บทที่ 1...2/3

-A A +A

บทที่ 1...2/3

          แอนนามองลัลนาพลางถอนใจด้วยความเป็นห่วง เธอกับลัลนาเรียนโรงเรียนนานาชาติด้วยกันมาตั้งแต่มัธยม ก่อนจะแยกย้ายไปเรียนมหา’ลัย แต่ก็ติดต่อกันตลอดเพราะหอพักอยู่ใกล้กัน หลังจากเรียนจบลัลนาทำงานด้านการออกแบบอัญมณี ส่วนเธอเป็นแอร์โฮสเตสตามความฝัน ตอนนี้นอกจากการทำงานแล้ว ลัลนาก็เหมือนครอบครัวของเธอก็ว่าได้เพราะพ่อกับแม่เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว แต่ก็ยกมรดกไว้ให้เธอได้มีเงินเรียนจนจบ แต่ในระหว่างนั้นเธอก็ไปบ้านของลัลนาบ่อยๆ ทำให้รู้สึกว่าถ้าไม่มีลัลนาในตอนที่สูญเสีย เธอคงผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาได้อย่างยากลำบาก

          ตอนนี้ลัลนาเพิ่งเสียแม่ไป เธอก็อยากอยู่กับเพื่อนให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ต้องรักษางานที่รักไว้ด้วย ผ่านมาจนกระทั่งงานศพเสร็จสิ้น จึงถึงเวลาที่เธอต้องกลับไปทำงานแล้ว แต่เธอยังอดห่วงเพื่อนไม่ได้อยู่ดี

“ลัลอยู่คนเดียวได้ แอนไม่ต้องห่วงหรอกน่า ไปทำงานของแอนให้เรียบร้อยเถอะนะ” ลัลนาพยายามยิ้ม เธอรู้ดีว่าเพื่อนเป็นห่วง แต่หากชีวิตจมอยู่กับความเศร้าก็จะก้าวต่อไปไม่ได้ เพื่อนก็จะไม่สบายใจไปด้วย

          “แน่ใจจริงๆ นะว่าอยู่ได้”

          “แน่ใจสิ แอนมีงานด่วนก็รีบเดินทางเถอะ อีกเดี๋ยวมาริศคงขับรถมาถึงแล้ว”

          มาริสเป็นอีกคนที่ช่วยให้ลัลนาผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากจากความสูญเสียมาได้ เธอมีเพื่อนไม่มาก แต่มีเพื่อนแท้ถึงสองคนก็นับว่าตัวเองโชคดีมากแล้ว

          “อีก 8 วัน แอนก็กลับแล้ว ระหว่างนี้ถ้าลัลเหงาก็โทรหาแอนได้เลยนะ  หรือว่าไปอยู่ที่คอนโดของแอนก่อนดี อยู่บ้านคนเดียว แอนเป็นห่วง”

          ลัลยายิ้มให้กว้างกว่าเดิมพลางขยับไปกอดแขนเพื่อนไว้แล้วซบหน้ากับไหล่บางที่อยู่เคียงข้างกันมาหลายปี

          “ขอบใจมากๆ นะ พอไม่มีแม่แล้ว แต่ลัลยังมีเพื่อนดีๆ แบบแอนอยู่ด้วย ตอนนี้ลัลถึงได้ยังยิ้มออก”

          มีเสียงรถมาจอดหน้าบ้านพอดี มาริศทำงานเป็นผู้ช่วยนักบินซึ่งอีกไม่นานเขาจะได้เป็นนักบิน ทำให้สายงานของแอนนากับมาริศไปในทางเดียวกัน บางครั้งก็ทำงานด้วยกัน ลัลนาจึงแอบเชียร์อยู่ในใจเผื่อว่าทั้งสองคนจะชอบพอกันบ้าง

          มาริศลงมาจากรถแล้วทักทายลัลนาอยู่หลายคำ ก่อนจะขอตัวไปพร้อมกับแอนนาเพราะต้องไปสนามบินเหมือนกัน แต่ปลายทางของเครื่องบินคนละที่ ลัลนาโบกมือให้เพื่อนและมองตามจนกระทั่งไฟท้ายลับสายตาไป เธอปิดรั้วบ้านแล้วล็อค ก่อนจะเดินมาในบ้านแล้วล็อคประตูกระจก เธออยู่บ้านคนเดียวจึงต้องดูแลตัวเองให้ดีตามที่แอนนากำชับไว้

