บทที่ 214 ทำไมถึงไม่เป็นเรา
ทันทีที่ฉันพูดจบ ใบหน้าที่เคยยียวนกวนประสาทฉันก่อนหน้านี้ของเขา ก็ดูจะเลือนหายไปจากใบหน้าหล่อใสดูดีสไตล์ลูกครึ่งจีนแทบจะในทันที จนฉันรู้สึกได้ถึงความอึดอัดใจเล็กน้อยว่าฉันได้พูดอะไรผิดไปหรือเปล่า
เขาที่ไม่ได้โต้ตอบหรือกวนโอ๊ยอะไรฉันกลับมา พฤติกรรมของเขากลับยิ่งทำให้ฉันเริ่มกระวนกระวายทำอะไรไม่ถูก
“คุณนี่ฉันถามคุณอยู่นะ” ฉันชักสีหน้าถามเขาด้วยความกังวลใจ
เขาที่ยังไม่ตอบกลับมาเช่นเดิม แถมอากัปกิริยาที่ดูจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จนทำให้บรรยากาศในรถดูเงียบขึ้นมาถนัดตา
ผ่านไปหลายนาทีหลังจากที่ฉันถามประโยคนั้นกับเขาไป ทั้งฉันและเขาก็ไม่ได้พูดโต้ตอบกันอีก และนั่นก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกของฉันเริ่มที่จะอึดอัดมากขึ้นทุกที จนทำให้ฉันตัดสินใจที่จะลงจากรถ
ในขณะที่มือของฉันกำลังจะเอื้อมไปเปิดประตูรถ...
“คุณเคยคิดบ้างไหมว่า...ทำไมมันถึงไม่เป็นพวกเราที่ได้เข้าไปอยู่ในใจของพวกเขา” น้ำเสียงนุ่มทุ้มแต่ดูแหบพร่าเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา คล้ายกับคนที่กำลังจะหมดแรง แต่ด้วยเพราะความเงียบในรถทำให้ฉันได้ยินทุกคำที่เขาพูดออกมา
“ก็คุณปากปีจอซะขนาดนี้...คงมีคนอยากได้คุณเป็นแฟนหรอก...อุ๊บ!!” ฉันที่เหมือนจะกักเก็บความแค้นที่เขาค่อยแขวะฉันอยู่ก่อนหน้านี้เอาไว้ไม่อยู่ เอ่ยปากโพล่งออกไปโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่ตัวเองจะนึกขึ้นมาได้ว่า ณ เวลานี้ ยังไม่สมควรที่พูดประโยคเหล่านั้นออกมา และนั่นก็ทำให้ฉันได้แต่เม้นปากแน่นพร้อมกับเอามือน้อย ๆ ของตัวเองขึ้นมาปิดปากอิ่มของตัวเองเอาไว้
(กรี๊ดดดดดด...ไอ้เรน่าปากหนอปาก...จะโดนจับฉีดยาพิษไหมเนี้ยตรู >.<)
แต่ทว่า...ทุกอย่างกลับผิดคาด...เพราะนอกจากเขาจะไม่ว่าฉันกลับแล้ว เขายังไม่หันมามองฉันด้วยซ้ำ การกระทำของเขายิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิดขึ้นมาทันที
ฉันที่เริ่มจะนั่งอยู่ไม่สุข เพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรดี ไอ้ครั้นที่จะเอ่ยปากขอโทษไอ้ศักดิ์ศรีมันก็ดันค้ำคอเสียเหลือเกิน แต่จะให้ทำเป็นเมินเฉยกับคำพูดไม่คิดของตัวเองมันก็ดูกระดากใจอยู่ และในวินาทีนั้นเอง สัญชาตญาณการเอาตัวรอดมันก็บอกให้ฉัน...
ในขณะที่ฉันกำลังเอื้อมมือเพื่อไปเปิดประตูอีกครั้ง...
แกร๊ก ~~
เขาก็ได้กดล็อกประตูรถทันที และการกระทำของเขาก็ทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ
(ตายๆๆๆๆ ตายแน่ไอ้เรน่าเอ๊ยยยโดนฆ่าหมกป่าแน่ หรือจะโดนหั่นแยกชิ้นส่วนว่ะเนี้ย อ๊ากกกก พ่อขาแม่ขาช่วยเรน่าด้วย เรน่ายังไม่อยากตาย...ฮือออออ T^T) ฉันที่ข้างในกรีดร้องระงมเพราะทั้งกลัวทั้งระแวงแทบจะทำอะไรไม่ถูก แต่ทว่า...ภายนอกกลับต้องทำเป็นใจดีสู้เสือเอาไว้...ฮึบ!!
ปึกๆๆๆ
“คะ...คุณ...ล็อกรถทำไมเนี้ย...ฉันจะลงแล้ว” ฉันหันไปบอกเขาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก พร้อมกับมือที่ดึงที่เปิดประตูระรัว
เขาที่ยังทำเป็นนิ่งเฉยไม่ตอบฉันกลับ นั่นยิ่งทำให้ฉันเริ่มใจไม่ดี จนคิดว่าฉันต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
และในขณะที่ฉันกำลังจะแหกปากร้อง...
“กะ....กรี....”
