วิถีธาตุออนไลน์ : บทที่ 15 สายอาชีพ

วิถีธาตุออนไลน์ ศึกพลังธาตุ...สะท้านแผ่นดิน (online)

-A A +A

วิถีธาตุออนไลน์ : บทที่ 15 สายอาชีพ

บทที่ 15 สายอาชีพ

“เอาน่า ยังไงตอนนี้ฉันก็ไม่เป็นอะไรแล้ว” กรกชตัดบท ขณะเรียกหน้าต่างระบบออกมาดูระดับพลังของตัวเอง

ครั้นพอชายหนุ่มเห็นระดับพลังที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอ ทำเอาเขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง จากระดับพลังสามันขั้นต่ำ หากทว่าในเวลานี้...กลับกลายเป็นก่อเกิดมรรคาขั้นสูงไปเสียแล้ว!

เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน กรกชยังเป็นเพียงผู้เล่นใหม่ที่มีพลังพื้นเพธรรมดาคนหนึ่ง หากแต่ในเวลานี้ เขากลับถูกผลึกธาตุสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ยกพลังขึ้นเป็นก่อเกิดมรรคาขั้นสูง ซึ่งระดับนี้ มันเทียบเท่าระดับพลังของรองหัวหน้าของกิลด์เล็กๆ กิลด์หนึ่งได้เลยทีเดียว

ในความเป็นจริง หากจะนับเพียงปริมาณของธาตุสายฟ้าที่อยู่ในร่างของกรกช จะอยู่แค่เพียงก่อเกิดมรรคาขั้นกลางเท่านั้น ทว่าเมื่อรวมกับธาตุลมซึ่งเป็นธาตุหลักอีกธาตุ ประกอบกับธาตุรองที่เหลือ จึงทำให้ระดับพลังโดยรวมพุ่งขึ้นสูงจนไปแตะเพดานของระดับก่อเกิดมรรคาในที่สุด

หากใช้วิธีการเล่นโดยทั่วไป กว่าจะขึ้นมาถึงในระดับนี้ได้ คงต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อยอยู่ที่ครึ่งปีในเกมเลยทีเดียว อาจจะกล่าวได้ว่า กรกชมีการพัฒนาระดับพลังที่รวดเร็วเป็นอันดับต้นๆ ของเกมนี้เลยก็ว่าได้

ขณะที่กรกชปิดหน้าต่างระบบลง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เนื่องจากชายหนุ่มอยู่ใกล้ประตูมากกว่าเฟนริล เขาจึงเป็นคนลุกไปเปิด

“อ้าวทำไมมีแต่พวกนายล่ะ?” กรกชเอ่ยถาม เมื่อพบเพียงชายหนุ่มสองคนยืนรออยู่ตรงหน้าห้อง

“สองสาวบอกจะไปล้างเนื้อล้างตัวที่ห้อง” ชัยตอบระหว่างเดินตามกรกชเข้ามาในห้อง “เดี๋ยวตอนพวกเราไปกินข้าวค่อยไปเรียกอีกที แล้วธุระของนายเรียบร้อยดีหรือเปล่า?”

“ก็เรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาอะไร แล้วฝั่งนายเป็นไงบ้าง?” กรกชถามกลับ ขณะทรุดนั่งลงโซฟารับแขก

“ก็เหนื่อยอยู่บ้าง เพราะภารกิจที่พวกฉันไปทำ มันต้องไปช่วยพวก NPC ที่เป็นชาวไร่ดูแลพืชผลน่ะ ไอ้ช่วยทำไร่นี่ไม่เท่าไหร่ แต่ต้องมาคอยไล่พวกสัตว์ที่แอบเข้ามาทำลายพืชผลด้วยนี่สิที่ค่อนข้างเอาเรื่องเลย” ชัยตอบ ก่อนจะยกน้ำที่หยิบออกมาจากตู้เย็นขึ้นดื่มอั้กๆ อย่างกระหาย

“แล้วที่พวกเจ้าไปทำ มันได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่เหรอ?” เฟนริลที่นอนดูทีวีอยู่ถามขึ้นมาบ้าง

“ก็ได้ไม่มากไม่น้อย แค่คนละสองร้อยเหรียนธาตุเอง เพราะเนื้องานก็ไม่ได้อันตรายอะไร” ชัยตอบพร้อมกับเก็บขวดน้ำเข้าที่ ตามด้วยปิดตู้เย็น แล้วเดินมาหย่อนตัวลงตรงโซฟาอีกตัวที่เหลืออยู่

