Only one love รักนี้ แค่เธอ… คนเดียวเท่านั้นนะ [Yuri] Chapter 3

Only one love รักนี้ แค่เธอ… คนเดียวเท่านั้นนะ [Yuri]

-A A +A

Only one love รักนี้ แค่เธอ… คนเดียวเท่านั้นนะ [Yuri] Chapter 3

หมวดหนังสือ: 

 

 

Chapter 3: ตื่นเต้นวุ่นวาย ไปค้างบ้านช็อกโกล่า

 

ฉันชื่อช็อกโกล่า รับหน้าที่เป็นผู้บรรยายในตอนนี้นะ

 

หลังจากเหตุการณ์ทะเลาะระหว่างมาการงกับคัสตาร์ด จนถึงวันนี้ ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วสินะ

 

เวลาสอบกลางภาคใกล้เข้ามาทุกที งานที่พวกเราต้องทำก็มีล้นมือ จนต้องเอามานั่งทำกันตอนดึกๆ เป็นเรื่องปกติ และวันนี้ก็เช่นกัน

 

“สวัสดีจ้ะช็อกโกล่า” ซินนามอนเอ่ยทักฉันขึ้นขณะที่หน้ากำลังฟุบอยู่กับโต๊ะเรียน ซึ่งก็ไม่ต่างจากฉันที่ง่วงจนตาแทบจะปิดอยู่แล้ว พวกเราสองคนกำลังนอนคุยกันอยู่โดยที่สภาพของเพื่อนคนอื่นก็ไม่ต่างจากพวกเราเท่าไรนัก

 

“เมื่อคืนได้นอนบ้างไหมเนี่ย?” ซินนามอนกลอกตาไปมาก่อนเอ่ยถามฉันที่สภาพจะหลับมิหลับแหล่ ฉันพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนเอ่ยขึ้น

 

“ถ้าฉันไม่นอน คงฝืนสังขารมาเรียนไม่ไหวหรอกนะ” อาจจะดูเหมือนกวน แต่นี่คือคำพูดที่ฉันใช้เมื่อพูดกับเพื่อนที่สนิทกันแล้วเท่านั้น ขืนไปพูดกับเพื่อนคนอื่นคงโดนตบจนฟันร่วงแหงๆ

 

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า สติที่เหลืออยู่น้อยนิดของฉันดับลงเมื่ออาจารย์ผู้สอนเดินเข้ามา แต่เมื่อเริ่มเรียนแล้วก็ต้องทำใจแข็งลุกขึ้นมาเรียนจนได้ แม้สติที่มีเหลืออยู่จะไม่เต็มร้อยก็ตามที เวลาผ่านไปเหมือนกับทุกวันจนถึงเวลาเลิกเรียน จู่ๆ มาการงก็เอ่ยชวนขึ้นว่า

 

“วันนี้พวกเราไปกินข้าวเย็นกันที่บ้านช็อกโกล่าไหมล่ะ?”

 

ประโยคที่หลุดออกมาจากริมฝีปากบางของมาการงทำเอาฉันนิ่งค้างไปชั่วขณะ สมองประมวลผลคำพูดเมื่อครู่ก่อนจะขยับปากตอบออกไป “จะมาก็มาได้นะ วันนี้… พี่สาวฉันไปค้างบ้านเพื่อนเหมือนกัน”

 

“ระ… รบกวนหรือเปล่าน่ะ?” ซินนามอนถามอย่างไม่แน่ใจ ฉันส่ายหน้า

 

“ไม่หรอก ปกติฉันก็อยู่กับพี่แค่สองคนอยู่แล้ว คืนนี้พี่ไม่อยู่ก็ต้องอยู่คนเดียว แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉันชินแล้วน่ะ” แน่นอน เพราะพี่สาวฉันเป็นคนไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน บางทีก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อน กลับมาก็เช้าพอดี เวลานอนก็ไปค้างกับเพื่อนจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ฉันจึงอยู่คนเดียวได้สบายๆ

 

