STARCIN ภาคที่ 9 Black Purge ตอนที่ 23 มีเรื่อง
“มีประตูลับอยู่ฝั่งนี้ด้วยแฮะ พวกมันก็เล่ห์เหลี่ยมใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย” หมายเลขสี่ที่หายไปจากชายแดนอาณาจักรเซียกลับมาโผล่อยู่ที่เอลโฟเรียเสียแล้ว เขาซุ่มมองประตูที่ใช้อพยพพลเรือนอย่างใจเย็นก่อนจะเคลื่อนไหวต่อ
ในเมื่อติดตั้งสิ่งนั้นเสร็จแล้วมันก็หมดหน้าที่ของเราแล้ว ให้ตายสิพวกศูนย์จะระแวงไปถึงไหนเพราะแค่ผู้บริหารก็มากพอที่จะถล่มเมืองเล็ก ๆ นี่ได้แล้ว
ระหว่างที่กำลังหนีเขากลับไปเจอกับเอลฟ์หนุ่มที่กำลังหงุดหงิดจนคิ้วขมวด
“ในเมื่อไม่มีใครสนใจสนามบินเราก็คงไม่ต้องเฝ้ามันแล้ว” โฟลที่ต้องอดทนอดกลั้นมองดูเมืองของตนเองถูกทำลายกำลังมุ่งหน้าไปกำจัดศัตรู
หมายเลขสี่เผลอไปสบตากับโฟลที่อารมณ์กำลังฉุนเฉี่ยวทำให้ต้องหลบสายตาทันที
“เจ้าเป็นใคร? ข้าไม่ยักจะเคยเห็นหน้าเจ้ามาก่อน” โฟลเอ่ยถามขณะที่เท้ากระดิกรัวแสดงให้เห็นถึงความร้อนรน
“ฉันเป็นนักผจญภัยจากอาณาจักรเซีย พอเห็นว่ามีสงครามฉันก็เลยพยายามหนีออกมาจากเมือง” หมายเลขสี่ยื่นบัตรนักผจญภัยให้ดูด้วยท่าทางสุขุมไม่มีพิรุธให้จับได้เลยแม้แต่น้อย
“เลเวลหกสินะ ไปดีมาดีแล้วกัน” โฟลโยนบัตรนักผจญภัยคืนแล้วรีบวิ่งไปที่ประตูเมืองทันที
ให้ตายสิเกือบตายแล้วไหมล่ะ นึกว่าจะอยู่ที่เมืองกันหมดแล้วแต่ดันมีคนอยู่แถวนี้ซะได้
หลังจากไม่เห็นหลังของโฟลเขาก็เริ่มวางใจก้าวเท้าเดินต่อได้แต่จู่ ๆ หัวของเขาก็หลุดจากบ่าไร้ซึ่งสัญญาณใด ๆ
“เหอะ คิดว่าอดีตหัวหน้ากิลด์นักผจญภัยโง่ขนาดมองบัตรปลอมไม่ออกเลยเหรอวะ”
ที่ประตูตะวันออก ราห์และอาร์โนบุกเข้าไปถึงด้านในกำแพงเป็นที่เรียบร้อย กำลังพลทหารก็ไร้ประโยชนเมื่อโดนพลังของราห์เข้าไปแถมร่างโคลนของซึฮากิก็เหลือแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
“ฝากจัดการที่เหลือด้วยล่ะ ฉันจะไปช่วยฝั่งอื่นต่อ...” ก่อนที่ราห์จะได้ก้าวเดินไปไหนเขาก็สัมผัสได้ถึงมานาจำนวนหนึ่งกำลังพุ่งตรงมาที่เขา
ราห์ยกมีดสั้นสร้างโล่มานาป้องกันไว้ได้ทัน เมื่อมองไปยังที่มาของมานาก็จะพบกับโฟลที่เป็นถึงอดีตหัวหน้ากิลด์นักผจญภัยผู้มากความสามารถแต่กลับไม่ค่อยมีใครรู้จักนัก
“ไม่คิดว่าจะได้เห็นคนที่เลเวลเท่ากันที่นี่ด้วย แต่ก็ค่อยสมเหตุสมผลกับที่ท่านเจ้าสำนักให้ผู้บริหารกับมือขวามากันเกือบหมด” ราห์จ้องมองไปที่โฟลหวังใช้พลังของตนเองแต่อีกฝ่ายก็รู้ทัน
“พลังของแกถูกประกาศให้คนอื่นรู้หมดแล้ว อย่าหวังว่าจะได้ใช้มันง่าย ๆ อีกเลย” พูดจบเขาก็พุ่งเข้าประชิดและสู้โดยหลบสายตาตลอดเวลา
“ในระดับพลังที่ใกล้เคียงกัน หากสูญเสียความสามารถไปสักอย่างก็อาจนำพาไปสู่ความตายได้เลย” ระหว่างที่ใช้มีดรับมือกับคมดาบวายุ อีกมือเขาก็ควักเอาแส้ออกมา แส้เส้นนั้นได้ฟาดผ่านใบหน้าของโฟลไปเฉียดฉิวเกือบเสียจมูกไปแล้ว
