บทที่ 189 เจียงเจ๋อ

-A A +A

บทที่ 189 เจียงเจ๋อ

บทที่ 189 เจียงเจ๋อ

“ลู่หยางจะตั้งกิลด์งั้นเหรอ?”

“ในที่สุดก็ถึงเวลาแก้แค้นให้กลุ่มผู้เล่นอิสระแล้ว ถึงจะต้องเลิกเล่นเกมนี้แต่ฉันก็จะตามลู่หยางไปสู้กับพวกบลัดเติสตี้ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง”

“เราไปเข้าร่วมกิลด์ของลู่หยางกันเถอะ!”

ผู้เล่นเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนแสดงความคิดเห็นใต้คลิปวิดีโอ โดยส่วนใหญ่พวกเขาก็คือกลุ่มผู้เล่นอิสระ หรือไม่ก็เป็นผู้เล่นธรรมดาที่ถูกกิลด์อย่างบลัดเติสตี้รังแกมาเป็นเวลานาน

บ้านร้างทางใต้ของเมืองเซนต์กอลล์

ปัจจุบันลู่หยางกำลังหารือเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับการตั้งกิลด์อยู่กับหุ้นส่วนทุกคน

“หัวหน้า ตอนนี้มีผู้เล่นแสดงความคิดเห็นในฟอรั่มมากกว่า 200,000 คนแล้วครับ พรุ่งนี้มันจะมีคนมาสมัครเข้าร่วมเกมของเราถึง 200,000 คนเลยเหรอ?” ซุนหยูถาม

“เยอะขนาดนั้นเชียว?” ฉิงชางอุทานอย่างประหลาดใจ

“ไม่ต้องแปลกใจไปหรอก ตอนที่ผู้เล่นอิสระรวมกลุ่มกันตอนนั้นพวกเขาก็มีจำนวนอยู่มากกว่า 1 ล้านคน การที่มันมีคนสนใจสมัครเข้าร่วมกิลด์ของเรา 200,000 คนมันก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ” บิทเทอร์เลิฟกล่าว

“ถ้ามีคนเยอะขนาดนั้นจริง ๆ แล้วพวกเราจะจัดการกับพวกเขายังไง?” ไป๋เหลิงพูดอย่างสับสน

“เราไม่ได้จะรับทุกคนที่มาสมัครสักหน่อย การรับสมาชิกครั้งแรกฉันขอกำหนดมาตรฐานเอาไว้ที่เลเวล 8 ขึ้นไปเท่านั้น” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“การตั้งเงื่อนไขแบบนี้จะช่วยลดจำนวนของผู้เล่นที่จะมาสมัครจากเดิมเยอะมาก คาดว่ามันน่าจะมีผู้มีสิทธิ์สมัครเข้าร่วมกิลด์ของเราเพียงแค่ประมาณ 50,000 คนเท่านั้น” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าว

“ไม่ว่าจะมีคนมาสมัครเท่าไหร่ ไป๋ฉือ, ฉิงชาง, เซี่ยหยู่เว่ยและบิทเทอร์เลิฟจะเป็นหัวหน้าทีมกลุ่มแรก” ลู่หยางกล่าว

“ครับ/ค่ะ” ทุกคนตอบรับอย่างตื่นเต้น

“ฉันเพิ่งเคยมีโอกาสนำทีมใหญ่ขนาดนี้เป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าจะจัดการกับลูกน้องได้ไหม ใครพอจะมีวิธีดี ๆ แนะนำบ้าง?” ไป๋ฉือกล่าว

เมื่อพูดถึงวิธีการนำทีมแบบเป็นรูปธรรม ทุกคนต่างก็นิ่งเงียบกันไปหมด เพราะไม่มีใครที่นี่เคยมีประสบการณ์นำทีมคนจำนวนเยอะขนาดนั้นมาก่อน

“คน 100,000 คนก็มีความคิด 100,000 แบบ การพยายามรวมพวกเขาให้มีความคิดเป็นหนึ่งเดียวกันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ และสิ่งที่ยากที่สุดคือการทำให้พวกเขาเชื่อฟังคำสั่งพวกเราในช่วงเวลาสำคัญ” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“เหตุผลที่การบริหารกิลด์ของเราในก่อนหน้านี้ล้มเหลว ส่วนหนึ่งก็มาจากตรงนี้ด้วยเหมือนกัน หัวหน้ากิลด์ลู่หยางต้องระวังจุดนี้เอาไว้ให้ดีนะครับ” จางจื่อโป๋กล่าว

“เรื่องพวกนั้นฉันคิดเอาไว้หมดแล้ว ตอนตั้งกิลด์ฉันจะเปิดคลังกิลด์ขึ้นมาก่อน ในการต่อสู้กับพวกแบล็คบลัดในครั้งที่ผ่านมาทำให้เราได้อุปกรณ์เลเวล 8 มาเยอะมากเลย ฉันจะใช้ระบบคะแนนการมีส่วนร่วมของกิลด์เพื่อให้สมาชิกใช้คะแนนในการซื้ออุปกรณ์ ส่วนวิธีการเพิ่มคะแนนก็คือการมีส่วนร่วมกับกิลด์ในเรื่องต่าง ๆ”