“งั้น เย็นนี้ให้พวกเราไปกินข้าวเป็นเพื่อนนะ ตกลงนะ” มาการงพูดเองเออเองเสร็จสรรพ ฉันรู้สึกเหมือนถูกมัดมือชก แต่ก็ตอบตกลงไปจนได้

 

เวลาหกโมงเย็น เสียงกดกริ่งประตูบ้านดังขึ้น ฉันเดินออกไปก็เห็นซินนามอนกับมาการงเดินมาด้วยกัน

 

“ขอรบกวนด้วยน้า” ทั้งคู่พูดขึ้นก่อนจะตามฉันเข้าไปข้างใน

 

“ว่าแต่ วันนี้เราจะทำอะไรกินกันเหรอ?” แน่นอนว่าคนที่เอ่ยถามเรื่องของกินคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากมาการง ฉันหันไปมองซินนามอนก่อนตอบ

 

“คงเป็นอาหารง่ายๆ อย่างพวกข้าวผัดนั่นแหละ ซินนามอนมาช่วยฉันหน่อยสิ” ซินนามอนพยักหน้าก่อนจะเดินตามฉันเข้าไปในครัว

 

“สุดยอดเลย ช็อกโกล่านี่ทำอาหารเก่งเหมือนกันนะเนี่ย” ซินนามอนเอ่ยปากชมหลังจากเห็นฉันเตรียมวัตถุดิบอย่างคล่องแคล่ว

 

“ก็พอได้น่ะ แต่ฉันไม่เก่งเหมือนเธอหรอก” ฉันเอ่ยตอบ “เราจะทำอะไรดีล่ะ วัตถุดิบก็มีอยู่แค่นี้ ฉันก็กินข้าวผัดมาจนเบื่อแล้วเหมือนกัน”

 

ซินนามอนใช้ความคิดก่อนจะเปลี่ยนไปทำข้าวไข่เทียนจิน ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้กินมานานแล้วเหมือนกัน พวกเราใช้เวลาเตรียมอาหารกันไปคุยกันไป แต่ฉันก็ไม่ลืมมองกระทะที่มีไข่ซึ่งกำลังส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งห้องครัว น้ำย่อยในกระเพาะของฉันเริ่มทำงาน มือก็ใช้ตะหลิวพลิกไข่อีกด้านและรอให้สุกก่อนจะหันไปมองซินนามอนที่กำลังทำน้ำราดไข่อยู่

 

“น้ำราดไข่เรียบร้อยแล้วจ้ะ ฉันจะยกไปเลยนะ” ซินนามอนหันมามองฉันที่กำลังตักข้าว

 

“ฉันจะไปรอข้างนอกนะ ป่านนี้มาการงคงหิวแย่แล้วละมั้ง”

 


 

“นั่นสินะ เธอเอาจานไข่ไปรอได้เลย” ฉันพูดยิ้มๆ ก่อนจะถือจานข้าวตามออกไป

 

ฉันเดินตามซินนามอนไปที่โต๊ะกินข้าวซึ่งมีมาการงกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์รออยู่ ซินนามอนวางจานไข่กับถ้วยน้ำราดลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง พร้อมกับฉันที่วางจานข้าว 3 ใบที่ตักข้าวไว้แล้วลงข้างๆ ก่อนจะเดินไปลากเก้าอี้มานั่งข้างเพื่อนสาวผมม่วง

 

“อะ! ไข่เทียนจินเหรอ?” มาการงเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอแล้วมองกับข้าวตรงหน้า ฉันพยักหน้า

 

“ไม่ได้กินมานานเหมือนกัน เพราะซินนามอนออกไอเดียนั่นแหละนะ ขอบคุณที่มาช่วยทำกับข้าวด้วย” ฉันส่งสายตาให้เพื่อนผมสีน้ำตาลฟูที่เพิ่งลากเก้าอี้มานั่งฝั่งตรงข้าม

 

