บทที่ 109: โซ่ศักดิ์สิทธิ์ เริ่มเปิดการโจมตี
“เอาล่ะ เราเข้าไปกันเถอะ” หลี่หวงเหยียนพาฉู่อวี้ผ่านช่องกำแพงเข้าไปในเมืองหย่งเย่โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยในขณะที่หันมากระซิบเตือนว่า “ร่องรอยที่ทิ้งไว้อาจจะทำให้ไททันลาดตระเวนมาพบเข้า ดังนั้นเราจะต้องรีบแอบเข้าไปในตำหนักของไกอัสและรีบตัดหัวมันให้เร็วที่สุด”
แต่ขณะที่ชายผมแดงกำลังจะก้าวออกไป เด็กสาวก็รั้งแขนเขาเอาไว้พร้อมกับกระซิบว่า “เดี๋ยวก่อนค่ะ”
หลี่หวงเหยียนที่เห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็รู้สึกสับสน เขาไม่แน่ใจว่าเธอกำลังคิดจะทำอะไร
แล้วฉู่อวี้ก็ยื่นมือออกไปพร้อมกับมีแสงสีขาวส่องออกมาจากฝ่ามือของเธอ
ขณะเดียวกันเธอก็กระซิบเบา ๆ ว่า “ฟื้นฟู!”
วินาทีต่อมา สิ่งที่หลี่หวงเหยียนคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น
กำแพงเมืองที่เขาหลอมจนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่กลับคืนสู่สภาพเดิมทันที
แล้วเขาก็อดที่จะเอ่ยปากถามอย่างประหลาดใจไม่ได้ว่า “นี่คือพลังของไททันศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ?”
ฉู่อวี้พยักหน้ากระซิบตอบกลับไปว่า “นี่เป็นแค่ 1 ในสกิลพิเศษเท่านั้นค่ะ เอาล่ะ ตอนนี้พร้อมแล้วค่ะ เราไปกันเถอะ!”
“โอเค!”
ถึงแม้หลี่หวงเหยียนจะอยากรู้เกี่ยวกับพลังของฉู่อวี้มากแค่ไหน แต่เขาก็ยังรู้จักแยกแยะและเรียงลำดับความสำคัญเป็นอย่างดี
จากนั้นเขาจึงพาเด็กสาวมุ่งหน้าไปยังตำหนักที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
ตำหนักสีดำทะมึนใจกลางเมืองหย่งเย่นั้นคือที่อยู่ของไกอัส
พอไปถึงที่นั่น พวกเขาก็จะได้พบกับเป้าหมายของภารกิจในครั้งนี้!
…
ด้านนอกตำหนักห่างออกไป 2 กิโลเมตร บนยอดหอคอยสูง
หากมองจากที่นี่ วิสัยทัศน์ในการมองนั้นกว้างไกลอย่างน่าเหลือเชื่อ
เมื่อหลินหยวนอยู่บนนี้ก็จะสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวภายในตำหนักโดยที่ไม่ถูกไททันมหันตภัยทั้ง 2 พบเห็น
ยิ่งไปกว่านั้น หากเกิดการต่อสู้ขึ้นเขาก็จะสามารถบุกเข้าไปช่วยเหลือได้ในทันที
จู่ ๆ เด็กหนุ่มก็ขมวดคิ้วในขณะที่เพ่งมองไปยังตำหนักพลางพึมพำกับตัวเองว่า “พวกเขายังไม่ลงมืออีกเหรอ?”
นี่ก็ดึกมากแล้ว หากพูดกันตามหลักเหตุผล ถ้าหลี่หวงเหยียนกับฉู่อวี้คิดจะเริ่มลงมือ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด
หรือว่า… กองทัพจะสังเกตเห็นถึงความผิดปกติและได้ยกเลิกปฏิบัติการนั้นไปก่อนแล้ว?
