44

ตัวร้าย.. ไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใคร ?

-A A +A
อ่านต่อ
44

44

ตอนที่ 44

 

“พวกเจ้า…” ซือถูหยุนเล่ยมองผู้อาวุโสทั้งสามของตระกูลซือถูด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ เขาไม่คิดเลยว่าในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้คนที่เขาไว้ใจกลับเป็นผู้ทรยศ 

 

ซือถูหยุนเล่ย กระอักเลือดออกมาเต็มปาก และดูเหมือนเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เขาหันไปมองเต๋าซุนอย่างลึกซึ้งทันที  

 

“ ทุกท่าน ข้าคงไม่จำเป็นต้องพูดแล้วกระมังว่าใครเป็นคนฆ่าหัวหน้าตระกูลซือถู   ” เต๋าซุน มองไปยังผู้อาวุโสทั้งสามของตระกูลซือถูด้วยรอยยิ้ม และพูดกับทุกคน  

 

 “ผู้อาวุโสทั้งสามรึ..” บางคนยังคงพึมพำด้วยความไม่อยากเชื่อ

 

“ข้าคิดแล้ว ผู้อาวุโสทั้งสามต้องโลภมากตำแหน่งหัวหน้าตระกูล และร่วมมือกันฆ่าท่านหัวหน้าตระกูลของเรา   ” ศิษย์คนหนึ่งก็วิเคราะห์ด้วยดวงตาเบิกกว้าง

 

“ คุณชายเต๋า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน เหตุใดท่านต้องเข้ามายุ่งด้วย  ” ผู้อาวุโสยิ้มอย่างดุร้ายและเดินไปหา เต๋าซุน ทีละก้าว

 

“จะไม่ยุ่งได้อย่างไร เพราะพวกเจ้าแท้ๆข้าเลยกลายเป็นคนมีจิตใจช่วยเหลือผู้อื่นเช่นนี้ ” เต๋าซุน กล่าวพร้อมรอยยิ้ม

 

จากนั้นเขาก็ดีดนิ้ว และแรงกดดันที่รุนแรงก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที  

 

เหย 33 ยืนอยู่บนท้องฟ้า ชุดสีดำของเขาส่งเสียงกรอบแกรบออกมาพร้อมกับสะพายมีดยาวไว้บนหลัง เขามองไปยังผู้อาวุโสอย่างเงียบเฉียบด้วยกลิ่นอายน่าสะพรึง   

 

 ภายใต้แรงกดดันนี้ ผู้อาวุโสทั้งสามก็พบว่าพวกเขาไร้ซึ่งพลังที่จะตอบโต้ พวกเขาทั้งหมดตกใจอย่างช่วยไม่ได้ และเหงื่อเย็นก็เริ่มผุดขึ้นที่หน้าผากของพวกเขา  

 

เต๋าซุนยิ้มและเดินไปหาซือถูหยุนเหม่ย แล้วพูดว่า "เจ้าอยากล้างแค้นให้พ่อของเจ้าหรือไม่ ?"

 

ซื่อถูหยุนเหม่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นางมองดูดาบยาวที่เต๋าซุนยื่นให้ และหยิบมันมา  

 

 “เพียงเจ้าลงมือ ทุกอย่างก็สมควรจบสิ้นแล้ว” เต๋าซุนตบไหล่ของซือถูหยุนเหม่ยและพูดอย่างจริงจัง 

 

ซื่อถูหยุนเหม่ยพยักหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว และค่อยๆเดินเข้าไปหาผู้อาวุโสทั้งสามพร้อมดาบยาวในมือ 

 

สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสามเปลี่ยนไปอย่างมาก และจากนั้นเสียงชราที่โกรธเกรี้ยวของเขาก็ดังขึ้น  "ข้าเผชิญหน้ากับปัญหามากมายมาตลอดทั้งชีวิต และแม้ว่าคราวนี้ข้าจะพลาดพลั้ง 

 

แต่ข้าก็ไม่ยอมตายด้วยมือของสาวน้อยเช่นเจ้าหรอก"

 

ผู้อาวุโสทั้งสามระเบิดพลังออกมาในเวลาเดียวกัน และคลื่นพลังจิตวิญญาณก็พุ่งสูงเหนือร่างของพวกเขาทีละคนเพื่อทำลายแรงกดดันของเหย33ชั่วขณะ  

 

 ผู้อาวุโสทั้งสามหยิบดาบยาวในมือและแทงไปที่ท้องของตัวเอง  

 

ดาบยาวแทงทะลุเนื้อด้วยเสียง "ส๊วบ" ทั้งสามกระอักเลือดออกมาเต็มปากและล้มลงกับพื้น

 

“ตระกูลซือถูจบสิ้นแล้ว” ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ก็พึมพำกับตัวเองออกมา