          ลัลนาอยากทำงานที่คั่งค้าง แต่สมองของเธอยังไม่สามารถสร้างสรรค์สิ่งสวยงามที่เคยทำได้ดีมาตลอดได้ในตอนนี้ หญิงสาวถอนใจพยายามหาอะไรทำ การอยู่คนเดียวทำให้คิดถึงแม่ ไม่ว่ามองไปส่วนไหนของบ้านก็จะจำได้เสมอ แม่เคยมานั่งเล่นตรงระเบียง พอมารินน้ำจากตู้เย็นในครัวก็นึกถึงแม่ว่ามาทำอาหารให้เธอในตอนเช้าตลอด หญิงสาวถอนใจอีกครั้ง การเดินหน้าต่อไปไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เธอต้องทำให้ได้ การคิดถึงควรทำให้มีความสุข ไม่ใช่ความเศร้าเสมอไป

          หญิงสาวฟุบหลับไปกับโต๊ะทำงานจนกระทั่งได้ยินเสียงบางอย่างที่ทำให้ตื่นขึ้นมาในเวลาไหนเธอก็ไม่แน่ใจ เธอหยิบไม้เบสบอลมากระชับแน่นในมือ เธอแน่ใจว่าล็อคทั้งรั้วและประตูแน่นหนาแล้ว หน้าต่างทุกบานก็เช่นกัน บนชั้นสองนี้หากจะปีนขึ้นมาย่อมไม่ง่ายนัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้

เธอได้ยินเสียงเดินเบาๆ ทำให้ต้องพยายามเงี่ยหูฟัง การโทรหาตำรวจในตอนนี้จะกลายเป็นตื่นตูมเกินกว่าเหตุไหมนะ แต่เธอมั่นใจว่าไม่ได้อยู่คนเดียวในบ้าน แอนนาจะกลับมาเร็วขนาดนี้เชียวหรือ รอบนี้ไปยุโรปหลายประเทศกว่าจะกลับคงสัปดาห์หน้า

          “ใคร? ออกมานะ”

          “โอ๊ะ!?!”

          ลัลนาฟาดไม้เบสบอลออกไปเมื่อรู้ได้ว่าถูกตะตบปิดปาก แล้วกดตัวติดเข้าไปกับผนัง เธอดิ้นพร้อมกับฟาดไม้ออกไปเท่าที่จะทำได้ พยายามส่งเสียงร้อง แต่มันกลับอู้อี้เมื่อถูกปิดปาก มีบางสิ่งนุ่มเหมือนผ้าที่มาพร้อมกลิ่นหอมเอียนๆ เธอรู้ทันทีว่าไม่ควรสูดกลิ่นอะไรก็ตามเข้าไป แต่ยิ่งดิ้นมาก เธอก็ยิ่งต้องการอากาศสำหรับหายใจ ในห้วงวินาทีนั้นเธอได้ยินเสียงเหมือนใครเข้ามาสมทบ พวกมันจะทำอะไร ฆ่าเธอเพื่อลักทรัพย์หรือทำอะไรที่น่ากลัวกว่านั้น เธอดิ้นปัดๆ อย่างอ่อนแรง เธอกลัวว่าจะไม่มีโอกาสลืมตาขึ้นมาอีกหรือหากลืมตาขึ้นมา เธออาจอยากตายแทนมากกว่า ทำไมเธอถึงได้อ่อนแอแบบนี้นะ เธอคิดอย่างโมโห ก่อนจะไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป

 

          แสงสีขาวและอาการปวดหัวเหมือนกับเมารถอย่างหนักหน่วงนี้มันเกิดจากอะไรกันนะ ลัลนาพยายามนึกว่าตอนนี้คืออะไร ฝันหรือว่าเรื่องจริงกันแน่ เธอมานอนบนที่นอนได้อย่างไร ในเมื่อ...ในเมื่อ นั่นสิในเมื่ออะไรนะ ทำไมสมองของเธอเหมือนถูกแช่งแข็งไว้จนทำให้มึนและง่วง แต่นอนไม่หลับแล้วจนกว่าจะได้คำตอบว่าสิ่งที่เธอติดค้างในสมองของตัวเองคือสิ่งใด สิ่งของรอบตัวทำไมถึงไม่คุ้นตา เธอมีม่านสีครีมตั้งแต่เมื่อไหร่ ดวงไฟที่คล้ายๆ กับแชนเดอเรียร์นั่นของจริงใช่ไหม บ้านของเธอมีเจ้าสิ่งนั้นบนเพดานห้องได้อย่างไร

          ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเธอและห้องนี้ไม่ใช่ห้องของเธอ!?!

