ข้าไม่ใช่คนที่ผู้ใดจะมาหาเรื่องได้ง่ายๆ

ชาติสุดท้ายข้าจะทำฟาร์มเศรษฐี

-A A +A

ข้าไม่ใช่คนที่ผู้ใดจะมาหาเรื่องได้ง่ายๆ

 

 

“หลานเอ๋อเจ้าเก็บของเรียบร้อยแล้วรึ ไม่ลืมอะไรไว้ใช่หรือไม่” 

 

“เจ้าคะท่านพี่ข้าเก็บทุกอย่างจนหมดแล้ว”เจียเหรินกับหลานหงช่วยกันเก็บของในห้องจนครบหมดแล้วเนื่องจากไม่มีข้าวของมากนักจึงใช้เวลาไม่นานจนเกินไป

 

"มาข้าจะเป็นคนแบกเอง" 

 

“ข้าถือได้เจ้าคะท่านพี่”

 

“เหอะ เจ้าน่ะแค่โดนลมตัวก็จะปลิวแล้ว ของเล็กน้อยแค่นี้ข้าคนเดียวถือได้ไม่หนักหนาอันใด” 

 

“เจ้าคะ”

 

“ดี เช่นนั้นเราไปกันเถิด” เจียเหรินแย่งของจากมือภรรยามาทั้งหมดแบกไว้บนหลังของเขา ข้าวของมีไม่มากแค่เจียเหรินคนเดียวมันไม่สามารถทำให้เขาเหนื่อยได้เลย ก่อนมองไปที่หลานหง ภรรยาของเขาคนนี้แค่เพียงเก็บของเล็กน้อยก็ทำให้นางมีเม็ดเหงื่อขึ้นตามไรผมได้แล้ว เฮ้อเอาไว้ให้ไปถึงที่พักใหม่ก่อนเถอะ แขนผอมเห็นแต่กระดูกเช่นนั้นช่างเคืองตาเขายิ่งนัก หึม...

 

ครืน ครืน

 

“โอ้ทใครพูดโอ้อวดต่อหน้าชาวบ้านคนอื่นว่าจะไปแต่ตัวเล่า ก็ดูเอาเถิด ทั้งที่นอนทั้งผ้าห่ม แล้วยังมีดอีกเล่มนั้นเล่า ไหนเลยจะเป็นเช่นปากพูดเล่าน้องสามี” เพียงแค่เปิดประตูออกมาเสียงแหลมน่าระคายเคืองหูนั้นก็ทำให้เจียเหรินขมวดคิ้วมุ่นแล้ว ดังคนโบราณเคยกล่าวไว้ว่ากว่าจะเจอแสงสว่างมักจะมีมารผจญ สะใภ้ใหญ่ที่เสียงแหลมสูงนั้นพูดขึ้นเสียงดังมากกว่าที่ควรจะเป็น เพราะนางต้องการให้ผู้คนที่กำลังเอียงหูฟังเรื่องราวของผู้อื่นฟังน่ะสิ สะใภ้ใหญ่นางช่างกล้ายิ่งนัก สงสัยจะมีคนให้ท้ายนางทำเช่นนี้เป็นแน่ มองดูแล้วคิดจะส่งสะใภ้ใหญ่ผู้เห็นแก่ได้แต่ปากไม่ดีคนนี้มาสู้กับเขาเช่นนั้นรึ คิดง่ายเกินไปแล้ว คนที่อยู่รอดในตระกูลได้ทั้งที่นางโง่เช่นนี้เพราะมีสินเดิมมากเช่นนางจะสู้เขาผู้ต่อสู้กับผู้คนมาหลายโลกจนแทบนับไม่ได้เช่นเขา ช่างดูถูกเขาเสียจริงๆ

 

“เหอะ ข้าเป็นคนพูดกับปากเองว่าจะไม่เอาสมบัติของคนตระกูลสวีไป ก็คือไม่เอา ส่วนเสื้อผ้าพวกนี้เป็นของของข้าที่ข้าหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตน ส่วนของพวกนี้ต่างก็เป็นสินเดิมติดตัวภรรยาข้ามาแต่บ้านเดิม พวกท่านตระกูลสวีคงมิใช่คิดจะแย่งสินเดิมของผู้อื่นกระมัง โอ้ ใช่หรือไม่ พี่สะใภ้สินเดิมของท่านก็มีมากมาย ไยท่านยังห่วงอยากได้ของผู้อื่นอีกรึ” เจียเหรินแสร้งทำน้ำเสียงตกใจเหลือคณา อยากทำให้พวกเขาอับอายเช่นนั้นรึ ลองตัวเองเป็นผู้ถูกนินทาบ้างจะเป็นไร เสียงเจียเหรินที่ดังกว่าสะใภ้ใหญ่นัก ไม่แน่พรุ่งนี้อาจมีข่าวว่าสะใภ้ใหญ่บ้านสวีคิดแย่งสินเดิมของน้องสะใภ้ตัวเองเกิดขึ้น ผลที่ตามมาใช่ว่าสะใภ้ใหญ่จะรับไหว

 

“นี่เจ้าๆจะพูดอันใด พูดจาเหลวไหล ข้ารึอยากได้สมบัติของพวกเจ้าอันใดกัน ข้าแค่พูดแทนคนตระกูลสวีเท่านั้น”

 

