันไว้แนบอกของตน
ถัดมา หญิงสาวหลับตาพึมพำเบา ๆ แต่ไม่มีใครรู้ว่านางกำลังพูดถึงอะไร
หลังจากนั้นไม่นานนางก็ลืมตาขึ้น และดวงตาที่เย็นชาของนางก็ฉายแววกังวล
ทำไมข้าติดต่อพวกเขาไม่ได้เลย?
โชคดีที่ตอนที่หมอสาวหลบหนี พวกเขาทิ้งสมบัติของเผ่าไว้กับนาง ตราบใดที่สมบัติของเผ่าไม่ตกอยู่ในมือของคนทรยศ คนคนนั้นก็จะไม่กล้าทำอะไรกับพวกเขา
แม้ว่าเผ่านี้จะดีกว่าเผ่าหมาป่ามาก แต่การอยู่ที่นี่มันก็ไม่ใช่แผนระยะยาว ไม่ช้าก็เร็ว ความลับของนางจะถูกเปิดเผยและคนในเผ่านี้อาจขับไล่นางออกไป
ข้าต้องวางแผนล่วงหน้า
เฟิงเฉิงมัวแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเองจนไม่ได้สังเกตเห็นรอยแตกบนกิ่งไม้เหนือหัวที่ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น
แครก!
เสียงกิ่งไม้หักดังมาจากเหนือหัวของหมอผีสาว
เฟิงเฉิงเงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวัง แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้เห็นต้นตอของเสียงชัดเจน จังหวะนั้นหิมะสีขาวก็ตกลงมาเข้าตานางก่อน
มันทำให้หญิงสาวตาพร่าและสัมผัสที่เย็นยะเยือกส่งผลให้นางลืมตาไม่ขึ้น ก่อนที่นางจะทันได้ขยับหลบ นางก็เห็นว่ากิ่งไม้ที่มีน้ำหนักมากกว่าภูตโตเต็มวัยกำลังจะกระแทกศีรษะของตน
ทันใดนั้นเอง
สุนัขจิ้งจอกสีขาวตัวหนึ่งวิ่งมาจากระยะไกลแล้วกระโดดมาขวางกิ่งไม้ยักษ์พร้อมกับคว้าตัวเฟิงเฉิงไว้
จิ้งจอกขาวตัวใหญ่กลิ้งไปมาบนพื้นหลายตลบ เขาสามารถพาคนในอ้อมกอดหลบกิ่งไม้ได้โดยที่นางไม่เป็นอันตรายใด ๆ
วินาทีนั้นหญิงสาวกลับมามีสติทันท่วงทีเมื่อได้ยินเสียงกิ่งไม้ใกล้ ๆ ร่วงลงมาเสียงดังโครมคราม
หลบได้เฉียดฉิว…
ข้าเกือบโดนกิ่งไม้ทับแบบโง่ ๆ แล้ว
ขณะที่เฟิงเฉิงกำลังจะขอบคุณคนที่มาช่วยเหลือ แต่ทันใดนั้นก็มีของเหลวอุ่น ๆ หยดลงบนใบหน้าของนาง 2-3 หยด ตามด้วยกลิ่นหอมหวานที่โชยมาแตะปลายจมูก
นางชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและพบว่าขาหน้าของสุนัขจิ้งจอกสีขาวที่กดทับตัวนางอยู่นั้นมีเศษขนกระจายออกมาเป็นแผลถลอกประกอบกับมีเลือดไหลไม่หยุด
ตอนนั้นเองที่หญิงสาวจำได้ว่ามีกิ่งไม้ยาวเกือบทิ่มตานาง แล้วภาพตรงหน้าก็ถูกบดบังด้วยขนสีขาว
มันคือจิ้งจอกขาวที่เข้ามาช่วยนางไว้
มิฉะนั้นป่านนี้นางน่าจะตาบอดไปแล้ว
“เจ้าบาดเจ็บ!”
