บทที่ 117 พ่อไมโครเวฟของเมีย
น้ำเสียงที่หนักแน่นจริงจังถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากทรงเสน่ห์เพื่อตอกย้ำความคิดที่แน่วแน่ของเขา
เขากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นกว่าเดิมเหมือนอยากจะให้เธอรับรู้ถึงความจริงใจของเขา ก่อนจะค่อยๆ จับคางมนของร่างนุ่มนิ่มให้เชยขึ้นเพื่อจะถามอะไรบางอย่างให้หายข้องใจ
“ว่าแต่ทำไมเอลิซถึงคิดแบบนั้นล่ะคะ...หื้มมม บอกเฮียได้ไหมคะ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถาม จนร่างบางสั่นสะท้านอ่อนระทวยด้วยความหวั่นไหว
“กะ...ก็ ผู้หญิงคนนั้น ฮึก..ฮึก ดูท่าทางว่าแม่เฮียจะเอ็นดูเธอมาก ฮึก..ฮึก แล้วถ้าเกิดแม่เฮียไม่ชอบเอลิซ แล้วบังคับให้เฮียต้องเลือก ฮึก..ฮึก ถึงวันนั้นเอลิซจะทำยังไงดีล่ะคะ เอลิซไม่อยากเป็นต้นเหตุให้เฮียกับแม่เฮียต้องมาผิดใจกัน ถ้าเป็นแบบนั้นเราก็คงต้องเลิกกันใช่ไหมคะ...ฮือออออ” ฉันที่ยิ่งพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด ความรู้สึกเจ็บจี๊ดเหมือนเข็มทิ่มแทงลงมาที่กลางหัวใจก็ยิ่งมีมากขึ้น จนทำได้แต่เพียงใช้น้ำตาเพื่อระบายความเจ็บปวดที่อัดอั้นอยู่ภายในใจเท่านั้น
เขามองฉันด้วยสายตาอ่อนโยนและเหมือนมีรอยยิ้มระบายอยู่ข้างใน จากนั้นเขาถึงค่อยๆ ใช้นิ้วโป้งทั้งสองข้างบรรจงเช็ดหยาดน้ำตาที่ไหลเปรอะเปื้อนเต็มแก้มนวล ก่อนที่จะโน้มใบหน้าคมก้มลงมาจูบที่กลางหน้าผากของฉันอย่างแผ่วเบา
“เฮียรักเอลิซมาก รักมานานแล้วรู้ไหมคะ หือออ... แล้วเอลิซรู้อะไรไหมว่า กว่าที่เฮียจะมีเอลิซอยู่ในอ้อมกอดแบบนี้ กว่าที่เราจะได้อยู่ด้วยกันในวันนี้ และกว่าที่เอลิซจะเปิดใจให้เฮีย เอลิซรู้ไหมว่าเฮียรอมานานมากแค่ไหน เฮียจะไม่มีวันยอมสูญเสียมันไปเด็ดขาด...ไม่มีวัน!! เฮียขอให้เอลิซมั่นใจในเฮีย มั่นใจในความรักที่เฮียมีให้เอลิซนะคะ” เขาที่จ้องมองมาที่ตาฉันพร้อมกับลูบเรือนผมของฉันเบาๆ ก่อนจะบอกความรู้สึกของเขาให้ฉันฟังด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลอ่อนโยนแต่กลับหนักแน่นและจริงใจ ถึงแม้ฉันจะรู้สึกแปลกๆ และตงิดใจในหลายคำพูดของเขา แต่ ณ จุดนี้ต้องยอมรับเลยว่า คำพูดของเขามีผลต่อความรู้สึกของฉันในเวลานี้มากเลยจริงๆ
คำสารภาพรักแสนหวานที่หลุดออกมาจากริมฝีปากหนาทรงเสน่ห์ ทำให้หัวใจที่เหี่ยวเฉามืดมนของฉัน กลับพองโตเบ่งบานคล้ายกับดอกไม้ที่ใกล้ตาย แล้วได้น้ำกับปุ๋ยมาช่วยชุบชีวิต
น้ำตาและเสียงสะอื้นที่เคยมีจากความกังวลใจเริ่มจางหาย ดวงตาที่เคยพร่ามัวเพราะหยาดน้ำตา กลับสุกสกาวเจิดจ้าเปล่งประกายดูมีความหวัง
ฉันมองหน้าเขาด้วยแววตาสุกใส พร้อมกับพยักหน้าเบาๆ ส่งกลับไป เป็นสัญญาณว่าฉันรับรู้ได้ถึงความรักที่เขามีให้ฉันแล้ว และมันคงถึงเวลาแล้วที่ฉันจะบอกความรู้สึกภายในใจของฉันให้เขาได้ฟังสักที...
“เอลิซก็...ระ...”
“นายครับนาย...อุ๊ย!!...อะ...เอ่อ” ฉันที่ยังไม่ทันได้พูดจบ ลูกน้องที่เป็นบอดี้การ์ดที่คอยดูแลความปลอดภัยรอบบ้านคนหนึ่ง ก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเหมือนจะมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบมาแจ้งให้กับผู้เป็นนายให้รับทราบ
และก็ดันมาได้จังหวะช่วงกำลังไคลแม็กซ์พอดี...