“เย็นนี้ เราไปกินข้าวที่หอจันทร์สกาวกันดีกว่า เพราะเห็นเค้าว่าเป็นร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่เลยนะ พวกพี่ๆ ว่าไง?” ทัศน์ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำเอ่ยชวน

“เพิ่งหาเงินได้นิดเดียวเอง จะชวนไปเสียเงินแล้วเหรอ?” ชัยย้อนถามยิ้มๆ ตั้งแต่รู้จักกันมา หากพอมีเงินอยู่บ้าง เด็กหนุ่มรุ่นน้องคนนี้ก็มักจะชวนคนรอบข้างไปกินร้านอาหารใหญ่ๆ เสมอ

พอเพื่อนๆ ถามว่าทำไมไม่กินร้านเล็กๆ ทัศน์ก็จะตอบกลับทันทีว่า ‘ก็บรรยากาศมันไม่ได้’ ซึ่งจะว่าไป มันก็เป็นจริงอย่างที่เด็กหนุ่มว่า หากไปกินร้านใหญ่ๆ นอกจากอาหารจะอร่อย มีเหล่า NPC หรือผู้เล่นมาบรรเลงดนตรีให้ฟังแล้ว ในร้านเหล่านั้นก็มักจะมีพวกยอดฝีมือไปอุดหนุนอยู่เป็นประจำ ซึ่งบางครั้งก็มีการต่อสู้เกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ครั้นพอได้ดูทักษะการต่อสู้ของแต่ละคน ก็ทำให้พวกเขาเปิดหูเปิดตาอยู่ไม่น้อยเลย และการดูคนตีกันก็เหมือนจะเป็นสิ่งที่ทัศน์ชอบที่สุด

“มีเงินก็ต้องใช้สิพี่” ทัศน์ตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง “อีกอย่างจะได้พาพี่กชกับพี่ริลไปเปิดหูเปิดตาบ้าง ยิ่งวันนี้ดูเหมือนที่นั่นจะมีงานอะไรบางอย่างด้วยนะ เพราะตอนที่พวกเราเดินผ่าน ผมเห็นมีคนอยู่ตรงหน้าทางเข้าเต็มเลย”

“นายอยากไปดูว่าที่นั่นมีอะไรว่างั้นเถอะ” ชัยพูดขึ้นอย่างรู้ทัน

เมื่อถูกเดาเจตนาออก ทัศน์ก็ทำเพียงส่งยิ้มให้ “นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่ผมบอกว่าอยากจะพาพี่กชกับพี่ริลไปดูบรรยากาศด้วย ผมพูดจริงๆ นะ”

“โอเคๆ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร” ชัยพูด ก่อนจะหันมาทางกรกช “แล้วนายว่ายังไง อยากไปหรือเปล่า?”

กรกชที่นั่งฟังอยู่ก็รู้สึกสนใจไม่น้อย ดังนั้นเขาจึงตอบออกไปอย่างไม่ลังเล “ไปสิ วันนี้ได้เงินมาตั้งสามพันเหรียนธาตุ ทำตัวเป็นคนรวยสักหน่อยคงไม่เป็นไร...อ้อจริงสิ”

ชายหนุ่มหยุดพูด แล้วทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนที่เขาจะหยิบถุงเงินออกมาจากกระเป๋ามิติ กรกชเทเงินถุงเล็กออกมานับอยู่พักใหญ่ พอนับได้ตรงตามจำนวน เขาจึงยื่นเงินจำนวนนั้นไปทางเฟนริล

“เอ้านี่เงินในส่วนของนาย ฉันมีติดตัวอยู่แค่สามพัน นายกับฉันแบ่งกันคนละครึ่งก็แล้วกัน” กรกชเอ่ย

เฟนริลส่ายหน้าทั้งที่ยังนอนอยู่ “เก็บไว้กับเจ้าก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าต้องการอะไรแล้วจะบอกเจ้าเอง”

กรกชหดมือกลับอย่างว่าง่าย แล้วเก็บเงินลงไปไว้ในถุงตามเดิม ก่อนจะใส่เอาไว้ในกระเป๋ามิติ

ทัศน์ทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มแล้วเอ่ยถาม “จะว่าไป พี่เลือกธาตุหลักและธาตุรองเป็นธาตุอะไรบ้างเหรอ?”