“ถ้าวัตถุดิบไม่ครบก็คงไม่ได้กินหรอกนะจ๊ะ ถือเป็นความโชคดีที่บ้านช็อกโกล่ามีวัตถุดิบทุกอย่างเลย”

 

“พี่สาวฉันซื้อของเข้าบ้านเมื่อหลายวันก่อน เลยมีของครบน่ะ ความจริง ถ้าพวกเธอไม่มา ฉันก็คงเอาไปผัดกับข้าวกินหมดแล้วแหละ” ฉันพูดยิ้มๆ มีความรู้สึกว่าพอได้สนิทกับมาการงและซินนามอนแล้ว ฉันมีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องเกร็งเหมือนที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นเลย

 

“จะว่าไป ช็อกโกล่าเองก็มีฝีมือทำกับข้าวพอตัวเลยนี่นา เธอเจียวไข่ใช่ไหมล่ะ?” มาการงหันมายิ้มให้ฉันพลางตักไข่เจียวเข้าปาก

 

“รู้ด้วยเหรอ?” ฉันถามกลับยิ้มๆ

 

“ก็พอเดาได้น่ะ” มาการงตอบก่อนพูดต่อ “ถ้ามีเพื่อนทำกับข้าวเก่งขนาดนี้ ชีวิตฉันคงโชคดีไปทั้งชาติแน่ๆ”

 

“เธอก็พูดเกินไป” ฉันอดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนั้น “ฉันคงเทียบกับซินนามอนไม่ได้หรอก ทำได้แค่ไม่กี่อย่างเอง”

 

“ทำได้เท่านี้ก็ดีแล้วแหละจ้ะ” ซินนามอนตอบ พวกเรานั่งกินข้าวกันเงียบๆ ก่อนมาการงจะเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้นอีกครั้ง

 

“จะว่าไป ถ้าวันหนึ่งฉันมีแฟน แล้วได้แฟนทำอาหารอร่อยคงดีไม่น้อยเลยนะ” ฉันเห็นสายตาของเธอมองออกไปนอกหน้าต่าง และไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ ฉันจึงพูดขึ้นอย่างลืมตัวว่า

 

“สนใจคบฉันสักวันไหมล่ะ?”

 

ฉันสังเกตปฏิกิริยาของมาการงที่มีต่อคำพูดเมื่อครู่ ใบหน้าน่ารักนั้นเหวอไปชั่วขณะ “พะ… พูด พูดอะไรน่ะ” ท่าทางลุกลี้ลุกลน กับหน้าแดงๆ นั่นมันช่างดูน่ารักเสียจริง

 

น่ารัก งั้นเหรอ?...

 

เดี๋ยวนะ! นี่ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย!

 

สาบานว่านี่เป็นครั้งแรกที่เห็นยัยนี่เขิน ใบหน้านั้นแดงระเรื่อขึ้นทีละน้อย ตั้งแต่พวงแก้มไปจนถึงใบหูเมื่อโดนฉันจ้องนานๆ เข้า ความจริงก็ไม่ได้อยากมองเท่าไหร่หรอก แต่…

 

ถ้าเขินแล้วจะน่ารักขนาดนี้

 

ขอหยิกแก้มให้หายหมั่นเขี้ยวสักทีดีไหมเนี่ย!

 

พวกเราสามคนนั่งกินข้าวเย็น และคุยกันอย่างสนุกสนาน จนดวงจันทร์สีเหลืองนวลเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า ซินนามอนจึงขอตัวกลับเคหสถาน เหลือเพียงฉันและมาการงที่นั่งเล่นด้วยกันอยู่สองคน

 

“นี่เธอน่ะ คิดดีแล้วเหรอที่จะค้างที่นี่น่ะ” ฉันเอ่ยถามเมื่อมาการงบอกว่าจะค้างที่นี่สักคืนเพราะเห็นว่าฉันอยู่บ้านคนเดียว แต่ฉันคิดว่าคงไม่ได้มีเหตุผลแค่นั้นแน่ๆ ยัยนี่ต้องมีเหตุอย่างอื่นประกอบด้วยสิ ไม่งั้นคงไม่ขออะไรง่ายๆ แบบนี้หรอก