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะดีมาก
ถึงแม้ว่าหลินหยวนจะแอบหวังแบบนี้ในใจ แต่เขาก็ยังคงไม่ผ่อนคลายลง
ดวงตาที่คมกริบเหมือนเหยี่ยวยังคงจับจ้องไปที่ตำหนัก ไม่กล้าละสายตาไปแม้แต่วินาทีเดียว
…
“เรามาถึงแล้ว!” หลี่หวงเหยียนมองตำหนักอันมืดมิดเบื้องหน้าด้วยสายตาเย็นชา
นี่คือที่ที่ไกอัสอาศัยอยู่
ฉู่อวี้เองก็พยักหน้าแล้วกระซิบพูดว่า “เราเริ่มแผนการเลยไหมคะ? ที่นี่มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด พวกเราเสี่ยงที่จะถูกจับได้มาก ๆ เลยค่ะ”
เมื่อกี้เธอเห็นไททันมหาวิบัติเดินผ่านพวกเธอไป ถ้าไททันมหาวิบัติมีประสาทสัมผัสที่เฉียบคมกว่านี้ก็อาจจะสัมผัสได้ถึงพวกเธอ
ทั้ง 2 คนต่างจากหลินหยวนตรงที่พวกเขาไม่มีอัญมณีซ่อนเร้นที่ช่วยปกปิดตัวตนเอาไว้
ทุกย่างก้าวที่พวกเขาก้าวเดินในเมืองหย่งเย่นี้เสี่ยงอันตรายมาก หากไม่ระวังตัวให้ดี มันอาจหมายถึงคราวเคราะห์
แต่หลังจากที่ฉู่อวี้เสนอให้ลงมือ หลี่หวงเหยียนก็ส่ายหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “รออีกสักหน่อย เรารอดูสถานการณ์ไปก่อน”
เขารู้ดีว่าในเมื่อมีเฝิงเจิ้งกั๋วเข้ามาเกี่ยวข้อง ถึงอย่างไรเรื่องพวกนี้ก็ต้องรู้ไปถึงหูของพวกไททัน ตอนนี้ไททันในเมืองคงจะเตรียมการต้อนรับพวกเขาเอาไว้แล้ว
และถ้าเขาเดาไม่ผิด ด้านในจะต้องมีไททันมหันตภัยมากกว่า 1 ตัวแน่นอน!
ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงอยากจะรอดูสถานการณ์ต่ออีกสักหน่อย อีกทั้งเขายังต้องรอใครบางคนอยู่ด้วย
นั่นก็คือ… หลินเทียนเชวี่ย!
ชายคนนั้นรับปากไว้แล้วว่าจะมาที่นี่
แต่พวกเขาได้มาถึงหน้าตำหนักของไททันอนธการแล้ว แต่แม่ทัพมังกรก็ยังไม่ปรากฏตัวสักที
“ท่านนายพลหลิน… คุณรีบมาสักทีเถอะ” หลี่หวงเหยียนเงยหน้าขึ้นมองความมืดมิดเบื้องหน้าพร้อมพึมพำกับตัวเอง “คุณบอกว่าจะมาก็ต้องมาอยู่แล้วใช่ไหม ถึงผมจะตาย แต่ฉู่อวี้จะตายไม่ได้เด็ดขาด!”
หลังจากชายผมแดงสูดหายใจเข้าลึก ๆ หลี่หวงเหยียนก็ตัดสินใจที่จะเชื่อมั่นในตัวคนที่ตนเคารพนับถือ
จากนั้นเขาก็หันไปมองฉู่อวี้แล้วกระซิบว่า “เอาล่ะ เตรียมพร้อม ก่อนอื่นฉันมีเรื่องที่ต้องอธิบายให้เธอฟังก่อน”
จากคำพูดของอีกฝ่ายมันทำให้เด็กสาวตกใจเล็กน้อย เธอจึงถามออกไปว่า “มีอะไรเหรอคะ?”