คำถามของเด็กหนุ่ม ทำให้ชัยอยากรู้ตามไปด้วย เมื่อเห็นดังนั้น กรกชจึงเล่าเรื่องที่สถาบันธาตุให้ฟังทั้งหมด นอกจากนี้ยังรวมไปถึงเรื่องที่เขานำพลังธาตุสายฟ้าออกมาจากผลึกด้วย พอฟังจบ ชัยก็เอ่ยขึ้นอย่างตกใจ

“ทีแรกฉันว่าเรื่องที่นายรับมาครบทุกธาตุเป็นเรื่องที่ฉันตกใจสุดๆ แล้วนะ แต่พอมาเจอเรื่องที่นายดูดเอาธาตุออกมาจากผลึกตรงๆ ทำให้ฉันตกใจยิ่งกว่าอีก นี่นายไม่รู้เหรอ ว่าการที่จะนำพลังธาตุที่อยู่ในพวกผลึกออกมาใช้ วิธีที่ปลอดภัยกับตัวเราที่สุดก็คือ นำไปผนึกใส่อาวุธก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ ดูดซับพลังออกมาทีละนิดน่ะ?”

กรกชยิ้มเจื่อน “ก็ฉันไม่รู้น่ะสิ เห็นตัวเอกในนิยายกำลังภายในทำกันแทบจะทุกเรื่อง ฉันเลยลองทำดูบ้าง”

คำตอบของกรกช เล่นเอาทุกคนถอนหายใจไปตามๆ กัน นี่ถ้าเกิดโชคไม่เข้าข้าง กรกชคงจะต้องตายไปแล้ว

“แล้วทำไมพี่ถึงเลือกธาตุรองมาเยอะขนาดนี้ล่ะ หรือว่าพี่ไม่รู้ ว่ายิ่งเรามีธาตุรองมาก ธาตุรองที่เรามีก็จะมีปริมาณน้อยตามไปด้วย” ทัศน์เอ่ยถามเรื่องที่เขาสงสัย

“พี่รู้ดี” กรกชเอ่ยตอบ “แต่พี่คิดว่ายังไงซะพี่ก็มีธาตุหลักแล้วตั้งสองธาตุ ดังนั้นก็เลยเลือกธาตุรองมาให้ครบซะเลย เวลาใช้ต่อสู้ นอกจากธาตุหลักที่มีแล้ว จะได้ใช้ธาตุอื่นๆ เพิ่มลูกเล่นให้มันหลากหลายขึ้นด้วย และที่สำคัญ เคร็ดวิชาที่พี่มี มันมีบทหนึ่งที่เกี่ยวค่องกับการผสานธาตุ เลยคิดว่าหากมีหลายธาตุ ก็น่าจะเหมาะกับเคร็ดวิชาที่มีอยู่ด้วย”

“เอาเถอะ ยังไงนายก็ตัดสินใจไปแล้ว อีกอย่าง เกมนี้มันก็ไม่ได้กำหนดวิธีเล่นตายตัวเอาไว้ด้วย ใครถนัดหรือชอบแบบไหน ก็เล่นแบบนั้น” ชัยสรุปให้

“ฉันมีข้อสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง” กรกชพูด “คือฉันสงสัยว่าระบบอาชีพในเกมนี้ มันจะมีผลยังไงกับผู้เล่นบ้าง ยิ่งโดยเฉพาะอาชีพจอมเวทย์ เพราะเราแต่ละคนก็มีพลังธาตุไว้ใช้กันอยู่แล้ว ทำไมยังต้องมีอาชีพจอมเวทย์อยู่อีก หรือมันมีข้อต่างกันยังไง?”