“สำหรับเจ้าข้าใช้แค่หูฟังกับเวทมนตร์ตรวจจับก็เพียงพอแล้ว” โฟลสร้างดาบวายุขึ้นมาวางเรียงกันเหมือนกำแพงที่ใช้บังสายตาของราห์และใช้ขว้างใส่ได้อีกด้วย
“โทษทีนะ แต่คิดว่าฉันพึ่งเคยเจอวิธีรับมือแบบนั้นเหรอ?” ราห์สะบัดแส้ฟาดลงพื้นอย่างต่อเนื่องและจังหวะเดียวกันเขาก็เข้าประชิดตัวเหมือนย้ายที่ได้ในพริบตา
กว่าที่โฟลจะสัมผัสมานาได้คมมีดเพลิงของราห์ก็โผล่มาตรงหน้ากำลังจะฟันหัวเสียแล้ว โฟลทิ้งตัวหลบพร้อม ๆ กับพลิกกำแพงดาบมาขวางไว้
“เมื่อกี้มันอะไร?” หลังจากป้องกันดาบนั้นได้โฟลก็ใช้เวทมนตร์วายุผลักตัวเองออกห่างเพื่อมองดูเล่ห์กลของราห์
“อ้าว ๆ ไหนบอกว่าจะไม่มองไงล่ะ?” พอโฟลจะมองดูสิ่งที่ราห์ทำ ราห์ก็จ้องมองกลับมาเล่นเอาเกือบโดนพลังเดอะไปแล้ว
ราห์สะบัดแส้อีกครั้งดังอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุดและเพียงชั่วพริบตาเขาก็เข้ามาถึงตัวโฟลอีกแล้ว
เจ้านั่นมันทำอะไรกันแน่ ออร่ามานาที่ตรวจจับได้มันฟุ้งกระจายเพราะแส้นั่นเหรอ เสียงการสะบัดก็ยังอยู่ที่เดิมแท้ ๆ แต่ทำไมถึงเคลื่อนไหวได้ไวขนาดนั้น
ขณะที่กำลังคิดวิเคราะห์เขาก็ยังต้องรับการโจมตีจากราห์โดยที่ตนเองหาจังหวะตอบโต้ไม่ได้เลย มิหนำซ้ำอาร์โนที่กำจัดร่างโคลนซึฮากิหมดแล้วได้มาสมทบจู่โจมจากอีกด้านทำให้ตัวเขาถูกแรงกระแทกซัดกลิ้งไปบนพื้น
“ผมมาแล้วครับ” อาร์โนเอี่ยวตัวเพื่อเหวี่ยงหมัดใส่โฟลแต่เขาก็กลิ้งตัวหลบทันทำให้หมัดของอาร์โนจมลงไปในดินแทน จากนั้นโฟลก็สร้างดาบวายุพุ่งใส่อาศัยจังหวะที่ศัตรูหยุดอยู่กับที่
“ลืมอะไรไปหรือเปล่า?” เสียงแส้สะบัดอีกครั้งดึงความสนใจของโฟลไปที่ราห์แถมยังเกือบสบตากันอีกแล้ว ถ้าเผลอเพียงแค่ครั้งเดียวก็คงจะเป็นครั้งสุดท้ายเป็นแน่
โฟลพยายามใช้ตรวจจับควบคู่กับการฟังเสียงเพื่อหาตำแหน่งของราห์ แต่ก็เหมือนเดิมที่จู่ ๆ ราห์ก็เข้ามาถึงตัวทันทีทั้ง ๆ ที่เสียงแส้สะบัดลงพื้นยังอยู่ไกลออกไป
“คิดสิ ๆ เห็นเลเวลแปดเหมือนกันก็เลยคาดหวังไว้เยอะ...” ราห์ถึงกับต้องกระโดดถอยออกมาเพราะมานาจำนวนมากกำลังหมุนวนรอบ ๆ ตัวโฟล
“พวกสกปรกโสโครก !” โฟลสร้างพายุหมุนรอบตัวป้องกันทุกการโจมตี ระหว่างที่ถ่วงเวลาเขาก็ได้เตรียมมานาก่อรูปเป็นกำแพงดาบอีกครั้งแต่คราวนี้เขาสร้างล้อมรอบทุกทิศทางเลย
“หายไปซะให้หมด” เมื่อปลดพายุออกโฟลก็เริ่มยิงดาบวายุใส่ทันที ในเมื่อประตูเมืองเสียหายไปแล้วเขาจึงไม่เกรงใจและใช้เวทมนตร์ไม่ยั้งมือเพื่อฆ่าศัตรูให้ได้
ราห์หลบหลังอาร์โนจึงประหยัดมานาของตนเองพร้อม ๆ กับมีเวลาเพ่งรวมมานาอีกด้วย
“อย่างน้อยก็ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด จริงไหมอาร์โน?”