“ส่วนเรื่องการเก็บเลเวลฉันก็มีพื้นที่ดี ๆ ที่เหมาะสมให้กับพวกเขาอยู่ 2-3 ที่ หลังจากสมาชิกสะสมคะแนนได้ถึงระดับหนึ่งแล้วเดี๋ยวฉันจะพาคนพวกนั้นเข้าไปเก็บเลเวลเพื่อเพิ่มเลเวลอย่างรวดเร็วเอง”

นี่คือวิธีจัดการบริหารกิลด์ที่เป็นที่ยอมรับในชาติก่อน และเนื่องมาจากลู่หยางเคยตั้งกิลด์มาก่อน เขาจึงเข้าใจปัญหาเรื่องพวกนี้อย่างลึกซึ้ง

กลางคืน

ลู่หยางอธิบายรายละเอียดในด้านต่าง ๆ หลังจากการตั้งกิลด์พร้อมถึงวิธีการจัดการบริหารแบบเป็นรูปธรรมให้กับทุกคนฟังโดยละเอียด

ข้อมูลเหล่านี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นประสบการณ์ที่เขาได้รับข้อสรุปมาจากความรู้ในชาติก่อน ขณะเดียวกันพวกฉิงชางก็เป็นผู้เล่นชั้นยอดที่ดื้อรั้น ทำให้โดยปกติพวกเขาจะไม่ค่อยรับฟังคำแนะนำจากคนอื่น 

อย่างไรก็ตามทุกสิ่งที่ลู่หยางพูดออกมาต่างก็ล้วนแล้วแต่สมเหตุสมผล จนทำให้พวกเขาหาข้อโต้แย้งไม่ได้เลย เรื่องนี้จึงยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกชื่นชมลู่หยางมากขึ้นไปอีก

ในที่สุดทุกคนก็แยกย้ายกันออกไปพักผ่อน เมื่อลู่หยางถอดหมวกเกมออกเขาก็ได้พบว่าสามพี่น้องตระกูลฮั่น, พี่น้องตระกูลมุู่และเสี่ยวเหลียงกำลังนั่งมองเขาอยู่ใกล้ ๆ

“มีอะไรงั้นเหรอ?” ลู่หยางถามด้วยรอยยิ้ม

“พี่โคตรเท่เลย! พี่คนเดียวเอาชนะพวกบลัดเติสตี้ได้ตั้ง 700 กว่าคนแถมยังฆ่าบลัดไทแรนท์กับแบล็คบลัดได้อีก” มู่ยี่กล่าว

“ลูกพี่ พรุ่งนี้จะให้พวกเราไปช่วยเรื่องตั้งกิลด์ไหมครับ?” เสี่ยวเหลียงถาม โดยมีหลู่จ้าวหยู่และเฉินเฟิงพยักหน้าอยู่ใกล้ ๆ ด้วยความกระตือรือร้น

ลู่หยางส่ายหัวไปมาแล้วพูดว่า

“ไม่ต้อง จำเอาไว้ว่าพวกนายห้ามเปิดเผยตัวตนให้ใครรู้อย่างเด็ดขาด ทุกคนคือกองกำลังลับของฉันและตอนนี้มันก็ยังไม่ถึงเวลาที่พวกนายจะต้องปรากฏตัว”

นี่คือแผนการที่ลู่หยางคิดเอาไว้ตั้งแต่ได้กลับมาเกิดใหม่ โดยเขาตั้งใจจะใช้ผู้เล่นฝีมือดีภายในเกมเป็นคนนำกิลด์เข้าสู่สงคราม ระหว่างนั้นเขาจะใช้พี่น้องที่เติบโตมาด้วยกันเป็นกองกำลังลับ โดยแบ่งกองกำลังส่วนหนึ่งเอาไว้หาเงินและแบ่งกองกำลังอีกส่วนเอาไว้ในที่ลับเพื่อเก็บเลเวลอย่างสงบ

ความเป็นจริงมันยังมีอีกหนึ่งกองกำลังที่อยู่ในแผนการคือเหล่าบรรดาเพื่อนร่วมชั้นของลู่หยางที่จะคอยมาเป็นคนบริหารจัดการเรื่องราวภายในกิลด์

ระหว่างที่พวกเขาพูดคุยกันอยู่นั้น โทรศัพท์ของลู่หยางก็ส่งเสียงดัง เมื่อชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเขาก็อดที่จะเผยรอยยิ้มขึ้นมาไม่ได้

“กี่โมงกี่ยามแล้ว ทำไมถึงโทรมาดึกขนาดนี้?” ลู่หยางเปิดฉากตำหนิทันทีที่รับสายทำให้ทุกคนมองมาที่เขาด้วยสายตาแปลก ๆ

“ขอโทษที ฉันมัวแต่เล่นเกมเพลินไปหน่อย” เสียงปลายสายตอบรับกลับมาอย่างยียวนกวนประสาท