“เอาแบบง่ายๆ เลยนะ” ชัยอาสาอธิบาย “ระบบอาชีพแต่ละอาชีพมันก็มีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เล่นอย่างเราๆ นั่นแหละ อย่างเช่นอาชีพจอมเวทย์ หากเราเล่นอาชีพนี้ ก็จะสามารถเข้าไปเรียนบทเวทย์ที่ตึกอาชีพได้ ซึ่งเวทย์ในระดับต้นๆ เช่นพวกบอลพลังธาตุต่างๆ หรือแค่การขึ้นรูปพลังให้เป็นแบบต่างๆ นั้น คนที่ไม่ได้เป็นจอมเวทย์ก็สามารถควบคุมพลังธาตุให้ทำได้เช่นกัน เพียงแต่พลังที่สูญเสียไปจะมากกว่าพวกจอมเวทย์

ในส่วนของพวกจอมเวทย์ การที่ปล่อยพลังออกมาจากร่างกายเพื่อขึ้นรูปพลังให้เป็นดั่งใจต้องการนั้น จะใช้พลังธาตุในร่างกายเพียงครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่ง จะใช้พลังธาตุจากธรรมชาติเข้ามาทดแทน แต่ถึงจะใช้พลังธาตุในร่างกายน้อยกว่าอาชีพอื่นๆ ทว่ากว่าจะใช้เวทย์ได้แต่ละเวทย์ก็ต้องเสียเวลาร่ายเวทย์อยู่นาน เพราะบทเวทย์แต่ละบท มีไว้เพื่อควบคุมพลังจากธรรมชาตินั่นเอง ยิ่งถ้าเป็นบทเวทย์ขั้นสูงที่มีพลังโจมตีมาก หรือทำให้เกิดผลในวงกว้าง บทเวทย์ที่จำเป็นต้องร่ายก็ยิ่งยาวและใช้เวลามากตามไปด้วย

แต่ก็ใช่ว่าคนที่ไม่ได้เป็นอาชีพจอมเวทย์จะใช้เวทย์มนต์ไม่ได้หรอกนะ เพราะว่าเกมนี้มีอิสระสูงมาก หากมีสายอาชีพอื่นเกิดได้รับคำภีร์เวทย์จากภารกิจ หรือสถานที่ลึกลับต่างๆ ภายในเกม คนที่ได้รับก็จะสามารถใช้เวทย์มนต์ได้เช่นกัน แต่จำกัดเพียงเวทย์มนต์ที่ได้รับเท่านั้น

ในทางกลับกัน สมมุติว่า หากจอมเวทย์ไปพบกับคำภี หรือตำราของพวกนักดาบเข้า แล้วหมั่นฝึกฝนตามวิชาที่ได้มาอยู่ทุกวัน จอมเวทย์คนนั้น ก็จะมีทั้งเวทย์มนต์ และมีทักษะการใช้ดาบไว้ป้องกันตัวด้วยเช่นกัน

สายอาชีพอื่นๆ ก็ไม่ต่างจากจอมเวทย์นัก กล่าวคือ ถ้าเราเลือกสายอาชีพไหน เราก็จะได้เรียนรู้ทักษะเฉพาะของสายอาชีพนั้น โดยมีเหล่า NPC ซึ่งเป็นยอดฝีมือของแต่ละสายอาชีพเป็นคนถ่ายทอดให้ แต่ก็อีกนั่นแหละ เพราะเกมนี้มีอิสระที่มากจนเกินไป ถึงจะไม่เลือกอาชีพไหนเลย ก็ยังสามารถเล่นเกมนี้ต่อไปได้ แต่คนที่ทำแบบนั้นจะต้องศึกษาและพัฒนาทักษะต่างๆ ด้วยตัวเอง เช่นสมมุติว่า นายไม่อยากเลือกสายอาชีพต่อสู้มือเปล่า แต่นายอยากต่อสู้มือเปล่าเป็น นายก็ต้องหาคนที่มีทักษะต่อสู้มือเปล่ามาสอนให้ หรือไม่งั้นก็ต้องหาแนวทางฝึกด้วยตัวเอง ซึ่งก็อาจจะหาได้ในคำภีที่เกี่ยวกับทักษะต่อสู้ด้วยมือเปล่านั่นแหละ

ถ้าให้ฉันสรุปง่ายๆ เลยก็คือ หากอยากเก่งโดยมีผู้เชี่ยวชานในด้านนั้นๆ มาสอนหรือแนะแนวให้โดยตรงก็เลือกสายอาชีพที่สนใจซะ แต่หากอยากศึกษาด้วยตัวเอง หรือมีความเชี่ยวชานในทางเฉพาะตัวอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีสายอาชีพก็ได้” หลังจากชัยอธิบายอย่างยืดยาวจบ เขาก็ลุกไปหยิบน้ำจากตู้เย็นมาดื่มแก้อาการคอแห้งในทันที

“เอาละ คราวนี้ถึงตานายตอบคำถามฉันบ้าง” ชัยเดินกลับมานั่งที่เดิมแล้วเอ่ยถาม “หลังจากนายดูดซับพลังจากผลึกธาตุแล้ว ตอนนี้พลังของนายอยู่ที่ระดับไหนเหรอ?”

