บทที่ 302 เข้าไปติดในดันเจียน
บทที่ 302 เข้าไปติดในดันเจียน
สิ่งที่ลู่หยางเป็นกังวลมากที่สุดคือฮั่นจงจะคิดสั้นไปแก้แค้นด้วยตัวเอง เพราะในชาติที่แล้วทั้งตัวเขาและพวกฮั่นอิ่งทั้ง 3 คนต่างก็เกือบตายกว่าพวกเขาจะเอาชนะศัตรูของฮั่นจงมาได้ แม้แต่ตัวของฮั่นจงก็พิการจากเหตุการณ์ในครั้งนี้เพิ่มเติมด้วยเช่นกัน ลู่หยางจึงไม่อยากจะให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นมาซ้ำเหมือนดังชาติที่แล้วอีก
“ผมดีใจนะครับที่อาจารย์คิดได้แบบนี้” ลู่หยางกล่าว
“นายช่วยเหลือฉันมาขนาดนี้แล้วฉันจะไม่ฟังคำแนะนำจากนายได้ยังไง แปลกนะที่ตอนฉันได้เจอนายฉันก็รู้สึกสนิทใจตั้งแต่แรก ต่อไปนี้ฉันจะรับผิดชอบทำหน้าที่เป็นครูฝึกให้กับลูกน้องของนายเอง” ฮั่นจงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ดีมากเลยครับ ตอนนี้ทางผมกำลังขาดกำลังคนอยู่พอดี” ลู่หยางกล่าว
ปัจจุบันกิลด์กำลังขยายขนาดมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่จุดอ่อนของบลัดบราเธอร์คือพวกเขายังไม่มีรากฐานที่แข็งแกร่ง สิ่งที่เขาพอจะมีอยู่ในตอนนี้ก็มีเพียงแต่เพื่อนพี่น้องที่ร่วมแรงร่วมใจกันปกป้องกิลด์แห่งนี้เอาไว้ แต่ในอีก 1 ปีข้างหน้าเมื่อกิลด์ขยายขนาดออกไปใหญ่ยิ่งขึ้น พวกฉิงชางก็ต้องกระจายกันไปดูแลพื้นที่ของตัวเอง ในเวลานั้นลู่หยางก็จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่มีคนไว้ใจอยู่ข้างกาย
อย่างไรก็ตามหากฮั่นจงช่วยทำการฝึกสมาชิกรุ่นใหม่ขึ้นมาเพิ่มเติม ในปีหน้ามันก็ไม่เพียงแต่เขาจะมีพี่น้องที่จงรักภักดีเพิ่มเติมขึ้นมาเท่านั้น แต่พี่น้องเหล่านี้อาจจะมีฝีมือเก่งกาจมากกว่าพวกฉิงชางที่ไม่ได้รับการฝึกฝนจากฮั่นจงเสียอีก
“พ่อกับพี่คุยอะไรกันอยู่เหรอคะ ทำไมดูมีความสุขกันจังเลย?” ฮั่นอิ่งเดินเข้ามาถาม
หลังจากได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาเป็นเวลานานกว่า 2 เดือน ถึงแม้ใบหน้าของฮั่นอิ่งจะมีร่องรอยของความเป็นผู้ใหญ่เกินตัวอยู่บ้าง แต่มันก็มีกลิ่นอายของความเป็นสาวน้อยปรากฏขึ้นมามากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ฮั่นจงรู้สึกดีใจมากที่สุดหลังจากได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของลูกสาวตนเอง
“ฉันกับอาจารย์แค่พูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ว่าแต่ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฮั่นจงยังไม่คิดจะบอกสามพี่น้องเรื่องที่เขาจะทำการแก้แค้น ลู่หยางจึงไม่คิดจะบอกพวกฮั่นอิ่งในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะ ตอนนี้ทุกคนกำลังฝึกทักษะตัดเย็บภายในเกมกันอยู่” ฮั่นอิ่งตอบ