“ครับ เอลโฟเรียถือว่ามีกองกำลังที่แข็งแกร่งเกินกว่าจะเป็นเมืองที่พึ่งสร้าง ถ้ายังปล่อยไว้อีกไม่กี่ปีพวกมันคงจะเทียบเคียงกับแอสต้าได้เป็นแน่”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้น” เมื่อราห์รวมมานาเสร็จเขาก็กระโจนออกจากโล่กำบังของอาร์โนแล้ววิ่งใส่โฟลโดยไม่สนดาบวายุที่พุ่งทะลวงมาเลย
เสียงแส้สะบัดเป็นจังหวะอีกครั้งนั่นทำให้โฟลตื่นตระหนกและใช้มานาจำนวนมากไปกับการยิงดาบวายุไปทุกทิศทาง แต่คราวนี้ราห์กระโดดข้ามผ่านกำแพงดาบเหล่านั้นและทิ้งระเบิดมานาลงไปแทน
โฟลสัมผัสถึงมานาบนหัวได้จึงเคลื่อนกำแพงดาบขึ้นมาป้องกันแต่นั่นกลับเป็นจังหวะให้ราห์ทะลุผ่านช่องว่างเล็ก ๆ และใช้มีดจ้วงทะลุเสริมกำลังเข้าที่ท้องได้หนึ่งแผลก่อนจะหลบหนีหายไป
“การตรวจจับเริ่มบกพร่องแล้วนะพวก แถมยังได้แผลเพิ่มไปหนึ่งแผลก็ยิ่งทำให้เสียสมาธิกับการตรวจจับเข้าไปอีก” ราห์คอยพูดกวนประสาทตลอดเวลาพยายามทำให้โฟลสติหลุด
“เหอะ ไม่ได้แผลมากี่ปีแล้วนะ ความรู้สึกที่คุ้นเคยพวกนี้ช่างเป็นความรู้สึกที่น่าสะอิดสะเอียนและน่าตกใจในเวลาเดียวกัน” กำแพงดาบตั้งตรงอีกครั้งแต่ไม่นานมันก็กระจายตัวไปทั่วสนามรบ โฟลก้าวเดินบนใบดาบและยืนอยู่บนนั้นขณะที่ควบคุมให้บินไปมาได้ด้วย
“นั่นแหละ ๆ มีลูกเล่นอะไรก็แสดงออกมาให้หมด...อาร์โนหลบ !” ราห์สัมผัสถึงมานาใกล้ ๆ อาร์โนได้แต่กว่าจะรู้ตัวดาบของโฟลก็แทงทะลุตัวอาร์โนเป็นที่เรียบร้อย
วินาทีที่โฟลก้าวขาลงจากดาบก็จะมีดาบอีกเล่มบินมารับเหมือนขั้นบันได ขณะเดียวกันราห์ก็สะบัดแส้ส่งเสียงเป็นจังหวะอีกครั้งแต่ครั้งนี้โฟลไม่อยู่เฉยรอตั้งรับเหมือนก่อนหน้านี้ เขาบินไปกับดาบเคลื่อนไหวแหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้าราวกับนกที่รอลงมาโฉบเหยื่อ
วิธีการแบบนั้นคงจะใช้มานาเยอะน่าดู เอาสิถ้าจะเล่นถ่วงเวลาฉันก็จะเล่นด้วย ราห์จ้องมองขึ้นไปยังฝูงดาบที่กำลังโบยบินดั่งนายพรานที่รอให้เหยื่อหมดแรงก่อนแล้วค่อยลงมือ
