บทที่ 5...1/3

เพราะคุณคือรักแรก

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่ 5...1/3

          เขมินท์ได้ยินเสียงเหมือนอุทานด้วยความตกใจจากมีนา ดวงตากลมโตคู่นั้นมองเขาเหมือนเห็นอะไรสักอย่าง พลันวินาทีนั้นเธอก็เม้มปาก ขาทั้งสองข้างขยับเหมือนจะไปนั่ง แต่กลับเปลี่ยนใจยืนเหมือนเดิม เรียวปากหนาของชายหนุ่มคลี่เปิดเมื่อเริ่มเข้าใจแล้วว่าหญิงสาวกำลังคิดอะไรอยู่

          “ไม่ใช่อย่างที่มีนคิดจนตกใจหรอก พี่ไม่ค่อยมาอยู่ที่นี่สักเท่าไหร่ มีนมาอยู่ที่ห้องของพี่ดีกว่า ไม่ต้องย้ายของไกล ยังไงมีนก็น่าจะชอบที่นี่ไม่ใช่หรือถึงได้ตัดสินใจมาซื้อ”

          สมองของมีนาเหมือนถูกเขมินท์น็อกด้วยคำพูดว่า...มาอยู่ห้องพี่ไหม ทำให้ในตอนนี้คำพูดยาวๆ ของเขมินท์เป็นเหมือนภาษาต่างดาวที่เธอต้องใช้เวลาแปลอยู่หลายวินาที ก่อนจะถอนใจโล่งอกเพราะที่แท้มันเป็นอย่างนี้เอง

          “ไม่ดีกว่าค่ะ...”

          เขมินท์จงใจพูดแทรก “เกรงใจสินะ”

          “ก็...ค่ะ ประมาณนั้น” จริงๆ ก็มีเหตุผลอื่นด้วย แต่มีนาไม่อยากเอามาเป็นประเด็น หากจะตัดสินใจอะไรก็เพราะตัวเธอเอง

          “ถ้างั้นพี่คิดค่าเช่ามีนดีไหม มีนจะได้สบายใจไม่ต้องเกรงใจพี่” เขมินท์ยื่นข้อเสนอ หากมีนาเกรงใจเพราะเขาไม่คิดเรื่องตัวเงิน ก็ได้ เขาจะคิดเงิน

          มีนาฟังแล้วคิดเหตุผลต่างๆ นานาของการเช่าห้องที่อื่นกับการเช่าห้องของเขมินท์ ถ้าเปรียบเทียบเป็นตารางออกมา ฝั่งของเขมินท์จะเรียกว่าเข้าเส้นชัยแบบนอนมาเลยก็ว่าได้

          “น่าสนใจนะคะ พี่เขมจะคิดค่าเช่าเท่าไหร่หรือคะ”

          เขมินท์เลิกคิ้วก่อนจะบอกราคาสำหรับเช่าออกไป มีนากลับเป็นฝ่ายที่ขมวดคิ้วแทน

          “ถูกไปหรือเปล่าคะ แบบนี้พี่เขมเสียเปรียบนะ ถ้ามีนเกิดอยากเช่าห้องขึ้นมาจริงๆ” มีนาชอบราคาที่เขมินท์เสนอมา แต่พอคิดถึงความเป็นจริงมันดูเกินไปเพราะถูกกว่าปกติเหลือเพียง 1 ใน 3 มันไม่ควรเป็นอย่างนี้มั้ย

          เขมินท์มองมีนาเหมือนหนังสือที่ไม่ยากที่จะอ่าน มีนาคงไม่รู้ตัวกระมังว่าเขารู้จักเธอที่ไม่ใช่แค่เป็นเพื่อนสนิทของน้องชาย แต่ว่าเขารู้นิสัยของเธอมาตลอดไม่อย่างนั้นข้อเสนอพวกนี้คงถูกพับเก็บไปตั้งแต่แรก

          “แต่พี่มีเงื่อนไขนะ”

          “เงื่อนไขอะไรหรือคะ” คงไม่ใช่เรื่องอย่างว่าหรอกนะ มีนาอยากจะเขกหัวตัวเองเพราะนี่พี่เขมนะ เขาไม่ใช่ผู้ชายแบบนั้น

          “ห้องของพี่มีห้องนอน 2 ห้อง มีนก็เคยเห็นแล้ว พี่ใช้ห้องหนึ่ง อีกห้องยังว่าง แต่ว่าพี่จะมาพักห้องนี้อาทิตย์ละ 2 วันเพื่อมาตรวจงานที่บริษัททางนี้ พี่ถึงได้คิดค่าเช่าถูกลงไงล่ะ”

