บทที่ 96 รักแรกของ...
คำตอบของคนตรงหน้าทำไมผมจะไม่รู้ และผมก็พร้อมที่จะปกป้องเธอด้วยชีวิตของผมเอง
“แล้ว...” ผมถามกลับไปด้วยท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านอะไร เพราะว่าผมไม่กลัวตระกูลมาเฟียกระจอกๆ หมาลอบกัดพรรค์นั้นหรอก
“เขาต้องการให้ผมมาจับตัวเอลิซไป” มาคินทร์บอกเล่าถึงแผนการที่ตัวเองได้รับรู้มาให้ผมฟัง
“ฮ่าๆๆ คือมึงจะให้กูเชื่อมึงหรอ ที่อยู่ดีๆ จู่ๆ มึงก็เดินมาบอกแผนการของบ้านมึงให้กูฟัง” ผมระเบิดเสียงหัวเราะในทันทีที่ฟังจบ จนอยากจะหัวเราะต่อให้หล่อน้อยลงทันที เมื่อได้ยินสิ่งที่มันบอก
มาคินทร์มองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่จริงจัง ที่เขามาเล่าให้ฟัง เพราะอยากจะให้ช่วยกันหาทางระวังเรื่องนี้ แต่กลับมาโดนหัวเราะเยาะเย้ยเหมือนเป็นเรื่องตลกหลอกเด็ก
“ผมพูดจริงๆ และที่สำคัญ พ่อของผมคงไม่ให้ผมมาจับตัวเอลิซไปให้เขาเฉยๆ แน่ มันต้องมีแผนการมากกว่านั้น เพียงแต่ว่าผมยังไม่รู้ เพราะเขายังไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรให้ผมฟังเลย” มาคินทร์มีสีหน้าไม่ล้อเล่น และดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“แล้วยังไง แล้วมึงจะให้กูส่งเอลิซให้มึงไป เพื่อให้เป็นไปตามแผนของพ่อมึงงั้นหรอ หึ...มึงเก็บเอาไว้ไปหลอกพ่อมึงเถอะ!!” ผมที่ยังคงไม่ไว้ใจลูกชายของศัตรูที่จู่ๆ เดินมาแสดงความหวังดีกับผมเพื่อทำลายครอบครัวตัวเอง
เมื่อมาคินทร์เห็นว่าคนตรงหน้าไม่มีทีท่าจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดเลย นั้นมันก็ทำให้เขาจนปัญญาจริงๆ ทั้งที่ตอนนี้ในใจเขาร้อนรุ่มเป็นห่วงคนร่างบางใบหน้าหวานที่มีดวงตากลมโตสุกใสเธอที่เป็น รักแรกของเขา สิ่งที่เขาทำได้คงมีเพียงเท่านี้คือเตือนให้คนที่เป็นดั่งงูจงอางหวงไข่ที่ค่อยปกป้องเธอได้รับรู้ถึงแผนการชั่วร้าย
มาคินทร์ส่ายหัวเบาๆ ให้กับคนตรงหน้า ก่อนจะหันหลังเตรียมตัวที่จะเดินจากไป แต่ก่อนที่เขาจะกลับไป ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเกือบจะลืมเอ่ยเตือนสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งไปเช่นกัน
“คุณเซบาสเธีย คุณจะเชื่อผมหรือไม่ก็ตาม แต่ผมขอเตือนคุณด้วยความหวังดีที่มีต่อเอลิซจริงๆ คุณจงระวัง 'เมฆินทร์' น้องชายของผมเอาไว้ให้ดี เพราะเป้าหมายการใช้งานคนของพ่อผมเป็นมันไม่ใช่ผม ดังนั้นเขาต้องส่งมันให้มาทำงานนี้แน่ๆ และไม่มีทางรามือจนกว่าจะได้เอลิซไป” พูดจบชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าผมก็เดินจากไป
ผมมองตามหลังของศัตรูหัวใจจนเดินลับตาไป ก่อนที่จะมานั่งขบคิดอยู่นานถึงคำบอกเล่าที่มาจากปากลูกศัตรู ผมจะเชื่อใจเขาคนนี้ได้ไหมนะ หรือจะเป็นอย่างที่ผมคาดการณ์เอาไว้ว่า ศัตรูของศัตรูเท่ากับมิตร และเขาอาจจะเป็นมิตรคนนั้นก็ได้...
ในขณะที่ผมกำลังนั่งคิดทบทวนเรื่องราวที่ได้รับฟังมาอยู่นั้น...
ฟอด ~~
ผมที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีวงแขนเรียวเนียนขาวเข้ามาโอบกอดที่ต้นคอจากด้านหลังตั้งแต่เมื่อไร ก่อนที่ริมฝีปากนุ่มจะหอมเข้ามาที่แก้มสากอย่างถือวิสาสะ ผมตกใจในการกระทำของเธอเล็กน้อยเพราะดูไม่เหมือนเธอเลย แต่ผมก็ไม่ได้ถือสาเพราะถ้าเป็นเธอยังไงผมก็ยอม
“ทำอะไรอยู่ค่ะ เรียกตั้งนานไม่หันมาสักที...หืมมม” เสียงกระซิบสุดเซ็กซี่ถูกเป่ารดมาที่กกหูอย่างบางเบา จนทำให้ผมหลุดออกมาจากภวังค์ความคิดทันที
ผมลูบไล้ไปตามแขนนวลเนียนโดยที่ยังไม่ได้หันไปมองหน้าเธอ อ้อมกอดจากแขนเรียวกระชับแน่นขึ้นจนผมจับมือเธอขึ้นสูดดมความหอมเพื่อที่จะให้กลิ่นจากกายเธอทำให้ผมผ่อนคลาย
“คริคริ...” เสียงหัวเราะหวานข้างๆ หู มันทำให้ผมรู้สึกสบายใจก็จริง แต่ผมก็รู้สึกทะแม่งๆ ในใจยังไงชอบกล เธอหัวเราะทำไมหรือเธอจั๊กจี้กันนะ ผมได้แต่งุนงงในอากัปกิริยาของเธอ และทำไมน้ำเสียงเธอดูแปลกๆ ไป
ผมยังคงสูดดมความหอมจากเรียวแขนขาวไล้ไปจนถึงข้อมือบาง โดยที่เธอก็ยังคงหัวเราะคิกคักอยู่ทางด้านหลัง จนทำให้ความรู้สึกแปลกใจเริ่มทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เมื่อเลื่อนสายตาไปเจอกับสิ่งนี้...