ระหว่างนั้นอาร์โนที่ได้รับบาดเจ็บก็ทำได้แค่ห้ามเลือดและรอผลของศึกชี้ชะตาของผู้บริหารราห์เท่านั้น
ฝูงดาบบินว่อนยิ่งกว่าฝูงนกอพยพและในที่สุดพวกมันก็พุ่งลงมาเสมือนพายุฝน บางส่วนพุ่งลงพื้นกลายเป็นหลุมเป็นบ่อ บางส่วนพุ่งทำลายตึกรามบ้านช่องแต่ส่วนใหญ่พุ่งไปหาราห์ที่กำลังวิ่งหนี เมื่อดาบเข้าใกล้เขาก็จะปัดทิ้งแทนที่จะยืนรับทั้งหมดแต่แล้วเขาก็พลาดเพราะหลุมที่เกิดจากดาบมันมีพายุขนาดเล็กพุ่งพวยขึ้นมาจำกัดการเคลื่อนไหวของราห์
“หลังจากเหตุการณ์ในตอนนั้นข้าก็เฝ้ารอการแก้แค้นมาโดยตลอด เพราะพวกแกเคยทำให้เผ่าพันธุ์ของเราล่มสลาย เพราะพวกแกสำนักมนตร์ดำ !” ดาบส่วนหนึ่งรวมตัวกันกลายเป็นดาบยักษ์ปักลงเหนือหัวราห์ ขณะที่เขากำลังจะหนีกลับมีพายุดักไว้ทุกทางเหมือนตั้งใจล่อให้มาอยู่ตรงนี้
“สงสัยจะเล่นเยอะไปหน่อย...” เขาดึงผ้าปิดตาออกเผยให้เห็นดวงตาบอดสนิทที่เปิดออกพร้อมกับมานามหาศาลพุ่งพวย มานาเหล่านั้นเปลี่ยนเป็นเส้นใยพาเขาหนีออกจากรัศมีของดาบยักษ์ได้ทันเวลา
“แกเองก็ยังมีลูกเล่นอื่นอีกสินะ” โฟลสร้างดาบใหม่อีกชุดแต่จู่ ๆ ก็มีเสียงกรีดดังขึ้นข้าง ๆ แต่พอหันไปกลับไม่มีใครอยู่เลย
“โชคดีนะเนี่ยที่เทคนิคนี้มีแค่คนใกล้ชิดที่รู้” ดวงตาข้างนั้นได้ใส่หินมานาไว้แทนที่ จะบอกว่าเป็นตาเทียมที่ใช้หินมานาทำแทนก็ได้แต่ไม่ใช่แค่นั้นเพราะตลอดเวลาที่ราห์ปิดตาไว้มันก็ยังสะสมหนึ่งในความสามารถของพลังเดอะไว้ด้วย
จู่ ๆ โฟลก็สะดุ้งตกใจเพราะมีเสียงกระซิบข้างหูอีกครั้ง พอหันมองก็ไม่เห็นใครและยังมีเสียงกรีดดังขึ้นมาอีกไม่รู้จบ
“รู้สึกยังไงกับอารมณ์ด้านลบพวกนั้นล่ะ? โกรธ กระวนกระวาย หวาดระแวง ตกใจ ความกลัว วิตกกังวล หวังว่าจะเพลิดเพลินไปกับมันนะ” ราห์สะบัดแส้อีกครั้งทำให้เสียงในหัวของโฟลตีกันไม่หยุดจนแทบจะเป็นบ้า
“เวรเอ๊ย !” โฟลใช้ดาบวายุแทงแก้วหูตัวเองเพื่อลบเสียงรบกวน
ราห์หัวเราะลั่นทันทีที่เห็นเช่นนั้น “แกพลาดแล้วล่ะ เพราะเสียงเหล่านั้นมันมาจากหัวของแกไม่ใช่หูเว้ย !”
