Porpiang Writer 1 : The Superhero Arc บทที่ 8 ตามล่ารถสีดำสุดขอบฟ้า

Porpiang Writer 1 : The Superhero Arc

-A A +A

Porpiang Writer 1 : The Superhero Arc บทที่ 8 ตามล่ารถสีดำสุดขอบฟ้า

หมวดหนังสือ: 

วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน ค.ศ. 2017

เวลา 10:00 น.

 

        “คืนวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา เกิดการไล่ล่าของรถกระบะ รถถัง และเฮลิคอปเตอร์ไม่ทราบฝ่ายกลุ่มหนึ่งที่ไล่ล่ารถสปอร์ตความเร็วสูงไปตามทางยกระดับอุตราภิมุข และตำรวจนครบาลทั่วกรุงเทพฯ พยายามจะหาวิธีรับมือกับกลุ่มยานพาหนะเหล่านี้แต่ก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งเครื่องบินปริศนาขนาดใหญ่สีดำทิ้งระเบิดทำลายรถเหล่านั้นจนสร้างความเสียหายไปทั้งถนน และคนที่อยู่ในยานพาหนะเหล่านี้เสียชีวิตทั้งหมดจากแรงระเบิดและไฟคลอก ซึ่งไฟนั้นลุกไหม้จนแทบจะไม่เหลือหลักฐานอะไรเลย แต่จากการบันทึกการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างตัวแทนตำรวจอย่างร้อยเอกเจมส์ เกล็นน์ (Lieutenant James Glenn) กับคุณพอเพียง มาสเตอร์ ก็ได้ความว่า พวกซีมเลสฮิวแมนกำลังตามล่าสองพี่น้องเดลวินที่เคยเป็นตัวทดลองให้กับทางองค์กรเมื่อปี 2000 และตอนนี้ทางองค์กรพยายามจะได้ตัวสองพี่น้องกลับไปทดลองอีกครั้งโดยที่ยังไม่ทราบเหตุผลว่ามันเพราะอะไรกัน และพยานบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นยังพูดถึงบุคคลลึกลับสวมชุดอีกาสีดำและขับรถแปลก ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งคุณมาสเตอร์เป็นพยานสำคัญที่จะมาบอกความจริงให้ทุกคนรู้แล้วค่ะ”

        ผู้สื่อข่าวช่องหนึ่งได้รายงานข่าวตามที่กล่าว และภาพฟูเทจมาจากกล้องเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจที่เห็นโครว์คาร์ ไอ 8 และชิรอนพุ่งไปตามทางยกระดับอุตราภิมุข และเมื่อนักข่าวพูดจบ ภาพก็ตัดไปยังใบหน้าพอเพียงที่มีไมโครโฟนจากโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ อยู่รอบ ๆ ตัว แถมอยู่ใต้คางพอเพียงซะด้วย

        “ก่อนหน้านี้ผมได้รับข่าวมาว่า พวกซีมเลสฮิวแมนจะส่งทหารไปจับตัวพี่น้องฝาแฝดเดลวิน แล้วก็ผู้หญิงครึ่งจิ้งจอกอีกด้วย แล้วพวกมันก็เอาจริงเมื่อคืนนี้ ผมจึงส่งคนไปจัดการ และผมก็ได้ลงมาช่วยด้วยตัวของผมเองด้วย แล้วก็ เรื่องที่บอกว่ามีหลายคนเห็นคนที่ใส่ชุดเครื่องแบบสีดำคล้ายหน้ากากอีกาดำอะไรพวกนั้น ผมยืนยันเลยว่าเป็นความจริงครับ ผมเองก็เห็นกับตา แต่สิ่งที่ผมสังเกตก็คือ ในสังคมของเราทุกวันนี้ มันเริ่มจะมีมนุษย์ที่ถูกเรียกว่ายอดมนุษย์หรือซูเปอร์ฮิวแมน (Superhuman) แฝงตัวอยู่ในสังคมโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ และพวกซูเปอร์ฮิวแมนมักจะแยกย่อยเป็นชนชั้นไปอีก ชนชั้นแรกคือ ซูเปอร์ซิวิลเลียน (Super Civillain) ประชาชนที่มีพลังวิเศษ เช่น ผมเอง คนกลุ่มนี้จะถูกยอมรับในสังคมมากที่สุด เพราะพวกเขาเคารพและปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดระเบียบ ควบคุม และคุ้มครองสิทธิยอดมนุษย์อย่างเคร่งครัด และที่สำคัญคือพวกเขาลงนามสนธิสัญญาคอร์เรียด้วย นั่นแหละคือสิ่งที่ซูเปอร์ซิวิลเลียนทำ

        “กลุ่มต่อมาคือซูเปอร์ฮีโร่ (Superhero) เป็นฮีโร่ที่มีพลังวิเศษ และส่วนใหญ่จะคิดกฎหมาย คิดสนธิสัญญาขึ้นมาเอง และชอบหาชุดเป็นซูเปอร์ฮีโร่เพื่อช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน ทำให้ตอนเด็กของพวกเขานั้นมีปมในใจบางอย่างที่ทำให้เป็นเด็กแปลกแยกจากคนอื่น ส่วนพวกซูเปอร์วิลเลียน (Supervillian) ก็เช่นกันครับ แต่ต่างตรงที่ว่า พวกซูเปอร์วิลเลียนมักจะใช้พลังทำร้ายคนอื่นแบบเปิดเผย ไม่ยอมทำตามกฎ และเป็นพวกแปลกแยกจากคนอื่นมากที่สุด ซึ่งตอนที่ผมเห็นโครว์แมน รถโครว์คาร์ และเครื่องบินโครว์เจ็ท ผมว่ามันก็เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากสำหรับผม เพราะว่าจู่ ๆ ก็มีซูเปอร์ฮีโร่เข้ามาช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนอย่างนี้ แล้วบังเอิญว่าผมดันรู้มาว่าพวกซูเปอร์ฮีโร่กับซูเปอร์วิลเลียนก็เกิดมาจากการฉีดยาของซีมเลสฮิวแมนนั่นแหละ แต่จะให้ทำไงได้เพราะผมเองก็คิดแต่เรื่องของส่วนรวม ไม่ได้คิดถึงเรื่องส่วนตัวสักเท่าไร และผมคิดว่ามันก็น่าจะบ่งบอกได้ว่า ตอนนี้สังคมซูเปอร์ฮีโร่และซูเปอร์วิลเลียน ยังไม่พร้อมสำหรับโลกใบนี้ แต่อีกไม่นานอาจจะพร้อมแล้วก็ได้ ซึ่งอันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผม และข้อเท็จจริงของเหตุการณ์นี้ครับ”

 

        เมื่อข่าวนี้เผยแพร่ไปทั่วโลก พวกคอร์เรียที่ได้รู้ข่าวจึงต้องหาหลักฐานมาเพื่อจัดการซีมเลสฮิวแมนให้จงได้ มันจะเป็นการดันทุรังอย่างยิ่งใหญ่มาก ๆ

        ในขณะเดียวกัน พอเพียงก็ได้โทรคุยกับภัททิต้า ด้วยความสงสัยที่ว่าภัททิต้ารู้เรื่องซูเปอร์ฮีโร่มานานแล้วหรือเปล่า และนี่คือสิ่งที่พอเพียงได้รับรู้...

        “ฮัลโหล” เสียงภัททิต้ารับสาย

        “ภัททิต้า ฉันอยากจะต้องคุยกันหน่อยแล้วล่ะ” พอเพียงพูด “ฉันสงสัยว่าเจ้าโครว์แมนหรือแอรอนอะไรของนายน่าจะเป็นหนึ่งในเด็กที่โดนจับมาพร้อมกับนายเมื่อปี 2006 แน่ ๆ นายบอกมานะว่านั่นแหละเขา”

        “ใช่แล้ว” ภัททิต้าตอบ “ถ้าเรื่องนั้นฉันตอบได้เต็มปากว่าใช่แน่นอน”

        “แล้วไอ้แผนลับสุดยอดของพวกโครว์แมน คือเมื่อคืนนี้อย่างนั้นเหรอ?” พอเพียงถาม

        “ใช่แล้ว” ภัททิต้าบอก “นายโชคดีแค่ไหนแล้วที่เจอกับตัวของนายเอง ในขณะที่องค์กรยอดมนุษย์เพื่อสันติสุข (The Superhero For Peaceful Corporation) ยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการเลย”

        “องค์กรอะไรนะ?”

        “องค์กรยอดมนุษย์เพื่อสันติสุข เป็นองค์กรที่พวกคนที่โดนจับมาทดลองตั้งแต่ปี 2006 จนถึงปี 2015 รวมถึงที่โดนจับฉีดถึงบ้านของตัวเอง มารวมตัวกันเพื่อทำภารกิจพิทักษ์โลกและป้องกันภัยอันตรายที่จะมาถึงในวันข้างหน้า และนั่นคือสิ่งที่ฉันจะบอกนายไง”

        “แล้วองค์กรยอดมนุษย์จะเอายังไงกับซีมเลสฮิวแมน ผู้ให้กำเนิดองค์กรนี้ขึ้นมา?”