เฟิงเฉิงรีบลุกขึ้นจากพื้นพร้อมขมวดคิ้วมองหาไม้เท้าโดยไม่รู้ตัว
หลังจากที่นางสัมผัสไม้เท้าที่หล่นลงบนพื้น นางก็ชะงักไปกะทันหัน ก่อนจะวางไม้เท้าลงที่เดิม แล้วฉีกเสื้อหนังหมีขาวของตัวเองออกเพื่อนำไปกดบาดแผลของจิ้งจอกขาว
“แผลของเจ้าค่อนข้างลึก ข้าจะช่วยห้ามเลือดให้เจ้าก่อน”
ปัจจุบันสมบัติของเผ่าสามารถใช้ได้ในจำนวนจำกัดเท่านั้น ตอนนี้นางไม่ได้อยู่ในเผ่าหมาป่า นางจึงไม่สามารถใช้สมบัติของเผ่าตามใจชอบได้อีกต่อไป
ถ้าเป็นไปได้นางจะพยายามใช้มันให้น้อยที่สุด
ทางด้านสุนัขจิ้งจอกสีขาวสะบัดหิมะออกจากตัว และค่อย ๆ ใช้หัวดุนมือของหมอผีสาวออกไป
ในวินาทีถัดมา จิ้งจอกขาวตัวใหญ่ก็กลายร่างเป็นมนุษย์
“ข้าไม่เป็นไร อาการบาดเจ็บเล็กน้อยแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” หูชิงซานยืดเอวของเขาให้ตรง ทว่าใบหน้าของเขาตึงเครียดจริงจังเหมือนกำลังฆ่าฟันศัตรูในสนามรบ
แต่เฟิงเฉิงยังคงยืนกรานที่จะเข้าไปช่วยกดบาดแผลของเขาด้วยหนังสัตว์ ก่อนจะจับมือของเจ้าตัวให้กดแผลด้วยตัวเอง
ครั้งนี้จิ้งจอกหนุ่มไม่ขัดขืน
“ขอบคุณที่เมื่อกี้ช่วยข้าไว้” ความเย็นชาในดวงตาของหญิงสาวค่อย ๆ จางหายไป แต่เสียงของนางยังคงเย็นเยียบไม่ต่างจากหิมะในฤดูกาลนี้
“เดี๋ยวข้าจะไปเอายาที่หมอ หลังจากนั้นเจ้าก็กลับบ้านได้”
เนื่องจากชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บเพื่อช่วยนางเอาไว้ นางจึงไม่สามารถเพิกเฉยต่อบาดแผลของอีกคนได้
“ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นไรจริง ๆ” หูชิงซานส่ายหัวอย่างเร่งรีบ
เขาไม่จำเป็นต้องไปหาหมอเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เขาสามารถรักษาแผลได้ด้วยตัวเอง
ถัดมา จิ้งจอกหนุ่มยกมือขึ้นใช้นิ้วหยาบกร้านเช็ดแก้มขาวใสที่เปื้อนเลือดของผู้หญิงบอบบางตรงหน้าเบา ๆ
แม้ว่าเขาจะเคลื่อนไหวอย่างงุ่มง่าม แต่เขาก็อ่อนโยนและระมัดระวังมาก
“ข้ามาที่นี่เพราะข้าอยากจะบอกบางอย่างกับเจ้า” หูชิงซานสูดหายใจเข้าลึก ๆ ในขณะที่เสียงของเขาแหบพร่า
ทางด้านเฟิงเฉิงเงยหน้าขึ้นสบนัยน์ตาที่จริงใจคู่นั้นจนลืมที่จะปัดมืออีกฝ่ายออกไปชั่วครู่
สัมผัสหยาบโลนแผ่ซ่านไปทั่วแก้มนวลผ่อง ซึ่งมันหยาบกร้านคล้ายกับสัมผัสของไม้เท้าของนาง และมันก็ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกรังเกียจแต่อย่างใด
“เจ้าอยากจะพูดอะไร?” เฟิงเฉิงถาม
“เฟิงเฉิง ข้าชอบเจ้า ข้าต้องการให้เจ้ามาเป็นคู่ชีวิตของข้า และข้าต้องการดูแลเจ้าไปตลอดชีวิต” หูชิงซานพูดในสิ่งที่เขาทำการซักซ้อมมาตลอดทางที่มาที่นี่
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: แม่หมอมีความลับอะไรหนอ แล้วพี่ใหญ่ของเราจะสมหวังไหมเนี่ย
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 124
แสดงความคิดเห็น