STARCIN ภาคที่ 4 At School ตอนที่ 8 ลางสังหรณ์

STARCIN อุบัติมหาสงครามสตาร์คิน

-A A +A

STARCIN ภาคที่ 4 At School ตอนที่ 8 ลางสังหรณ์

ควันสีดำได้ปกคลุมพื้นที่บริเวณนั้นหมดแทบจะมองไม่เห็นใคร อีกทั้งยังทำให้พวกเขาอ่อนล้าจนหลับได้เลย

"อย่าสูดควันเข้าไปนะทุกคน !" เพียงแค่หนึ่งลมหายใจที่สูดควันสีดำเข้าไปมันก็ทำให้ขยับตัวไปไหนไม่ได้แล้ว

"ฟราน ! เตรียมตัวเข้าปะทะ [จิตวิญญาณนักรบ]" ซากิยกเรเปียร์ของตัวเองขึ้นนาบที่อกร่ายเวทส่องแสงสว่างพุ่งไปหาเพื่อน ๆ ของเขา ออร่ามานาแบบพิเศษกำลังปกคลุมและช่วยพวกเขาจากอาการอ่อนล้า

"เวทนี้จะช่วยป้องกันสถานะผิดปกติแต่ก็มีผลอยู่ไม่กี่นาที" พวกเขาลุกขึ้นยืนอีกครั้งชูชันอาวุธของตัวเองขึ้นพร้อมต่อสู้

"ทุกคนหมอบลงไป" สิ้นเสียงของฟรานทุกคนก็ทำตามทันทีโดยไม่มีข้อสงสัย

"[ลงดาบรูปแบบที่ห้า-ฟ้าหลังฝน]" ดาบที่เหยียดสุดแขนเหวี่ยงเฉียงขึ้นเล็กน้อยสร้างกระแสลมที่รุนแรงดั่งพายุพัดควันสีดำออกไปในทีเดียว อีกทั้งยังโค่นต้นไม้ตรงหน้าราบเป็นหน้ากลองจนชายผู้โชคร้ายหนึ่งในคนที่ลอบโจมตีโดนทับ

"จัดการพวกมันเลย !" ทั้งโยและชาญต่างก็พุ่งเข้าใส่ทันทีอาละวาดราวกับเป็นสัตว์ป่า

"เฮ้อ..." ซากิถึงกับถอนหายใจเมื่อมองดูรูปขบวนกระจัดกระจายไปทั่ว แทนที่จะเข้าไปเกะกะจึงเลือกคอยช่วยเหลือไกล ๆ ปล่อยให้นักสู้ทั้งสองคนเข้าไปบ้าล้างผลาญกับศัตรูมากถึงหกคน

เสียงคมดาบกระแทกกระทบดังก้องอย่างต่อเนื่อง แม้พวกเขาเลเวลจะไม่สูงมากนักแต่ด้วยจำนวนที่มากทำให้โยและชาญตึงมือได้

"เจ้าพวกสมองกล้ามมีแต่เรื่องใช้กำลัง" พีชพึมพำอยู่คนเดียวแต่ริสุก็ได้ยินเช่นกัน

"เราคงต้องคอยช่วยจากไกล ๆ ถ้าเข้าไปใกล้มีหวังโดนลูกหลงไปด้วยแน่ ๆ" ซันนี่เหลือบตามองดูรอบ ๆ หาจุดที่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้

"เรามีกันตั้งแปดคนแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ซะงั้น ถ้าครูมาเห็นคงโดนดุตายเลย" ฟรานกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้สูงเฝ้าสังเกตการณ์การต่อสู้ของพวกเขา

พวกนั้นไม่ได้อยากจะมาสู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ด้วยรูปแบบการตั้งรับทำให้โยกับชาญทำอะไรได้ไม่มากนักการจะชนะรูปแบบนี้ต้องเข้าล้อมจากทุกทาง

ฟรานส่งสัญญาณมือให้เข้าล้อมพวกเขาขณะที่พวกโยกำลังดึงความสนใจอยู่

มีพวกเขาอยู่หกคนกับอีกคนที่โดนต้นไม้ทับหมดสติไปแล้ว คนที่เหลือไปอยู่ไหนหมด ขณะที่กำลังจะบุกเข้าล้อมจู่ ๆ ก็มีเสียงดังมาแต่ไกลก่อนจะเผยให้เห็นกระทิงสีแดงอย่างกับอาบเลือดมาทั้งตัววิ่งตรงมายังพวกเขา

"จังหวะนี้แหละ" หนึ่งในพวกเขาตะโกนสั่งการพร้อมกับหยิบผ้าเปื้อน ๆ ออกมาจากกระเป๋าใช้มันปกคลุมร่างกายและเจ้ากระทิงแดงนั้นก็วิ่งผ่านไปพุ่งชนโยทันที

"อ๊าก !" 