“คุณ...”

ลัลนากระถดขาขึ้นมาเตรียมกระโจนลงจากเตียง การที่ลืมตาขึ้นมาแล้วพบรามินนั่งอยู่ข้างเตียงไม่ใช่ความฝัน ต่อให้เป็นเรื่องจริงก็ยิ่งบอกว่าดีไม่ได้ เขามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร และที่สำคัญเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรต่างหาก

“คุณลักพาตัวฉันทำไม”

รามินเอนหลังกับพนักพิงของเก้าอี้ พอจะเดาได้ว่าหากฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่ลัลนาจะคิดแล้วพูดออกมาคงประมาณนี้ เธอสลบไปก่อนที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น

          “ผมไม่ได้ลักพาตัวคุณ แต่ถ้าไม่ได้ผม ป่านนี้คุณคงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ ในห้องนี้แล้ว”

          “ชุดของฉัน...”

          ความกลัวกลายเปลี่ยนเป็นความโกรธทันควันเมื่อลัลนาเห็นว่าชุดที่ตัวเองใส่ไม่ใช่กางเกงผ้านิ่มขายาวกับเสื้อยืดที่ใส่จนคอย้วย แต่เป็นเสื้อแขนยาวมากและชายเสื้อยาวไปถึงเข่า ซึ่งมันจะเป็นของใครไปไม่ได้เลยนอกจากเสื้อของผู้ชายคนนี้

เขาทำอะไรเธอ?!

หญิงสาวกระโจนจากหัวเตียวแล้วยื่นแขนไปจะชกรามิน แต่เขากลับรู้ทันไม่เพียงคว้าข้อมือของเธอทัน แต่ยังลุกขึ้นแล้วทาบทับตัวเขามาบนตัวเธอ ทำให้เธอขยับตัวไม่ได้ หญิงสาวผงกหน้าขึ้นแล้วกัดไปที่หัวไหล่ของเขาจนเต็มแรง ร่างของเขาสะดุ้งเฮือกพร้อมกับถอนใจแรงๆ ถ้าเขาไม่ลุกขึ้นไปจากตัวเธอ อย่างหวังว่าเธอจะหยุดกัดที่หัวไหล่

          ประตูเปิดออกพอดีในวินาทีนั้น ลัลนาหันไปมองเพียงคิดว่าอาจมีใครสักคนมาช่วยเธอได้ แต่ความหวังกลับเลือนรางแพราะค้าโครงใบหน้าของชายที่เข้ามาน่าจะเป็นชาวตะออกกลางเหมือนกับรามิน 

“ขอโทษครับ ผมคงเข้ามาผิดจังหวะ...”

          “บอกยัยคนนี้ทีเถอะว่าผมสั่งให้อิซาทำอะไรบ้าง” รามินบอกบอดี้การ์ดเสียงเรียบๆ ทั้งที่เขาจะผลักให้ลัลนาออกไปก็ย่อมได้ แต่เธออาจจะต้องไปโรงพยาบาลเพราะเขาไม่แน่ใจว่าถ้าผลักเธอออก หัวของเธอจะไปกระแทกกับอะไรเข้าหรือเปล่า

          ลัลนาเข้าใจทุกคำเพราะพวกเขาสองคนสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษที่เธอถนัดเพราะเรียนโรงเรียนนานาชาติมาตลอด เธอตั้งใจฟัง แต่ยังกัดไม่ปล่อย แม้จะกลัวอยู่เหมือนกันว่าจะถูกผลักกระเด็น

อิซามองเจ้านายที่เม้มปากเพราะคงเจ็บที่ถูกกัดตรงหัวไหล่จึงรีบบอกไปเร็วๆ ว่า

          “ผมขอให้แม่บ้านของโรงแรมเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณลัลนาเองครับ ตอนมาถึงเสื้อของคุณเต็มไปด้วยเลือดก็เลยต้องเปลี่ยน”

เลือดงั้นหรือ?