ทัศน์และเฟนริลก็แสดงท่าทีว่าอยากจะรู้เช่นกัน กรกชจึงเรียกหน้าต่างระบบออกมา แล้วส่งวนไปให้ทุกคนได้ดูด้วยตัวเอง

“โห ระดับพลังสูงกว่าผมอีกนะเนี่ย ผมเล่นมาตั้งนานยังอยู่แค่สามันขั้นสูงเอง” ทัศน์พูดขึ้นอย่างอึ้งๆ เมื่อดูขีดพลังบนหน้าต่างของระบบ

“ตอนนี้นายเป็นคนที่มีระดับพลังสูงที่สุดในกลุ่มเราเลยนะเนี่ย” ชัยเอ่ยขึ้นบ้าง “อ้อ...ท่าไม่นับเฟนริลเข้าไปด้วยน่ะนะ” ประโยคท้ายชัยชำเลืองตาไปทางฝั่งหมาป่าหนุ่ม ซึ่งเคยถล่มพวกเขามาแล้วครั้งหนึ่ง

“ไม่หรอก” เฟนริลปฏิเสธ ก่อนจะหันไปถามกรกช “นี่เจ้ายังไม่ได้บอกเรื่องที่ข้าถูกลดพลังให้พวกเขารู้อีกเหรอ?”

กรกชทำท่านึกได้ “อืม จริงด้วย คือพอเฟนริลทำพันธสัญญาเป็นคู่หูกับฉัน ทางระบบเห็นว่ามีระดับต่างกันเกินไป เลยลดระดับลงให้เท่ากับฉันน่ะ”

“อ้าว!” ชัยกับทัศน์อุทานขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“ถ้างั้นก็แสดงว่าตอนนี้พี่เฟนริล อยู่เพียงระดับสามันขั้นต่ำเองเหรอเนี่ย” ทัศน์พูดขึ้นอย่างเสียดาย

เฟนริลถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยตามตรง “ใช่ เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ข้าถูกลดระดับลงจากระดับสู่สภาวะลงมาอยู่เพียงสามันขั้นต่ำเท่านั้น”

...ระดับสู่สภาวะ!?

ทุกคนแสดงสีหน้าตกใจออกมาให้เห็น ทีแรกพวกเขาแต่ละคนไม่คิดว่าระดับของเฟนริลจะอยู่สูงขนาดนี้ แต่เมื่อเจ้าตัวเป็นคนพูดออกมาเอง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

“โห สุดยอดมาก แล้วระดับสูงขนาดนี้ ทำไมถึงถูกพวกผู้เล่นชุดดำเล่นงานจนเกือบตายละเนี่ย?” ทัศน์โพ่งถามขึ้นอย่างไม่ทันคิด ทว่าพอนึกได้ว่าคำถามของเขาดูเสียมารยาทต่ออีกฝ่ายมาก เขาจึงรีบพูด “เอ่อ...ผมขอโทษนะพี่ คือมันห้ามปากไม่ทัน”

เฟนริลส่ายหน้าอย่างไม่ถือสา “ไม่เป็นไร แพ้ก็คือแพ้นั่นแหละ” เขาถอนหายใจออกมาอีกรอบ ก่อนจะเอ่ย “พวกที่โจมตีข้า มันมีระดับพลังเดียวกันกับข้าทั้งสองคนเลย ดังนั้นพอพวกมันโจมตีเข้ามาพร้อมกัน ข้าจึงต้านไว้ไม่ไหว”

“มียอดฝีมือระดับนี้เดินงานให้ พวกมันคงไม่ใช่กิลด์เล็กๆ แน่” ชัยคาดการ “ดังนั้นนายต้องระวังตัวเอาไว้นะกช”

“อืม” กรกชรับคำ “ฉันจะพยายามเก็บความลับเรื่องที่ฉันได้ผลึกธาตุสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์มาไว้ให้นานที่สุด”