“โอ้ว กลายเป็นว่าคนตระกูลสวีอยากได้สินเดิมของภรรยาข้าหรอกรึ น่าตกใจยิ่งของเพียงเล็กเช่นน้อยนี้ต้องตาคนตระกูลสวีจนอยากแย่งจากมือสะใภ้ผู้น่าสงสารเช่นนางรึ” เมื่อได้ยินเจียเหรินพูดเช่นนั้นมีหรือสะใภ้ใหญ่จะรับไหวนางตื่นตระหนกยิ่งนัก แม้แต่คำพูดที่เปรียบเสมือนการลากคนตระกูลสวีลงโลงไปพร้อมกันเช่นนี้ นางยังพูดออกมาได้ ช่างทำให้เจียเหรินประหลาดใจยิ่งนัก แต่เขาก็พร้อมตอกตะปูปิดฝาโลงให้เรียบร้อยเชียวหละ

 

ครืน

 

“เจ้าพูดบ้าอันใดกันสะใภ้ใหญ่ เจ้าเลอะเลือนเกินไปแล้ว” หากแต่ก็มีคนไม่ยอมให้คนตระกูลสวีล่มจมเพราะปากของสะใภ้ใหญ่ออกมาขัดเสียก่อน เหอะตาเฒ่าสวีคนนี้คงทนฟังต่อไปไม่ได้ เมื่อสะใภ้ใหญ่เหมือนจะเสียท่า ทั้งที่ก่อนหน้านี้สะใภ้ใหญ่พูดให้ร้ายพวกเจียเหรินยังทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งใดอยู่เลย คิดจะใช้คำนินทาของผู้อื่นมาทำให้พวกเขาไม่มีที่ยืนในหมู่บ้านแต่ตนก็ลอยตัวทำเป็นเหมือนถูกผู้อื่นเอาเปรียบอย่างน่าสงสาร 

 

“แต่ท่านพ่อ ท่านแม่ให้ข้า..”

 

“หยุดได้แล้ว ยังยืนอยู่อันใด น่าขายหน้านัก ไป รีบไปดูแลแม่สามีของเจ้าซะ ” 

 

“จะ..เจ้าคะท่านพ่อ” ก่อนที่สะใภ้ใหญ่จะพูดให้เรื่องเลวร้ายไปมากกว่านี้ เฒ่าสวีจำต้องตัดบทด้วยหน้าตาทะมึงแล้วทำเป็นไล่นางเสียงเข้ม ให้นางไปดูแลแม่เฒ่าเจียงที่ทำท่าจะเป็นลมสะสลบไปอีกรอบแล้ว จนลูกๆและพวกสะใภ้คนอื่น ๆช่วยกันปรนนิบัติพัดวีอยู่ในเรือน ในใจพ่อเฒ่าสวีก็กรนด่าแม่เฒ่าเจียงไม่หยุด นางช่างขยันสันหาเรื่องให้สามีเช่นเขาต้องตามแก้ให้นางอยู่เรื่อยไป ปีนั้นเขาหน้ามืดตามัวต้องใจนางจนขอร้องอ้อนวอนทั้งน้ำตาให้มารดาไปขอภรรยาที่โง่เง่าเช่นนี้มาได้เช่นไรนะ หากนางไม่มีคุณความดีอยู่บ้างที่คลอดบุตรชายให้เขาตั้งห้าคน พ่อเฒ่าสวีคงขอหย่าขาดจากนางไปนานแล้ว

 

“เจ้าสามอย่าพูดจาเลอะเทอะให้มันเกินไปนัก คนตระกูลสวีไม่คิดจะอยากได้ของใครทั้งนั้น ของอันใดของพวกเจ้าก็เอาไปเสียอย่าพูดให้มากความ” พ่อเฒ่าสวียังไม่พอใจเจียเหรินเป็นอย่างมาก บุตรชายของเขาคนนี้ตั้งแต่หายจากพิษไข้มาก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว มีความคิด มีปากเหมือนมีด แถมยังเจ้าเลห์ เกินกว่าที่พ่อเฒ่าสวีจะคาดเดาได้จนพ่อเฒ่าสวีเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาเสียแล้ว เขาอยากจะรีบๆไล่มันออกไปก่อนที่ตระกูลสวีจะถูกปากเหมือนใบมีดของมันเฉือนทำลายชื่อเสียงไปมากกว่านี้

 

“ หึ เดิมพวกข้าก็กำลังจะไปอยู่แล้วเชียว หากไม่มีคนหาเรื่องข้าคงไม่พูดอันใดหรอก หลานเอ๋อพวกเราไปกันเถอะกว่าจะถึงบ้านใหม่ นี่ก็เสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องไปมากแล้ว เจ้าไหวหรือไม่ ให้ข้าอุ้มเจ้าไปหรือไม่ ข้ากลัวเจ้าเป็นลมยิ่งนัก”

 

“ข้าไหวเจ้าคะท่านพี่ ข้างเดินเองได้เจ้าคะ” 

 

“เหอะข้าจะคอยดูว่าคนอกตัญญูหลงเมียจนลืมพ่อแม่เช่นเจ้าจะไปได้ไกลแค่ไหนกัน สักวันอย่าให้ข้าเห็นเจ้าคลานกลับมา แม้นจะอ้อนวอนข้าก็จะไม่ยกโทษให้ ต่อไปบุตรชายตระกูลสวีจะมีแค่สี่คนเท่านั้น” พ่อเฒ่าสวีได้แต่บ่นเสียงเบาเพราะกลัวเสียงนินทาจากเพื่อนบ้านที่คอยแต่จะเงี่ยหูฟังอยู่ ตามหลังเจียเหรินกับหลานหงที่เดินไปไกลเกินกว่าจะได้ยินเสียงอันใดแล้ว และต่อไปแม้ในเวลาข้างหน้าพ่อเฒ่าแม่เฒ่าจะรอค่อยบุตรชายคนนี้ของพวกเขากลับมาสักแค่ไหน พวกเขาคงได้แค่รอ เเละเสียใจกับการตัดสินใจของพวกเขาในวันนี้เท่านั้น

 

 

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.