สร้อยข้อมือ...
‘เอ๊ะ ไม่ยักรู้ว่าเอลิซมีสร้อยข้อมือแบบนี้ด้วย...แปลกจริงๆ’ ผมมองไปยังสร้อยข้อมือที่อยู่ที่ข้อมือบาง ก่อนจะพลิกซ้ายพลิกขวาสำรวจสร้อยเส้นนั้นด้วยความสนใจ คิ้วหนาเข้มขมวดขึ้นด้วยความแปลกใจที่มากขึ้นพร้อมกับบางอย่างที่นึกขึ้นมาได้
เอ...ผมจำได้ว่าสร้อยเส้นนี้มันถูกออกแบบให้มีชิ้นเดียวบนโลกนี่น่า...
ในขณะที่ผมกำลังใช้สมองขบคิดกับสิ่งที่สงสัย เสียงที่ทำให้ผมหลุดจากภวังค์ก็ดังขึ้น...
แกร๊ง!! เพล้ง!!
“เฮีย!!! ทำอะไรกันค่ะนั้น!!” เสียงถาดอาหารร่วงหล่นพร้อมกับเสียงหวานที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหน้าของผม
ผมถึงกับอ้าปากค้างกับภาพเธอที่อยู่ตรงหน้า...
อ้าว...ถ้าที่ยืนอยู่นั้นคือเมียรักของผมแล้วละก็...แล้วไอ้คนที่มันยืนกอดคอผมอยู่นี่...ใครว่ะ!!!
ผมที่เบิกตากว้างทันที ที่สมองประมวลผลแล้วว่าตอนนี้ไอ้มือเรียวเนียนนุ่มที่ผมกำลังลูบคลำหอมไปหลายฟอดอยู่เนี้ย ไม่ใช่ของเมียรักของผม และเมื่อเงยหน้าไปสบเข้ากับเมียแสนสวยของผมที่ยืนหน้าบึ้งตึงบอกบุญไม่รับอยู่ตรงนั้น ก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่าผมไม่ได้ตาฝาดไปแน่นอน
ผมคว้าข้อมือที่มีสร้อยที่ผมคาใจขึ้นมาดูอีกรอบ...
ความทรงจำเมื่อครั้งเก่าก่อน ถูกส่งมาเพื่อให้ผมใช้งานทันที ในเมื่อสร้อยข้อมือเส้นนี้มันถูกออกแบบขึ้นมาให้มีแค่เส้นเดียวในโลก และมือที่จับอยู่นี้ก็ไม่ใช่มือเมียรักของผม ถ้าอย่างนั้นคำตอบหนึ่งเดียวก็คือ
“ไอ้เรน่า” ผมดีดตัวลุกขึ้นทันที พร้อมกับหันตัวไปหาเจ้าของข้อมือบางที่ผมกำลังจับอยู่
“Hi~~ เซฟฟฟฟฟ คิดถึงเรน่าไหมคะ เรน่าล่ะคิดถึ๊งงง คิดถึงเซฟมากๆ เลยคร่าาา~~” มันพูดไม่พูดเปล่ากระโดดเข้าคล้องคอโอบกอดผมทันที
ผมที่กลัวว่าเมียรักจะเข้าใจผิด รีบออกตัวสลัดเรน่าแสดงความบริสุทธิ์ใจ
“ปล่อยเว้ยยย!!!” ผมโวยวายพยายามผลักมันออกไปทันที
เรน่าที่คิดถึงผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งตีมึนไม่ปล่อยมือตามที่บอก
สถานการณ์ที่ดูกระอักกระอ่วนใจของผม คงทำให้เอลิซหงุดหงิดถึงได้พูดประโยคนี้ออกมา
“เออ...จะกอดกันอีกนานไหมคะ” เสียงหวานที่มีความขุ่นเคืองอยู่ในนั้น ถูกส่งออกมาทำลายการทักทายของเรน่าที่มีต่อผมทันที
ทั้งผมและเรน่าต่างหันไปตามเสียงโดยอัตโนมัติ เพราะน้ำเสียงที่ฟังออกว่ามีความไม่พอใจอยู่ในนั้น กลับทำให้ผมหัวใจพองโตยิ้มหน้าบาน ก่อนที่รู้สึกดีนั้นจะถูกแทนที่ด้วยความคิดที่ว่าเธอน่าจะมายืนอยู่ตรงนี้สักพักแล้ว และอาจจะนานมากพอที่จะได้เห็นสิ่งที่ผมกระทำต่อเรน่า โดยที่ผมเข้าใจผิดคิดว่าเป็นตัวเธอ
ใบหน้าที่ยิ้มเบิกบานเมื่อครู่ มืดลงในทันที...
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 36
แสดงความคิดเห็น