เสียงหายใจฟึดฟัดอีกทั้งยังมีเส้นเลือดปูด ๆ บนใบหน้าของมัน หลังจากที่ชนโยกระเด็นออกไปแล้วมันก็หันไปหาชาญต่อ

"ระวังด้วยชาญ !" ซันนี่ตะโกนออกมาจากพุ่มไม้ข้าง ๆ แต่ก็ไม่ทันกาล โลกันตร์จากชายหนุ่มคนหนึ่งที่หลบอยู่แทงเข้าเต็ม ๆ จากด้านหลังหยดเลือดไหลลงพื้นจากแผลที่ท้องของชาญ พวกเขาใช้กระทิงเป็นตัวสร้างจังหวะสวนกลับโดยที่พวกฟรานเองก็คาดไม่ถึงใบมีดสองคมที่กำลังชักออกทำให้เลือดไหลออกมามากกว่าเดิม

"ไอ้พวกนี้ !" ชาญไม่แม้แต่จะถอยกลับหรือยอมแพ้อีกทั้งยังชูดาบไปทางพวกนั้น ใช้แรงที่เหลือน้อยนิดร่ายเวทมนตร์คมดาบไฟฟาดฟันไม่ยั้งแต่เพราะความขาดสติของเขาจนลืมไปว่ากระทิงตัวนั้นกำลังเล็งอยู่และมันก็พุ่งเข้าชนหลังของชาญจัง ๆ จนลุกไม่ขึ้น

"พวกนายจัดการกับทีมนั้น ซันนี่พาชาญออกไป" ฟรานกระโดดลงจากต้นไม้พุ่งลงมาตามแรงโน้มถ่วงแทงเจ้ากระทิงแต่มันก็ยังเหวี่ยงสะบัดดาบของเธอออก

พวกเขาไม่ได้แค่บังเอิญมาเจอเรา แต่เป็นการวางแผนไว้แล้ว ฟรานพลิกตัวกลางอากาศลงพื้นได้อย่างนิ่มนวล ค่อย ๆ ล่อกระทิงออกไปทางอื่น

"[ลงดาบรูปแบบที่สอง]มันไม่ค่อยคล่องนักถ้าใช้สกิลนี้น่าจะได้ผลดีที่สุด คมดาบของเธอได้เฉือนผิวหยาบ ๆ นั่นจากซ้าย ขวาสลับกันไปมาจนมันไม่สามารถตามได้ทัน

"ฟรานระวัง !" ซากิตะโกนเสียงดังขนาดใบหน้าอันหล่อเหลายังหมองลงได้ เหงื่อที่ไหลหยดลงพื้นไม่หยุดดูเหมือนจะหายใจไม่ทันเสียด้วย 

ไม่ทันที่พวกเธอจะตั้งหลักก็มีกลุ่มคนยืนล้อมรอบเสียแล้วธนูมากมายได้เล็งมายังพวกเธอแต่ก็ยังไม่ยิงออกมา

"เอาล่ะท่านผู้กล้า พวกท่านสนใจข้อเสนอของเราไหม ?" ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าห้องเดินออกมาเผชิญหน้ากับฟรานหลังจากที่เธอล้มเจ้ากระทิงนั้นไปแม้จะยังดิ้นพยายามมีชีวิตแต่ไม่นานเขาก็จามขวานลงไปที่หัวของมัน

"ตัวเกะกะออกไปแล้วทีนี้มาพูดเรื่องของเรากันดีกว่า"

"พวกนายต้องการอะไร ?" ตอนนี้ต้องตามน้ำไปก่อนค่อยหาจังหวะสวนกลับ

"ฉันมีข้อเสนอที่จะให้เราร่วมมือกันจัดการกับทีมห้องหนึ่ง หลังจากนั้นก็ค่อยยกเลิกพันธมิตร...เป็นความคิดที่ดีไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ" 

"ก็ดีอยู่หรอกแต่ทำไมถึงต้องทำแบบนั้นล่ะ ถ้าพวกนายจัดการกับเราก็จะได้แต้มเพิ่มโดยไม่ต้องไปสู้กับทีมห้องหนึ่งเลยด้วยซ้ำ"

"เหอะ เป้าหมายของฉันก็คือห้องหนึ่ง...มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีน่ะ" สีหน้าที่ยิ้มแย้มออกมาไม่ได้กลัวดาบที่ฟรานถืออยู่เลยแม้แต่น้อย