“ดีมาก ว่าแต่ตอนนี้ยังพอจะมีแรงอยู่ไหม?” ลู่หยางถาม
“มีเหลือเฟือเลยค่ะ ว่าแต่พี่จะให้หนูไปทำอะไรเหรอคะ?” ฮั่นอิ่งถามอย่างมีความสุข
“เดี๋ยวตามมู่หยูเข้าไปภายในเกมด้วยกัน พี่จะพาพวกเธอไปที่ ๆ หนึ่ง” ลู่หยางกล่าว
“ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูจะไปเดี๋ยวนี้เลย” ฮั่นอิ่งกล่าวก่อนที่จะรีบไปอย่างมีความสุข
ลู่หยางมองตามแผ่นหลังของเด็กสาว ก่อนที่จะหันมาพูดกับฮั่นจงที่อยู่ใกล้ ๆ ว่า
“แบบนี้ดีกว่าเดิมเยอะเลยนะครับ”
ฮั่นจงพยักหน้าเพราะเขาก็มีความคิดไม่ต่างไปจากลู่หยางมากเท่าไหร่นัก
—
หลังจากลู่หยางเข้าห้องพักของตัวเองบริเวณชั้น 2 เขาก็สวมหมวกเพื่อเข้าสู่เกม เมื่อชายหนุ่มเปิดประตูออกมาจากโรงแรม เขาก็ได้เห็นมู่หยูกับฮั่นอิ่งที่กำลังสวมเสื้อคลุมสีดำยืนรอเขาอยู่ก่อนแล้ว
“พวกเธอจะทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ไปทำไม?” ลู่หยางถาม
มู่หยูรีบยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะริมฝีปากพร้อมกับกระซิบขึ้นมาเบา ๆ ว่า
“พี่ฮั่นอิ่งกลัวคนอื่นมาเห็นค่ะ”
ลู่หยางยืนอึ้งไปสักพัก ก่อนที่เขาจะหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า
“พี่ลืมไปเลยว่าตอนนี้เสี่ยวอิ่งของเรากลายเป็นคนดังในเกมไปแล้ว”
ในสงครามครั้งที่ผ่านมามันมีคลิปที่ฮั่นอิ่งในชุดสีแดงเพลิงทำการอัญเชิญเฮลไฟร์ลอร์ดจากยอดเขาอย่างสง่างาม ภาพเหตุการณ์นั้นจึงประทับอยู่ในจิตใจของผู้เล่นเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน และผู้เล่นชายหลาย ๆ คนก็ยกย่องให้ฮั่นอิ่งกลายเป็นเทพธิดาของพวกเขา
ในตอนนั้นมันได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในอินเทอร์เน็ตอย่างมากมายว่าฮั่นอิ่งเพียงแค่มีสกิลดีกว่าคนอื่นเล็กน้อยและมีหน้าตาดีกว่าคนทั่วไปเท่านั้นเอง แต่ความจริงแล้วสาวน้อยคนนี้ไม่ได้มีความสามารถส่วนตัวอะไรเลย
พวกลู่หยางไม่พอใจกับคำวิจารณ์เหล่านั้นมาก แต่ในขณะที่เขากำลังจะพาฮั่นเฟยกับฮั่นอวี่ไปโต้ตอบคอมเมนต์เหล่านั้นนั่นเอง มันก็ได้มีแฟนคลับในอินเตอร์เน็ตโพสต์วีดีโอในวันที่ฮั่นอิ่งท้าทายภารกิจระดับ SSS ของราชาตัวตลกทำให้เสียงวิจารณ์เชิงลบหายไปอย่างรวดเร็ว
ในตอนนั้นแฟนคลับหลาย ๆ คนออกมาเชียร์ให้ฮั่นอิ่งทำการสตรีมภาพภายในเกม แล้วมันก็มีหลาย ๆ แพลตฟอร์มติดต่อมาให้ฮั่นอิ่งเซ็นสัญญากับพวกเขาด้วยเช่นกัน เพียงแต่เด็กสาวได้ปฏิเสธข้อเสนอเหล่านั้นไปทั้งหมด