“ปฏิบัติการครั้งนี้อันตรายยิ่งกว่าที่เธอคิดไว้มาก” หลี่หวงเหยียนพูดขณะทำหน้าจริงจัง “ศัตรูที่เราต้องพบเจออาจจะมีมากกว่าไกอัสก็ได้ แต่เธอไม่ต้องห่วง หลังจากที่เราลงมือ เราจะมีกำลังเสริมมาช่วย”
ขณะนั้นเขาไม่คาดคิดว่าฉู่อวี้จะไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรเลย เธอไม่แสดงอาการประหลาดใจหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อย สีหน้าของเธอยังคงสงบนิ่งเช่นเคย
เด็กสาวทำเพียงแค่พยักหน้าตอบว่า “เข้าใจแล้วค่ะ”
หลี่หวงเหยียนที่เห็นท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของฉู่อวี้ก็อดหัวเราะไม่ได้ “เธอนี่ไม่เหมือนใครเลยจริง ๆ เธอมีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนไม่มี นั่นก็คือความกล้าหาญ ไม่ต้องห่วงนะ หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ฉันจะพาเธอออกจากเมืองไปอย่างปลอดภัยให้ได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตฉันก็ตาม!”
นับตั้งแต่ที่เขารับภารกิจนี้ เขาก็เตรียมพร้อมที่จะสละชีวิตเอาไว้แล้ว
อีกทั้งสามัญสำนึกของเขาก็ตั้งมั่นไว้แล้วว่าตนจะต้องตายก่อนฉู่อวี้
เพราะลูกผู้ชายจะปล่อยให้ผู้หญิงตายได้อย่างไร?
“เอาล่ะ เรามาเริ่มกันเลยเถอะ!” แล้วทั้งคู่ก็อาศัยความมืดเร้นกายมุ่งหน้าสู่ตำหนักอันมืดมิด
…
15 นาทีต่อมา
ในที่สุดหลี่หวงเหยียนกับฉู่อวี้ก็พบไกอัสกำลังนอนหลับสนิทอยู่ที่ห้องโถงด้านข้าง
ร่างที่สูงใหญ่เหมือนภูเขานอนแผ่หลาอยู่บนแผ่นหินขนาดใหญ่ พร้อมกับเสียงกรนดังสนั่นเหมือนเสียงฟ้าร้องดังก้องไปทั่ว
‘ลงมือ!’ หลังจากพบเป้าหมายแล้ว หลี่หวงเหยียนก็ยกมือทำท่าเชือดคอ
ฉู่อวี้เข้าใจคำสั่งของอีกฝ่ายและประสานมือเข้าด้วยกันเพื่อเรียกใช้พลังที่ได้รับสืบทอดมาจากไททันศักดิ์สิทธิ์
“ผู้ปราบปรามความมืด แสงศักดิ์สิทธิ์!”
ทันทีที่เด็กสาวพูดจบ แสงสีขาวเจิดจ้าส่องสว่างก็พุ่งออกจากร่างของเธอ
วินาทีต่อมา แสงศักดิ์สิทธิ์ก็แปรเปลี่ยนเป็นโซ่พันรอบกายของไกอัส ไททันอนธการที่นอนอยู่บนแผ่นหิน
ทางด้านราชาแห่งรัตติกาลที่สัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังก็ลืมตาโพลง
น่าเสียดายตรงที่ปฏิกิริยาของมันยังช้าไปมาก
โซ่ศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งแสงสีขาวบริสุทธิ์ได้พันรอบแขนขาตรึงมันเอาไว้บนแผ่นหินอย่างแน่นหนา
ตามหลักแล้วฉู่อวี้เป็นเพียงผู้มีพลังพิเศษแรงก์ S ที่กำลังจะก้าวไปอีกขั้น ด้วยพลังของเธอเอง เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไททันมหันตภัยเลยสักนิด
แต่กุญแจสำคัญก็คือ เธอเป็นผู้สืบทอดพลังของไททันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเหนือกว่าพลังรัตติกาลของไกอัส
หลังจากโซ่แสงศักดิ์สิทธิ์พันรอบแขนขาของฝ่ายตรงข้าม ความมืดรอบตัวมันก็ดูเหมือนจะอ่อนกำลังลง
พลังของฉู่อวี้ทำให้พลังของไกอัสอ่อนกำลังลงได้จริง ๆ!