        “เอาน่า พวกเขาไม่ทิ้งความหลังที่ซีมเลสฮิวแมนทำกับสมาชิกองค์กรยอดมนุษย์ฯ ไว้หรอก เดี๋ยวพวกเขาก็จะคิดบัญชีกับซีมเลสฮิวแมนให้เอง” ภัททิต้าตอบ

        “แล้วพวกนั้นลงทะเบียนยอดมนุษย์และได้บัตรยอดมนุษย์ไปแล้วหรือยัง?”

        “ถ้านับเป็นเปอร์เซ็นต์ของจำนวนสมาชิกองค์กรนี้ละก็ พวกนั้นลงทะเบียนแค่ 20% นอกนั้นเล่นคิดค้นกฎหมายและบัตรประจำตัวยอดมนุษย์ขึ้นมาใหม่เลย!” ภัททิต้าตอบ

        “งั้นฉันไม่ขอออกความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ” พอเพียงพูด “เพราะนั่นคือสิทธิ์ของพวกเขา ฉันไม่ยุ่งกับเรื่องนี้แน่นอน”

        “โอเค มีอะไรจะพูดคุยอีกไหม?” ภัททิต้าถาม

        “ไม่มีละ” พอเพียงตอบ “แค่นี้นะ”

        “โอเค แค่นี้แหละ” ภัททิต้าตอบ ก่อนที่จะวางสาย

 

วันพุธที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 2018

บ้านเลขที่ 303/18 ซอยไฮเอคโค่ 86 (High Echo 86) หมู่บ้านเดอะแรบบิท เซ็นเตอร์ซิตี้ ประเทศไทย

 

        ที่ห้องนั่งเล่นบ้านของพอเพียง เขากำลังดูทีวีจากกล่องดาวเทียมใหม่ของเขา ทรู วิชั่นส์ ดิจิทัล เอชดี 2 (True Visions Digital HD2) ที่ติดตั้งผ่านดาวเทียมซีแบนด์และเคยูแบนด์ (จานโปร่งกับจานทึบ) และติดตั้งเสาอากาศก้างปลาด้วย เขาดูช่องต่าง ๆ ตามที่เขาซื้อแพ็คเกจของทรูวิชั่นส์ (True Visions) และบ้านมาสเตอร์นั้นอยู่ใต้ชายคาเครือทรูมานานแล้ว เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ก็ใช้ทรูมูฟเอช (True Move H) อินเทอร์เน็ตบ้านก็ใช้ทรูออนไลน์ (True Online) และบริการทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลก็ใช้ทรูวิชั่นส์ เขาไล่เปิดดูไปเรื่อย ๆ

        และนอกจากนี้ หมวดหมู่ของเกม พอเพียงก็ยังตามสมัย เขาซื้อเครื่องเกมเพลย์สเตชั่น 4 (Sony PlayStation 4) เอ็กซ์บ็อกซ์วัน (Microsoft Xbox One) ดรากอน 2 (PorpiangTech Dragon 2) และนินเท็นโดสวิตช์ (Nintendo Switch) มาเล่นเกมใหม่ ๆ อยู่เสมอ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเกมแข่งรถมากกว่า เพราะดูเกมมิ่งเกียร์แต่ละชิ้นนี่มันเกมเมอร์สายแข่งรถชัด ๆ ทั้งของโลจิเทคก็มี จี 29 และจี 920 ไดรวิงฟอร์ซ (Logitech G29 and G920 Driving Force) มาเพื่อรองรับกับแพลตฟอร์มเพลย์สเตชั่น 4 และเอ็กซ์บ็อกซ์วัน แต่นอกนั้นเป็นยี่ห้อทรัสต์มาสเตอร์ล้วน ๆ ไม่ว่าจะเป็นทรัสต์มาสเตอร์ ที 300 อาร์เอส (Thrustmaster T300RS), ทรัสต์มาสเตอร์ ทีเอ็กซ์ (Thrustmaster TX) จอยพวงมาลัยที่สามารถถอดพวงมาลัยออกจากฐานได้เหมือนกับที 500 อาร์เอส แต่คันเกียร์แพดเดิลชิฟท์จะติดมากับพวงมาลัย ไม่ได้อยู่กับฐานแบบที 500 อาร์เอส, ทรัสต์มาสเตอร์ ที 150 (Thrustmaster T150), ทรัสต์มาสเตอร์ ทีเอ็มเอ็กซ์ (Thrustmaster TMX) จอยพวงมาลัยทรัสต์มาสเตอร์ที่ราคาย่อมเยาที่สุด ซึ่งไม่สามารถถอดประกอบพวงมาลัยกับฐานได้เลย

        แต่เอาแค่ที 300 อาร์เอสกับทีเอ็กซ์ เขาก็กว้านซื้อพวงมาลัยเสริมเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศแล้วล่ะ แต่เรื่องนี้ให้เก็บไว้ก่อน เพราะเขาต้องซื้อชุดเกียร์และแป้นเหยียบเพิ่มเข้ามาด้วย ทั้งทรัสต์มาสเตอร์ ทีเอช 8 เอ ชิฟเตอร์ (Thrustmaster TH8A Shifter) แป้นเหยียบทรัสต์มาสเตอร์ ที 3 พีเอ (Thrustmaster T3PA) มาเพื่อใช้กับเกมแข่งรถใหม่ ๆ อยู่เสมอ และนั่นคือช่วงก่อนที่เกมกรันทูริสโมสปอร์ต (Gran Turismo Sport) จะวางจำหน่าย แต่พอจะวางจำหน่ายเกมนี้ ทรัสต์มาสเตอร์กลับหักหลังพอเพียงด้วยการปล่อยขายพวงมาลัยเพิ่มอย่าง ทรัสต์มาสเตอร์ ที 300 อาร์เอส จีทีอิดิชั่น (Thrustmaster T300RS GT Edition), ทรัสต์มาสเตอร์ ที-จีที (Thrustmaster T-GT), ทรัสต์มาสเตอร์ ทีเอส-เอ็กซ์ดับเบิลยู เรสเซอร์ (Thrustmaster TS-XW Racer) และทรัสต์มาสเตอร์ ทีเอส-พีซี เรสเซอร์ (Thrustmaster TS-PC Racer) คนอย่างพอเพียง รวยทั้งเงิน ทั้งกิเลส ก็ต้องซื้อสิ ไม่สนละว่ามันจะรกบ้านเปล่า ๆ เพราะเขามีชั้นเก็บของที่ไว้เก็บสะสมชุดพวงมาลัยที่เขาไม่ได้ใช้อยู่แล้ว

        นอกจากนี้ ทรัสต์มาสเตอร์ยังขายเพิ่มหลังจากวางจำหน่ายเกมกรันทูริสโมสปอร์ต เช่น ทรัสต์มาสเตอร์ ทีเอสเอส แฮนด์เบรก สปาร์โค มอด พลัส (Thrustmaster TSS Handbrake Sparco Mod+), แป้นเหยียบ ทรัสต์มาสเตอร์ ที-แอลซีเอ็ม (Thrustmaster T-LCM) และแป้นเหยียบ ทรัสต์มาสเตอร์ ที 3 พีจีที (Thrustmaster T3PGT) แป้นเหยียบสำหรับเกมกรันทูริสโม ที่แถมมากับที 300 อาร์เอส จีทีอิดิชั่นและที-จีที แต่พอเพียงจะซื้อแยกไปเลย

        ส่วนโรงรถ นี่น่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์รถบูกัตติที่ใหญ่ที่สุดแล้วกระมัง เพราะขนาดรถเวย์รอนก็ถือว่าเยอะแล้ว รุ่นดีไซน์พิเศษของเวย์รอนคลาสสิกกับเวย์รอนแกรนด์สปอร์ต กับรุ่นเล เลจอง เด บูกัตติ (Les Legendes De Bugatti) ของเวย์รอนวิเทสส์ เรียกได้ว่าแทบจะล้นโรง แถมรุ่นมาตรฐานของเวย์รอนคลาสสิก เวย์รอนแกรนด์สปอร์ต เวย์รอนซูเปอร์สปอร์ต และเวย์รอนวิเทสส์ คือสีเทาทั้งคันเหมือนกับชิรอนคลาสสิกที่พอเพียงซื้อมาเมื่อปี 2016 และล่าสุดกับบูกัตติ ชิรอน สปอร์ต (Bugatti Chiron Sport) ที่สีเดียวกับชิรอนคลาสสิก แต่แม้กระทั่งกรอบตะแกรงรูปเกือกม้า ฝาครอบเครื่องยนต์ และโครงรูปตัวซีข้างประตูยังเป็นสีเทาเลย และตะแกรงหน้ารถได้ทำสีเลข 16 สีเทากลางตะแกรงเลย ส่วนชื่อที่สลักไว้ที่แผงคอนโซลกลางกับหมอนพิงศีรษะคือชื่อรุ่นชิรอนสปอร์ต