ลัลนาขยับปากไม่กัดที่หัวไหล่ของรามินแล้ว แต่ขยับมาข้างหลังแล้วล็อคคอเขาไว้แทน เธอได้ยินเสียงรามินถอนใจเหมือนรำคาญ เขาไม่ขัดขืน ช่างน่าแปลกใจเสียจริง

          “เลือดของใคร” ลัลนาไม่รู้สึกว่าเจ็บตรงไหน ยกเว้นที่ท้ายทอย เธอหัวแตกหรือเปล่า หญิงสาวเลื่อนมือข้างที่ยังว่างไปคลำที่ท้ายทอยตัวเอง มันเจ็บจริงๆ นั้นล่ะ “ฉันบาดเจ็บตรงไหน”

          “คุณรามินต่างหากล่ะครับ” อิซาพูดแทนเจ้าตัวที่นั่งนิ่ง แต่สายตาวาบๆ บอกชัดว่ากำลังไม่ชอบใจ ลัลนาจะรู้ตัวไหมว่ากำลังไปแหย่หนวดเสือ ทั้งตระกูลไอมาลไม่เคยมีใครกล้าล่วงเกินรามินสักคน

          “พอแล้วอิซา”

รามินเอียงหน้ามองลัลนาแล้วบิดข้อมือของเธอออกจากคอของเขา การเป็นอิสระจากเธอช่างเป็นเรื่องง่ายดาย ชายหนุ่มก้าวขาลงจากเตียง ลัลนาเสียอีกที่ตั้งการ์ดเพราะคิดว่าจะถูกเขาโต้กลับ

“ดูแลทางนี้ต่อด้วย ผมจะไปทำงานต่อแล้ว”

          ลัลนากลับคว้ามือรามินไว้เพราะยังไม่หายสงสัย

          “ทำไมคุณบาดเจ็บ บาดเจ็บตอนไหน คุณเป็นคนที่ไปช่วยฉันจริงๆ หรือคะ”

          ดวงตาสีน้ำตาลของรามินมองลัลนานิ่ง เห็นแก่ที่เธอเพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆ มา เขาจะพยายามใจเย็นกับเธออีกครั้งเดียวเท่านั้น

“ปล่อย ผมไม่ชอบให้ใครมาสัมผัสตัวโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต”

          ลัลนาฟังแล้วเหมือนความอยากชนะได้เข้าครอบบงำตัวเธอชั่วขณะ ทำให้ปล่อยมือรามิน แต่คว้ากอดไปที่ตัวเขาแทน เรียกว่ารวบตัวเขาไว้ไม่ให้ขยับด้วยความหมั่นไส้ที่เธอลืมตัวทำลงไป ก่อนจะปล่อยแล้วจ้องรามินเขม็ง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำเหมือนรังเกียจเธอด้วย

          “กอดแล้วก็ไม่เห็นจะรู้สึกอะไร ไม่ใช่เนื้อทองจะติดมาเสียหน่อย”

          รามินเม้มปากเพราะเจ้าหล่อนจงใจพูดเป็นภาษาไทย เพราะเธอเป็นแบบนี้กระมัง พี่ชายของเขาถึงเป็นห่วงราวกับเป็นลูกสาวของตัวเอง ซึ่งอาจจะเป็นอย่างนั้น

          “น้อยๆ หน่อย ผมเข้าใจที่คุณพูดอยู่นะ”

          “คุณบาดเจ็บตรงไหน” ลัลนาพูดภาษาไทยต่อ ในเมื่อเขาเข้าใจทุกอย่างที่เธอพูดอยู่แล้วนี่

          รามินถอนใจพยายามใจเย็นจนถึงที่สุด เขาไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่เป็นลูกของคนรักเก่าพี่ชาย เขาไม่ชอบความคลุมเครือ แม้เขากับพี่สะใภ้จะไม่ได้สนิทสนมกันสักเท่าไหร่ แต่เขาเห็นใจไนลา การที่สามีรักหญิงอื่น ซ้ำยังยกมรดกบางส่วนให้ลัลนา หากไม่ใช่เพราะเป็นลูกสาวนอกสมรส เขาก็ไม่เข้าใจแล้วว่าพี่ชายจะทำแบบนี้ทำไม