โฟลกัดฟันเจ็บใจที่ยอมเจ็บตัวแต่เสียงในหัวก็ไม่หายไปไหนและสุดท้ายเขาก็ต้องจำใจสู้ทั้งแบบนั้น แต่ช่วงเวลาแค่ไม่กี่วินาทีราห์ก็เข้ามาถึงตัวพร้อมกับเหวี่ยงมีดสั้นฟันเสริมกำลังแตกกระจาย
เขาหัวเราะลั่นอีกครั้งและยืนมองเฉย ๆ เหมือนกำลังท้าทายดาบของโฟล
“ไปตายซะ ! ตาย...ทำไปทำไมนะ” เพียงแค่ราห์ได้สัมผัสตัวตรง ๆ เขาก็ได้ดูดเอาความรู้สึกโกรธแค้นจนอยากฆ่าให้ตายออกมา รวมถึงความรู้สึกอยากปกป้องเมืองและเผ่าพันธุ์ ความฮึกเหิมและความรู้สึกด้านลบที่ได้รับก็โดนดูดกลับมาเช่นกัน
“ลาล่ะ” ราห์ยกมีดฟันลงตรง ๆ ขณะที่โฟลกำลังหันหลังเดินกลับบ้านแต่จังหวะนั้นก็มีโล่มานาจากไหนไม่รู้มาป้องกันไว้ทัน
“นึกว่าจะได้พักแท้ ๆ” นัตโตะและลูกหน่วยเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับราห์โดยไม่สบตาเช่นกัน
“แหม ๆ ผลัดกันออกมาไม่หยุดเลยแถมพวกนายก็รู้ความสามารถของเราอีกแล้ว แบบนี้มันไม่ค่อยยุติธรรมเลยเนอะ” ราห์กวาดสายตามองพวกนัตโตะทั้งสี่คนหวังให้สักคนพลาดมาสบตา
“ถ่วงเวลาให้คนอื่นหนีไปก่อน เราคงต้องสละเมืองทิ้งแล้ว...” พูดไม่ทันขาดคำราห์ก็เข้ามาประชิดตัวพร้อมกับเหวี่ยงมีดฟัน หากเจาไม่เข้ามาป้องกันนัตโตะก็คงหัวหลุดจากบ่าไปแล้ว
“แข็งใช้ได้เลยนะแต่เลเวลหกก็ยังเป็นแค่เลเวลหก” ราห์ขว้างระเบิดเพลิงใส่หวังปิดล้อมการเคลื่อนไหวของพวกนัตโตะ ไม่เพียงแค่นั้นเพราะเขายังใช้ตาเทียมเพ่งรวมมานาและยิงฝนเพลิงซ้ำลงไปอีก
ต่อให้ฝั่งนัตโตะจะทุ่มเทมานามาป้องกันมากแค่ไหนแต่เพียงแค่เสี้ยวเดียวที่เวทมนตร์ของราห์เข้าถึงตัว มันก็ได้ส่งต่อความรู้สึกด้านลบสลักเข้าไปในสมองที่ไม่อาจสลัดทิ้งได้ ความหวาดระแวงสั่นกลัวทำให้พวกเขาลนลานจนเล็งเวทมนตร์ไม่ถูก ความโศกเศร้าที่มาพร้อมกับความสิ้นหวังยิ่งทำให้สติกระเจิงหาย
“ไหน ๆ แถวนี้มันก็เละไปแล้วเราคงไม่ต้องออมแรงแล้วสินะ” ราห์สะบัดแส้อีกครั้งแต่คราวนี้เขาใช้มันร่ายเวทมนตร์สร้างกงล้อเพลิงหมุนเข้าไปกลางวง
จู่ ๆ เปลวเพลิงที่อ้อมล้อมก็มอดดับลงด้วยฝีมือของนัตโตะ เขาใช้เวทมนตร์วารีสร้างเป็นกำแพงและขยายออกมารอบ ๆ จนดับไฟพวกนั้นได้
“อดทนได้ดีไม่นึกว่าจะยังมีสติใช้เวทมนตร์ได้อยู่” ราห์ปรบมือและยิ้มยียวนประชด
ขณะที่นัตโตะกำลังพาทุกคนหนีมันก็เป็นจังหวะให้ราห์ฟาดฟันคมมีดมานาใส่ไม่ยั้งแต่นัตโตะก็ยังฝืนสร้างกำแพงวารีป้องกันและพาเพื่อน ๆ หนีไปด้วย
“ยอดเยี่ยม ถ้าจับไปทดลองอาจจะได้เห็นอะไรดี ๆ ก็ได้” ราห์ตามหลังมาติด ๆ แต่แทนที่จะโถมเวทมนตร์ใส่เขากลับเข้าไปวางมือบนไหล่แทนทำให้พวกนัตโตะตกอยู่ในภวังค์ไร้ความรู้สึกที่เหลือแค่ปัจจัยการดำเนินชีวิตของร่างกายเท่านั้น
ทันใดนั้นก็มีเวทมนตร์วายุพุ่งลงมาขวางกั้นราห์ออกไปจากพวกนัตโตะ เมื่อมองขึ้นไปหาที่มาของเวทมนตร์ก็จะเห็นภูตตัวจิ๋วกำลังทำหน้าบึ้งตึงอยู่