แม้จะไม่ได้มีการสตรีมออกไปตามคำเรียกร้อง แต่ฮั่นอิ่งก็ยังคงมีแฟนคลับภายในเกมอยู่ไม่น้อย และทุกครั้งที่มีใครตะโกนชื่อเธอออกมามันก็มักจะก่อให้เกิดความวุ่นวายอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
“พี่อย่ามาล้อหนูสิ” ฮั่นอิ่งพูดอย่างเขินอาย
“โอเคไม่แซวแล้วก็ได้ พวกเรารีบไปกันเถอะ วันนี้พวกเรามีโอกาสเข้าไปที่นั่นเพียงแค่ไม่นานเท่านั้น ไม่อย่างนั้นพวกเราก็จะต้องรอไปอีก 1 เดือน” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
“เราจะไปที่ไหนกันเหรอคะ?” ฮั่นอิ่งถาม
“ที่ ๆ มหัศจรรย์ที่หนึ่งก็แล้วกัน” ลู่หยางตอบด้วยรอยยิ้ม
ในยุคโบราณเคยมีองค์กรแห่งหนึ่งที่ไม่เชื่อเรื่องเทพเจ้าแต่มองว่าเทพเจ้าเหล่านั้นเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตธรรมดาที่เดินทางมาจากดาวอีกดวงหนึ่ง เพียงแต่สิ่งมีชีวิตจากดาวดวงนั้นมีความแข็งแกร่งมากกว่าสิ่งมีชีวิตในดาวดวงนี้ก็เท่านั้นเอง
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงพยายามสร้างวงเวทย์เพื่อเชื่อมต่อกับสถานที่อื่น ๆ อย่างมากมาย โดยการทำการทดลองอยู่ภายในอาคารที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน
หลังจากพวกเขาได้พัฒนามานานหลายปี คนกลุ่มนี้ก็สามารถเชื่อมต่อดินแดนต่าง ๆ ได้ถึง 200 ดินแดนและได้ค้นพบกับสิ่งมีชีวิตที่เคยถูกเรียกขานว่าทวยเทพกว่า 200 ชนิด
ในที่สุดพวกเขาก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าทวยเทพในยุคโบราณไม่ใช่เทพเจ้าจริง ๆ แต่เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตธรรมดาในดินแดนของตัวเองที่พวกเขาสามารถอัญเชิญมาผ่านทางวงเวทย์ได้อย่างมากมาย
ต่อมาวงเวทย์มิติก็เกิดความวุ่นวายขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้พวกเขาไม่สามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตที่เดินทางผ่านประตูมิติมาได้ ซึ่งในท้ายที่สุดพวกเขาก็ทนไม่ไหวและถูกสิ่งมีชีวิตจากต่างมิติสังหารจนหมดสิ้น
อย่างไรก็ตามก่อนตายพวกเขาก็ได้เปิดทางเชื่อมระหว่างห้องทดลองใต้ดินกับโลกภายนอกทิ้งเอาไว้ โดยประตูบานนี้จะเปิดวันที่ 15 ของแต่ละเดือนเท่านั้นและมันจะเปิดเพียงแค่ช่วง 6 โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม
คนที่เดินทางเข้าไปภายในห้องทดลองจะสามารถออกมาเมื่อไหร่ก็ได้ ส่วนคนที่ไม่ได้เข้าไปก็ต้องรอคอยเดือนถัดไปเพื่อให้ประตูถูกเปิดออกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ในชาติที่แล้วไม่มีใครสามารถค้นพบแผนที่แห่งนี้ได้มาก่อนเลย จนกระทั่งผู้เล่นทั่วไปมีเลเวล 50 มันจึงมีผู้เล่นคนหนึ่งบังเอิญเข้าไปในสถานที่แห่งนี้ได้