"แล้วถ้าเราไม่รับข้อเสนอนั้นล่ะ ?" เมื่อฟรานเอ่ยถามเขาก็เงียบไปพักหนึ่ง

"อ้อ...ก็คงจะต้อง" เขายกมือขึ้นสูงโบกไปข้างหน้าทำให้พรรคพวกที่ถือธนูรออยู่ยิงใส่ไม่ยั้งไม่เพียงแค่ลูกศรธรรมดาแต่มันกลับร่ายเวทเข้าไปด้วยไม่ว่าจะระเบิด ไฟหรือเวทแรงดันน้ำ

แต่แค่เวทธรรมดาพวกนี้ไม่อาจจะทำอะไรฟรานได้เมื่อเธอยกดาบคาตานะปัดทุกดอกออกไปได้ไม่เหมือนกับพวกซันนี่ที่ป้องกันได้บ้างไม่ได้บ้าง

"ชักจะไม่ไหวแล้วนะเว้ย !" เรนที่มักจะเงียบอยู่ตลอดจู่ ๆ ก็ตะโกนออกมาจ้องมองตาไม่กะพริบหลังจากถูกเวทไฟเผาแขนไป 

"เรน..." หญิงสาวผู้เดียวที่เรนเชื่อใจกำลังกุมมือเขาไว้ เพียงแค่นั้นก็ทำให้เรนสงบสติอารมณ์ได้

"คงต้องสวนกลับบ้างแล้วสินะ" ฟรานแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อยหวังจะไม่ให้ใครเห็น

"[ลงดาบ]-"

"ทุกคนโจมตี !" เมื่อพวกเขาเห็นท่าไม่ดีก็รีบถอยเว้นระยะห่างก่อนจะสาดกระสุนเวทเข้ามาทุกทิศทาง

บาเรียขนาดใหญ่ที่ไม่เพียงแค่ปกป้องพวกเขาเท่านั้นแต่มันกลับส่องแสงที่ให้ความอบอุ่นเพิ่มค่าสเตตัสของทุกคนในวงนั้น ซากิที่อยู่จุดศูนย์กลางกำลังตั้งสมาธิจดจ่ออยู่กับมันปล่อยหน้าที่ที่เหลือให้กับพรรคพวกคนอื่น

"[ลงดาบรูปแบบที่หนึ่ง]" ปลายเท้าขวาเหยียดไปด้านหลังพร้อมกับโน้มตัวลงต่ำ ปลายนิ้วทั้งห้ากำและบีบดาบแน่นเงยหน้าจ้องมองเป้าหมาย

"[การร่ายรำของเปลวเพลิง]" ชาญหมุนดาบไปมาสร้างเปลวไฟปกคลุมดาบเล่มนั้นทุกครั้งที่เขาเคลื่อนผ่านจะสร้างความร้อนแพร่กระจายไปรอบ ๆ 

"[วารีสะบั้น]" วงแหวนเวทขนาดหนึ่งเมตรสร้างขึ้นกลางอากาศทุกครั้งที่มันตอบสนองจะมีคมมีดวารีพุ่งไปยังเป้าหมายได้ดั่งใจนึก

เพียงชั่วพริบตาเดียวผืนป่าแห่งนั้นก็พังทลายหายไปไม่ว่าจะเปลวเพลิงและคมมีดวารีที่เชือดเฉือนทุกสิ่งทุกอย่างจนคนจากสนามประลองยังตกตะลึง แต่พวกทีมห้องสองเองก็สามารถป้องกันไว้ได้ด้วยจำนวนที่มากกว่าเวทป้องกันมากมายได้ใช้ผสานร่วมกันเป็นกำแพงที่ไม่อาจทำลายได้ง่าย ๆ 

"สมกับเป็นห้องพิเศษ ทั้งเลเวลและสเตตัสสูงกว่าแบบเห็นได้ชัด...แต่ยังไงมานาทางฝั่งเราก็มากกว่าอยู่แล้ว" ถึงจะดูผิดจากที่คาดไว้แต่ก็ไม่ได้ตกใจมากนักเขากลับยิ้มออกเสียดื้อ ๆ 

"มาวัดกันไปเลยดีกว่าว่ามานาใครจะหมดก่อน โพชั่นที่ทางผู้จัดเตรียมไว้ให้คนละสองก็คือโพชั่นเพิ่มเลือดและโพชั่นเพิ่มมานา ถึงจะเสียของสักหน่อยแต่ถ้าเราสามารถล้มทีมที่มีท่านผู้กล้าลงได้ก็จะมีหน้ามีตาในสังคมทันที" 