          อ้อ...อย่างนี้นี่เอง ถ้าเหตุผลที่เขมินท์คิดค่าเช่าแสนถูกเพราะแบบนี้ มีนาก็พอจะเข้าใจและมีทางออก แสดงว่าที่เธอไม่เห็นเขมินท์มาที่คอนโดก็เพราะเขาทำงานอยู่ที่ J.A.T Value  สำนักงานใหญ่นี่เอง

          “ถ้าวันไหนพี่เขมมาพักที่ห้อง มีนกลับไปนอนที่บ้านก็หมดปัญหา” มีนาอยากยกนิ้วโป้งให้ความสับรางการใช้ห้องของตัวเองชะมัด แต่ทำไมเขมินท์ถึงมองเธอแบบนั้น เธอพูดอะไรผิดไปงั้นหรือ

          “พี่บอกแล้วนี่นาว่ามี 2 ห้อง คิดว่าพี่จะทำอะไรมีนหรือไง” เขมินท์กอดอกเป็นฝ่ายขมวดคิ้วใส่มีนา

          อ้าว...มีนาร้องลั่นอยู่ในใจ

          “มีนไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอกค่ะ แค่ว่ามีนกลัวพี่เขมจะอึดอัด”

          เขมินท์ฟังแล้วอยากจะย้อนคำว่าแทนที่เธอจะห่วงตัวเอง แต่กลับมาห่วงเขาเสียนี่

          “ถ้างั้นมีนเช่าห้องของพี่ใช่ไหม”

          “ขอเวลามีนคิดก่อนได้ไหมคะ” มีนาแค่อยากมีเวลาคิดบ้าง ไม่อยากรีบตัดสินใจ

          “ได้สิ มีนจะคิดนานไหม”

          มีนาเงียบไปไม่ตอบ เขมินท์เลยต้องหันไปมองอีกรอบ แบบนี้คือกำลังคิดหรือว่าไม่อยากจะตอบ

          “คิดเสร็จแล้วค่ะ” มีนาเอ่ยหลังจากผ่านไปครึ่งนาที “ตกลงค่ะ ข้อเสนอของพี่เขมดีขนาดนี้ มีนปฏิเสธก็บ้าแล้ว”

          มีนาคิดดีแล้ว เธอเช่าห้องของเขมินท์ แต่เขาจะมาห้องนี้อาทิตย์ละ 2 วัน การเจอกันคงไม่บ่อย เธอได้เช่าห้องราคาน่ารัก ของก็ย้ายแค่ไม่กี่ก้าว ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ชอบ เพราะฉะนั้นมันควรเป็นแบบนี้แหละ

          “มีนทยอยขนของมาได้เลยนะ เดี๋ยวพี่ส่งรหัสประตูห้องให้ ส่วนสัญญา พี่จะให้เลขาร่างก่อน คงให้มีนได้สัปดาห์หน้า” เขมินท์บอกแล้วก็เดินกลับไปนั่งคล้ายจะทำงานต่อ

          “ขอบคุณนะพี่เขม” มีนายิ้มกว้าง แต่พอคิดถึงภาคินก็ชักลังเล “แต่...”

          ภาคินน่าจะเข้าใจเหตุผล เธอแค่มาเช่าห้องของเขมินท์เท่านั้นเอง มีนากลับมายิ้มกว้างอีกครั้ง

          “มีอะไรที่มีนไม่สะดวกหรือเปล่า”

          “ไม่มีค่ะ เดี๋ยวมีนขอไลน์พี่เขมหน่อยนะคะ เผื่อมีนจะย้ายของจะได้บอกพี่เขมก่อน”

          มีนาเข้าห้องไปหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วจัดการแอดไลน์ของเขมินท์เข้ามาเป็นเพื่อน เธอแปลกใจนิดหน่อยที่รูปโปรไฟล์ของเขาเป็นเจ้าบัดดี้ หมาพันธ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ที่เขมินท์เลี้ยงมาตั้งแต่ตอนเรียนประถม 6 ตอนนั้นเธอกับภาคินเรียนอยู่ประถม 1 ตอนนี้เจ้าบัดดี้ไปอยู่ดาวหมาเพราะถึงเวลาลาจากของมันแล้ว มีนายิ้มให้เขมินท์แม้ว่าเขาจะไม่เห็นเพราะกำลังทำงานต่อ เขาไม่ได้เย็นชา แต่ว่าเก็บความรู้สึกเก่งต่างหาก

 

