รอข้ากล้ากว่านี้

ตำหนักร้อยดาวชายากาวใจ

-A A +A

รอข้ากล้ากว่านี้

 บนแท่นนอนเดียวกัน

กลิ่นกายสาวหอมยวนใจลี่หยางใจไหวเอนแต่ยังนอนนิ่งจนเกือบจะเป็นตะคลิว ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ด้วยไม่เคยชิดใกล้หญิงใดมาก่อน หว่านหนิงก็นอนลืมตาโพลง วันนี้ก็คงหมือนคืนที่ผ่านมา ไร้ซึ่งการร่วมหอ

"องค์ชาย ถ้าต้องไปยกน้ำชาให้ฮองเฮา แล้วผ้าปูก็ๆๆๆ ไม่มีรอยเลือด"

อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ในเมื่อเขาเป็นที่น่ารังเกียจแล้วยังทำให้หว่านหนิงต้องอับอาย หากใครรู้เข้าว่าไม่มีการร่วมหอมิต้อง ถูกประณามเช่นนั้นหรือ

"ไม่มีใครใส่ใจ ..เพียงนั้น ไม่มีใครสนใจเรื่องราวของข้า.. จะร่วมหอกับเจ้าหรือไม่ ไม่มีใครใส่ใจ"น้ำเสียงขาดหายไปในลำคอ

"แต่ ข้าแต่งเข้าตำหนักร้อยดาวสองคืนแล้ว"เหมือนจะย้ำว่าเป็นคืนที่สองแล้ว

"เจ้าต้องการเช่นนั้นหรือ"

คำพูดเฉยชาไร้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนกำลังพูดถึงเรื่องทั่วๆ ไปอย่างเช่นเสื้อที่จะสวมสีอะไรหรือวันนี้จะกินอะไรดี หว่านหนิงเสียอีกที่หน้าแดงไปถึงหู

พลิกร่างใหญ่ขึ้นคร่อมเล็กไว้ บางอย่างในกายกระตุ้นเตือน แต่เขากลับไม่รู่ว่าจะต้องปฏิบัติตัวเช่นไรถึงจะถูกใจหว่านหนิง ตำรากามสูตรก็มีแต่เพียงรูป ไม่เคยได้ร่ำเรียนหรือเที่ยวเตร่เหมือนองค์ชายอื่น

หว่านหนิงนั้นเล่าถึงจะเคยเรียนรู้มาบ้างก็เป็นหญิง จะออกหน้าก็เขินอาย

โน้มตัวลงหว่านหนิงหลับตา ลี่หยางประหม่าสิ้นดีจะทำอย่างไรก็กลัวจะไม่ถูกใจหว่านหนิงจ้องมองใบหน้าอยู่ถึงอึดใจใหญ่ๆ จึงกลายเป็นสุดท้ายลี่หยางต้องพลิกตัวลงนอนข้างๆ

"ไว้ให้ข้า ..มีความกล้ากว่านี้ก่อน"

น้ำเสียงจริงใจไร้การเสแสร้ง หว่านหนิงถอนใจ ชีวิตคู่จบลงเพียงเท่านี้หรือไร ไร้การร่วมหอไร้ความผูกพัน

หว่านหนิงข่มตาหลับใหล ลี่หยางนอนลืมตาโพลงจะหลับลงได้อย่างไรในเมื่อร่างอ้อนแอ้นหอมกรุ่นนอนอยู่ข้างกายเช่นนี้ แล้วยังจะบางอย่างในกายที่ถูกปลุกจน ไม่มีทางจะสงบลงง่ายๆ

แสงทองส่องลอดหน้าต่างลมเย็นพัดเข้ามาเบาๆ หว่านหนิงยกผ้าห่มที่ทับร่างอยู่สองผืนออก ลี่หยางลุกไปแล้วคงห่มผ้าห่มให้หว่านหนิงเมื่อเขาลุกจากแท่นนอน อย่างน้อยก็มีความห่วงใยเพิ่มมาในวันนี้

ออกมานอกห้องนอน ร่างสูงนั่งหันหลังบนเก้าอี้กำลังลงมือเกล้าผมเอง หว่านหนิงเดินเข้าไปจับมวยผมแต่จับโดนมือของลี่หยาง เขารีบหดมือกลับปล่อยให้ผมหลุดร่วงลงมา

"ข้าช่วยท่าน"

รวบผมเบาๆ กลัวอีกคนเจ็บเกล้าเสียเรียบร้อยสวยงามเดินไปหยิบหมวกมาส่งให้

เหลือบไปเห็นชายเสื้อขาดหลุดหลุย

"ข้าเย็บเสื้อให้ท่านดีไหม"