ลู่หยางพา 2 สาวเทเลพอร์ตไปยังเมืองซาโรส ก่อนที่จะวิ่งตรงไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้เพื่อเข้าไปภายในถ้ำแห่งความตาย
ช่วง 10 วันที่ผ่านมาไม่มีใครเข้ามาภายในถ้ำแห่งนี้เลย ภายในถ้ำจึงเต็มไปด้วยแบล็คพินเซอร์อีกครั้ง
“ทำไมมอนสเตอร์ที่นี่มันดูน่ากลัวจังเลย?” มู่หยูกล่าว
“ไม่ต้องไปกลัวพวกมันหรอก มอนสเตอร์พวกนี้พวกเราฆ่าได้ง่าย ๆ” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับอัญเชิญนกฟีนิกซ์ออกมา
นกฟีนิกซ์เลเวล 8 เป็นสัตว์อัญเชิญที่มีความแข็งแกร่งมาก หลังจากที่มันพ่นลูกไฟออกไปเพียงแค่ 2 ครั้งก็สามารถสังหารแบล็คพินเซอร์ได้ทั้งกลุ่ม ส่วนทางฮั่นอิ่งก็ได้เรียกเฮลไฟร์ออกมาจัดการพวกมอนสเตอร์ด้วยเช่นกัน ซึ่งในเวลาเพียงแค่ไม่นานทั้ง 3 คนก็เดินทางมาจนถึงโลงศพแห่งความตาย
บริเวณส่วนลึกที่สุดของแผนที่ลู่หยางได้ค้นพบกับวงเวทย์ทรงตัวที่ถูกวาดด้วยเส้นสีขาวเป็นวงกลม นอกจากนี้พวกเขายังเดินทางมาถึงในช่วงเวลา 18:00 น. พอดี เขาจึงสั่งให้ทั้งสองสาวไปยืนอยู่ด้านบนของวงเวทย์นั้น
จู่ ๆ แสงจันทร์ก็สะท้อนจากเพดานถ้ำลงมายังวงเวทย์ทรงตัวก่อให้เกิดเป็นแสงสว่างขึ้นอย่างฉับพลัน ก่อนที่ร่างของทั้งสามจะหายไปจากตำแหน่งเดิม
ระบบ: คุณค้นพบดันเจียนดีม่อนแทรปปิ้ง
โฮก!
ทันทีที่พวกเขาปรากฏตัวมันก็มีเสียงร้องคำรามของมอนสเตอร์นับไม่ถ้วนดังเข้ามาภายในหูของพวกลู่หยาง
สิ่งแรกที่ทุกคนเห็นหลังจากร่างกายปรากฏขึ้นบนพื้นคือลิชคิงที่ถือโซ่เหล็กกล้า, ไทแรนท์สเกเลตัลที่ถือคทาวิญญาณ, เจ้าอสูรที่มือทั้งสองเต็มไปด้วยสายฟ้าและเจ้าอสูรโบราณที่มือทั้งสองข้างลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟ
ทันใดนั้นมอนสเตอร์ระดับบอสเหล่านี้ต่างกับพุ่งเข้ามาหาพวกเขาพร้อม ๆ กัน
“โอ้โห! มันมีบอสระดับลอร์ดอยู่เต็มเลย” มู่หยูเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“พี่ พวกเราจะทำยังไงดี?” ฮั่นอิ่งถามด้วยความตื่นตระหนก
“ใจเย็น ๆ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ลู่หยางกล่าวแต่ในความเป็นจริงเขาก็รู้สึกขนลุกอยู่เล็กน้อย
ทันใดนั้นนกฟีนิกซ์ก็ส่งเสียงกรีดร้อง ก่อนที่มันจะพ่นลูกไฟเข้าใส่ไทแรนท์สเกเลตัลและเจ้าอสูรโบราณที่วิ่งมาอยู่แถวหน้า
-4,867, -4,686,…
ตัวเลขความเสียหายจำนวนมากปรากฏขึ้นในทันที ซึ่งในเวลาเพียงแค่ไม่นานเหล่าบรรดามอนสเตอร์ที่ดูน่าเกรงขามก็เสียชีวิตลงกับพื้น
ระบบ: คุณได้สังหารไทแรนท์สเกเลตัลเรียบร้อยแล้ว
ระบบ: คุณสังหารเจ้าอสูรโบราณเรียบร้อยแล้ว
…
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 175
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น