การปะทะกันยังคงดำเนินต่อไปแม้พวกฟรานจะร่ายเวทอะไรก็ตามก็ไม่สามารถทลายการป้องกันของพวกเขาลงได้ เช่นเดียวกันทางทีมห้องสองก็ยังไม่สามารถทำลายบาเรียศักดิ์สิทธิ์ที่ซากิสร้างได้

"ฉันได้ยินมาว่าผู้กล้าเลเวลหกแล้ว แต่ทำไมถึงดูไม่ต่างจากเราที่เลเวลแค่สามบ้างสี่บ้างล่ะ" 

"ฉันก็ไม่แน่ใจแต่อาจจะมีเพื่อนอยู่ใกล้ ๆ เลยไม่กล้าสู้เต็มกำลังก็เป็นได้ พวกเขาอยู่ในจุดที่สู้ได้ยากเพราะพื้นที่มีน้อยกว่าอีกทั้งยังโดนล้อม ถ้าเป็นพวกเราซะเองที่โดนล้อมป่านนี้คงโดนจัดการไปหมดแล้ว" แม้จะดูหัวรุนแรงไปบ้างเวลาสั่งการเพื่อน ๆ ในห้องแต่เขากลับคิดและวิเคราะห์เหตุการณ์ได้ดีกว่าที่คิด

นั่นมันอะไรน่ะ เขาเพ่งสายตามองลงไปยังจุดศูนย์กลางที่พวกฟรานยืนอยู่ได้เห็นการส่งสัญญาณแปลก ๆ และในที่สุดเขาก็เข้าใจมัน

"เตรียมเวทใหญ่เร็ว !" 

ทันใดนั้นบาเรียศักดิ์สิทธิ์ของซากิก็ย่อส่วนลงปกคลุมแค่เจ็ดคนเท่านั้นปล่อยให้ฟรานอยู่ด้านนอกคนเดียว แม้จะมีห่ากระสุนเวทพุ่งเข้ามาเธอก็ไม่หวั่นเลยแม้แต่น้อยมิหนำซ้ำยังตั้งสมาธิจดจ่อกับปลายดาบของตัวเอง

"หนึ่ง...สอง..." ก่อนที่กระสุนเวทพวกนั้นจะพุ่งถึงตัวเธอก็ได้เหวี่ยงคมดาบคาตานะไปรอบ ๆ สร้างคลื่นมานากระแทกใส่โล่ป้องกันของพวกห้องสอง

"สาม...สี่...[ลงดาบรูปแบบที่สาม-ทะลวงโลกันตร์]" เธอย่อตัวและแทงดาบตรงไปข้างหน้าทะลุทะลวงกระสุนเวทและโล่ป้องกันของพวกเขาในพริบตาความรุนแรงส่งไปไกลถึงหนึ่งร้อยเมตรกว่ามันหมดพลัง ระหว่างทางนั้นจุดที่เธอเล็งไปก็ว่างเปล่าราวกับถูกลบออกไปดื้อ ๆ เหลือเพียงรอยไหม้สีดำโชคดีที่เธอเลี่ยงไม่ให้โดนคน

"เธอรวบรวมพลังไว้ที่จุดจุดเดียวเพื่อทำลายโล่ แต่รูแค่นั้นไม่กี่ลมหายใจก็สร้างใหม่ได้แล้ว"

แค่นั้นไม่กี่ลมหายใจก็สร้างใหม่ได้แล้ว นั่นคงเป็นสิ่งที่เจ้านั่นคิดอยู่

"[ลงดาบรูปแบบที่หนึ่ง-เส้นทางเปล่าเปลี่ยว]" เธอใช้เวลาไม่ถึงสองลมหายใจในการร่ายเวทกระบวนท่าต่อ ดาบที่ยกขึ้นสูงเท่าระดับสายตาหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่เห็นเธอเลยจนโล่ป้องกันได้แตกสลายไป การพุ่งตัวอย่างรวดเร็วที่แม้แต่จะมีสายตาจับจ้องอยู่หลายคู่ก็ไม่อาจมองได้ทัน

"ความเร็วระดับนั้นมัน-" 

"[ลงดาบรูปแบบที่สอง-สับสน]

เธอพุ่งตัวไปรอบ ๆ ฟาดสันดาบใส่สมาชิกทีมห้องสองทีละคนด้วยความเร็วที่มากกว่าจนแค่การชักดาบออกมาก็ไม่สามารถจะทำได้ ความประมาทของพวกเขาที่พยายามจะล้อมตีห้องพิเศษโดยลืมคิดไปว่าฟรานนั้นเคยสู้กับมอนสเตอร์จำนวนมากมาแล้วหรือแม้นักผจญภัยก็เคยจัดการมาแล้วเช่นกัน