 

ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลซือถูสิ้นหมดแล้ว และจากนี้ไปไม่ว่าใครจะเป็นหัวหน้าตระกูลก็ล้วนแต่ต้องพบเจอความลำบากทั้งสิ้น 

 

เต๋าซุนหันกลับไปมองหว่านคังเชียง และหวังเชิง แล้วพูดว่า "พวกเจ้าสองคนฟังให้ดี ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปตระกูลซือถูคือผู้รับใช้ของข้า   

 

 พวกเจ้าสองคนยังอยากสู้ต่อหรืออยากสงบศึก  ? "

 

พวกเขาทั้งสองมองไปที่เหย33ที่ลอยอยู่ในอากาศ และกลืนน้ำลายก้อนใหญ่ลงคอ จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น  "คุณชายเต๋า ท่านล้อพวกข้าเล่นแล้ว ในเมื่อตระกูลซือถูเป็นของท่านแล้ว เช่นนั้นนับจากนี้ไปเราก็มาปรองดองกันเถอะ ."

 

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว เป็นสหายก็ต้องรักกันไว้ ความสามัคคีเท่านั้นที่นำมาซึ่งความมั่งคั่ง” หวังเชินกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“เอาล่ะ บอกให้คนของพวกเจ้าเก็บกวาดที่นี่ให้สะอาดซะ ” เต๋าซุนพูดกับหว่านคังเชียง

 

 จากนั้นเขาก็มองไปที่ซือถูหยุนเหม่ย และถามว่า "ข้าจะมอบเรื่องของตระกูลซือถูทั้งหมดให้เจ้าจัดการนับจากนี้ไป เจ้าต้องการหรือไม่?"

 

ซือถูหยุนเหม่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และดวงตาโตของนางก็เริ่มมีหยดน้ำตาปรากฏขึ้นทั้งสองข้างพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ  

 

“ไม่ต้องรีบตอบก็ได้ คืนนี้เจ้าลองคิดดูให้ดี แล้วพรุ่งนี้ข้าจะรอฟังคำตอบ   ” เต๋าซุนยิ้ม แล้วจากไปพร้อมกับเจ้าปลาน้อยและเสี่ยวกุ้ยจื่อ 

  …………

 

แม้ว่าการต่อสู้ในวันนี้จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ผลที่ตามมายังคงแพร่กระจายไปทั่วเมืองโจวชู 

 

ในร้านอาหารหลินเจียง เต๋าซุนรับฟังรายงานของเสี่ยวกุ้ยจื่อ

 

“นายน้อย ข้าได้เตรียมการกับตระกูลหวังและตระกูลหว่านไว้แล้ว คราบนี้พวกเขาจะร่วมเล่นกับเราด้วยโดยข้อเสนอที่ว่าเมื่อถึงเวลา ข้าจะเลือกเด็กที่มีพรสวรรค์สองคนจากพวกเขามาและส่งไปเข้าร่วมกับนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์   ”

 

“ไม่สำคัญว่าเด็กทั้งสองคนนั้นจะมีความสามารถหรือไม่ แต่พวกเขาทั้งสองต้องเป็นทายาทสายตรงเท่านั้น เพราะเมื่อไปถึงนิกายแล้ว คนทั้งสองจะกลายเป็นตัวประกันที่ถูกผูกติดกับเรา” เต๋าซุน พยักหน้าและพูด

 

“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ” เสี่ยวกุ้ยจื่อพยักหน้าและพูดต่อ: “บุตรชายทั้งสามของซือถูหยุนเทียนต่างก็ตายไปแล้วในการต่อสู้วันนี้ ตอนนี้คนเดียวที่เหลืออยู่ในตระกูลซือถูและมีคุณสมบัติในการสืบทอดตำแหน่งก็คือซือถูหยุนเหม่ย  ”

 

“แต่ยังไงเรื่องนี้เราก็ต้องเก็บเป็นความลับอย่างที่สุด อย่าให้ใครรู้การเคลื่อนไหวของเราเด็ดขาด  ” เต๋าซุน กล่าว “ข้าไม่สนวิธีการ สิ่งสำคัญที่สุดคือห้ามให้ผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายเรารู้เรื่องนี้เด็ดขาด มิเช่นนั้นเกรงว่าเขาคงไปพูดบางอย่างกับพ่อของข้าแน่นอน   ”

 

“ข้าน้อยมั่นใจว่าผู้จัดการสาขานิกายที่มาตรวจสอบเรื่องราวคราวนี้ต้องมาจากฝ่ายของผู้อาวุโสใหญ่แน่ และเขาต้องสนใจเรื่องนี้อย่างแน่นอน แต่นายน้อยอย่าได้กังวล ข้าจะจัดการให้ดี  ” เสี่ยวกุ้ยจื่อก็พยักหน้า