 

“ฉันโทรไปบอกที่บ้านแล้วว่าจะขอค้างที่นี่สักคืน แล้วก็อีกอย่างนะ” เธอเงียบไปก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า “ช่วยสอนคณิตฉันหน่อยสิ”

 

ฉันว่าแล้ว…

 

เวลา 2 ชั่วโมงที่ฉันและมาการงคร่ำเคร่งอยู่กับหนังสือวิชาคณิตศาสตร์ที่พวกเราเกลียดแสนเกลียด ฉันรู้มาก่อนแล้วว่าเพื่อนสนิทคนนี้เกลียดคณิตศาสตร์เข้ากระดูกดำ แต่ตัวเองก็ไม่ได้ชอบวิชานี้มากมายเหมือนกัน เพราะมีการบ้านที่จะต้องทำ บวกกับช่วงนี้มีการเก็บคะแนนท้ายบทและใกล้จะถึงวันสอบกลางภาคเข้าไปทุกที พวกเราจึงต้องมานั่งติวด้วยกันล่วงหน้า พอถึงเวลาจริงจะได้ไม่ฉุกลหุเกินไป

 

“เสร็จสักทีน้า” เสียงบ่นของเพื่อนผมม่วงดังเล็ดลอดออกมาเบาๆ

 

“เท่านี้ก็คงผ่านแล้วล่ะ แต่ถ้าถึงวันสอบจริง พอเห็นคะแนน เธอก็คงได้ที่ 1 อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง แล้วจะมาเสียเวลานั่งอ่านกับฉันทำไมให้ปวดหัวเปล่าๆ ล่ะเนี่ย?” ฉันเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

 

“ไหนๆ ก็มาค้างกับช็อกโกล่าทั้งที เธอแก้โจทย์ แก้สมการได้เก่งกว่าฉันนี่นา ก็เลยมาขอให้สอนหน่อยก็แค่นั้นเอง” มาการงตอบพร้อมกับยิ้มน่ารัก ฉันมองรอยยิ้มของเธอ ใบหน้ากับน้ำเสียงออดอ้อนเวลาขอให้ช่วยอะไรสักอย่างมันทำให้ฉันรู้สึกว่าหัวใจตนเองเต้นผิดจังหวะไป

 

“เฮ่อ…” สุดท้ายก็ทำได้แค่ถอนหายใจ ก่อนจะไล่ยัยเพื่อนตัวดีให้ไปอาบน้ำ และตัวเองก็มานั่งดูโทรทัศน์ฆ่าเวลาไปพลางๆ

 

“เสร็จแล้วจ้ะ” มาการงกลับมาในชุดนอนสีหวาน ธรรมดาของผู้หญิงก็คงชอบอะไรแบบนี้แหละนะ ฉันเดินเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำบ้าง น้ำจากฝักบัวชโลมร่างพาให้รู้สึกสบายตัว เมื่อเปลี่ยนชุดเป็นชุดนอนแขนยาวสีเทาแล้วก็กลับมานั่งลงบนเตียงข้างเพื่อนสนิท

 

“นี่ช็อกโกล่า” มาการงเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ ตอนนี้พวกเรากำลังนั่งอยู่บนเตียงของฉันที่กว้างพอสำหรับนอนได้ 2 คน

 

“ว่าไง”

 

“ได้ยินว่าวันนี้พี่สาวของเธอไม่อยู่เหรอ?”