"ก็ได้..." เขาค่อย ๆ ยกมือขึ้นสูงเหนือหัว ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีคนของห้องสองก็เหลือแค่สามคน ฟรานที่กำลังชายตามองพวกเขาราวกับเป็นเด็กน้อยวิ่งเล่นกันก่อนจะเก็บดาบลงฝักสูดหายใจเข้าออกเต็มปอด

เราใช้มานาไปเกินครึ่งถ้าเจอกับทีมอื่นคงยากที่จะตอบโต้ ฟรานส่งสัญญาณมือให้กับพวกซากิที่อยู่ห่างออกไป

"ฟราน !" ขณะที่กำลังคิดแผนล่วงหน้าก็ได้ยินเสียงตะโกนจากซากิ สีหน้าซีดเชียวเหงื่อตกกันเป็นแถบและในวินาทีนั้นใบดาบสองคมก็พุ่งแทงจากด้านหลัง

ฟรานยืนนิ่งไปครู่หนึ่งหลังจากถูกแทงที่แผ่นหลัง เธอค่อย ๆ หันหน้ามองชายหนุ่มคนนั้นจ้องจนตาแทบจะถลนง้างหมัดขวากระแทกเข้าที่กรามหักและหมดสติไปทันที

"เธอเป็นอะไรมากไหม ?" เพื่อนของเธอต่างก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับร่ายเวทมนตร์เตรียมช่วยเหลือ

"แค่นิดเดียวไม่เป็นอะไรหรอก" ดาบที่แทงฟรานอยู่ค่อย ๆ ไหลหล่นลงพื้นแผลที่มีก็แค่เลือดซิบ ๆ ออกมา

"ได้ไง ?" ชาญถึงกับตาโตจ้องมองแผลของฟรานไม่หยุด

"เสริมกำลังน่ะ ถึงจะใช้แค่ระดับสามก็เถอะแต่มันก็หยุดการโจมตีแบบนั้นได้" ไม่นานนักก็มีเจ้าหน้าที่โผล่ออกมานำร่างของพวกนักเรียนห้องสองออกไปจากสนามแข่ง พวกเขาทั้งไวและคล่องแคล่วในการช่วยเหลือคน ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถพาทีมห้องสองออกไปได้ทั้งหมด

"ดูสิครับพวกเขาใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็เหลือเพียงแค่สองทีมเท่านั้น การแข่งขันจะจบเร็วไปหรือไม่ต้องมาดูกันต่อ"

เสียงฮือฮาค่อย ๆ ดังขึ้นหลังจากที่เห็นเวทมนตร์ของฟราน การออกท่าอย่างต่อเนื่องไม่เพียงแค่ใช้มานาจำนวนมากเธอยังมีสมาธิไม่หลุดจากการควบคุมไม่อย่างงั้นมานาที่กำลังห่อหุ้มดาบและร่างกายอยู่ได้กระจายหายไปหรือไม่ก็ทำร้ายตัวเธอเอง

"นายคิดเหมือนฉันใช่ไหมโอบา ?" 

"อืม...พวกเขายังไม่ได้ใช้ของพวกนั้นเลย ตามที่เจ้าทรัมป์รายงานมาพวกท่านผู้กล้ายังมีไม้เด็ดอีกหลายอย่าง" ใบหน้าซีดเชียวกับหนังเหี่ยว ๆ กำลังทิ้งก้นนั่งบนเก้าอี้

"สภาพนายดูแย่ลงเยอะเลยนะ ทำไมไม่ให้อาเกลียรักษาให้มันจบ ๆ ไป" 

"เอาไว้หลังจากจบงานก็ได้ ของแค่นี้สบายมาก" โอบายกฝ่ามือลูบไล้ใบหน้าไปยันรอยแผลเป็นที่หัวไหล่พลางนึกถึงบางอย่างจนเหม่อลอย

"พวกท่านสองคนดูสนิทกันมากเลยนะครับ" นายพลแห่งอาณาจักรเซียผู้น่าเกรงขามขนาดแค่นั่งอยู่เฉย ๆ ก็ยังมีออร่าอันหนักอึ้งแพร่ออกมา

"ก็แน่สิพวกเราเรียนจบมาจากที่เดียวกัน เห็นแก่ ๆ แบบนี้ฉันก็พึ่งจะหกสิบเองนะ" คอออสหัวเราะดังออกมาไม่สนใจภาพลักษณ์ของฉายาผู้ทรงปัญญา