อย่างไรก็ตามเสียง ๆ นี้กลับทำให้ชายหนุ่มอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะคนที่โทรมาไม่ใช่ใครอื่นใดได้เลยนอกเสียจากเพื่อนสนิทของเขาที่มีชื่อว่าเจียงเจ๋อนั่นเอง

เจียงเจ๋อเป็นคนที่แปลกมาก เพราะตลอด 3 ปีที่เขาได้อยู่ในหอพักของโรงเรียน เขาก็มีเสื้อผ้าอยู่เพียงแค่ไม่กี่ชุด เจียงเจ๋อจึงคอยซักผ้าอยู่เป็นประจำและถึงแม้เสื้อผ้าพวกนั้นจะสีซีดลงไปแล้วแต่เขาก็ไม่ยอมซื้อใหม่

เรื่องอาหารเขาก็เป็นคนกินง่าย ๆ โดยเฉพาะอาหารชิ้นไหนถูกเขาก็จะกินอันนั้น ทำให้โดยทั่วไปแล้วเขามักจะกินขนมปังหรือไม่ก็เป็นโจ๊กกับผักดอง

ในปี 2040 ราคาของสินค้าพุ่งสูงขึ้นมามากกว่าเดิมมาก แต่เจียงเจ๋อก็ใช้เงินเพียงแค่วันละ 5 เครดิต ซึ่งถือว่ามันเป็นปรากฏการณ์ที่หาได้ยากมากเลยทีเดียว

ย้อนกลับไปในตอนนั้นเพื่อนร่วมชั้นทุกคนต่างก็ดูถูกเจียงเจ๋อและมักที่จะหลีกเลี่ยงไม่คบหากับชายคนนี้ ส่วนเจียงเจ๋อก็เป็นคนชอบเก็บตัว มันจึงยิ่งทำให้เขามีเพื่อนน้อยลงไปอีก

ขณะเดียวกันพ่อแม่ของลู่หยางก็มักจะต้องออกไปทำงานนอกบ้านอยู่เป็นประจำ และมันก็มีช่วงหนึ่งที่ลู่หยางต้องไปพักในโรงเรียนและเขาก็ได้มีโอกาสอยู่ห้องเดียวกันกับเจียงเจ๋อพอดี

แม้ครอบครัวของลู่หยางจะไม่ได้ร่ำรวย แต่เขาก็ยังพอมีเงินซื้อเนื้อสัตว์กินได้สบาย ๆ ดังนั้นทุกครั้งที่ไปโรงอาหารด้วยกันลู่หยางจึงมักจะแบ่งเนื้อครึ่งหนึ่งให้เจียงเจ๋อกินอยู่เสมอ

เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนกล้ารังแกเจียงเจ๋อ ลู่หยางก็มักจะพาพี่น้องไปช่วยเหลือเพื่อนสนิทอยู่เป็นประจำ และเหตุการณ์มันก็เป็นแบบนี้มาตลอด 3 ปีที่เขาได้อยู่มัธยมปลาย

ตลอด 3 ปีลู่หยางคิดมาตลอดว่าเจียงเจ๋อเป็นสหายที่ยากจน แต่ตอนที่ใกล้จะเรียนจบเจียงเจ๋อก็เลือกที่จะบอกความจริงกับลู่หยาง

ความจริงแล้วเจียงเจ๋อเป็นทายาทของบริษัทส่งออกที่มีทรัพย์สินในครอบครัวเกือบร้อยล้าน แต่เป็นเพราะว่าเขาเคยถูกลักพาตัวตั้งแต่เด็ก มันจึงเกิดบาดแผลขึ้นมาในจิตใจและทำให้เด็กหนุ่มเลือกใช้ชีวิตอย่างประหยัดแบบนี้

ด้วยความกตัญญูที่ลู่หยางคอยช่วยเหลือมาตลอดสามปี เมื่อลู่หยางก่อตั้งกิลด์ในชาติก่อนเจียงเจ๋อเลยให้เงินลู่หยางยืมหลายล้านโดยไม่มีเงื่อนไข

ต่อมาเมื่อลู่หยางประสบปัญหา เจียงเจ๋อก็ไม่คิดที่จะทวงเงินคืนเลยแม้แต่นิดเดียว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังช่วยให้ลู่หยางกลับมาตั้งหลักได้อีกครั้งหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่เมื่อชายที่เคยลักพาตัวเจียงเจ๋อพ้นโทษออกมาจากคุก เขาก็หาทางลักพาตัวเจียงเจ๋ออีกครั้งจนเป็นผลทำให้เจียงเจ๋อได้รับบาดเจ็บจนเสียชีวิต

“ดีจริง ๆ ที่นายยังไม่ตาย” ลู่หยางคิดในใจพร้อมกับหยดน้ำตาที่เอ่อล้น และเนื่องมาจากเพื่อนรักของเขาได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ในชาตินี้เขาก็จะไม่ยอมให้พี่น้องคนไหนถูกฆ่าตายอย่างเด็ดขาด

 

 


ลู่หยางนี่มีคนดี ๆ อยู่รอบตัวเยอะมากเลยเน๊าะ โชคดีจริง ๆ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.