บทที่ 416: ลองใช้วิธีอื่น
“องค์— คุณหนู?” หลัวเซียวเซียวทำหน้าไม่เข้าใจขณะขมวดคิ้วมองมู่ไป๋ไป่ ก่อนที่นางจะทันได้พูดอะไรออกไป อีกฝ่ายก็ขัดจังหวะนางแล้วมองมู่จวินเซิ่งที่ถูกคนรับใช้ล้อมเอาไว้หน้าตาตื่น “พวกเจ้ามาล้อมพวกเราเอาไว้ทำไม พี่รองของข้าไปทำอะไรให้?”
“พี่รอง” คุณหนูเฉินตกใจที่จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งโผล่มา “ท่านเป็นน้องสาวของคุณชายไป๋อย่างนั้นหรือ?”
“แต่ช้าก่อน ท่านเรียกคุณชายไป๋ว่าพี่รอง และเรียกนางว่าพี่สะใภ้รอง?”
“คุณชายไป๋แต่งงานแล้วหรือ?”
มู่ไป๋ไป่เป็นคนฉลาดมาก เพียงได้ยินคำพูดไม่กี่คำของคุณหนูเฉิน เธอก็เข้าใจสถานการณ์ทันทีแล้วรีบกล่าวว่า “พี่รองกับพี่สะใภ้รองของข้ายังไม่ได้แต่งงานกัน แต่ทั้งคู่หมั้นหมายกันแล้ว และได้กำหนดวันแต่งเอาไว้เรียบร้อยแล้วด้วย”
“แม่นาง ท่านเป็นใคร คนพวกนี้ที่ล้อมพี่ชายของข้าอยู่เป็นคนรับใช้ของท่านหรือ?”
“พี่รองของข้าไปทำอะไรให้ท่านต้องขุ่นเคืองหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็บอกข้ามาเถอะ ข้าจะบอกให้พี่รองขอโทษท่านให้ดี ท่านไม่จำเป็นจะต้องทำเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ใช่หรือไม่?”
ทันใดนั้นใบหน้าของคุณหนูเฉินก็เปลี่ยนเป็นถมึงทึง นางกัดฟันเดินเข้าไปหามู่จวินเซิ่งก่อนจะถามว่า “ทำไมท่านต้องโกหกข้า ท่านบอกข้าเองไม่ใช่หรือว่าระหว่างพวกท่านเป็นเพียงแค่สหายธรรมดา ท่านยังไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานตอนนี้”
“...”
“พูดออกมาสิ!” หญิงสาวรู้สึกเสียใจมาก เพราะกว่านางจะได้พบผู้ชายที่ถูกใจและคิดว่าเขาเป็นคนดี แต่นางไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่ไร้ความรับผิดชอบ กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ
ทั้งคู่หมั้นหมายกันอยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้ายอมรับออกมาตามตรง
คุณหนูเฉินยิ่งโมโหมากขึ้นเมื่อได้รู้เรื่องนี้ นางจึงรีบเดินหนีไปพร้อมกับคนรับใช้โดยทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้ว่า “ขี้ขลาด!”
พอกลุ่มคนที่มุงดูอยู่เห็นว่าหญิงสาวในชุดสีส้มเดินออกไปแล้ว พวกเขาต่างก็พากันถอนหายใจและแยกย้ายไปคนละทาง
หลังจากนั้นไม่นานด้านหน้าร้านขายเครื่องประดับก็เหลือเพียงมู่ไป๋ไป่ มู่จวินเซิ่งและหลัวเซียวเซียว
“ไป๋ไป่ เมื่อกี้เจ้าประมาทเกินไปแล้ว” ผู้เป็นพี่ชายมองท่าทางเจ้าเล่ห์ของน้องสาวพลางถอนหายใจ “เซียวเซียวกับข้าไม่ได้หมั้นหมายกันเสียหน่อย ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไป มันจะกระทบกับชื่อเสียงของนาง…”
“พี่รอง! ข้าไม่มีทางเลือก” มู่ไป๋ไป่คล้องแขนหลัวเซียวเซียวแล้วพูดขัดจังหวะอีกฝ่าย “ท่านก็เห็นผู้หญิงคนเมื่อกี้ นิสัยของนางเอาแต่ใจมากขนาดไหน ท่านเห็นหรือไม่ ถ้าข้าไม่ทำแบบนี้ วันนี้นางก็คงไม่ยอมจบ”
“ที่เจ้าพูดก็ไม่ผิด” มู่จวินเซิ่งขมวดคิ้ว เขาเพิ่งถูกคุณหนูเฉินข่มขู่ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่านางเอาแต่ใจมากเพียงใด แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าการทำแบบนี้มันไม่ดีกับหลัวเซียวเซียว