        และมันยิ่งจะเยอะยิ่งกว่านี้อีก เมื่อบูกัตติได้ประกาศจับมือกับ โกลด์ อีลิต ปารีส ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบโทรศัพท์มือถือสีทองคำ (ซึ่งก็เคยทำพอเพียงเทค แกรนด์โฟน ที่เป็นสีทองมาแล้ว แถมพอเพียงซื้อมาเก็บไว้ครบสี่สีเลย) เพื่อทำรถชิรอนสีทองแบบใหม่! นั่นคือ บูกัตติ ชิรอน โกลด์ อีลิต ปารีส (Bugatti Chiron Gold Elite Paris) ซึ่งมีสี่สีเหมือนกับที่ทำโทรศัพท์มือถือมาแล้ว คือ อัลติเมตัม โกลด์ (Ultimatum Gold) สีทองคำแท้, มาร์เวลัส ไวท์ (Marvelus White) สีทองคำอมขาว, เวโรนิก้า พิงค์ (Veronica Pink) สีทองคำอมชมพู และแบล็ค เลเจนด์ (Black Legend) สีดำขอบทอง ไม่ว่าจะภายนอกหรือภายใน ก็จะแสดงเป็นสีตามชื่อรุ่น และมีการสลักโลโก้โกลด์อีลิตปารีสไว้ที่ฝาเติมน้ำมัน, ใต้ปีกหลัง, แผงคอนโซลกลาง, บนธรณีประตู และบนหมอนพิงศีรษะ และพอเพียงก็สอยมาแล้วครบสี่รุ่นเลย

 

        แม้กระทั่งบูกัตติ ชิรอน พอเพียง มาสเตอร์ ซิกเนเจอร์ (Bugatti Chiron Porpiang Master Siganture) ก็เป็นสีเดียวกับรุ่นมาตรฐานของพอเพียง แต่จะไม่ได้ทำสีเลข 16 ไว้ที่กลางตะแกรง แต่จะมีการสลักลายเซ็นของพอเพียงไว้ที่ใต้ปีกหลัง, ฝาเติมน้ำมัน, แผงข้างประตูใกล้ล้อหลัง, ธรณีประตู, แผงคอนโซลกลาง, และหมอนพิงศีรษะ แน่นอนว่าเขาซื้อมาแล้วหนึ่งคัน

        ทั้งชิรอนพอเพียงซิกเนเจอร์ กับชิรอนโกลด์อีลิตปารีส ทางบูกัตติผลิตออกมาจำนวนจำกัดเพียงรุ่นละ 20 คัน แต่พอเพียงจองดักไว้ก่อนเพื่อเก็บสะสม

 

        ส่วนบูกัตติ วิชั่น กรัน ทูริสโม (Bugatti Vision Gran Turismo) ที่พอเพียงซื้อมาเพิ่มก่อนจะซื้อชิรอนเสียอีก เป็นรถแข่งต้นแบบดีไซน์ภายนอกเหมือนชิรอนแทบจะทุกระเบียดนิ้ว แต่ท่อไอเสียท้ายรถกับเลข 16 บนตะแกรงรูปเกือกม้าออกไปทางชิรอนสปอร์ตมากกว่า มีครีบไล่หลังไล่ตั้งแต่หัวจรดท้าย มีที่ปัดน้ำฝนตรงกลางที่เชื่อมกับครีบหลังได้อย่างแนบเนียน และครีบหลังก็เชื่อมกับปีกหลังติดท้ายรถแบบรถแข่งแอลเอ็มพี ส่วนภายในรถถือเป็นการจัดตกแต่งอย่างลงตัวของรถแข่งเลอม็องยุคอนาคต มีการใส่สีน้ำเงินผสมกับสีเทาเข้ม ทำจากวัสดุอัลแคนทาร่าทั้งหมด

 

        นี่ก็เกือบปีมาแล้วนับตั้งแต่การเผชิญหน้ากับพวกซีมเลสฮิวแมนครั้งล่าสุด แต่อยู่ ๆ โทรศัพท์พอเพียงเทค แกรนด์โฟน 7 (PorpiangTech GrandPhone 7) ดังขึ้น เขารีบรับสายทันที

        “ฮัลโหล” พอเพียงพูด

        “เพ้นท์ ฉันอยากให้นายช่วย” ภัททิต้าพูด “เดือนหน้า พวกเราจะไปล่าสมบัติกัน”

        “ล่าสมบัติเหรอ?” พอเพียงว่า “ที่ไหนอะ?”

        “เกาะเดดลี่เทค” ภัททิต้าบอก (DeadlyTech Island)

        “แล้วใครเป็นคนต้นคิด?” พอเพียงถาม

        “ก็นัตตี้น่ะสิ” ภัททิต้าตอบ “รบเร้าให้ฉันไปร่วมล่าสมบัติด้วย”

        “ล่าอะไร?” พอเพียงถาม

        “บูกัตติ ไทป์ 57 เอสซี แอตแลนติก หมายเลข 57453 (Bugatti Type 57SC Atlantic No.57453) สีดำ” ภัททิต้าตอบ

        ถ้าพอเพียงดื่มน้ำอยู่นี่เขาสำลักน้ำไปแล้ว แต่โชคดีที่เขาไม่ดื่ม แต่แค่นี้เขาก็ตกตะลึงมากพอแล้ว

        “แล้วใครไปด้วย?” พอเพียงถาม

        “ก็มีฉัน มีนัตตี้ มีทอมมี่ แล้วก็แม็กซ์ เพอร์ซิวาล แฟนของเธอ (Max Percival) แล้วก็เพื่อนของแม็กซ์อีกสี่คน”

        “แล้วทีมเอ็มซีพีเอล่ะ?” พอเพียงถาม

        “ก็นี่ไงฉันถึงนัดพวกเขาไปด้วย” ภัททิต้าบอก

        “อย่างนี้ฉันต้องนัดทีมพอเพียงไรเตอร์ไปด้วย” พอเพียงพูด “ฉันว่าการล่าครั้งนี้มันต้องไม่ธรรมดาแล้วล่ะ”

        “ไม่ธรรมดายังไง” ภัททิต้าถาม

        “ฉันเห็นองค์ประกอบของการล่าสมบัติมาเยอะละ ดูจากเกมชุดทูมบ์เรเดอร์ อันชาร์เต็ด และหนังชุดอินเดียน่าโจนส์มาเยอะละ มันจะมีลำดับขั้นตอนเยอะแยะ สมบัติที่เราตามล่ามันเป็นวัตถุจากบรรพกาลและตำนาน เราต้องฝ่าอุปสรรคเพื่อให้ได้ของที่ต้องการ แต่ทันใดนั้นก็จะมีตัวร้ายมาคอยขัดขวาง และไอ้ของจากบรรพกาลมันก็ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิด แต่ครั้งนี้ออกจะมาแปลกกว่าเพื่อน” พอเพียงพูด “ปกติมันจะเป็นสมบัติ เป็นเงินเป็นทอง หรือวัตถุโบราณ แต่คราวนี้มาเป็นรถสีดำของบูกัตติที่หายไปซะด้วย นายรู้ไหมว่ารถนี้มันมีที่มายังไง”

        “ทำไมเหรอ?” ภัททิต้าถาม

        “มันคือผลงานของชอง บูกัตติ บุตรชายคนโตของเอ็ตโตเร บูกัตติ ผู้ก่อตั้งยี่ห้อบูกัตติ และไทป์ 57 เอสซี แอตแลนติก ถูกผลิตขึ้นมาสี่คัน ได้แก่ หมายเลข 57374, 57473, 57591 และ 57453 ซึ่งหมายเลขสุดท้ายเป็นรถสีดำและผลิตด้วยน้ำมือของชอง บูกัตติเอง ก่อนจะหายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและไม่มีใครเห็นอีกเลย จนกระทั่งฉันเพิ่งจะรู้มาว่า อยู่ในเกาะเดดลี่เทคนี่แหละ เลยอยากจะได้สักหน่อย ฉายาของเจ้ารถแอตแลนติกที่อยู่ในเกาะเดดลี่เทคคือ ลา โวชัว นัวร์ (La Voiture Noire) แต่ฉันขอเรียกมันว่า แบล็คแอตแลนติก (Black Atlantic) ดีกว่า”

        “อย่างนี้นี่เอง” ภัททิต้าพูด “โอเค ฉันจะไปจัดการเตรียมตัวให้พร้อม ส่วนนาย เตรียมอาวุธยุทโธปกรณ์ให้พร้อมล่ะ”

        “ได้เลย” พอเพียงพูด

 

        [คำเตือน : LORE ALERT! เนื้อหาต่อจากนี้จะเป็นการปูเนื้อหาเกี่ยวกับเกาะเดดลี่เทค ถ้าไม่อ่าน ไม่เข้าใจแน่นอนว่าเกาะนี้มีความเป็นมายังไง]

 

        เกาะเดดลี่เทคเป็นเกาะที่ควบคุมโดยเอไอเรย์นะ (Reina The AI) ซึ่งเป็นเอไอจากญี่ปุ่นที่ถูกสร้างขึ้นโดยซีมเลสฮิวแมน แต่เธอทรยศองค์กรแล้วหลบหนีมาที่เกาะนี้ และมันอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิกด้วย ซึ่งเธอไม่ได้หลบหนีเปล่า ๆ แต่เธอสิงอยู่ในชิพคอมพิวเตอร์และมาเกยตื้นที่เกาะนี้ และเมื่อชิพนี้ถูกฝังอยู่ใต้พื้นดินของเกาะ เธอจึงเริ่มทำการดัดแปลงทั้งเกาะให้กลายเป็นเกาะล้ำยุค มีเทคโนโลยีไฮเทค มีทั้งหุ่นยนต์สังหารสารพัดรูปแบบ และเปลี่ยนให้เกาะนี้เป็นอสังหาริมทรัพย์แห่งอนาคต โดยเธอจะพยายามเปิดโลกของเธอให้ทันโลกภายนอกอยู่เสมอ จนกระทั่งเธอได้พบกับรถบูกัตติ ไทป์ 57 เอสซี แอตแลนติก สีดำ เกยตื้นอยู่ที่หาด เธอจึงให้หุ่นยนต์ของเธอเก็บรถมาไว้ในสุสานไซไฟ (Sci-Fi Tomb) และเธอคิดว่าน่าจะเป็นพาหนะสำคัญที่จะทำให้เธอไปสู่โลกภายนอกได้มากขึ้น แต่ใครจะเป็นคนขับล่ะ?