 

“ใช่ พี่สาวฉันไปค้างบ้านเพื่อนน่ะ” ทำไมถึงตอบออกไปง่ายๆ แบบนี้นะ

 

“แสดงว่า ช็อกโกล่าต้องอยู่คนเดียวบ่อยๆ ใช่ไหม?” มีความไม่แน่ใจเจืออยู่ในน้ำเสียงหวานใสนั้น “จะเป็นอะไรหรือเปล่า ถ้าฉันจะขอมาเล่นที่นี่อีกน่ะ”

 

ฉันนิ่งอึ้งกับคำถามของเพื่อนผมม่วง ความจริงอยากจะมาก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ฉันเองก็ไม่ชอบที่จะต้องมานั่งต้อนรับหรือบริการผู้คนสักเท่าไร ฉันหลับตาลงอย่างใช้ความคิด นึกถึงตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักเพื่อนทั้งสองคนมาจนถึงปัจจุบัน ฉันยอมรับว่าตัวเองยังไม่เปิดใจรับมิตรภาพจากเพื่อนทั้งสองคนเท่าไรนัก และอีกอย่าง บ้านสำหรับฉันก็เป็นพื้นที่ส่วนตัว ไม่ควรที่จะมีคนเข้ามายุ่มย่าม แม้ว่าจะเป็นเพื่อนทั้งสองคนนี้ก็ตาม

 

แต่ความรู้สึกบางอย่าง และเสียงในหัวใจของฉันเรียกร้องขึ้นมาว่า มิตรภาพที่เพื่อนสองคนนี้ยื่นให้เป็นของจริง

 

ถ้าฉันจะยอมทำตามเสียงของหัวใจตัวเองบ้าง ก็คงไม่เป็นไรสินะ?…

 

มาการงยังคงรอคำตอบ ดวงตาสีอความารีนคู่งามจับจ้องใบหน้าของฉันนิ่ง มีแววเว้าวอนบางอย่างอยู่ในดวงตาคู่นั้น…

 

“ถ้าเป็นเธอกับซินนามอน…” ฉันเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปนาน  และในความเงียบนั้น ฉันแน่ใจกับความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในใจแล้ว

 

“จะมาอีกก็ได้ แต่ช่วยบอกฉันล่วงหน้าหน่อยแล้วกันนะ”

 

“จะ… จริงเหรอ?” มาการงถาม ยังมีความไม่แน่ใจฉายอยู่ในดวงตากลมโตคู่นั้น ฉันพยักหน้าเพื่อยืนยันคำตอบนั้น รอยยิ้มพึงใจปรากฏบนริมฝีปากบาง ฉันมองหน้าของเธอนิ่ง

 

“นี่ก็ดึกแล้ว เรานอนกันเลยดีไหม?” เมื่อเห็นสมควรแก่เวลาแล้ว ฉันจึงเอ่ยถามเพื่อนผมม่วงที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียง ดวงตาเริ่มปรือลงเล็กน้อย มาการงพยักหน้าพร้อมลุกขึ้น

 

“เดี๋ยวฉันไปปิดไฟให้นะ” พูดพลางเดินไปปิดไฟที่เปิดไว้ก่อนจะกลับมานั่งลงที่เดิม ฉันหยิบหมอนข้างมาขั้นกลางระหว่างเราทั้งสองคน เพราะมันมีเตียงแค่เตียงเดียวก็เลยต้องทำแบบนี้แหละนะ

 

ฉันล้มตัวลงนอนมองเสี้ยวหน้าของมาการงในความมืด ก่อนคนข้างๆ จะเอ่ยขึ้นมาในความเงียบ “ราตรีสวัสดิ์จ้ะ”

 

“ราตรีสวัสดิ์” ฉันตอบเสียงเบา ดวงตายังคงจับจ้องใบหน้าหวานของคนข้างๆ ทันใดนั้น ภาพความทรงจำฉากหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว

 

ย้อนไปเมื่อ 8 ปีก่อน

 

(ไรเตอร์บรรยาย)

 

เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังสม่ำเสมอ กับน้ำทะเลสีครามที่สาดกระเซ็นเป็นฟอง เม็ดทรายละเอียดใต้เท้ากับกลิ่นเค็มเกลือ ทำให้เด็กหญิงวัย 5 ขวบคนหนึ่งยิ้มออกมาอย่างพึงใจ เด็กน้อยดื่มด่ำกับบรรยากาศอันแสนเงียบสงบ ดวงตาสีดำขลับมองภาพเวิ้งน้ำทะเลเบื้องหน้าอย่างสนใจ ขณะที่เจ้าตัวยืนอยู่บนพื้นทรายที่คิดว่ามันช่างนุ่มเหมือนปุยเมฆก็ไม่ปาน