"แก่กว่าผมไม่กี่ปีเองนะครับ" โกโด้กระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย

"ทำไมฉันต้องมาอยู่ในที่ที่มีแต่คนแก่ด้วยล่ะเนี่ย" เสียงบ่นพึมพำจากแคลลี่ที่กำลังนั่งเอนหลังแทบจะนอนอยู่แล้ว

"ก็เพราะเธอถือว่าเป็นบุคคลทรงคุณค่าของอาณาจักร และที่ห้องนี้ก็คือห้องสำหรับคนเหล่านั้น" อาเกลียตอบกลับอย่างนิ่มนวลไม่กระโชกโฮกฮาก

"ฮ่า ๆ ๆ ผมก็คงเป็นผู้ทรงคุณค่าด้วยสินะ" ทันใดนั้นก็มีเสียงของวินแทรกขึ้นมาทำเอาสีหน้าของโอบาเปลี่ยนไป

"แกอีกแล้วเหรอวิน เราไม่ได้เชิญแกมาสักหน่อย" แพกซ์ผู้อำนวยการโรงเรียนซึ่งไม่ค่อยถูกกับวินอยู่แล้ว เขาพูดด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ อีกทั้งยังถอนหายใจเสียงดังเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความไม่พอใจ

"อ้อ ๆ พอดีคนเฝ้าเขาไม่ว่าอะไรผมเลยเดินเข้ามาเลย" 

"หน็อย ไอ้พวกยามไม่ได้เรื่อง-"

"ท่านครับ !" ก่อนที่แพกซ์จะพูดจบก็มีนายทหารวิ่งเข้ามาพร้อมกับเหงื่อที่ไหลโชกทั้งตัว

"มีอะไร ?" โกโด้ตอบรับด้วยการจ้องมองนายทหารคนนั้น

"ในสนามแข่งมี...พวกมอนสเตอร์เลเวลหก...หลงมาหลายตัวเลยครับ" เสียงหายใจถี่ ๆ สลับกับการพูดติด ๆ ขัด ๆ

"เลเวลหกเหรอ ? แล้วพวกตากล้องจัดการไปหรือยัง"

"ตอนนี้พวกเราก็ไม่สามารถติดต่อกับตากล้องได้แล้วครับแถมยังมีการกางบาเรียอีกชั้นทำให้หน่อยแพทย์และกำลังเสริมเข้าไปไม่ได้" 

"ใครกันที่แทรกแซงการแข่งนี้ แถมดูจากระดับมานาแล้วถ้าไม่ใช่องค์กรขนาดใหญ่ก็ต้องเป็นผู้ที่มีเลเวลแปดขึ้นไป" โอบาพูดกระแทกเสียงเดินเอาส้นเท้ากระแทกพื้นอีกต่างหาก

"ส่งพลโทลักซ์ไป คนที่สามารถจับกุมได้ดีที่สุดก็คือเธอ" นายทหารทำวันทยหัตถ์ก่อนจะหันหลังวิ่งออกไป

"โชคดีแค่ไหนแล้วที่พลโทลักซ์อยู่ฝั่งเรา ลองคิดดูสิว่าพลังของเธอจะพัฒนาไปอีกไกลแค่ไหน" คอออสลูบเครางาม ๆ ของตัวเองแล้วยิ้มปลื้มปริ่มออกมาไม่รู้ตัว

"พลังเดอะที่เธอได้ครอบครองแข็งแกร่งมาก ๆ เรียกได้ว่าถ้าเป็นการต่อสู้ในระยะประชิดก็แทบจะชนะแน่นอนเลยยกเว้นว่าจะเจอคนที่สามารถควบคุมมานาได้อย่างชำนาญ" โกโด้เองก็ดูท่าจะชอบใจลักซ์แต่ก็ยังพยายามรักษาภาพลักษณ์ความคมเข้มไว้

ขณะที่กำลังเสวนากันอยู่ภาพที่จอก็ฉายไปยังผืนป่าจากมุมสูงเหมือนกล้องลอยอยู่กลางอากาศ 

"คงเป็นฝีมือของคนที่เข้ามาแทรกแซงสินะ"

กล้องได้จับไปที่มิโนทอร์ใจกลางป่าที่กำลังอาละวาดฟาดฟันทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งเป็นจุดแบ่งฝั่งของพวกห้องหนึ่งกับฟรานพอดี