        แน่นอนว่าข่าวลือที่ว่ามีเกาะที่ล้ำสมัยสุด ๆ และซ่อนรถสีดำในตำนาน ต้องแพร่กระจายออกไปทั่วโลกอย่างกับโรคระบาดอยู่แล้ว แต่ที่มันยิ่งกว่าข่าวลือคือคนที่เชื่อข่าวลือ พวกโจรขุดสุสาน และนักโบราณคดีต่างไปค้นหาคำตอบเกี่ยวกับเกาะเดดลี่เทค แต่รอบเกาะนั้นสภาพอากาศย่ำแย่มาก มีพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงรอบบริเวณทะเลของเกาะในรัศมี 80 กิโลเมตร การจะผ่านเข้าไปในเกาะได้ถือว่าต้องยากเอาเรื่อง และแทบจะไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาเลย เพราะเรย์นะไม่ต้องการให้ใครได้รถสีดำคันนี้มาครอบครองในทางที่ผิดอย่างแน่นอน

        แต่ข่าวเกี่ยวกับพอเพียง หัวหน้ามาเฟียตระกูลมาสเตอร์ที่โด่งดังนั้นได้รู้ถึงหูของเรย์นะอย่างมาก และเธอต้องการให้เขาครอบครองรถคันนี้แต่เพียงผู้เดียว เธอจึงพยายามทำทุกวิถีทางที่จะให้เขาสามารถเข้าถึงรถคันนี้ให้จงได้ ไม่ว่ามันจะเป็นยังไงก็ตาม เธอต้องให้เขาครอบครองรถคันนั้นให้จงได้...

        และในที่สุด วันที่เธอต้องการก็มาถึง...

 

วันเสาร์ที่ 14 เมษายน ค.ศ. 2018

 

        ทีมพอเพียงไรเตอร์ครบแปดคนได้นั่งเครื่องบินขนาดใหญ่มายังเกาะเดดลี่เทค เครื่องบินลำนั้นคือ พอเพียง จัมโบ้เพลน มาร์ค 1 (Porpiang Jumboplane Mk1) เครื่องบินขนาดใหญ่สีดำ ที่ภายในเครื่องบินใหญ่กว่า มันอเนกประสงค์มาก ใช้ในทางสู้รบก็ได้ ใช้ในการส่งสัมภาระก็ยังดี และส่งผู้โดยสารก็ยังได้ มันสามารถบินขึ้นและลงจอดแบบแนวดิ่งได้ (VTOL : Vertical Take Off and Landing) ซึ่งสมาชิกทีมพอเพียงไรเตอร์ได้อยู่ข้างในนั้น พร้อมกับเหล่ารถบูกัตติยุคใหม่ทั้ง 32 คัน ได้อยู่ข้างในเครื่องบินลำนั้นหมดแล้ว

        เครื่องบินลำนี้อยู่ในโหมดออโต้ไพล็อต คือควบคุมยานพาหนะอัตโนมัติ ทำให้พอเพียงสามารถทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน ๆ ได้อย่างสบาย ๆ ระหว่างทางพอเพียงก็โทรหาภัททิต้าว่าถึงไหนแล้ว

        “ฮัลโหลภัททิต้า ถึงไหนแล้ว” พอเพียงบอก

        “พวกเราเพิ่งลงเรือน่ะ” ภัททิต้าบอก “ขอโทษทีนะ”

        “นี่ฉันขึ้นเครื่องบินแล้วนะเนี่ย บินเร็วกว่าเรือนายอีกนะ” พอเพียงพูด

        “เอาเถอะ ถ้านายมาถึงเขตเกาะเดดลี่เทคแล้วช่วยทำจุดนัดพบให้ดี ๆ แล้วกันนะ พวกเราจะได้ไปหาให้ถูก” ภัททิต้าบอก

        “โอเค ฉันบินไปไกลมากแล้วล่ะ” พอเพียงพูด “ถ้าเกิดระหว่างทางสภาพอากาศปลอดโปร่ง ฉันอาจจะบินช้าลงให้พวกนายขับเรือตามให้ทันแล้วกันนะ”

        “เพ้นท์” เอไอแฮมิลตันเรียก “ขอโทษนะที่ขัดจังหวะ แต่ฉันเกรงว่าถ้าเราจะไปให้ถึงเกาะเดดลี่เทค ต้องฝ่าพายุฝนฟ้าคะนองที่ห้อมล้อมเกาะเดดลี่เทคไปให้ได้ ความรุนแรงมันระดับเดียวกับพายุไซโคลน เฮอร์ริเคน และไต้ฝุ่นเลย อย่าลืมแจ้งภัททิต้าด่วนเลยนะ”

        “พับผ่าสิ เราดันพูดเร็วเกินไปซะด้วย” พอเพียงสบถ แล้วบอกภัททิต้าทางโทรศัพท์ว่า “เปลี่ยนแผนด่วน ตอนนี้พวกเรากำลังจะฝ่าพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรง พวกฉันนั่งบนเครื่องบินอาจจะไม่เป็นอะไร แต่พวกนายที่นั่งเรืออาจจะล่มได้ ดังนั้น ฉันจะบินเรี่ยพื้นไว้เพื่อที่จะให้ขนย้ายสัมภาระขึ้นไปได้นะ”

        “รับทราบ” ภัททิต้าพูด “แค่นี้นะ”

        “ได้เลย” พอเพียงพูดก่อนจะวางสายลง

        เขาเก็บโทรศัพท์มือถือของตัวเองกลับเข้ากระเป๋าเสื้อคลุมแล้วหันกลับไปบอกทุกคนว่า “ทุกคน ฉันมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ ตอนนี้พวกเรากำลังเข้าใกล้เขตพายุรุนแรง และเรือของภัททิต้าอาจจะไปไม่ถึงฝั่งแน่นอน ดังนั้น เราต้องบินในระดับเรี่ยพื้นและลดความเร็วเพื่อให้ภัททิต้าตามพวกเราทัน ใครที่มีแรงเยอะ ๆ ก็ขนสัมภาระที่ภัททิต้าส่งมาให้ด้วยนะ”

        “ได้เลย” ธันวาพูด

        “โอเค ฉันจะไปที่ห้องควบคุม” พอเพียงพูด จากนั้นก็เข้าไปที่ห้องนักบินของเครื่องบินเพื่อจัดการลดระดับความสูงให้ลดต่ำลงจนเรี่ยพื้นน้ำและลดความเร็วให้เท่ากับที่ภัททิต้าขับเรือซึ่งประมาณ 40 ไมล์ทะเล ซึ่งเทียบกับตอนที่พอเพียงขับปกตินั้นมันเป็นความเร็วเหนือเสียงที่อาจจะทำให้ยานพาหนะเขย่าอย่างรุนแรงได้ แต่จัมโบ้เพลนลำนี้สามารถทนแรงสั่นสะเทือนจากความเร็วเหนือเสียงได้ยาวนานถึง 60 ชั่วโมงเลยทีเดียว

        และเมื่อภัททิต้าขับเรือมาถึงแล้ว พอเพียงก็ได้เปิดช่องด้านล่างออกมา

        “เพ้นท์! เราจะส่งของยังไง?” ภัททิต้าตะโกนถาม

        “ฉันจะใช้ปืนแกร็ปฮุกดึงสัมภาระให้” พอเพียงตอบ “ส่วนเป้งกับธันวาจะลงไปช่วยขนให้หมด”

        “แล้วเรือล่ะ?” ภัททิต้าถาม

        “ก็ทอดสมอสิ” พอเพียงตอบ

        “ได้เลย” ภัททิต้าพูด “ริวคิก! ทอดสมอเลย!”

        “กรอบไหมอะ?” เจียระไนถาม

        “ใครก็ได้เขกหัวเขาทีซิ” พอเพียงว่า

        โชคดี ยินนาเขกหัวเจียระไนให้พอเพียงดังโป๊ก แล้วลากเขากลับเข้าไปในเรือ

        “โอเค จะทอดละนะ” ริวคิกพูด จากนั้นจึงโยนสมอออกไปจากเรือ แล้วบอกภัททิต้าว่า “แล้วยังไงต่อ?”