“เวรเอ๊ย ไอ้พวกมนุษย์น่ารังเกียจ ข้าจะฆ่าเจ้า!!” ราชาแห่งรัตติกาลที่ถูกตรึงไว้เงยหน้าคำรามดังลั่น
ทันใดนั้นเปลวเพลิงร้อนแรงก็ปะทุขึ้นจากที่ใดสักแห่ง
และเปลวเพลิงเบื้องหน้าก็เปลี่ยนไปโดยควบแน่นเป็นดาบไฟขนาดมหึมา
ไกอัสสัมผัสได้ถึงความร้อนแรงและพลังทำลายล้างที่แผ่ออกมาจากดาบไฟเล่มนั้น
“บัดซบ! ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ไททันอนธการที่รับรู้ถึงภัยคุกคามจากดาบไฟนั้นก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้น มันพยายามดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้ตรวนที่มัดมันไว้หลุด
“จำเอาไว้ คนที่ฆ่าแกก็คือหลี่หวงเหยียนแห่งหัวเซี่ยคนนี้!” ชายผมแดงทะยานขึ้นไปในอากาศด้วยดวงตาเย็นชา “จงรับคำพิพากษาแห่งเปลวเพลิง เพื่อชดใช้ให้แก่เหล่าคนที่แกฆ่า และบาปที่แกก่อซะ!”
เปลวเพลิงระเบิดออกมาจากดาบก่อนที่มันจะพุ่งไปที่ไกอัสเต็มแรง
นับตั้งแต่วินาทีที่ไททันอนธการถูกโซ่ศักดิ์สิทธิ์รั้งเอาไว้ จนกระทั่งดาบไฟขนาดยักษ์พุ่งเข้าใส่มัน ทั้งหมดนี้เวลาผ่านไปเพียง 10 วินาทีเท่านั้น
เพราะหลี่หวงเหยียนรู้ดีว่าในที่แห่งนี้ไม่ได้มีแค่ไททันอนธการเท่านั้น เขาจึงตัดสินใจลงมืออย่างเด็ดขาด
เพราะถ้าหากพวกเขาสามารถฆ่าไกอัสได้สำเร็จ นั่นจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
สวบ!
ดาบยักษ์แทงทะลุร่างของไททันอนธการเต็มแรง เปลวเพลิงได้แผดเผาหน้าอกของมันและค่อย ๆ ขยายไปเผาร่างใหญ่โตอย่างบ้าคลั่ง
พรึ่บ!
“อ๊ากกกก!!!” ไกอัสร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
ฉู่อวี้มองภาพเบื้องหน้าก่อนจะปล่อยโซ่ศักดิ์สิทธิ์ที่มัดอีกฝ่ายไว้
ในขณะนั้นเธอกัดฟันเบา ๆ พร้อมกับที่ร่างสั่นไหวราวกับสูญเสียพลังไปมาก
ถึงอย่างไรเธอเองก็เพิ่งยอมรับพลังของไททันศักดิ์สิทธิ์มาได้ไม่นาน แถมเธอยังเป็นเพียงผู้มีพลังพิเศษแรงก์ S เท่านั้น
แม้ว่าพลังของเธอจะเป็นต่อไกอัส แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยพลังกายและพลังจิตที่มหาศาล
“ข้านึกออกแล้ว… เจ้าคือ… คนใช้พลังไฟที่ทำลายแผนการของเรา! ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า เมืองหนานเจียงคงจะถูกไททันมหาวิบัติทั้ง 2 ที่ข้าส่งไปถล่มจนราบคาบ!”
สมแล้วที่ไกอัสเป็นไททันมหันตภัย ถึงแม้ว่ามันจะถูกโจมตีจนสาหัสขนาดนี้ มันก็ยังมีพลังต้านเอาไว้ได้
ขณะนี้มันกำดาบไฟเอาไว้ในมือข้างหนึ่งแน่น และใบหน้าที่เหมือนปีศาจของมันก็จ้องหลี่หวงเหยียนด้วยสายตาเคียดแค้น
ในขณะที่มันพูด ชายผมแดงก็เหยียดยิ้มเยาะเย้ยอีกฝ่าย “ใช่ ฉันเองที่เป็นคนทำลายแผนการของแก แล้วคนที่ฆ่าแกในวันนี้ก็เป็นฉันเหมือนกัน!”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 168
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น