เขาสนใจในตัวหญิงสาวก็จริง แต่เขาไม่เคยคิดบังคับให้อีกฝ่ายตอบรับความรู้สึกของเขาเลย
ชายหนุ่มรู้ดีว่านางยังต้องการเวลาอีกมาก
มู่ไป๋ไป่เข้าใจความคิดพี่ชายคนรอง เธอจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ หากพี่รองจอมซื่อบื้อของเธอซึ่งเก่งการต่อสู้เอาเวลาไปเรียนรู้การมีความสัมพันธ์กับคนอื่นมากกว่านี้ เขาก็คงไม่ไร้คู่ครองมาจนถึงทุกวันนี้
“พี่รอง หากท่านรู้สึกสงสารเซียวเซียว ท่านก็รับผิดชอบนางสิ” หญิงสาวทนไม่ไหวจึงตัดสินใจช่วยชี้ช่องให้มู่จวินเซิ่ง
ก่อนหน้านี้เธอจงใจเรียกหลัวเซียวเซียวแบบนั้นเพื่อทดสอบว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรกับพี่ชายคนรอง
แม้ว่าปฏิกิริยาของหญิงสาวเมื่อครู่จะแสดงออกถึงความประหลาดใจ แต่นางก็ไม่ได้ปฏิเสธ
นั่นหมายความว่าหลัวเซียวเซียวไม่ได้รังเกียจพี่รองของเธอ
บางทีถ้าพี่รองใช้ความพยายามมากกว่านี้อีกสักหน่อย ความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 อาจจะมีความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น
“รับผิดชอบหรือ?” มู่จวินเซิ่งตกใจกับคำพูดของน้องสาว จากนั้นก็พยักหน้าตอบอย่างจริงจัง “ได้สิ”
“เซียวเซียวแค่พยายามช่วยข้าเท่านั้น แต่หากเจ้าต้องการให้ข้ารับผิดชอบ ข้าก็จะทำโดยไม่ลังเล”
“องค์ชายรอง พระองค์ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เพคะ…” หลัวเซียวเซียวรู้สึกอบอุ่นในใจและมีความสับสนไม่น้อย นางอยากปฏิเสธแต่ดูเหมือนว่ามันจะสายเกินไปเสียแล้ว
มู่ไป๋ไป่คว้ามือสหายมาตบเบา ๆ เป็นการปลอบใจ ก่อนจะส่งสัญญาณให้นางว่าไม่ต้องกังวล “เจ้าไม่ต้องรีบปฏิเสธ พี่รองของข้าไม่ใช่คนประเภทที่รับปากอะไรใครง่าย ๆ การได้รับสัญญาจากเขานั้นยากยิ่งกว่าการปีนขึ้นไปบนฟ้าเสียอีก”
“เจ้าอย่าได้พลาดโอกาสใหญ่หลวงนี้ไปเลยเซียวเซียว เจ้าเอากลับไปคิดให้ดีก่อนว่าจะให้เขาตอบแทนเจ้าอย่างไร”
หลังจากพูดจบหญิงสาวก็ไม่รอให้ทั้งคู่ตอบกลับแล้วดึงหลัวเซียวเซียวออกไป
ทางด้านมู่จวินเซิ่งกับเซียวถังอี้ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิมต่างหันมามองหน้ากัน
ยามนี้มู่ไป๋ไป่รู้สึกว่าการออกมาเที่ยวในครั้งนี้เธอได้ประโยชน์มากมาย พอเธอพาทุกคนกลับมาถึงโรงเตี๊ยมก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว
เจียงเหยาได้มายืนรออยู่ที่ประตูตั้งแต่สาย ๆ พอนางเห็นกลุ่มคนที่ตนกำลังรอเดินกลับมา สีหน้าตึงเครียดของนางก็ผ่อนคลายลง
“ทำไมพวกเจ้าถึงกลับมาช้าเช่นนี้?” ผู้เป็นอาจารย์มองไปที่ลูกศิษย์คนโตด้วยความโมโหและพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าร่างกายของเจ้ายังไม่หายดี?”
“ท่านอาจารย์ ดูสิว่าวันนี้ข้าซื้ออะไรมาฝากท่านบ้าง” มู่ไป๋ไป่ยิ้มประจบราวกับว่าเธอได้คาดเดาเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ พร้อมกับประเคนของที่เธอเพิ่งไปรับมาจากหอไป่เฉ่าให้อีกฝ่าย “นี่คือสมุนไพรที่ท่านต้องการมาตลอด หญ้าไส้ขาด*!”
*หญ้าไส้ขาด (断肠草) เป็นไม้เลื้อยยาว 3-12 เมตร ใบรี มีพิษร้ายแรง โดยเฉพาะที่ราก กิ่ง ใบ
“ของเพิ่งส่งมาถึงหอไป่เฉ่าวันนี้ มันยังสดใหม่อยู่เลยเจ้าค่ะ!”