        “เอาสัมภาระทั้งหมดให้พวกเพ้นท์ขนเข้าไปให้หมดเลย” ภัททิต้าบอก

        ซึ่งหลังจากหยุดเคลื่อนที่ทั้งเรือทั้งเครื่องบินแล้ว กระบวนการลำเลียงสัมภาระก็เริ่มต้นขึ้น ทีมเอ็มซีพีเอได้ขนเอาสัมภาระที่บรรจุไว้ในเรือเช่าของภัททิต้าเอาไปให้พอเพียงเก็บไว้ในโกดังในเครื่องบินให้หมด

        “เอาล่ะ ทุกคนขึ้นเครื่องบินได้แล้วนะ” พอเพียงพูด

        “แล้วบันไดล่ะ” ภัททิต้าถาม

        “โธ่เอ๊ย เรื่องมากจริง ๆ” พอเพียงสบถ แล้วใช้มือข้างหนึ่งแตะปุ่มสีเขียวเพื่อเสกบันไดออกมาจากช่องให้ทีมเอ็มซีพีเอปีนขึ้นไปในเครื่องบินได้

        เมื่อทีมเอ็มซีพีเอและคนอื่น ๆ ขึ้นเครื่องบินหมดแล้ว

        “โอเค ถ้าล่าสมบัติเสร็จเมื่อไหร่ นายต้องเอาเรือไปคืนด้วย ถ้านายโดนชาร์จดอกเบี้ยฉันจะออกสตางค์เท่าที่ฉันจะช่วยได้แล้วกัน” พอเพียงพูด “เอาล่ะ ไปกันเถอะ”

        จากนั้นพอเพียงก็ไปนั่งที่ห้องบังคับการ ปิดโหมดออโต้ไพล็อต แล้วขับฝ่าเข้าไปในเมฆพายุฝนฟ้าคะนอง และบินให้เหนือผิวน้ำขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งอยู่ในระดับของเมฆพายุแล้ว เขาบินฝ่าเข้าไปด้วยความเร็วเสียงด้วย ปัญหาก็คือ แม้เครื่องจะสามารถทนแรงสั่นสะเทือนจากความเร็วเสียงได้ แต่กับพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรง มันเป็นงานที่หินเอาเรื่อง

        “ทุกคน! เครื่องบินอาจจะสั่น ๆ นิดหน่อยนะ หาที่ยึดเกาะไว้แน่น ๆ ด้วยล่ะ!” พอเพียงประกาศทางประชาสัมพันธ์

        เพื่อน ๆ ทีมพอเพียงไรเตอร์และทีมเอ็มซีพีเอก็หาที่ยึดเกาะของตัวเองไว้แน่น ๆ เพราะการฝ่าเขตพายุฝนฟ้าคะนองทำให้เครื่องบินเริ่มสั่นแรงขึ้น และมากขึ้นเรื่อย ๆ

        พอเพียงที่มองกระจกแล้วเห็นแต่น้ำฝนสาดลงมาและมองอะไรแทบไม่เห็น ได้แต่ภาวนาในใจว่า ได้โปรดให้ลูกช้างพ้นไปจากเขตพายุฝนฟ้าคะนองบ้านี่ทีเถิด สาธุ แต่พอคิดจะพ้นมันก็พ้นจริง ๆ จัมโบ้เพลนได้หลุดออกจากเขตพายุฝนฟ้าคะนองแล้ว และหลังจากพ้นเขตพายุไปได้ไม่นาน ก็เห็นเกาะเดดลี่เทคแล้ว มันเป็นเกาะร้างที่เต็มไปด้วยป่าทึบ มีภูเขาหลายลูก และเห็นหนวดเหล็กขนาดใหญ่งอกออกมาจากพื้นเกาะหลายเส้นด้วย

        “เอาล่ะทุกคน รัดเข็มขัดให้พร้อม ฉันจะลงจอดละนะ” พอเพียงพูด

        และทุกคนก็ไปที่โมดูลผู้โดยสารเพื่อรัดเข็มขัดเตรียมลงจอดที่หาดทราย และเมื่อเครื่องบินลงจอด พอเพียงก็กดปุ่มปล่อยทั้งรถบูกัตติยุคโมเดิร์น รถถังความเร็วสูง โดรนขนาดเล็ก และเหล่าทหารเหล็กที่มาช่วยคุ้มกันทุกคนที่มาเดินทางครั้งนี้ด้วย

        ทันทีที่ทุกคนมาถึงแล้ว โทรศัพท์ของพอเพียงก็มีเสียงเรียกเข้า เขาจึงรับสาย แต่ปลายสายที่โทรหากลับเป็น...

        “สวัสดีค่ะ นี่คือเรย์นะซิสเต็ม (Reina System) ขอต้อนรับเข้าสู่เกาะเดดลี่เทค เกาะที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยให้คุณได้สัมผัสมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบริการที่พัก บริการคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต และระบบเครือข่ายสังคมที่รับรองได้ว่าคุณจะสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างสุขสบายเลยค่ะ แต่ถ้าคุณยังรู้สึกว่ายังไม่ปลอดภัยพอ หมดกังวลได้เลยค่ะ เพราะว่าที่เกาะนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยและกลั่นกรองผู้มาเยือนเกาะนี้ว่าพวกเขามาดีหรือไม่ ถ้าพวกเขาไม่ได้มาดี เราจะขับไล่พวกเขาออกไปจากเกาะนี้ให้เองค่ะ ขอบคุณที่รับฟังคำแนะนำนี้ค่ะ”

        เสียงบันทึกของเรย์นะที่ใครก็ตามเข้ามาในเกาะนี้จะได้ยินทุกคน ทุกกลุ่ม ซึ่งจะใส่ไว้ในโทรศัพท์มือถือของตัวแทนกลุ่มที่จะบุกเข้ามาในเกาะ ซึ่งนั่นก็ทำให้พอเพียงรู้สึกไม่ไว้ใจเกาะนี้สีกเท่าไรแล้ว และยิ่ง...

        “กรุณายืนยันตัวตนผู้ใช้งานตามที่ฉันบอกด้วยค่ะ คุณชื่อ นายพอเพียง มาสเตอร์ ปัจจุบันอายุ 18 ปี เกิดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ คริสต์ศักราช 2000 คุณคือบุตรชายของหัวหน้าใหญ่กลุ่มมาเฟียที่มีชื่อว่า กลุ่มมาเฟียมาสเตอร์ และประธานบริษัทในเครือธุรกิจครอบจักรวาลอันโด่งดัง พอเพียงเอ็นเตอร์ไพรส์ เป็นนักเขียนที่เขียนชุดนิยายขายดีอย่าง โรงเรียนแห่งโรลเพลย์ (School of Roleplay) และกำลังจะขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเซนต์ไอแซ็ค ถ้าข้อมูลที่ฉันพูดนี้คือตัวคุณจริง ๆ กรุณาตอบด้วยค่ะ”

        เกิดความเงียบราวหนึ่งนาที พอเพียงรู้สึกว่าความเครียดได้กระตุ้นให้มวลสารบางอย่างเคลื่อนไหวในท้องอย่างรุนแรง เพราะเขาไม่รู้ว่า เรย์นะจะดักอะไรเขา เขาจึงตอบไปว่า “ใช่ครับ ผมเอง”

        “ขอบคุณที่ยืนยันตัวตนค่ะ” เรย์นะพูด “ฉันชื่อว่า เรย์นะ เป็นเอไอที่ควบคุมระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ประจำเกาะนี้ที่ชื่อ เรย์นะซิสเต็ม ค่ะ เกาะนี้คือเกาะเดดลี่เทค เกาะที่มีเทคโนโลยีและเครื่องจักรกลที่อำนายความสะดวกให้คุณค่ะ”

        “แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่านั่นคือผม?” พอเพียงถาม

        “ก็ฉันได้ข่าวว่า คุณกับพรรคพวกมาที่นี่เพื่อที่จะมาเอารถยนต์บูกัตติ ไทป์ 57 เอสซี แอตแลนติก หมายเลข 57453 สีดำ ที่หายสาปสูญไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และได้มาพบกับฉันโดยบังเอิญ ฉันเลยได้มีโอกาสปรับแต่งรถคันนี้ให้เป็นรถติดอาวุธที่ฝังคอมพิวเตอร์เข้าไปในรถ และตัวฉันเองก็ถูกฝังอยู่ในรถคันนั้นค่ะ เหมือนกับที่คุณปรับแต่งรถบูกัตติสมัยใหม่ให้เป็นรถติดอาวุธฝังเอไอเช่นกัน ซึ่งฉันพิจารณาดูแล้วคุณน่าจะเหมาะสมมากที่จะได้รถคันนั้นไปครองค่ะ

        “แต่ยังไงคุณก็ต้องระวังตัวให้ดีก่อนแล้วกันนะคะ เพราะฉันพบว่ามีพวกผู้ไม่หวังดีที่จะต้องการรถสีดำคันนั้นไปใช้ในทางที่ผิด ๆ ด้วยเหมือนกัน ฉันไม่รู้ว่าระบบรักษาความปลอดภัยของฉันจะช่วยจัดการกับพวกนี้ได้ดีหรือเปล่านะคะ คุณต้องรีบหน่อยนะคะ ก่อนที่พวกมันจะได้รถคันนี้ไปก่อนคุณ”

        “ได้ครับ คุณเรย์นะ” พอเพียงตอบ “ผมจะจัดการให้เอง”

        “ขอบคุณที่อยู่คุยกับฉันมาตลอดนะคะ ต่อจากนี้ไป ฉันจะส่งยานพาหนะประจำเกาะนี้ไปที่สุสานไซไฟเองค่ะ”

        ว่าแล้ว ระบบของเรย์นะก็ตัดสายทิ้งทันที

        “สุสานไซไฟ?” พอเพียงพึมพำ “คือที่ไหนกันเนี่ย?”