"รอบ ๆ นี้ไม่เหลือทีมอื่นแล้ว" ทริกซี่พูดใส่เครื่องสื่อสารที่ตัวรับสัญญาณเป็นกล่องขนาดใหญ่ต้องแบกไปไหนมาไหนด้วยตลอด

"รับทราบ ! ทางนี้ก็ไม่มีใครเลย" พวกเขาตั้งหลักกันอยู่ริมแม่น้ำขนาดใหญ่ที่กว้างมากถึงสิบเมตรอีกทั้งยังไหลเชียวจนยากที่จะเดินข้ามไป

"เตรียมวางอาณาเขตบาเรีย พวกนายไปหาเสบียง" คาร่าพูดด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลดูมีความเป็นกุลสตรีสูงส่งเพื่อน ๆ ของเธอเองก็ทำตามไม่ขัดข้องอะไร

"แบ่งกันเฝ้ายามทีละสามคน ส่วนคนที่เหลือให้บรรจุเวทประทับเตรียมตัวไว้" พวกเขาใช้ลูกศรที่มีเศษหินเวทอันน้อยนิดในการบรรจุเวทประทับเมื่อร่ายมานาลงไปก็สามารถใช้เวทมนตร์ได้ทันที

"ถ้าเจออะไรผิดปกติให้รีบติดต่อกลับมาทันที ถึงเราจะคุมป่าฝั่งนี้ได้หมดแล้วแต่ก็ยังรับประกันความปลอดภัยไม่ได้"

พวกเธอต่างก็วิ่งวุ่นสร้างฐานทัพที่เต็มไปด้วยวงแหวนเวทนานาชนิดถ้าพวกมันถูกใช้งานพร้อมกันคงควบคุมไม่ได้แน่ ๆ 

"ฟราน ! เจ้าพวกนั้นตามมาไม่หยุดเลย" กองทัพมอนสเตอร์หลายสิบตัวกำลังถาโถมใส่ไม่หยุดแม้เลเวลพวกมันจะมีไม่สูงมากแต่ด้วยความสามารถในการละลายสิ่งรอบข้างเมื่อรวมตัวกันก็ยิ่งทวีคูณความรุนแรงเข้าไป

"เป็นแค่หนอนน่าเกลียดแท้ ๆ ทำไมถึงเคลื่อนที่ได้เร็วขนาดนี้" ซันนี่ขว้างบอลน้ำระหว่างทางแต่ก็ไม่อาจหยุดพวกมันได้

"ล่อมันไปที่แม่น้ำใหญ่" เมื่อพวกเขามาถึงแม่น้ำสายเดิมก็กระโดดสุดแรงข้ามฝั่งไป ด้วยกระแสน้ำที่ไหลเชียวทำให้พวกหนอนตามมาไม่ได้แต่มันก็ทำให้พวกเธอถูกแยกกับกลุ่ม

"อาจจะอันตรายไปหน่อยแต่การแยกออกมาก็อาจจะหาทีมอื่นเจอได้ง่ายขึ้น ถ้าการหาที่ตั้งหลักมันยากเราก็จะตามล่าทีมอื่นแทน" ฟรานจ้องมองพวกหนอนที่กำลังคลานยั้วเยี้ยก่อนจะพุ่งไปหากวางใกล้ ๆ และดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก

"เราต้องค่อยเป็นค่อยไปเพราะมานายังฟื้นฟูไม่มากพอ ถ้าต้องเจอศึกหนักจะแพ้เอาได้" 

"นั่นมันเบอร์รี่เหรอ ?" ซันนี่กระโดดคว้าเอาผลไม้บนต้นไม้ลงมากำหนึ่งจ้องมองดูรูปลักษณ์ที่คุ้นเคยแล้วก็ดมกลิ่นอีกด้วย 

"อย่า !" ฟรานจับมือของซันนี่ไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะลองกินเข้าไปและโยนมันทิ้งทันที

"เอ๊ะ ! ทำไมอะ ?"

ทันใดนั้นลูกกลม ๆ ที่คิดว่าเป็นเบอร์รี่ก็แตกออกเผยให้เห็นแมลงตัวเล็กอยู่ภายในนั้น มันคลานออกยั้วเยี้ยจนรู้สึกน่าขยะแขยงไม่อยากจะคิดเลยถ้ากินเข้าไปจะเป็นยังไง

"ฉันสัมผัสสิ่งมีชีวิตในนั้นได้น่ะ ? เราลองอะไรมั่วซั่วเลยแค่วันเดียวคงไม่เป็นอะไรมากนักหรอก" 

มานา มีการใช้เวทมนตร์อยู่ใกล้ ๆ

"นั่นแหละลากมา" เหล่าชายหญิงสามคนกำลังลากรถที่ทำอย่างง่ายจากไม้ บนนั้นมีกล่องขนาดใหญ่วางตั้งอยู่พร้อมกับเสาส่งสัญญาณ

"ตรงนี้น่าจะได้นะ ทดสอบ ๆ พวกเธอได้ยินไหม ?"