“หญ้าไส้ขาด?” เจียงเหยาเลิกคิ้วขึ้น
หญ้าไส้ขาดเป็นสมุนไพรที่มีพิษร้ายแรงมาก แต่ถึงกระนั้น หญ้าไส้ขาดก็ยังเป็นยารักษาอาการเจ็บปวดภายนอกที่ดีที่สุดอีกด้วย
สมุนไพรชนิดนี้เป็นหนึ่งในส่วนประกอบของยารักษาอาการบาดเจ็บภายนอกตำรับลับของหุบเขาหมอเทวดา
เจียงเหยาเคยเดินทางออกจากหุบเขาหมอเทวดาเพื่อไปค้นหา ‘หญ้าไส้ขาด’ ที่ดีที่สุด มันเป็นเพราะสิ่งนี้เองที่ทำให้สำนักตระกูลถังมีโอกาสใส่ร้ายนางได้
ยามนี้หมอสาวจ้องหญ้าไส้ขาดที่ลูกศิษย์คนโตถืออยู่แล้วรู้สึกสะเทือนใจขึ้นมาชั่วขณะ “ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าสิ่งนี้… ถ้าไม่ใช่เพราะมัน…”
มู่ไป๋ไป่ที่เห็นปฏิกิริยาของอาจารย์ได้แต่สบถในใจ
โอ๊ย ไม่นะ!
ก่อนหน้านี้เธอเพียงแค่คิดอยากจะใช้หญ้าไส้ขาดเพื่อเอาใจเจียงเหยาเท่านั้นจนลืมไปเลยว่าอีกฝ่ายอาจจะต้องสะเทือนใจที่ได้เห็นมัน
ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี จังหวะนั้นอวี้เซิ่งก็ปรากฏตัวมาจากที่ใดก็ไม่ทราบและพูดขึ้นมาว่า
“น้องหญิง อาหารพร้อมแล้ว ทำไมพวกเจ้าถึงมัวแต่ยืนอยู่ตรงนั้นล่ะ” นักฆ่าหนุ่มเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม แล้วหันไปส่งสายตาดุใส่องค์หญิงหก ขณะที่ภรรยาสาวไม่ทันสังเกตเห็น
“ไม่มีอะไร” เจียงเหยารับหญ้าไส้ขาดมาแล้วมองไปที่มู่ไป๋ไป่กับอวี้หวานหว่านด้วยสายตารักใคร่เอ็นดู “ข้าเตรียมอาหารกลางวันเอาไว้ให้พวกเจ้าแล้ว รีบไปกินเถอะ ไม่อย่างนั้นมันจะเย็นเสียก่อน”
“แล้วท่านแม่ล่ะเจ้าคะ?” อวี้หวานหว่านที่ได้รับสายตาจากพ่อของตนรีบถามออกมา “ท่านแม่จะไม่ไปกินข้าวกับพวกเราหรือเจ้าคะ?”
ผู้เป็นแม่ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วพลางถอนหายใจ “แม่ไม่หิว เมื่อวานแม่นอนไม่หลับก็เลยปวดหัว พวกเจ้าไปกินข้าวกันก่อนเถอะ แม่จะขึ้นไปนอนพักชั้นบนสักหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นท่านพ่อกับข้าจะไปกับท่านแม่ด้วย!” อวี้หวานหว่านรีบก้าวเข้าไปช่วยพยุงเจียงเหยา และกระซิบหยอกล้อว่า “ให้ท่านพ่อเอาอาหารกลางวันไปส่งให้ท่านที่ห้อง แล้วท่านแม่ก็กินข้าวกับข้า หลังจากกินเสร็จแล้วท่านแม่ค่อยเข้านอนดีหรือไม่?”
“ท่านแม่ไม่ได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับหวานหว่านมานานแล้ว…”
เมื่อมู่ไป๋ไป่มองส่งแผ่นหลังของอวี้หวานหว่านกับเจียงเหยาหายขึ้นไปชั้น 2 รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยความโศกเศร้า
“แม่นางไป๋อย่าได้โทษตัวเองเลย” เซียวถังอี้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนี้ของหญิงสาว เขาจึงก้าวออกมาพูดปลอบใจ “แม้ว่าท่านเจ้าหุบเขาเจียงจะไม่ได้ออกจากหุบเขาหมอเทวดาเพื่อไปค้นหาหญ้าไส้ขาด ถึงอย่างไรสำนักตระกูลถังก็ยังจะหาทางอื่นลงมือกับนางอยู่ดี นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า”
มู่ไป๋ไป่ที่ได้ฟังดังนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ เธออยากจะพูดบางอย่าง แต่จู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว “ถ้าท่านต้องการปลอบใจข้า ทำไมท่านไม่ลองใช้วิธีอื่นล่ะ?”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 146
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น