(เห้อ...อยากจะรู้จริงๆ ว่าเขาคัดลูกน้องแต่ละคนยังไง ให้มีคุณสมบัติในการขัดจังหวะสำคัญของเจ้านายได้เป๊ะขนาดนี้...ฉันได้แต่นึกขำในใจ)
เขาส่งสายตาอาฆาตไปยังลูกน้องที่เพิ่งมาถึงทันที จนลูกน้องของเขาถึงกับก้มหน้านิ่งมือประสานกันไว้อย่างสงบแทบไม่ทัน
“เห้อออ...แต่ละคน...กูอยากจะบ้าตาย” เขาที่สบถออกมาเล็กน้อย พร้อมสายตาที่มองบนด้วยความเหนื่อยใจ ก่อนจะเอ่ยถามถึงธุระสำคัญที่ทำให้ลูกน้องคนนี้ถึงกับต้องรีบวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามา
“มีอะไร...” น้ำเสียงเรียบแต่เหี้ยมเอ่ยถาม จนคนถูกถามไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง
“คะ...คือว่าคุณเรน่าเธอให้มา...ถะ...ถา...ม” คนเป็นลูกน้องที่กำลังจะรายงานถึงเรื่องที่ทำให้ตัวเองต้องรีบมา แต่ก็ยังไม่ทันได้ความ เสียงเย็นก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาทันที
“ให้มันรอไป มันไม่ใช่แขกของกู ในเมื่อแม่กูเป็นคนให้ใบผ่านมันมา พวกมึงก็โทรไปถามแม่กูกันเอาเองแล้วกัน ว่าจะให้มันไปซุกหัวอยู่ที่ไหน ส่วนบ้านใหญ่ที่นี่กูจะอยู่กับเมียกูเท่านั้น...” เขารัวคำสั่งใส่ลูกน้องโดยที่เขาไม่ต้องคิดอะไรมากเลย แถมน้ำเสียงที่ใช้ อีกทั้งข้อความที่ฝากไปถึงอดีตเพื่อนก็ช่างดูเย็นชาและไร้ซึ่งเยื่อใย
“คะ...ครับ!!” ลูกน้องเขาน้อมศีรษะรับคำสั่งทันที พร้อมก้มหัวทำความเคารพ แล้วรีบหมุนตัวออกไปจากตรงนี้ด้วยเร็วจนฉันมองแทบไม่ทัน
ฉันมองใบหน้าเขา ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งดีใจที่เขาทำอะไรชัดเจนแสดงให้เห็นว่าต้องการที่จะปกป้องฉัน ยอมแม้กระทั่งปฏิเสธความสัมพันธ์ฉันเพื่อนกับผู้หญิงคนนั้นเพื่อทำให้ฉันสบายใจ
แต่ถึงแม้ฉันจะดีใจกับสิ่งที่เขาทำให้ แต่ความรู้สึกลึกๆ ข้างในกลับรู้สึกสงสารผู้หญิงคนนั้นเหมือนกัน ที่ถูกเขาใจร้ายใส่แบบนี้ นั่นก็เพราะฉันรู้ดีว่าความรู้สึกแบบนี้มันเป็นยังไง เวลาคนที่เรารักใจร้ายกับเรา ทำลายจิตใจของเราจนแหลกไม่เหลือชิ้นดี
ฉันคิดทบทวนชั่งใจถึงความรู้สึกของทั้งฉันและผู้หญิงคนนั้น จนทำให้ฉันตัดสินใจที่จะทำในสิ่งที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นผลดีกับตัวเองหรือเปล่า แต่มันก็ทำให้ฉันพลั้งปากบอกเขาไปแล้วว่า...
“เฮียค่ะ ให้คุณเรน่าพักกับเราที่บ้านหลังนี้ก็ได้ค่ะ เธออุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลตามมาหาเฮียถึงที่นี่ เฮียอย่าใจร้ายกับเธอเลยนะคะ ยังไงเธอก็เป็นเพื่อนเฮียนะ” ฉันยิ้มหวานส่งความจริงใจไปให้เขา อยากให้เขารู้ว่าสิ่งที่ฉันพูดมันมาจากใจของฉันจริงๆ ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำเพื่อให้ตัวเองดูดี
เขามองฉันด้วยสายตาที่อ่อนโยนมาก มากจนทำให้ฉันรู้สึกวูบวาบหวั่นไหว ฉันชอบดวงตาแบบนี้ยามที่เขามองฉันที่สุด ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือมาลูบหัวฉันเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“ขอบคุณที่เอลิซใจดีกับมันนะ...แต่ให้มันไปนอนที่อื่นเถอะ เฮียไม่อยากให้มันมาทำให้เอลิซไม่สบายใจอีก” เขาบอกฉันด้วยน้ำเสียงละมุน อีกทั้งยังแสดงความห่วงใยต่อความรู้สึกของฉันด้วยความจริงใจ ฉันที่รับรู้ความรู้สึกเหล่านั้นได้ ยิ่งทำให้ฉันยิ้มแก้มปริด้วยความตื้นตัน
แต่เป็นเพราะว่าฉันคิดดีแล้ว ฉันจึงเลือกที่จะแสดงเจตนารมณ์ของตัวเองอีกครั้ง...
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 21
แสดงความคิดเห็น