 

 ในเวลานี้เอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น  

 

เต๋าซุน เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "เข้ามา"

 

ประตูถูกเปิดออก และผู้อาวุโสทั้งสามของตระกูลซือถูก็เดินเข้ามา 

 

“คุณชายเต๋า” ผู้อาวุโสทั้งสามทักทายด้วยรอยยิ้ม

 

“นี่พวกเจ้ายังไม่ตายรึ?” เสี่ยวกุ้ยจื่อที่อยู่ด้านข้างก็ตกตะลึง วันนี้เขาเห็นด้วยตาตัวเองเลยว่าเจ้าเฒ่าทั้งสามนี้ชักดาบแทงไปที่ท้องของตัวเองแล้ว

 

“เป็นเจ้าจะตายรึไงหากถูกดาบแทงเข้าที่ท้อง ผู้ฝึกบ่มเพาะหาได้เปราะบางเหมือนคนธรรมดาไม่ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้บ่มเพาะที่อยู่ระดับ 3 เลย  ” เต๋าซุน ส่ายหัวและพูด

 

“นี่เป็นเพียงการแสดงรึ?”เสี่ยวกุ้ยจื่อตกตะลึง เดิมทีเขาคิดว่าเขาเข้าใจแผนการของเต๋าซุนอย่างถ่องแท้แล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่เขาเข้าใจนั้นเป็นเพียงหางอึ่งเท่านั้น  

 

“ก็ถ้าไม่ใช่ เช่นนั้นเหตุใดข้าต้องบอกให้ตระกูลหว่านและตระกูลหวังเก็บกวาดสถานที่หลังจากเกิดเรื่องเล่า ?  ข้าก็แค่ไม่อยากให้เรื่องมันแดงเท่านั้น” เต๋าซุนกล่าว

 

“คุณชาย  แล้วสิ่งที่ท่านสัญญากับเราไว้ก่อนหน้านี้ล่ะขอรับ?” ผู้อาวุโสใหญ่ก็ถามด้วยรอยยิ้มเคารพ

 

“ไม่ต้องกังวล ข้าจะให้เจ้าเข้าร่วมนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์และช่วยทะลวงชีพจรเส้นที่ 4 เส้นคุนไห่แน่นอน ”

 

“พวกเจ้ากลับไปก่อน หลังจากนี้ข้าจะบอกให้เหย33พาพวกเจ้าไปที่นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ตอนยามราตรีเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใดพบเห็นหรือถูกเปิดเผย  ” เต๋าซุน กล่าว

 

 “ขอบคุณคุณชายขอรับ” พวกเขาทั้งสามพยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วจากไป

 

“เพื่อที่จะบุกทะลวงเข้าสู่ระดับ 4 แล้ว พวกเขาถึงกับกล้าสังหารซือถูหยุนเล่ย และรับผิดว่าสังหารซือถูหยุนเทียนเชียวรึ ?” เสี่ยวกุ้ยจื่อก็พูดด้วยความเหลือเชื่อ 

 

“การทะลวงเข้าสู่ระดับ 4 นั้น ไม่เพียงแต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะพุ่งสูงขึ้นเท่านั้น แต่พวกเขายังสามารถมีชีวิตต่อไปได้อีกร้อยปีด้วย ยิ่งไปกว่านั้นการได้เข้าร่วมนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นสิ่งที่ดีต่ออนาคตของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ฉะนั้นมีหรือที่พวกเขาจะปฏิเสธได้?” เต๋าซุนถามกลับ: "ไม่ว่ายังไงเมื่อเทียบกับสิ่งเหล่านี้แล้ว ตระกูลซือถูก็เป็นสถานที่เล็กๆเท่านั้นในสายตาของพวกเขา "

 

เสี่ยวกุ้ยจื่อเงียบเล็กน้อย พ่อของเขาเป็นผู้อาวุโสฝ่ายนอกของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ เขาเติบโตมาในนิกายตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ในโลกภายนอกมากนัก 

 

 แต่ตอนนี้ เหตุการณ์เหล่านี้ดูเหมือนจะเปิดหูเปิดตาเขามากไปหน่อย…. 

 

  …………

 

อันที่จริง เต๋าซุน ได้วางแผนไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว ทั้งซือถูหยุนเล่ย ซือถูหยุนเทียน และบุตรชายทั้งสามของพวกเขา รวมถึงเรื่องของผู้อาวุโสทั้งสามที่ไม่อาจอยู่ในตระกูลซือถูได้อีกต่อไป

 

 การที่เขาจะสร้างกองกำลังโดยมีซือถูหยุนเหม่ยดูแลนั้น หากแผนของเขาขาดสิ่งหนึ่งที่กล่าวไป มันย่อมต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.