"ได้ยินแล้ว ซ่อนมันให้ดีล่ะเดี๋ยวจะโดนเจอเข้า" เสียงจากปลายสัญญาณที่ส่งมาจากฐานทัพของพวกห้องหนึ่ง หลังจากที่อำพรางกล่องด้วยหญ้าสดที่หาได้ใกล้ ๆ

"ฉันจะแอบตามไปส่วนเธอรอดูเจ้ากล่องนั่นไว้" ฟรานใช้สกิลตรวจจับในการตามพวกเขาไปโดยที่ยังทิ้งระยะห่างไว้

"ทำไมพวกเราไม่บุกไปเลยล่ะ ?" เสียงคุยกันดังมาจากชายหญิงพวกนั้น

"จะบ้าเหรอป่าตั้งกว้างจะไปบุกซี้ซั้วมีหวังโดนตลบหลังกันพอดี" หญิงสาวตะคอกใส่ไม่มีความเกรงใจ

"ที่หัวหน้าห้องพยายามสำรวจพื้นที่ก็เพื่อจะวางรูปแบบให้ถูก ไม่แน่เธออาจจะพยายามล้อมพวกทีมอื่นให้อยู่ตรงกลางแล้วบีบจนไม่มีที่หนีก่อนจะจบเกม"

"เสียงอะไร !" พวกเขาได้ยินเสียงเศษหินกลิ้งแม้มันจะเบามากก็ตามแต่ด้วยความระมัดระวังตัวพวกเขาจึงควักอาวุธของตัวเองออกมาตั้งท่า

"มอนสเตอร์หรือเปล่า ? หรือจะเป็นทีมอื่น" พวกเขาร่ายเวทเสริมกำลังทันทีค่อย ๆ เดินหาที่มาของเสียง มานาจำนวนหนึ่งกำลังก่อรวมกันที่ดาบของเขาพร้อมจะฟาดฟัน

"ไม่มี..." พวกเขาใช้ดาบฟันพวกกิ่งไม้ใบหญ้าสูงแต่ก็ไม่พบอะไรเลยสักอย่าง

"สงสัยจะเป็นแค่ลมล่ะมั้ง" พวกเขาตัดสินใจกลับไปยังฐานทัพต่อโดยที่ฟรานยังปีนอยู่บนต้นไม้ตรงนั้น

เกือบไปแล้ว ตอนนี้เรายังไม่อยากให้พวกเขารู้ตัวจนกว่าจะเจอกับฐานทัพนั่น 

"กลับมาแล้ว !" ชายหนุ่มตะโกนบอกพร้อมกับปั้นหน้ายิ้ม

"ดีมากพวกนายไปพักกันก่อนเลย เราจะค่อย ๆ ยึดพื้นที่ไปเรื่อย ๆ จนสามารถคุมผืนป่าแห่งนี้ได้" คาร่ายิ้มทักทายเอามือตบกันกับหญิงสาวคนนั้นเหมือนเป็นสัญญาณอะไรสักอย่าง

ได้เรื่องแล้ว ต้องรีบออกจากพื้นที่ตรงนี้ก่อนค่อยรายงานคนอื่น ๆ ฟรานกระโดดไปตามกิ่งไม้ใหญ่หวังจะไม่ให้เป็นจุดสังเกตแต่พวกไม้ใบก็ร่วงหล่นเป็นทาง

"[เปิดใช้งานการสื่อสาร] ฉันเจอฐานทัพของทีมห้องหนึ่ง-"

"ศัตรู !" ไม่ทันที่ฟรานจะพูดจบก็มีเสียงตะโกนดังมาจากข้างบน พวกทริกซี่ที่พึ่งกลับจากการสำรวจจ้องมองลงมาพร้อมกับเตรียมเวทโจมตี

"คราวนี้ไม่รอดแน่" กระสุนไฟพุ่งตรงมายังต้นไม้ที่ฟรานยืนอยู่ เธอกระโดดลงบนพื้นและวิ่งสุดฝีเท้าพยายามหาพวกต้นไม้ใหญ่ช่วยบดบังวิสัยทัศน์

 

หมายเหตุ - เวทมนตร์บางชื่ออาจจะเปลี่ยนแปลงได้ในอนาตค

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.