บทที่ 244: งานเลี้ยงวันเกิด
เสียงของมู่ไป๋ไป่ที่ใช้พูดนั้นเจือไปด้วยเสียงสะอื้น ซูหว่านรู้สึกปวดใจขึ้นมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น และนางก็อดไม่ได้ที่จะกอดลูกสาวเอาไว้ในอ้อมแขน
“ได้… ตกลง… แม่จะฟังเจ้า”
“ท่านแม่ห้ามยอมรับผิด… ฮึก”
พอเด็กหญิงได้ยินผู้เป็นแม่พูด เธอก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอเบะปากและสะอื้นเบา ๆ ขณะกล่าวว่า “ท่านแม่ ข้ารู้ว่าท่านกำลังกังวลเรื่องอะไร หลังจากเรื่องนี้คลี่คลายลงแล้ว ข้าจะหาทางออกจากวังหลวงที่โสมมแห่งนี้”
เมื่อคืนในหัวของเธอมีความคิดมากมายจริง ๆ
การคาดเดาความคิดของท่านแม่นั้นไม่ได้ซับซ้อน
ซูหว่านคิดว่ามู่ไป๋ไป่ยังเด็กเกินไป นางกลัวว่าลูกสาวที่ได้รับความโปรดปรานมาตั้งแต่อายุยังน้อยจะไม่อาจทนรับสภาพของตัวเองหลังจากสูญเสียมันไปได้ เพราะในวังหลวงแห่งนี้เป็นสถานที่กินคนไม่คายกระดูก สักวันหนึ่งอาจจะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นก็เป็นได้
ดังนั้นคราวนี้หญิงสาวจึงยินดีที่จะยอมรับความผิดทุกอย่างเอาไว้ เพื่อสละตัวเองสร้างหนทางให้เด็กหญิงรอดไปได้
นี่เป็นโอกาสที่จะหลีกเลี่ยงราชครูรวมถึงปัญหาที่จะตามมาในอนาคตตลอดไป
“ไป๋ไป่… ถ้าเจ้าไม่อยาก…” ซูหว่านรู้สึกอบอุ่นในใจ “แม่แค่เป็นห่วงเจ้า...”
“ไป๋ไป่เข้าใจ” มู่ไป๋ไป่พยักหน้าเบา ๆ แล้วพูดว่า “ไป๋ไป่รู้ถึงความกังวลของท่านแม่ แต่ไป๋ไป่ไม่อยากให้ท่านแม่เสียสละตัวเอง”
“ไป๋ไป่จะคิดหาทางเอง”
ในตอนที่คนตัวเล็กออกจากห้องของหว่านผิน ดวงตาของเธอทั้งบวมทั้งแดงเหมือนตาของกระต่าย
หลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงซึ่งรออยู่ข้างนอกก็รู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็นภาพนั้น
“องค์หญิง ทำไมดวงตาของพระองค์ถึงเป็นเช่นนี้?” เด็กหนุ่มหรี่ตามองสภาพของคนตรงหน้าอย่างสงสัย ก่อนที่เขาจะถามออกมาว่า “ท่านโดนซูหว่านตีมาหรือ?”
“ท่านน่ะสิโดนตี” มู่ไป๋ไป่โต้กลับจื่อเฟิงไปทันควัน “ทำไมท่านถึงตามข้าออกมา แทนที่จะเข้าไปปกป้องท่านแม่ของข้าไว้”
“แล้วก็ระวังขันทีจากกรมวังด้วย!”
“ขอรับ” จื่อเฟิงตอบรับพลางเกาหัว “ขันทีพวกนั้นค่อนข้างจะนิ่งเฉย”
“จนถึงตอนนี้พวกเขายังสงบอยู่ก็จริง แต่ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะลงมือเมื่อไหร่” มู่ไป๋ไป่ขมวดคิ้วพูด “และข้าจะต้องไปจัดการราชครูในอีกไม่กี่วัน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาแอบลอบสังหารท่านแม่ของข้า?”