        แต่พอเพียงหันไปมองคนอื่น ๆ...

        พวกภัททิต้ากำลังรื่นเริงและดีใจที่ได้มาเกาะนี้ แต่ไม่รู้เลยว่า มีอะไรบางอย่างที่ลึกลับยิ่งกว่านั้นเสียอีก

        “แล้วยังไงกันเหรอแม็กซ์?” ภัททิต้าว่า

        “ก็ผมจะให้พี่ไปดูความมหัศจรรย์ของเกาะนี้ซะก่อนนะครับ” แม็กซ์พูด เขาเป็นชายผมสีทองผมปรกหน้าแบบกวางงากะ แต่สวมเสื้อคลุมแขนสั้นสีดำและเสื้อกล้ามสีขาว กางเกงขายาวสีดำ ใส่รองเท้าผ้าใบสีดำ “จากนั้นเราก็ต้องหาที่ที่รถสีดำในตำนานนั่นซ่อนอยู่”

        “ก็ถ้าตราบใดที่ไม่มีศัตรูมาขัดขวางเลยมันก็จะดี มันจะได้ไม่ซ้ำซากกับพล็อตล่าสมบัติเนี่ย” ภัททิต้าบอก

        พอเพียงเดินมาพบกับทีมเอ็มซีพีเอแล้วบอกว่า “ทุกคน ฉันว่าที่นี่มันไม่ใช่เกาะธรรมดาแล้วล่ะ เพราะฉันได้รับโทรศัพท์... ไม่สิ เสียงบันทึกในสายมาจากเรย์นะซิสเต็ม เอไอที่ควบคุมเกาะนี้ และฉันยังไม่แน่ใจนักว่าเธอจะเล่นอะไรตุกติกกับพวกเรา ดังนั้น อย่าชะล่าใจ อย่าประมาทในความสวยงามที่เกาะนี้มีเด็ดขาด”

        แต่พอเพียงพูดยังไม่ทันขาดคำ “ยานพาหนะประจำเกาะเดดลี่เทค” ที่เรย์นะพูดถึงก็มาถึงที่จนได้ มันคือหุ่นยนต์ไดโนเสาร์ไทรันโนซอรัส เร็กซ์ (ลักษณะก็คล้ายกับกริมล็อกจากภาพยนตร์ทรานส์ฟอร์เมอร์สฉบับที่กำกับโดยไมเคิล เบย์นี่แหละ) ซึ่งมาประมาณสิบห้าตัว แต่ละตัวเหมือนติดตู้โดยสารที่บรรจุลูกเรือได้ประมาณร้อยห้าสิบคน และที่สำคัญคือมันพูดภาษามนุษย์ได้ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ภาษากลางที่ทั้งทีมพอเพียงไรเตอร์ ทีมเอ็มซีพีเอ และพรรคพวกก็เข้าใจได้อยู่

        “สวัสดีครับ” หนึ่งในทีเร็กซ์เหล็กพูด “พวกเราเป็นยานพาหนะที่มาดามเรย์นะส่งมาพาพวกคุณไปยังสุสานไซไฟครับ”

        “อะไรกันเนี่ย!!” พอเพียงอุทาน “มาได้ยังไง!!”

        “พวกมันมาดีหรือเปล่าเนี่ย?” ภัททิต้าว่า

        “ขึ้นมาเลยครับ” ทีเร็กซ์เหล็กอีกตัวพูด

        “โอเค ขึ้นก็ขึ้น” พอเพียงพูด “แต่ขอเอารถบูกัตติสามสิบกว่าคันนี้ไปด้วยแล้วกัน”

 

        ระหว่างทางไปสุสานไซไฟ ทั้งสองทีมเอกก็ได้นั่งเชยชมธรรมชาติของเกาะนี้ เกาะร้างสุดไฮเทคที่เทคโนโลยีกลมกลืนไปกับธรรมชาติเป็นอย่างดี แต่เมื่อมาถึงสุสานแล้วเรียบร้อย ทั้งหมดก็ลงจากหลังของฝูงทีเร็กซ์เหล็กทันที

        “ขอบคุณที่ใช้บริการทีเร็กซ์ทรานสปอร์ตนะครับ” ทีเร็กซ์เหล็กตัวหนึ่งพูด ก่อนที่พวกมันทั้งหมดจะกลับไปยังที่ของตัวเอง

        “บางทีเกาะนี้ก็ไม่ได้อันตรายอย่างที่คิดแฮะ” พอเพียงพูด

        “นั่นสินะ” ทอมมี่ว่า

        “เข้าไปกันเถอะ!” แม็กซ์พูด แล้วฉุดนัตตี้บุกเข้าไปที่ประตูสุสานทันที

        “เดี๋ยวก่อน!! ถ้ามันมีปริศนาที่ต้องแก้เพื่อเปิดล่ะ!!” พอเพียงถาม เท่านั้นแหละ ทั้งแม็กซ์ทั้งนัตตี้เบรกเอี๊ยดแทบไม่ทัน

        “ฉันเคยดูหนังหรือเล่นเกมแนวล่าขุมทรัพย์มาเยอะแล้วล่ะ” พอเพียงพูด “มันจะมีปริศนาที่ต้องแก้ หรือไม่ก็มีกับดักที่ต้องฝ่าไปให้ได้ อะไรแบบนี้ และฉันคิดว่าฉันต้องจัดการกับเรื่องแบบนี้ด้วยตัวของฉันเองแล้วล่ะ”

        “ทำไมอะ?” ภัททิต้าถาม

        “ฉันรู้เจตนารมณ์ของเรย์นะแล้ว เธอต้องการที่จะบริการฉันอย่างสุดขั้ว เพื่อให้ฉันสามารถเข้าถึงแบล็คแอตแลนติกคันนั้น” พอเพียงพูด “ฉันจะต้องเข้าถึงรถคันนี้ให้ได้”

        ว่าแล้ว เขาก็เดินนำทุกคนไปยังประตูสุสานไซไฟ และมันก็เป็นอย่างที่พอเพียงว่าไว้จริง ๆ ด่านแรกคือรหัสพินสิบตัว ถ้าใครกดตัวเลขได้ถูกต้อง ระบบจะปลดล็อกประตูให้เข้าไปได้ แต่เมื่อกล้องวงจรปิดที่อยู่ใกล้ประตูจับได้ว่าพอเพียงมาถึง ระบบก็จะทำการปลดล็อกให้พอเพียงและพรรคพวกเข้าไปได้สบาย ๆ (แต่รถบูกัตติยุคใหม่ต้องจอดทิ้งไว้ก่อน เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาจะได้ใช้งานได้)

        เมื่อเข้าไปข้างในสุสานแล้ว ก็จะพบกับด่านอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ด่านกับดักกำแพงบีบ ที่จะมีจังหวะที่จะค่อย ๆ เปิดกว้างขึ้นก่อนจะปิดอย่างแรง แต่กับพวกพอเพียง เรย์นะจะให้กำแพงพวกนี้เปิดอ้าตลอดเวลา, ด่านกับดักลาวา ปกติจะมีทุ่นรองเท้าให้กระโดดข้ามไป แต่กับพวกพอเพียง จะมีสะพานที่ยาวและกว้างให้ข้าม, ด่านกับดักกระสุน ถ้าใครไปกดหรือเหยียบโดนปุ่มหรือเตะโดนสายอะไรก็ตาม มันจะกระตุกให้ยิงกระสุนใส่รัว ๆ แต่กับพอเพียง จะไม่มีผลดังกล่าว, ด่านกับดักใบมีดแกว่งไปมา ต้องฝ่าไปให้ได้โดยไม่โดนสับเป็นชิ้น ๆ แต่กับพวกพอเพียง มันจะหยุดแกว่ง, ด่านเลเซอร์ จะมีจังหวะที่จะยิงเพื่อช็อตคนที่ฝ่าไม่ทัน แต่กับพวกพอเพียง มันจะหยุดยิง เป็นต้น

        ในที่สุด พวกพอเพียงก็เดินทางมาถึงห้องเก็บรถแบล็คแอตแลนติกจนได้

        “ยินดีต้อนรับค่ะ คุณมาสเตอร์” เสียงเรย์นะดังขึ้นจากในรถแบล็คแอตแลนติกคันนั้น ที่วางอยู่บนแท่นโชว์รถแบบงานแสดงรถมอเตอร์โชว์ทั่วไป รูปทรงคล้าย ๆ กับเป็นรถกบ และซุ้มล้อหน้านั้นค่อนข้างจะถูกออกแบบมาให้ลู่ลมและแยกจากตัวถังไป และด้านหน้ารถนั้นยาวมาก เห็นได้ชัดเลยว่านี่เป็นผลงานจากยุค 1930 ของชอง บูกัตติเองที่พยายามปรับให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ และมีครีบคั่นกลางที่ไล่ตั้งแต่หัวจรดท้าย แน่นอนว่าขื้นชื่อว่าบูกัตติ ต้องมีตะแกรงรูปเกือกม้าหน้ารถเป็นเอกลักษณ์ตลอดกาลเป็นจุดสำคัญ ส่วนล้อหลังก็มีซุ้มล้อที่ครอบล้อไว้เกือบหมด ยกเว้นส่วนที่ล้อจะสัมผัสพื้นถนน และมันมีท่อไอเสียห้าท่ออยู่ท้ายรถด้านซ้าย ส่วนภายในนั้น ทั้งประตู แผงคอนโซลหน้า และเก้าอี้โดยสารเป็นสีน้ำตาลเข้ม ส่วนแผงคอนโซลกลาง ที่วางเท้า และเพดานรถเป็นสีเบจ และพวงมาลัยนั้นเป็นวงกลมและมีแฉกขึงวงพวงมาลัยสี่แฉกทำจากเหล็ก ส่วนตัววงทำจากไม้ เช่นเดียวกับหัวคันโยกเกียร์ของมันที่ทำจากไม้เหมือนกัน