 

“ช็อกโกล่า จะลงไปเล่นกับพี่หรือเปล่า” เสียงพี่สาววัย 9 ขวบดังขึ้นเรียกสติที่หลุดลอยของเด็กน้อยให้กลับมา ช็อกโกล่าหันไปมองพี่สาวที่ตัวสูงกว่าตนทีหนึ่ง ก่อนพยักหน้า

 

“ไปกันเถอะพี่โกโก้ ฉันไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้นานๆ น่ะ” พูดพลางดึงมือพี่สาวมากุมไว้ ก่อนที่ร่างสูงกว่าจะเดินนำลงไปในจุดที่มีคลื่นทะเลซัดมาโดนตัว

 

สองพี่น้องเล่นน้ำกันอยู่สักพัก จนกำลังจะเดินขึ้นฝั่ง ดวงตาสีดำขลับของเด็กหญิงผู้เป็นน้องสาวก็เหลือบไปเห็นครอบครัวครอบครัวหนึ่งกำลังเล่นน้ำอยู่ใกล้ๆ

 

“พ่อคะ แม่คะ หนูจะไปเล่นตรงนั้นน้า” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงกำลังขออนุญาตผู้เป็นบิดาและมารดาเพื่อจะมาเล่นน้ำในจุดอื่นบ้าง ผู้เป็นบิดาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต

 

“อย่าไปเล่นไกลมากนะลูก อยู่แค่แถวๆ นี้ก็พอ” เสียงของคนเป็นมารดากำชับ ก่อนที่เด็กน้อยจะขานรับเสียงใส และเดินมายังจุดที่มีเด็กอีก 2 คนกำลังยืนอยู่

 

“เดี๋ยวพี่มานะ” โกโก้เอ่ยกับน้องสาว ได้รับการพยักหน้าตอบรับก่อนที่ร่างเพรียวจะเดินห่างออกไป ทิ้งให้เด็กหญิง 2 คนยืนอยู่ด้วยกันตามลำพัง

 

“สวัสดีจ้า” เด็กหญิงผมม่วงเอ่ยทักเพื่อนใหม่ขึ้นก่อน รอยยิ้มน่ารักถูกส่งไปให้เพื่อนใหม่ที่ยังคงยืนนิ่ง ดวงตาสีฟ้าคู่น้อยจับจ้องไปบนใบหน้าเรียบเฉยของเพื่อนข้างๆ ก่อนจะพูดต่อ “ฉันชื่อมาการงน้า แล้วเธอชื่ออะไรเหรอ?”

 

“ฉันชื่อ… ช็อกโกล่า” เด็กหญิงผมดำแนะนำตัวก่อนจะส่งยิ้มตอบ

 

“ช็อกโกล่าเหรอ ชื่อน่ารักจังเลย” มาการงเอ่ยชม เด็กทั้งสองยืนคุยกันสักพัก ก่อนที่มาการงจะเอ่ยชวนขึ้น “ไปก่อปราสาททรายเล่นด้วยกันไหม?”

 

“เอาสิ” ช็อกโกล่าตอบตกลง เด็กทั้งสองเดินไปที่ชายหาดจุดหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากจุดเดิม แต่ก็ไม่มีคนอื่นมารบกวนให้ขัดใจ ก่อนที่จะนั่งลงก่อปราสาททรายเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนาน เสียงพูดคุยหยอกล้อกันของทั้งคู่ทำให้ผู้ใหญ่แถวนั้นต่างอมยิ้มในความน่ารัก และมาการงก็พูดขึ้นมาว่า

 

“นี่ๆ ถ้าเราเข้าไปอยู่ในปราสาททรายจะเป็นยังไงน้า?”