จื่อเฟิงพยักหน้าด้วยความเข้าใจ เขาจึงทำตามคำสั่งขององค์หญิงหกแล้วกลับไปที่เรือนของหว่านผินเพื่อคอยคุ้มกันนาง
“องค์หญิง พระองค์คิดเอาไว้แล้วหรือเพคะว่าจะจัดการทางด้านราชครูและลี่เฟยเช่นไร? เพราะถึงแม้เราจะพูดความจริงออกไป แต่อาจจะไม่มีคนเชื่อ…” หลัวเซียวเซียวถามขึ้นด้วยความกังวล
“เจ้าพูดถูก” มู่ไป๋ไป่พยักหน้าเห็นด้วย “ในเมื่อไม่มีใครเชื่อ เช่นนั้นข้าก็จะเปิดโปงการหลอกลวงของราชครูคนนั้น”
อีกไม่นานก็จะถึงวันเกิดของเธอแล้ว เธอคิดเอาไว้ว่าจะเริ่มลงมือในตอนนั้น
ในเวลาเดียวกัน ทั้งในวังหลังและท้องพระโรง ทุกคนต่างกำลังรอให้มู่เทียนฉงจัดการหว่านผิน
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เขาไม่ได้ออกราชโองการส่งหว่านผินเข้าไปที่ตำหนักเย็น แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากอนุญาตให้นางสามารถออกจากตำหนักอิ๋งชุนได้เช่นกัน
วันเวลาผ่านไปจนกระทั่งวันเกิดของมู่ไป๋ไป่
เดิมทีวันเกิดขององค์หญิงหกควรจะเป็นงานฉลองที่ยิ่งใหญ่ เพราะท้ายที่สุดแล้วนางก็เป็นถึงลูกสาวคนโปรดของมู่เทียนฉง
แต่ใครจะรู้ว่าเรื่องการสูญเสียบุตรของลี่เฟยจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ดังนั้นสถานะของมู่ไป๋ไป่ในวังหลวงจึงดูน่าอึดอัดมาก
ในที่สุดฮ่องเต้หนุ่มก็เอ่ยปากบอกว่าจะจัดงานฉลองวันเกิดตามปกติ จากนั้นคนในวังหลวงก็รู้สึกมั่นใจแล้วเริ่มดำเนินการจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดให้องค์หญิงหกอย่างรวดเร็ว
เนื่องในวันเกิดของเด็กหญิง ซูหว่านจึงได้รับอนุญาตให้ออกจากตำหนักอิ๋งชุนเป็นการชั่วคราว
ที่อุทยานด้านหลังตำหนัก ทุกคนในวังหลังได้มารวมตัวอยู่ด้วยกันที่นี่ แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีความสุข
“ไป๋ไป่ หลังจากวันนี้ผ่านไป เจ้าก็จะอายุ 5 ขวบ เจ้าโตขึ้นอีก 1 ปีแล้ว ในอนาคตไม่ว่าอะไรเจ้าก็ต้องมีสติคิดไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนลงมือทำสิ่งใด” มู่เทียนฉงมองคนตัวเล็กที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าพร้อมกับอารมณ์บางอย่างที่ก่อขึ้นในใจ
เขาคิดอยากจะกวักมือเรียกให้มู่ไป๋ไป่เข้ามาหาเขาใกล้ ๆ แต่แล้วเขาก็นึกถึงคำพูดของราชครู นั่นทำให้ดวงตาของเขาหรี่ลง
“ไป๋ไป่น้อมรับคำสอนของท่านพ่อ” เด็กหญิงตอบรับด้วยท่าทางเชื่อฟัง
ผู้เป็นพ่อพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากให้นางกลับไปนั่งที่ ราชครูที่อยู่ด้านข้างก็ลุกขึ้นทันที
“ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องสำคัญจะรายงานพ่ะย่ะค่ะ” ราชครูที่สวมชุดสีดำพร้อมกับมีรัศมีแปลก ๆ ทั่วร่างกายพูดขึ้น
นี่เป็นครั้งแรกที่มู่ไป๋ไป่ได้พบกับคนที่ถูกเรียกว่าราชครู แต่เธอไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นมาขัดจังหวะ
อันที่จริงเธอรู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไรต่อไป
แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่เธอจะต้องขัดขวางเขา เพราะทั้งหมดนี้อยู่ในแผนการของเธอกับเซียวถังอี้พอดี
“วันนี้เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์หญิงหก ดังนั้นเราจะไม่พูดถึงเรื่องอื่น” มู่เทียนฉงขมวดคิ้วพูดด้วยความไม่พอใจ “หากมีเรื่องใด เอาไว้ค่อยหารือกันในวันพรุ่งนี้”
“ฝ่าบาท! เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความสงบสุขของแว่นแคว้น ไม่อาจล่าช้าได้พ่ะย่ะค่ะ!” ราชครูยังคงยืนกรานคำเดิมไม่ยอมถอย “นอกจากนี้ เรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับองค์หญิงหกด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
ทันใดนั้นฮ่องเต้หนุ่มก็ทำหน้าเย็นชาพร้อมกับกล่าวว่า “เราบอกให้ท่านค่อยเก็บไว้คุยกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ท่านไม่ได้ยินที่เราพูดหรือ?”