        “คุณเรย์นะ ผมมาแล้วครับ” พอเพียงพูด “ผมมาหาคุณตามที่คุณขอไว้ให้แล้ว”

        “ขอบคุณมากค่ะ” เรย์นะตอบ “ทีนี้ เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่า คุณคือเจ้าของรถคันนี้ คุณช่วยยืนยันตัวตนด้วยการสแกนลายนิ้วมือของคุณด้วยนะคะ”

        และแท่นสแกนลายนิ้วมือได้ลอยขึ้นมาอยู่ข้างหน้าพอเพียง เขายื่นมือข้างขวาออกไปแตะแท่นสแกน และมันก็ได้สร้างกุญแจรถที่ระบุชื่อของพอเพียงไว้ จากนั้นเขาจึงหยิบมาเก็บไว้กับตัว

        “ได้รถมาแล้ว” พอเพียงพูด

        “คำเตือน มีศัตรูกำลังบุกมาที่ห้องเก็บสมบัติ หน่วยป้องกันภัยกรุณารีบออกมาจัดการด่วน!

        สัญญาณหวอดังขึ้น และห้องนี้ก็มีสัญญาณไฟกระพริบเป็นสีแดง และข้างหลังทีมเอกทั้งสอง คือประตูมิติสีดำขนาดใหญ่เปิดออกมา คนที่เดินนำมาก่อนคือ ชายผู้มีผิวซีด ดวงตาเรืองแสงสีแดง จมูกโบ๋ แก้มซีด มีเขางอกออกมาที่หน้าผาก และไม่มีผมอยู่บนหัวเลย สวมหน้ากากครอบปากที่มีเขี้ยวแบบยักษ์ไทยด้วย เขาสวมชุดสีดำทั้งตัว ติดผ้าคลุมหลังสีดำ พร้อมกับกองทัพก่อการร้ายที่รูปลักษณ์คล้ายกับลูกสมุนขององค์กรช็อกเกอร์จากมาสค์ไรเดอร์หมายเลข 1 และ 2 จำนวนร้อยสามสิบคน

        “พวกแกเป็นใครกัน?” พอเพียงถาม จากนั้นเขาจึงชักปืนพกซามูไรเอดจ์ของตนเองมาชี้ขู่ศัตรู

        “ฉันคือ เดอะแกรนด์มาสเตอร์ไมนด์ (The Grand Mastermind)” นายใหญ่หน้าซีดตอบ “ผู้นำสูงสุดแห่งองค์กรภารดรภาพแห่งวายร้าย (The Brotherhood of Super villian Corporation) เป้าหมายของพวกเราคือ กำจัดพวกมนุษย์ธรรมดาที่เป็นขยะน่ารังเกียจ ศีลธรรมที่แบ่งแยกความดีความชั่ว กฎหมายที่มาย่ำยีอาชญากรอย่างพวกเรา และพวกยอดมนุษย์ที่ปกป้องสิ่งเหล่านั้น ออกไปจากโลกใบนี้ให้หมด!”

        “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับรถคันนี้?” พอเพียงถาม

        “ฉันจะใช้มันเป็นเครื่องมือในการจะปฏิวัติโลกใบนี้ยังไงล่ะ” เดอะแกรนด์มาสเตอร์ไมนด์ตอบ

        “ฉันไม่ให้หรอก!!” พอเพียงตวาด “ฉันเป็นเจ้าของอันชอบธรรมของรถคันนี้แล้ว! ใช่ไหมครับคุณเรย์นะ?”

        “ฉันเห็นด้วยค่ะ คุณมาสเตอร์” เสียงเรย์นะดังขึ้น

        “สำหรับพวกแก” พอเพียงพูด จากนั้นเขาก็ใช้มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าเสื้อเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นมา “ฉันมีรถที่ดีกว่านี้ให้พวกแกเอาไปชิม”

        พอเพียงเข้าไปที่แอปลิเคชั่นแฮมิลตันเน็ตเวิร์ก แล้วเข้าไปที่ปุ่มเรียกยานพาหนะ แล้วกดเลือกทั้งหมด จากนั้นเขาก็เตรียมจะกดปุ่มเรียกทันที ตอนนี้มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ อีกข้างหนึ่งถือปืนพกอยู่ด้วย

        “หึ ๆ” เดอะแกรนด์มาสเตอร์ไมนด์พูด “ถ้าพวกแกไม่ให้ ก็ต้องใช้กำลังแย่งชิงมาแล้วล่ะ ทหาร!!”

        “ครับ!!” พวกลูกน้องขานรับ

        “จัดการพวกมันให้หมด!!” หัวหน้าใหญ่บอก

        “ครับผม!!” พวกลูกน้องขานรับ

        “งั้นฉันก็ไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ” พอเพียงบอก และมือข้างที่ถือโทรศัพท์กำลังจะกดปุ่มเรียกทันทีแล้ว ซึ่งจังหวะนั้น เหล่าหุ่นยนต์ทหารของเรย์นะก็เข้ามาล้อมหลังพวกวายร้ายแล้ว

        “อย่าทำร้ายคุณมาสเตอร์นะ!” หนึ่งในหุ่นยนต์ทหารพูด

        “นี่แกมีพรรคพวกเหรอเนี่ยเจ้าเอไอสาว!” จอมวายร้ายถาม แล้วหันไปเผชิญหน้ากับพวกเอไอทหาร

        “ใช่” เสียงของเรย์นะดังขึ้น “ฉันจะไม่ให้คุณได้แตะต้องรถคันนี้แม้แต่นิดเดียว ทหาร! จัดการพวกมันเลย! คุณมาสเตอร์! รีบหนีเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!”

        “รับทราบครับ!” พอเพียงและหุ่นยนต์ทหารขานรับ

        ตูมมมมมมม!!!

        เกิดการระเบิดที่ประตูทางเข้าห้องเก็บสมบัติโดยที่ยังไม่มีใครได้ทำอะไรเลย และฝูงโครว์คาร์ที่มีมาตั้งแต่รุ่น 0.0 จนถึงรุ่น 2.45 ทั้งหมดประมาณสามสิบเก้าคัน มาพร้อมกับเสกอาวุธทั้งหมดมายิงพวกลูกสมุนอดทนของแกรนด์มาสเตอร์ไมนด์ตายคาที่

        “ไอ้โครว์แมนกับองค์กรยอดมนุษย์เพื่อสันติสุขงั้นเรอะ!!” แกรนด์มาสเตอร์ไมนด์คำราม

        “จังหวะนี้แหละ!! ยิงมันเลย!” เสียงเรย์นะดังขึ้น

        “รับทราบครับ!!” หุ่นยนต์ทหารของเรย์นะขานรับหลังจากหลบทัน และพวกเขาก็ไล่ยิงพวกองค์กรภารดรภาพฯ ที่ยังรอดจากกระสุนของโครว์คาร์ให้หมด

        “และตอนนี้แหละ คุณมาสเตอร์ พาเพื่อน ๆ ของคุณหนีได้เลยค่ะ!” เสียงเรย์นะดังขึ้น

        “ครับ!!” พอเพียงตอบ จากนั้นเขาก็กดปุ่มเรียกทันทีบนโทรศัพท์มือถือของเขาเพื่อเรียกรถบูกัตติยุคใหม่ทั้ง 32 คันให้เข้ามาหาพอเพียงพร้อมกับยานพาหนะคันอื่น ๆ ให้มาตามเก็บซากที่โครว์แมนก่อไว้ และไม่นาน ทั้งหมดที่กล่าวมาก็มาถึงแล้ว

        “แม็กซ์!! นัตตี้!! ขึ้นรถแบล็คแอตแลนติกคันนั้นซะ!!” พอเพียงสั่งทั้งสอง และพวกเขาก็ทำตาม ส่วนที่เหลือ ขึ้นทั้งรถเวย์รอน และชิรอน พอเพียงกับโซเฟียนั่งอยู่บนชิรอนรุ่น พอเพียง มาสเตอร์ ซิกเนเจอร์ แล้วจากนั้นก็เหยียบมิดคันเร่งหนีออกจากช่วงชุลมุนนั้นทันที

 

        ช่วงชุลมุนในสุสานไซไฟนั้นวุ่นวายมากแล้วนะ แต่ถ้าเทียบกับข้างนอกนั่น ที่ยานพาหนะขององค์กรภารดรภาพฯ และองค์กรยอดมนุษย์แทบทั้งหมดออกมาสาดกระสุนใส่กันอย่างกับข้าวสารเสก (เอ๊ะ เกี่ยวไหมเนี่ย?) จนทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยของเกาะเดดลี่เทคต้องสั่นคลอนอย่างหนัก แต่จะให้ทำยังไงได้เพราะเรย์นะเองก็อยู่ในรถแบล็คแอตแลนติกแล้ว ถ้าเกิดว่าทั้งสององค์กรรู้ว่ารถแบล็คแอตแลนติกหนีออกมาจากสุสานไซไฟแล้ว มันจะวุ่นวายหนักกว่านี้อีก