 

“ลองดูไหมล่ะ?” ช็อกโกล่าเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม ขณะที่กำลังจะลุกขึ้น ปรากฏคลื่นระลอกหนึ่งพัดผ่านมายังปราสาททรายที่พวกเขาช่วยกันก่อขึ้นจนพังราบเป็นหน้ากลอง เด็กน้อยทั้งสองมองอย่างตกตะลึง สีหน้าของช็อกโกล่ามีแววหม่นลงเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งที่พวกเขาช่วยกันทำขึ้นมาหายวับไปกับคลื่นลูกนั้น แต่มาการงกลับหันมายิ้มให้พร้อมพูดขึ้นว่า

 

“ไม่เป็นไรหรอกนะ ถึงปราสาทจะพัง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่พังหรอกนะ”

 

“อะไรเหรอ?” ดวงตาสีดำขลับของเด็กน้อยหันมามองอีกคนอย่างไม่เข้าใจ

 

“มิตรภาพของเราไงล่ะ” มาการงยื่นมือเปื้อนทรายไปตรงหน้าเพื่อนใหม่ ก่อนพูดต่อ “จากนี้ไป เราเป็นเพื่อนกันแล้วน้า ขอฝากตัวด้วยล่ะ”

 

ช็อกโกล่ายิ้ม ก่อนจะยื่นมือเปื้อนทรายของตนไปจับกับมือเล็กที่ยื่นมาให้ ทั้งคู่เขย่ามือกันเบาๆ และยิ้มให้กัน

 

มิตรภาพของพวกเราเริ่มขึ้นมาตั้งแต่วันนั้น และจะไม่มีวันพังทลายเหมือนกับปราสาทที่ถูกคลื่นซัดอย่างแน่นอน นี่คือความคิดของช็อกโกล่า

 

กลับสู่ปัจจุบัน

 

(ช็อกโกล่าบรรยาย)

 

ฉันนึกถึงภาพความทรงจำที่ทะเลตอนที่ไปเที่ยวกับพี่สาวเมื่อสมัยเด็ก ยังคงจำเด็กผู้หญิงที่เจอในตอนนั้นได้ดี แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือ หลังจากวันนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยจนมาถึงวันนี้ เราได้เจอกันอีกครั้งในฐานะที่ฉันเป็นเพื่อนร่วมห้องของเธอ

 

เธอจะยังคงจำฉันได้หรือเปล่านะ มาการง?...

 

กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง…

 

เสียงของนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้บนหัวเตียงทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ มือควานหาต้นตอของเสียงที่น่ารำคาญก่อนจะกดปิดและกำลังจะล้มตัวลงนอนต่ออย่างที่เคย แต่เมื่อดวงตาปรือๆ ของตัวเองหันไปเห็นตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกาที่ชี้บอกเวลา 7:40 ก็ทำให้ร่างกายที่กำลังจะล้มตัวลงบนหมอนนุ่มต้องแข็งค้างอยู่อย่างนั้น

 

ซวยแล้วไหมล่ะ!

 

“เว้ยยยย!” ฉันตะโกนลั่นทำเอาคนที่กำลังหลับสนิทอยู่ข้างๆ ต้องปรือตาขึ้นมามอง

 

“มาการง ตื่นเดี๋ยวนี้นะ! จะไปไหมเนี่ยโรงเรียนน่ะ สายแล้วววว!!”

 

“งืมมม… ขออีก 5 นาทีน้า”

 

“เว้ยยยย!! ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้น้า นี่มันจะแปดโมงแล้ว ถ้าช้ากว่านี้อีกนิดเดี๋ยวละก็…” ฉันพูดยังไม่ทันจบ มาการงก็สปริงตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างแรงก่อนจะร้องลั่น และวิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว

 

(ติดตามตอนต่อไป)

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ เพียงเรียงรัก

นึกถึงตัวเองตอนอยู่มหาลัย 55

รูปภาพของ Racss

สถานการณ์ที่เคยเจอกับตัวค่ะ55555

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.