แม้ว่าเขาจะเชื่อมั่นในตัวราชครู แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมให้อีกฝ่ายกล้าโต้แย้งกับเขา
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็คือโอรสสวรรค์ที่แท้จริง
ไม่มีใครในใต้หล้านี้สามารถยืนอยู่เหนือเขาได้
“ฝ่าบาท!” อย่างไรก็ตาม ราชครูกลับตั้งใจแน่วแน่ที่จะลงมือจัดการมู่ไป๋ไป่ในวันนี้ แม้นเขาจะเห็นฮ่องเต้ทรงกริ้ว แต่เขาก็ไม่รู้สึกลังเลเลยสักนิด เขาจึงกล่าวต่อไปว่า “เมื่อไม่นานมานี้กระหม่อมได้เฝ้าดูท้องฟ้าอีกครั้ง ในที่สุดก็คิดออกว่าใครที่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นภัยต่อแคว้นเป่ยหลง ทำให้ประชาชนต้องประสบเคราะห์ร้าย!”
เรื่องเกี่ยวกับ ‘ต้นเหตุภัยพิบัติ’ แม้ว่ามู่เทียนฉงกับราชครูจะไม่ได้พูดคุยกันอย่างเปิดเผย แต่คนในวังหลังก็เคยได้ยินข่าวลือเช่นนี้มาบ้างแล้ว
พอได้ยินราชครูเอ่ยปากเช่นนี้ ทุกคนก็มีสีหน้าแตกต่างกันไป
“ท่านราชครู…” ไทเฮาที่นั่งเงียบมาตลอดตรัสขึ้นว่า “วันนี้เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์หญิงหก แต่ท่านกลับพูดถึงเรื่องอัปมงคล มันหมายความว่าอย่างไรหรือ?”
“เรารู้ดีว่าท่านสามารถควบคุมลมฝนได้ แต่ในเมื่อท่านเข้ามาในวังหลวงแล้ว ท่านก็จะต้องปฏิบัติตามกฎของวังหลวง อะไรที่ทำให้ท่านกล้าดูหมิ่นฝ่าบาทเช่นนี้?”
“ไทเฮา!” ทางด้านลี่เฟยเองก็ไม่สามารถทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป “หม่อมฉันคิดว่าวันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์หญิงหกนั้นเทียบไม่ได้กับสิ่งที่ราชครูพูดถึงเพคะ”
“หากเราเลื่อนเวลาในการจัดการกับคนที่เป็นต้นเหตุของภัยพิบัตินั้น มันอาจจะนำหายนะมาสู่แคว้นเป่ยหลงของเรา เช่นนั้นไทเฮาจะรับผิดชอบไหวหรือไม่เพคะ?”
“บังอาจ!” ไทเฮาขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับที่พระนางตวาดอีกฝ่าย “ลี่เฟย ใครอนุญาตให้เจ้าพูดแทรก!”
นับตั้งแต่ที่ลี่เฟยสูญเสียบุตร มู่เทียนฉงก็ไปที่ตำหนักของนางบ่อยมากขึ้น มันทำให้นางเริ่มได้รับความโปรดปรานกลับมาอีกครั้ง
“ขออภัยเพคะไทเฮา…” ลี่เฟยกราบขอโทษอย่างสุภาพ “หม่อมฉันเป็นคนที่สูญเสียบุตรในครรภ์ หม่อมฉันมีความโกรธอยู่ในใจ ราชครูบอกเอาไว้ว่าที่หม่อมฉันสูญเสียบุตรไปนั้นก็เพราะเป็นอิทธิพลของคนที่เป็นต้นเหตุภัยพิบัติเช่นกันเพคะ”
“หากเราไม่กำจัดบุคคลนั้นออกไปในเร็ววัน แคว้นเป่ยหลงทั้งหมด หรือแม้แต่ในวังหลังก็ไม่มีวันสงบสุข”
จากนั้นพระสนมกลุ่มหนึ่งก็เริ่มกระซิบพูดคุยกัน
ในวังหลังแห่งนี้สิ่งที่พระสนมกลัวที่สุดก็คือการตั้งครรภ์และจู่ ๆ ก็มีเหตุให้ต้องสูญเสียบุตรไป แน่นอนว่าไม่มีใครอยากเป็นเหมือนลี่เฟย
“หม่อมฉันคิดว่าคำพูดของลี่เฟยมีเหตุผลยิ่งนัก” คราวนี้เป็นหรงเฟยที่เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางสบาย ๆ “ฝ่าบาท ไทเฮา เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นให้ท่านราชครูพูดเถิดเพคะ”
“เรารีบพูดคุยและจัดการให้เรียบร้อย การฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพให้องค์หญิงหกคงไม่สายเกินไป”
“องค์หญิงหกคิดว่าอย่างไร?”
มู่ไป๋ไป่ที่เป็นเจ้าของวันเกิดที่ถูกละเลยไปก่อนหน้านี้เงยหน้ามองทุกคนด้วยความสับสน “หา? ใช่ ๆๆ หรงเฟยกล่าวถูกต้อง ท่านพ่อ ท่านย่า ท่านปล่อยให้ราชครูพูดเถิดเพคะ”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 272
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น