ระหว่างพูดคุยกันอยู่ เสียงนาฬิกาของชัยก็ดังขึ้น เขายกข้อมือขึ้นดูก็เห็นว่าเป็นชื่อของพลอย ดังนั้นเขาจึงรีบกดรับ พอคุยกันได้พักหนึ่ง ทางนั้นจึงวางสายไป

“สาวๆ ว่าไงบ้าง?” กรกชเอ่ยถาม

“จะอะไร พวกคุณเธอเกิดหิวข้าว ก็เลยโทร.มาชวนพวกเราน่ะสิ” ชัยตอบยิ้มๆ

“พวกยายเมย์จะมาหาเราที่นี่เหรอพี่ หรือว่าให้ลงไปรอตรงล็อปบี้?” ทัศน์เอ่ยถาม ระหว่างลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ

“ลงไปรอข้างล่างได้เลย เดี๋ยวพวกเธอจะตามลงไป” ชัยตอบพลางลุกขึ้นยืน

เฟนริลลงมายืนข้างเตียง ก่อนจะโยนผลึกที่เขาเก็บเอาไว้ตอนอีกฝ่ายสลบคืนไปให้ผู้เป็นเจ้าของ “เอ้า ของเจ้า เก็บไว้ให้ดี เผื่อมีเหตุต้องใช้มันอีก”

กรกชรับเอาไว้ ก่อนจะนำมาส่องดูใกล้ๆ ชายหนุ่มพบว่าประกายสายฟ้าที่เคยมีอยู่ ตอนนี้มันไม่ปรากฏให้เห็นอีกแล้ว ตัวผลึกในยามนี้ กลายเป็นเพียงก้อนผลึกสีส้มธรรมดาเท่านั้น

กรกชไม่รู้ว่ามันยังจะใช้ประโยชน์อะไรได้อีก แต่เมื่อมันยังไม่แตกสลายไป เขาก็จะเก็บมันไว้ก็แล้วกัน

“ขอบใจนายมากที่เก็บเอาไว้ให้” กรกชเอ่ย ขณะเก็บผลึกไว้ในกระเป๋ามิติ

“ถ้างั้นเราไปกันเถอะ” ชัยเอ่ยชวน

ทุกคนลงมานั่งรอเมย์และพลอยตรงบริเวณล็อปบี้โรงแรมเพียงไม่กี่อึดใจ พวกเธอก็เดินเข้ามาสมทบ

“พวกเราจะไปกินไหนกันดีคะ?” พลอยเอ่ยขึ้น เมื่อเดินเข้ามาถึงจุดที่เหล่าชายหนุ่มนั่งรออยู่

“พวกเราตกลงกันว่าจะไปกินที่หอจันทร์สกาว พวกเธอว่าไง?” ทัศน์เอ่ยตอบและถามกลับ

“ความคิดนายละสิ?” เมย์เอ่ย แววตาฉายประกายรู้ทันส่งไปให้อีกฝ่าย

ทัศน์ยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน “ใช่ และพวกพี่ๆ ก็ตกลงแล้วด้วย”

“เหรอ” หญิงสาวโต้กลับ “ไม่ใช่ว่าไปเซ้าซี้จนพวกพี่เค้ารำคานจนต้องพาไปหรอกนะ?”

“เธอนี่คิดมากนะเนี่ย ใครจะไปทำแบบนั้นกันเล่า” ทัศน์พูดขึ้นอย่างเซ็งๆ

“พอเลย ทั้งสองคน” พลอยเอ่ยแทรกด้วยรอยยิ้ม “ทะเลาะกันเหมือนคู่รักไปได้”

“ไม่เหมือน / ไม่เห็นเหมือนเลย!” ทัศน์และเมย์พูดขึ้นแทบจะพร้อมกัน

เมย์ละสายตาออกจากอีกฝ่าย “รีบไปกันดีกว่า เพราะนี่ก็เริ่มจะมืดแล้ว เดี๋ยวไปช้าไม่มีที่นั่งนะ” เธอพูดพลางเข้าไปจูงมือเพื่อนสาวพาเดินออกไปด้านหน้าโรงแรมอย่างรวดเร็ว

“พวกเรารีบตามไปกันดีกว่า” กรกชเอ่ยชวน ทำให้คนที่เหลือพากันเดินตามสองสาวออกไปในทันที

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.