          “ช่างเถอะ ทำแผลแล้ว หลีกทางได้หรือยัง”

          ลัลนาเห็นสายตาของรามินที่ไม่ได้เป็นมิตร แต่ก็ไม่ได้เป็นศัตรู ทว่าก็นับว่าเป็นเพื่อนยังไม่ได้จึงหลีกทางให้เขา ไม่แน่หากเธอยังวอแวอาจได้ถูกจับโยนออกไปนอกห้องก็ได้ เธอไม่รู้จักเขาจนกระทั่งบอกได้ว่าเขาคิดอะไรจากสายตาที่ขุ่นมัวนั้น

          “เชิญค่ะ ขอบคุณค่ะที่ช่วยฉันไว้ ว่าแต่ใครที่มาทำร้าย ไม่สิ เหมือนจะอยากลักพาตัวมากกว่า”

          “เมื่อปลอดภัยแล้ว เรื่องอื่นคุณก็อย่ารู้เลย”

          ลัลนายอมพยักหน้าแม้จะยังมีคำถาม แต่เอาไว้ถามรามินเวลาอื่นคงดีกว่า เธอเองก็ไม่ได้รู้สึกสบายใจหากต้องอยู่ใกล้ๆ เขานัก การที่เขาออกไปจากห้องแล้วปล่อยให้เธออยู่คนเดียวคงจะดีกว่า แต่คนที่ชื่ออิซายังอยู่ เขาไม่ตามรามินไปด้วยหรือ

          “คุณรามินสั่งผมเอาไว้ว่าถ้าคุณฟื้นให้เตรียมเสื้อผ้าให้ครับ” อิซาบอก แต่ลัลนายังทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองจึงพูดต่อไปว่า “คุณลัลนาอยากอาบน้ำเลยไหมครับ วันนี้มีหลายที่ที่คุณลัลนาต้องไป”

          “ฉันต้องไปไหนหรือคะ”

          อิซาบอกคำตอบแล้วออกไปจากห้อง ลัลนาเหมือนถูกสตั๊นอาจเพราะเพิ่งฟื้นขึ้นมาจากการถูกลักพาตัว แต่ใครที่ลักพาตัวเธอ ทว่าในตอนนี้เธอกลับมาอยู่กับรามิน โดยที่เขาบอกว่าเป็นคนช่วยเธอไว้ แล้วในตอนนี้เขากำลังจะพาตัวเธอไปจากประเทศด้วยเอกสารต่างๆ ที่เธอไม่ได้ให้ แต่เขาหาได้เองจากในบ้านของเธอ

รามินเป็นใคร เธอพอจะรู้ แต่ที่ไม่รู้เธอจะไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กับเขาทำไม ในเมื่อเธอมีงานทำและมีเพื่อนอยู่ที่นี่ เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้เจ้ากี้เจ้าการชีวิตของเธอโดยที่ไม่ถามความเห็นกันสักคำ หญิงสาวรีบหยิบเสื้อผ้าของตัวเองที่ถูกใส่มาในกระเป๋าเดินทางเพื่อที่จะอาบน้ำแล้วกลับบ้าน เพราะเธอคงออกไปจากห้องในสภาพเสื้อเชิ้ตยาวๆ ตัวเดียวอย่างที่ใส่อยู่ไม่ได้

 

มาอัพต่อแล้วค่ะ

หลายคนที่อ่านนิยายที่โบว์เคยอัพให้อ่านบ่อยๆ คงสงสัยว่าโบว์หายไปไหนมาตั้งนาน (บางคนไม่สงสัยก็อ่านเพลินๆ ก็ได้นะคะ) โบว์ไปรักษาสภาพจิตใจตัวเองค่ะ ยังไม่หายดีเท่าไหร่ แต่คิดว่าหากไม่ทำอะไรสักอย่างให้ตัวเองรู้สึกว่ามีคุณค่า โบว์จะไม่มีทางหายจากสิ่งนั้น การที่โบว์กลับมาเขียนนิยายจนจบเรื่องได้ เป็นการเยียวยาใจตัวเองแบบหนึ่ง เพราะโบว์ทำมันสำเร็จได้ค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

บรรพตี(อัมราน)

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.