“ทำไมท่านราชินีถึงมาอยู่ที่นี่ครับ?” ราห์เดินถอยหวาดระแวงกับท่าทางไม่สบอารมณ์ของชาร์ลอทเป็นอย่างยิ่ง
“หนวกหูเว้ย !” ชาร์ลอทกวาดมือสร้างใบมีดวายุฟันใส่จากระยะหลายสิบเมตร ราห์เลือกที่จะหลบแทนทำให้มันพุ่งผ่าเมืองเอลโฟเรียหายไปเป็นแทบ
“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับท่านเลยนะครับ ศัตรูของเรามีแค่เอลโฟเรียเท่านั้นแต่หากท่านยังดึงดันเข้ามาแทรกแซงท่านก็จะเป็นศัตรูกับสำนักมนตร์ดำเช่นกัน”
“ก็บอกว่าหนวกหูไง” คราวนี้ชาร์ลอทสร้างดาบวายุแบบที่โฟลใช้และบังคับการเคลื่อนไหวให้พวกมันพุ่งตามติดราห์ไม่เลิก
ทำไมราชินีชาร์ลอทถึงออกมาจากป่า ปกติก็หมกตัวอยู่แค่ที่นั่นไม่ค่อยสนใจเรื่องคนอื่นเท่าไร หรือจะไปทำสัญญาอะไรกับเอลโฟเรียไว้
สุดท้ายราห์ก็ต้องยอมใช้มานาสร้างโล่ป้องกันการโจมตีด้วยดาบวายุจากทุกทิศทาง
ถ้าใช้การสบตาตั้งแต่แรกก็คงไม่ลำบากแบบนี้แต่ก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับผู้มีเลเวลเก้านักหรอก แต่ในเมื่อเรื่องมันเกิดไปแล้วก็คงต้องทุ่มสุดตัวเท่านั้น
ราห์เพ่งสายตาจ้องมองชาร์ลอทตลอดเวลาขอแค่มีสักหนึ่งวินาทีที่เธอเผลอสบตาก็จะเป็นชัยชนะของผู้บริหารราห์ แต่ระหว่างนั้นเขาก็ไม่อยู่เฉยใช้เวทมนตร์เพลิงสร้างเป็นหอกพุ่งทะลวงดาบวายุมุ่งเป้าไปหาชาร์ลอท
“โห่ เหมือนพวกแข็ง ๆ จะกลับมาแล้วสินะ” ชาร์ลอทหันมองไปที่อื่นเหมือนไม่สนใจเวทมนตร์ของราห์เลยสักนิดเดียวเพราะแค่การปัดมือก็สร้างกระแสลมพัดสวนกลับทำให้หอกเพลิงเบาจนทะลุโล่วายุของเธอไม่ได้
“พูดเรื่องอะไร?” แม้ตอนแรกจะไม่เข้าใจแต่เมื่อเขากวาดสายตามองไปจึงเห็นมังกรสองตัวกำลังบินตรงมาที่เอลโฟเรีย ไม่ใช่แค่พวกสำนักมนตร์ดำแต่ทหารของเอลโฟเรียก็สั่นกลัวในความน่าเกรงขามของสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดเช่นกัน
กองกำลังหลักของเอลโฟเรียได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง หลังจากนั้นโทล ทีโอน่า แคทเทอรีนและกอนด้าก็แยกกันไปช่วยแต่ละจุด
ราห์หัวเราะลั่นรู้สึกได้ทั้งความตกใจและตื่นตระหนก “ถ้าทำงานนี้เสร็จคงต้องขอพักสักครึ่งปีแล้ว” ราห์ไม่ออมมานาไว้อีกต่อไป เขาใช้ดวงตาเทียมสร้างเส้นสายมานาโยงใยไปทั่วเพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวของชาร์ลอท
อีกด้านหนึ่งขณะที่พวกเคานต์กำลังเสียท่าและกำลังจะพ่ายแพ้แต่ในที่สุดกำลังเสริมก็มาถึง ที่นั่นมีกอนด้าและโทลเข้ามาสมทบเผชิญหน้ากับกูลู
“แกคงเป็นหนึ่งในผู้บริหารสินะ กูลูจอมตะกละ” โทลยกดาบขึ้นมาตรงหน้าอยู่ในท่าเตรียมขณะที่อีกฝั่งมีกอนด้าดักหลังอยู่
“เฮ้ย ๆ แกไปรู้ชื่อนั้นมาได้ยังไงวะ?”