          ภูบดีค่อนข้างยุ่งตลอดทั้งสัปดาห์ ทำให้มีนาต้องเลือกเวลาที่เขาสะดวกในการคุยงานกับเธอ นั่นคือเหตุผลที่เธอเดินทางมาที่นี่เพียงคนเดียวเพราะวรการไม่ว่าง เธอเองก็มีความมั่นใจมากพอที่จะไม่ต้องมีพี่เลี้ยงในคราวนี้ หญิงสาวเดินเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงของงานฉลองหมั้น ภูบดีเป็นญาติของว่าที่เจ้าบ่าว ทำให้มีนาเลือกสวมชุดแซกสีฟ้าอ่อนให้เข้ากับงาน ว่าแต่ภูบดีอยู่ที่ไหน ตอนนี้เธอยิ้มให้แขกในงานจนเหมือนเป็นเพื่อนของใครสักคนจริงๆ แล้ว

          “คุณมีนครับ”

          มีนาหันมาตามเสียงพลางมองภูบดี วันนี้เขาใส่ชุดสูทสีขาวอย่างกับหลุดมาจากนิยายเจ้าชายเจ้าหญิง พอเห็นแบบนี้เธอก็ยิ้มออกมา ทำให้อีกฝ่ายยิ้มตาม

          “มาทางนี้ครับ พอดีว่างานคงดำเนินไปอีกสักพัก เราไปคุยงานกันที่ห้องรับรองของโรงแรมดีกว่า”

          มีนาพยักหน้าพลางเดินตามภูบดีไปที่ห้องรับรองซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับห้องจัดเลี้ยง หญิงสาวเปิดโน้ตบุ๊กพร้อมกับส่งแฟ้มงานที่ปรินต์เรียบร้อยให้เขา เธออธิบายแบบที่วาดจากหน้าจอโน้ตบุ๊กทำให้เขาต้องมาใกล้นิดหนึ่ง แต่เธอก็เว้นระยะไว้เพื่อไม่ให้เขารู้สึกอึดอัด

          ภูบดีฟังมีนาจนจบแล้วค่อยถามอย่างเคย ก่อนจะจบลงโดยที่เขาไม่ได้ขอให้แก้ไขอะไรเพิ่ม  

          “เป็นไปตามที่ผมต้องการทุกอย่าง คุณมีนเก็บรายละเอียดที่ผมบอกไปคราวก่อนได้ครบครับ”

          มีนายิ้มกว้างไม่ใช่เพราะถูกภูบดีชม แต่เพราะเธอดีใจที่เขารู้ว่าเธอใส่ใจรายละเอียดจนงานออกมาตามที่ควรจะเป็น เขาต้องเดินผ่านล็อบบี้นั้นอีกเป็นพันๆ ครั้ง เพราะฉะนั้นหากเขาถูกใจ เขาจะมีความสุข

          “ถ้าอย่างนั้น มีนของนัดวันสำหรับให้ทีมงานเข้าไปทำงานที่หน้างานเลยดีไหมคะ”

          “ดีครับ” ภูบดีมองมีนาที่กำลังดูคิวงานในโทรศัพท์ แล้วเม้มปากก่อนจะยิ้มออกเมื่อได้วันที่จะทำงานได้

          “ยิ้มทำไมหรือคะ” มีนาไม่แน่ใจว่าตัวเองทำอะไรเปิ่นๆ อยู่หรือเปล่า

          ภูบดีเห็นมีนาจับผมที่ปล่อยเคลียไหล่ของตัวเอง ใบหน้าที่แต่งมาเพียงบางๆ และชุดที่เธอคงเลือกมาให้เข้ากับงานหมั้น เธอมีการเตรียมตัวที่ดี และการไม่พยายามทำให้ดูโดดเด่น ทำให้เธอโดดเด่นในสายตาของเขา 

          “คุณมีนดูรีบๆ กลัวผมทวงสัญญาหรือไงครับ”

          มีนาอยากจะร้องโอ้ยออกมาดังๆ “อย่าเพิ่งทวงสัญญาได้ไหมคะ ตอนนี้เวลางานนะคะคุณภูบดี”

          “ถ้านอกเวลางานล่ะครับ” ภูบดีลองเชิง เขาอยากรู้ว่านี่เป็นเพียงชั้นเชิงของมีนาหรือว่าเขาคิดผิด

          “เอาไว้มีนทำโปรเจคนี้ของคุณภูบดีเสร็จแล้ว คุณภูบดีค่อยทวงสัญญานะคะ”

          มีนาเห็นอีกฝ่ายไม่กดดันอะไรก็รีบจัดการนัดวันพาเข้าเรื่องงานต่อ เธอไม่รู้จักภูบดีนอกจากเขาเป็นใคร ทำงานอะไร เพราะฉะนั้นเพื่อให้งานราบรื่น การมีสัมพันธ์อย่างอื่นที่มากกว่าลูกค้ากับผู้รับทำงานย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่ หล่อและดูรวยแบบนี้มีหรือที่จะโสด เธอไม่อยากให้ชีวิตวุ่นวายเพราะดันไปยุ่งกับแฟนของใครเข้า

 

พี่เขมสายซึนแต่ใจดีไหมคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.