“ไปดื่มเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอื้อนเอ่ยออกมาเพียงเบา ๆ แต่กลับดูมั่นคงและเจ็บปวด โดยที่ใบหน้าขาวใสหล่อมีสไตล์ได้แต่มองตรงไปยังถนนด้านหน้าด้วยสายตาที่ยากหยั่งถึง
สิ้นเสียงคำเชิญชวนของเขา
“ห๊ะ...” ฉันถึงกับอุทานออกมาด้วยอาการงงงวย พร้อมกับคิ้วเรียวสวยที่ชนเข้าหากันด้วยไม่ได้นัดหมาย
“ดะ...เดี๋ยวนะ...อะไรเนี้ยฉันงงไปหมดแล้ว” ฉันที่ออกอาการงงเป็นไก่ตาแตกอย่างเห็นได้ชัดเอ่ยถามเขา
และในระหว่างที่ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปกับเขาต่อดีหรือไม่ และกำลังรอคำตอบในสิ่งที่ฉันถามเขาออกไป แม้ว่าในหลาย ๆ คำถามของฉันเขายังไม่ได้ตอบมันเลย เขาก็ได้ทำในสิ่งที่ฉันไม่ทันได้คาดคิด...
บรื้นนนนน ~~
รถสปอร์ตสุดหรูที่ฉันกำลังนั่งอยู่ถูกเจ้าของของมันเหยียบคันเร่งจนมิด พุ่งทะยานออกไปจนทำให้ผู้โดยสารที่อยู่ด้านข้างอย่างฉันถึงกลับหน้าถอดสี รีบกุลีกุจอคว้าเข็มขัดนิรภัยมาล็อกไว้เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของตัวเองทันที
“กรี๊ดดดดดด ~~ ดะ...เดี๋ยวซิคุณ...ฉันยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะไปด้วยอ่ะ...ว๊ายยยยย กรี๊ดดดดด ~~ ขับช้า ๆ หน่อย ฉันยังไม่อยากตายนะ....กรี๊ดดดดด ~~” ฉันที่กรีดร้องโวยวายลั่นรถจนเสียลุคลูกมาเฟียใหญ่ หลังจากที่ถูกเขาลากตัวมาด้วยความไม่เต็มใจ
ความเร็วและแรงทำให้ดวงตาของฉันปิดสนิทลงอย่างอัตโนมัติจนมองไม่เห็นทางว่ารถหรูได้พุ่งทะยานไปยังทิศทางไหน และเวลานี้มันก็ไม่ใช่สาระสำคัญอะไร เพราะความกลัวจากความเร็วขนาดที่คล้ายกับว่าเหาะได้ มันทำให้ฉันเป็นกังวลมากกว่าว่าฉันอาจจะไม่มีชีวิตถึงพรุ่งนี้เช้า...
ฉันที่หลับตาปี๋อีกทั้งยังเฝ้าแต่ภาวนาให้ตัวเองปลอดภัย จึงทำให้ฉันไม่ได้สนใจเลยว่าเขาจะพาฉันยังไปที่ไหน ฉันขอเพียงแค่ให้ตัวเองปลอดภัยเท่านั้นก็พอ
ความเร็วที่ยิ่งกว่าใช้ประตูทะลุมิติของเจ้าแมวหุ่นยนต์ตัวกลมสีฟ้า ทำให้เจ้ารถยนต์หรูคันนี้ใช้เวลาเพียงไม่นานก็พาฉันมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง...
และเมื่อการเคลื่อนไหวของตัวเครื่องยนต์ดูท่าจะหยุดลงสักพัก ก็ทำให้ฉันมั่นใจพอที่จะเปิดเปลือกตาลืมขึ้นมา
ภาพตรงหน้าฉายให้เห็นถึงวิวริมทะเลแห่งหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะดูยังไงมันก็สุดแสนจะคุ้นตาฉันเสียเหลือเกิน...
เมื่อฉันกวาดสายตามองไปจนทั่วแล้วพบว่าสถานที่ตรงหน้าเป็นสถานที่ที่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดี พลันความสบายใจก็บังเกิดขึ้น และเมื่อจิตใจค่อย ๆ ผ่อนคลาย ฉันก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะค่อย ๆ เคลื่อนกายลงมาจากรถด้วยอาการสั่นเล็กน้อย
(ขอบคุณนะคะท่าน...ที่ยังไม่คิดเอาชีวิตลูกไป...>/ <) ฉันที่กุมมือประสานแน่นที่หน้าอกพร้อมกับมองขึ้นไปบนฟ้าอย่างนึกขอบคุณ อีกทั้งยังไม่ลืมที่จะขอบคุณสมรรถนะของรถหรูที่มีระบบความปลอดภัยดีเยี่ยมจึงทำให้ฉันมีชีวิตรอดมาได้
และเมื่อสถานการณ์โดยรอบเย็นลงแล้ว ทีนี้ก็เป็นสถานการณ์ภายในใจของฉันบ้างล่ะที่มันจะลุกโชนไปด้วยไฟโทสะแล้ว ฉันรีบหันไปมองหาไอ้ตีนผีที่ทำฉันหัวใจแทบวายทันทีที่อารมณ์เดือดปะทุ... (-*-)
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 27
แสดงความคิดเห็น