หยิบเข็มและด้ายนั่งคุกเข่าลงข้างหน้าก้มลงเย็บชายเสื้อที่อยู่ตรงเอวหนา ใจเต้นแรงหน้าแดงถึงหู ก็สายตาอยู่ระดับเป้ากางเกงพอดี ลี่หยางก้มมองหว่านหนิงเย็บเสื้อด้วยความรู้สึกหลากหลาย ใจคอกระวนกระวายกระสับกระส่ายไม่เป็นท่าแต่กลับข่มความรู้สึกไว้เสมองทางอื่นเสีย

เหมือนกับหยุดเวลาไว้ทุกอย่างผ่านไปเชื่องช้า

"องค์ชายนั่งรอเพียงครู่หว่านหนิงทำเครื่องเสวยเช้าให้ วันนี้ห้องเครื่องนำไก่ตัวหนึ่งมา ยังเช้าอยู่หว่านหนิงเร่งมือคงไม่นานเท่าไหร่"

"วันนี้ฝ่าบาทออกว่าราชการข้ารั้งอยู่จนสายก็ได้ ไม่ต้องถวายงานที่ตำหนักเพราะกว่าขุนนางจะมาจนครบก็สายพอดี"

นั่งลงหยิบหนังสือมาอ่าน หว่านหนิงหันหลังเดินเข้าไปในห้องที่ถูกดัดแปลงเป็นห้องเครื่อง อิงไถกับกุ้ยอิงจัดแจงวัตถุดิบจนเรียบร้อยเหลือแต่เพียงขั้นตอนการปรุง

อาหารบนโต๊ะหน้าตาและสีสันน่ากินรสชาติยิ่งไม่ต้องพูดถึง ลี่หยางส่งถ้วยข้าวให้อิงไถตักเพิ่มถึงสองครั้ง

หว่านหนิงได้แต่เพียงมองลี่หยางแบบยิ้มๆ

"องค์ชาย ข้าน้อยรับบัญชาฮองเฮาให้มาดูแล องค์ชาย"

ขันทีหนุ่มน้อยคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า

ลี่หยางขมวดคิ้ว ร้อยวันพันปีไม่เคยได้รับความเมตตา หลายวันมานี่หลั่งไหลมาไม่ขาดสาย

"คนของฮองเฮา เช่นไรถึงให้มารับใช้ข้า"ถามแบบพาซื่อจริงๆ

"ฮองเฮาเห็นว่า องค์ชายทรงต้องมีคนดูแล เกรงว่า (เหลือบมองหว่านหนิง) พระชายาจะ …ไม่สบายใจที่องค์ชายไร้คนดูแล"

ทำไมต้องอ้างหว่านหนิงด้วย ลี่หยางใบหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม หว่านหนิงยิ้มบางๆ

"ดีแล้วมาคอยรับใช้องค์ชาย ช่วยกันดูแลตำหนักร้อยดาวอยู่ที่นี่เสียด้วยกัน" 

หว่านหนิงคิดว่าต้องพูดอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการขอบคุณ หากคำพูดบางอย่างนี้จะไปถึงหูฮองเฮา ลี่หยางขยับตัวเดินออกจากตำหนักเสี่ยวกู้เดินตามติดๆ

ใบหน้าใสซื่อและท่าทีเงอะงะไร้ซึ่งไหวพริบสร้างความขบขันให้กับอิงไถและกุ้ยอิง

"พระชายา ตอนนี้ตำหนักร้อยดาว เกือบจะสมบูรณ์แบบแล้วนับว่าพระชายาเก่งไม่น้อยตำหนักร้อยดาวจึงสดใสขึ้นมาเมื่อมีพระชายาแต่เดิมไม่มีใครกล้าย่างกราย”

“เรื่องเล่าใดกัน ที่ทำให้ผู้คนเกลียดกลัว”

แม้จะเคยผ่านหูมาบ้างแต่ก็ยังอยากได้ยินจากคนในอยู่ดี

“ เรื่องเล่าที่ว่าองค์ชายเกิดมาพร้อมกับดวงพิฆาต หากผู้ใดย่างกรายเข้าใกล้มักจะประสบเคราะห์กรรมแล้วยังจะเรื่องเล่าเรื่องวิญญาณพระสนมที่วนเวียนคอยดูแลองค์ชาย”

“มีใครเคยเห็น” 

กุ้ยอิงทำท่าทีขนลุกขนพองเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ แต่อิงไถส่ายหัวไปมา

“ไม่มีเพคะ แต่เป็นเรื่องเล่า ตั้งแต่องค์ชายห้าเสด็จมาอยู่ที่นี่เพียงลำพังตั้งแต่ห้าขวบ”

“ห้าขวบ อายุยังน้อยทำไมถึงต้องอาศัยในตำหนักเพียงลำพัง”

“ไม่มีใครกล้ารับเข้าตำหนักฝ่าบาทก็จนใจ องค์ชายตอนนั้นทรงโตเกินตัวบอกกับฝ่าบาทว่าขอมาอยู่ที่นี่เอง”

หว่านหนิง ทอดถอนหายใจคนผู้หนึ่งจะเผชิญความทุกข์ตรมโดดเดี่ยวได้แค่ไหนกัน

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.