        รถเวย์รอนและชิรอนทั้งหมดของพอเพียงได้เข้าสู่โหมดดุดัน พวกมันเสกปืนใหญ่ที่บรรจุกระสุนหกสิบมิลลิเมตร ติดปืนยิงขีปนาวุธ ปืนกลหนัก และปืนที่หยุดการก่อจลาจล เพื่อไล่โจมตียานพาหนะของศัตรูให้หมด

        ภาคพื้นดิน การต่อสู้กันระหว่างรถถังความเร็วสูงของพวกยอดมนุษย์และวายร้าย พร้อมกับทีเร็กซ์เหล็กและงูเหล็กดำดินขนาดยักษ์แห่งเกาะเดดลี่เทคที่ไล่เขมือบยานพาหนะภาคพื้นดินของศัตรูให้เกลี้ยง เพื่อไม่ให้ฝ่ายวายร้ายได้แตะต้องรถที่เรย์นะฝังตัวอยู่ข้างในแม้แต่นิดเดียว

        ส่วนภาคอากาศก็ไม่ใช่ย่อย ทั้งโดรน ทั้งเฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบินของทั้งฝ่ายยอดมนุษย์และฝ่ายวายร้าย แต่เกาะเดดลี่เทคก็มีเทอโรซอร์เหล็กที่ไล่สอยพาหนะทางอากาศให้ร่วงลงพื้นเช่นกัน นอกจากนี้ฝ่ายพอเพียงเองก็มีจัมโบ้เพลนที่บินมาเพื่อสอยทั้งยานพาหนะภาคอากาศของศัตรูให้ร่วงและถล่มยานพาหนะภาคพื้นดินของศัตรูให้พังกันไปข้าง

        “ต้องสลัดพวกนี้ออกไปให้ไกล ๆ จากพวกเรา” พอเพียงพึมพำ “เรื่องแบบนี้มันดูไม่ปกติแล้วล่ะ ภัททิต้าต้องมีอะไรที่เรายังไม่รู้อีกแน่ ๆ เลย เดี๋ยวไว้คุยกับเขาหลังจากที่พวกเราออกจากเกาะหมดแล้วละกัน!”

        “เพ้นท์! จัมโบ้เจ็ตมาแล้วนะ จะให้ไปรับที่ไหนดี”

        เสียงของเอไอแฮมิลตันดังขึ้น

        “แฮมิลตัน” พอเพียงพูด “ถ้าพวกเราสลัดไอ้พวกนี้หลุดออกไปแล้ว รีบมารับพวกเราด่วนเลยนะ”

        “ได้เลย” แฮมิลตันพูด “งั้นฉันจะจัดการไอ้ศัตรูพวกนี้ให้หมดก่อนนะ”

        จากนั้นจัมโบ้เพลนที่มาถึงก็จัดการยิงปูพรมพวกยานพาหนะภาคพื้นดินของพวกวายร้ายให้ทิ้งห่าง จากนั้นก็ไล่สอยยานพาหนะภาคอากาศของวายร้ายให้ร่วงหมดแล้วเปิดช่องสินค้าให้รถแบล็คแอตแลนติก เวย์รอน และชิรอนทั้งหมดเข้าไปได้ แล้วหนีออกไปจากเกาะเดดลี่เทคอย่างรวดเร็ว

        เมื่อพ้นเกาะเดดลี่เทคสักสิบกิโลเมตร พอเพียงก็เริ่มยิงคำถามชุดแรกใส่ภัททิต้าทันทีว่า “ภัททิต้า ไอ้องค์กรภารดรภาพแห่งวายร้ายมันคืออะไร?”

        “องค์กรเนี้ยมันถือกำเนิดขึ้นเพราะว่าอุดมการณ์ที่สมาชิกทั้งหมดอยากจะเป็นอิสระในการจะทำอะไรก็ได้ และอยากจะฉีกกฎหมายจัดระเบียบยอดมนุษย์ทิ้ง แถมสมาชิกบางคนยังเป็นอริส่วนตัวกับสมาชิกบางคนในองค์กรยอดมนุษย์ฯ ด้วย มันก็เลยถือกำเนิดเป็นองค์กรนี้ขึ้นมาน่ะสิ” ภัททิต้าตอบ “ทั้งสององค์กรนี้ห้ำหั่นกันมานานแล้วตั้งแต่มันยังไม่เปิดเผยตัว และถ้าเกิดว่าวันหนึ่งทั้งสององค์กรเปิดตัวขึ้นมาแล้ว มันจะวุ่นวายขนาดไหน”

        “เท่าที่ฉันฟังมานะ” พอเพียงพูด “นี่มันเป็นแผนการของพวกซีมเลสฮิวแมนที่จะทำให้เกิดฝ่ายยอดมนุษย์และวายร้ายนี่นา แผนสูงเอาเรื่องเลยนะนั่นน่ะ”

        “ก็ถึงได้บอกแล้วไง ว่าพวกซีมเลสฮิวแมนน่ะไม่ได้ทำยานี้มาแบบลอย ๆ สักหน่อย มันเป็นแผนการใหญ่ที่จะก่อให้เกิดสงครามยอดมนุษย์อย่างแท้จริงแล้วล่ะ” ภัททิต้าพูด

        “แล้วพวกวายร้ายอะไรนั่นรู้หรือเปล่าว่าทั้งหมดเป็นแผนของซีมเลสฮิวแมน” พอเพียงถาม

        “ฉันว่าพวกเขาน่าจะรู้แล้วพยายามจะล้มล้างซีมเลสฮิวแมนทิ้งให้ได้แล้วล่ะ” ภัททิต้าพูด

        “ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่ได้การแล้วล่ะ” พอเพียงพูด “ระเบิดเวลาของโลกใบนี้กำลังทำงานอยู่เงียบ ๆ รอวันที่จะปะทุออกมาเป็นสงครามอย่างเต็มรูปแบบ ถ้าเกิดว่าเราไม่ทำอะไรตั้งแต่ตอนนี้ เราอาจจะหยุดอะไรไม่ได้อีกเลยนะ”

        “แล้วเรือที่ภัททิต้าจอดทิ้งไว้ล่ะ?” เป้งถาม

        “เออใช่ ลืมไปสนิทเลย!” พอเพียงพูดแล้วรีบไปที่ห้องบังคับการบิน

        “ฟู่ว!” พอเพียงถอนหายใจ “ใกล้จะถึงเรือแล้ว เตรียมตัวบินเรี่ยพื้นน้ำให้ดี”

        จากนั้นพอเพียงก็กดคันโยกให้ลดระดับความสูงลงมาจนเรี่ยพื้นน้ำ และเมื่อมาถึงเรือที่จอดแช่ไว้ เขาก็ลดความเร็วเครื่องบินจนหยุดมาได้

        “เอาล่ะ พวกเราส่งพวกนายมาพอแค่นี้ล่ะ” พอเพียงพูดกับทีมเอ็มซีพีเอ “กลับไปนั่งเรือของตัวเองและเอาเรือไปส่งด้วยล่ะ”

        “โอเค” ภัททิต้าตอบ “โชคดีนะ”

        “โชคดี” พอเพียงบอก จากนั้นเขาก็กลับไปนั่งเครื่องบินและบินจากไป

 

เหตุการณ์หลังจากนั้น...

 

        พอเพียงได้ดึงเอาเอไอเรย์นะออกมาจากรถ แล้วจับมารวมคู่กับแฮมิลตัน จนเกิดเป็น แฮมิลตัน-เรย์นะโอเอส (Hamiton-Reina OS) แล้วเก็บแบล็คแอตแลนติกเข้าไปในโรงรถเพื่อให้แขกมาเชยชม แต่ขณะเดียวกันเขาก็ได้จ่ายเงินให้กับทางบูกัตติแล้ว ถือซะว่ามันเป็นราคาของรถแบล็คแอตแลนติกแล้วกัน

        “อืม... น่าจะเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์บูกัตติได้เลยมั้งเนี่ย” พอเพียงพูด

        และนั่นเป็นที่น่าสนใจอย่างมากในหมู่บ้านเดอะแรบบิท เพราะว่าคนในหมู่บ้านเริ่มสนใจบ้านมาสเตอร์มากขึ้น เด็ก ๆ ได้เข้าไปดูโรงรถของพอเพียงที่ใหญ่เอามาก ๆ รวมไปถึงคลังเกมและการ์ตูนที่มากมายเหลือเกิน

        สำหรับตอนนี้ บ้านมาสเตอร์ก็ยังเป็นบ้านมาเฟียใจดีอยู่เหมือนเดิม แต่การเรียน ม.ปลายของพอเพียงใกล้จะถึงโค้งสุดท้ายแล้ว เขาวางแผนไว้ว่าจะเรียนที่มหาวิทยาลัยเซนต์โคลัมเบีย (Saint Columbia University) และในชั้น ม.6 นี้ ทีมพอเพียงไรเตอร์ได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาคณะกรรมการนักเรียนอีกด้วย ซึ่งนั่นแหละ เป็นงานหนักที่พวกพอเพียงต้องดูแลก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัยด้วย

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.