“กูลูจอมตะกละ ชายผู้น่าสงสารที่ไม่สามารถกินอาหารได้เหมือนคนปกติ...”
พูดไม่ทันขาดคำกูลูก็สั่งให้สัตว์อสูรประเภทนกบินจู่โจมจากด้านบน แววตาโกรธเคืองจ้องมองโทลไม่กะพริบพร้อมกับชี้นิ้วสั่งกองทัพสัตว์อสูรบุกไปหาเขาไม่ให้พัก
“จี้ใจดำสินะ นอกจากเรื่องนั้นเราก็ยังรู้เรื่องพลังเดอะของแกด้วย พลังที่สามารถสร้างและดัดแปลงสิ่งที่กินเข้าไปแล้วอาเจียนมันออกมา”
“รู้ไปแล้วพวกแกจะทำอะไรได้?”
โทลฟันพวกนกด้วยดาบเพลิงแต่ไม่ทันไรพวกมันก็ฟื้นคืนสภาพกลับมาอีกครั้ง โทลมองไปที่กอนด้าแล้วส่งสัญญาณให้เธอเคลื่อนไหว ลมหายใจมังกรที่เป็นเวทมนตร์เพลิงอันรุนแรงพ่นปะทะกับโล่มานาของกูลูตลอดเวลาเพื่อผลาญมานาของเขา
“น่ารำคาญจริง ๆ” มังกรที่กูลูขี่เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง มันได้สยายปีกกว้างบินขึ้นไปเหนือเมืองเอลโฟเรียเพื่อพ่นลมหายใจมังกรสวนกลับ
เปลวเพลิงอันทรงพลังของมังกรสองตัวกำลังจะเผาทั้งเมือง จังหวะนั้นโทลก็กระโดดขึ้นหลังกอนด้าบุกเข้าไปหากูลูตรง ๆ เขาเอี่ยวตัวเหวี่ยงฟันดาบเพลิงเล็งไปที่ปีกของมังกรตัวนั้น
แม้มันจะไม่ได้รุนแรงถึงขนาดตัดปีกของมังกรได้แต่มันก็เพียงพอให้มันสูญเสียการควบคุมและร่วงลงมาที่พื้นอีกครั้ง
“เธอต้องพามันออกไปจากเมืองก่อน”
“อืม ข้าจะพยายาม”
กอนด้ากัดเข้าไปที่ปีกข้างที่บาดเจ็บและบินลากมังกรของกูลูไปในป่าแทน แต่ระหว่างนั้นปีกของมันกลับฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วแล้วหันกลับมากัดกอนด้าแทน
“บัดซบ ! ฉันจะฆ่าพวกแกให้หมด” กูลูออกคำสั่งให้มังกรจัดการกอนด้าไป ส่วนเขากลับไปที่ประตูเมืองเพื่อกำจัดโทลด้วยตัวเอง
ปีกของมังกรได้งอกออกมากลางของกูลูและก็ใช้มันบินไปหาโทลอย่างรวดเร็ว ในจังหวะเข้าปะทะกูลูได้เปลี่ยนมือของตนเองเป็นกรงเล็บขนาดใหญ่บวกกับความเร็วที่บินมาทำให้โทลต้านแรงปะทะไม่ไหวและถูกกระแทกเสียหลัก
กูลูเปลี่ยนกรงเล็บเป็นหัวงูแล้วสะบัดเหมือนแส้ให้มันพุ่งไปฉกโทล
“ไม่ใช่แค่ทำกับสัตว์อื่นแต่ตัวเองก็ทำได้สินะ” โทลยกดาบขึ้นมาตรงหน้าแล้วสร้างกำแพงเพลิงบังไว้ได้
“รู้ไปก็เท่านั้น” กูลูเปลี่ยนมือเป็นหลังมอนสเตอร์เต่าและใช้มันบุกทะลวงกำแพงเพลิงเข้ามา
แต่โทลก็เตรียมมานารอไว้อยู่แล้วจึงสร้างดาบเพลิงได้ทันท่วงที ส่วนกูลูก็ใช้มือหลังเต่าป้องกันการฟาดฟันจากโทลและเปลี่ยนมืออีกข้างเป็นกรงเล็บเพื่อโจมตีสวนกลับ
“โทลอดีตหัวหน้าทหารองครักษ์ของราชวงศ์แอสต้า ทั้ง ๆ ที่เป็นที่ซึ่งเกลียดชังอมนุษย์แต่ตอนนี้แกกลับเข้าร่วมกับพวกมัน ศักดิ์ศรีของหัวหน้าทหารองครักษ์มันหายไปไหนหมดแล้วล่ะ?”
“แกเองก็รู้เรื่องของฉันเยอะเหมือนกันนี่ อ้อไม่แปลกใจเพราะพวกสำนักมนต์ดำมันเหมือนแมลงสาบที่ซุกซ่อนอยู่ทุกที่”
คราวนี้กูลูผสมผสานเวทมนตร์วายุเข้ากับการโจมตีด้วยกรงเล็บทำให้สร้างบาดแผลให้กับโทลได้หนึ่งจุด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้โทลรู้สึกเหมือนจะแพ้แต่อย่างใดเพราะเขาจงใจให้อีกฝ่ายเข้ามาในระยะของดาบแล้วฟาดลงตัดแขนข้างนั้นได้พอดี
“ผิดแล้วล่ะโทล พวกเราคือผู้ปลอดปล่อยต่างหาก พวกอมนุษย์คือเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำที่พยายามเลียนแบบมนุษย์ พวกมันทั้งกดขี่ข่มเหงและฆ่ามนุษย์อย่างเลือดเย็นราวกับเป็นแค่แมลงในห้องใต้ดิน พวกมันนั่นแหละที่ชั้นต่ำยิ่งกว่าแมลงเสียอีก”
กูลูสร้างแขนใหม่เป็นแขนของเผ่าก็อบลินที่มีลักษณะกำยำแข็งแรง จากนั้นเปลี่ยนมือหลังเต่าเป็นปลาดาบและหักส่วนที่เป็นดาบออกมาใช้แทน
“นั่นคือเป้าหมายที่แท้จริงของสำนักมนตร์ดำเหรอ? ไอ้ความยึดติดแสนโง่เง่านั่นคือแรงผลักดันให้พวกแกทำเรื่องชั่ว ๆ พวกนี้เองเหรอ?”
ดาบเพลิงที่เคยลุกพลุ่งพล่านได้สงบลงสถิตในคมดาบสีชาดแทน โทลตั้งท่าเตรียมปะทะขณะที่กูลูเปลี่ยนมืออีกข้างเป็นหัวของกบพิษที่จะยิงพิษออกมาทุกครั้งที่ได้ประชันดาบกัน
“เรื่องชั่วเหรอ? ทหารอย่างพวกแกก็ไม่ต่างกันหรอก ทั้งฆ่าข่มขืนทั้งเล่นสนุกกับเชลยศึก จะบอกว่าพวกนั้นเป็นการกระทำอันชอบธรรมหรือยังไง?”
“นั่นก็คือความชั่วเหมือนกัน ถ้าหากฉันรู้ว่ามันเป็นใครฉันก็จะพิพากษามันซะ !”
แม้โทลจะฟาดฟันตอบโต้กับกูลูตลอดเวลาแต่ก็ยังหลบการยิงพิษจากมืออีกข้างได้ทุกครั้งแสดงให้เห็นถึงประสาทสัมผัสอันเฉียบคมสมกับเป็นหัวหน้าทหารองครักษ์
“แล้วถ้าหากคนนั้นคือลูกชายของขุนนางที่ส่งเงินและทรัพยากรมาสนับสนุนกองทัพแกยังจะกำจัดอยู่หรือเปล่า?”
“ใช้การติดสินบนเพื่อกระทำความผิด ฉันก็จะจับมันมาลงโทษและประจานให้ประชาชนได้รับรู้”
“ก็เพราะอย่างนั้นแหละนายถึงต้องไปอยู่ในคุกไงล่ะ”
กูลูยิ้มเยาะให้กับแววตาโกรธแค้นที่พร้อมลงมือสังหารคนที่เคยทรยศอย่างไม่ลังเล ความมุ่งมั่น เศร้าโศก น้อยเนื้อต่ำใจ อาฆาตพยาบาทล้วนแสดงออกมาจากสีหน้าของโทล
“ตอนนี้ฉันคือคนของเอลโฟเรียแล้ว ฉันเชื่อในตัวซึฮากิ ฉันเชื่อว่าเขาจะทำให้พวกเรามีชีวิตสงบสุขไร้ซึ่งความกังวล”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 163
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น