ฉากหลังนักเขียน 3: แรงบันดาลใจนักเขียน

            ผลงานเขียนชิ้นหนึ่ง ทุกคนเคยสงสัยกันบ้างไหมคะว่านักเขียนเอาไอเดียมาจากไหนหนักหนา มีทั้งแปลกใหม่ คล้ายกัน กระทั่งซ้ำกันบ้างในบางจุด บางฉาก วันนี้แหละชื่นจะพาทุกคนไปตามรอยแรงบันดาลใจของนักเขียนค่ะ

            ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่มีคนถาม สิ่งที่นักเขียนควรทำเพื่อให้เก่งขึ้นคืออะไร รุ่นพี่นักเขียนยอดฝีมือ 99.99% ล้วนตอบกันว่า “อ่านเยอะๆ” ยิ่งอ่านมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งได้คำศัพท์ และเทคนิคการเขียนเพิ่มขึ้นเท่านั้น ขอยืนยันว่าเรื่องจริงค่ะ เราอาจไม่ต้องอ่านทุกเรื่องก็ได้ แต่ควรอ่านเรื่อยๆ เริ่มจากเรื่องที่สนใจก่อน อ่านเยอะก็รู้เยอะ เป็นการเปิดโลกใหม่ผ่านตัวอักษร บางครั้งมันไม่ใช่แค่ทฤษฎี กลับเป็นเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งสามารถนำมาปรับใส่ในงานของเราได้

            การเป็นนักเขียนที่ดี นอกจากอ่านเยอะ ก็ควรดูให้มากเข้าไว้เช่นกัน เราสามารถหาไอเดียร์เจ๋งๆจากละคร ภาพยนตร์ หรือคลิปต่างๆได้ เพราะสื่อเหล่านี้มีเรื่องราว มีฉากให้เห็น มีความรู้สอดแทรกไม่ต่างจากสื่ออักษร ถ้าคุณไม่ชอบอ่าน จะดูสื่อภาพอย่างเดียว ไม่แนะนำพอๆกับการอ่านอย่างเดียวนะคะ เวลาอ่านหนังสือเราจะได้แนวทางการบรรยาย การใช้คำที่ถูกต้อง สละสลวย ส่วนการดู ทำให้เราคิดภาพฉากนานาได้ แล้วจึงนำมาบรรยาย

            เมื่อเราฟังหลากหลาย ก็นับเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่อย่างหนึ่ง อย่างน้อยก็พอให้เข้าใจวิธีถ่ายทอดเรื่องราวออกมา แต่สิ่งสำคัญที่สุดเห็นจะเป็นการเก็บเกี่ยวความรู้ สะสมไอเดียเพิ่มเติม เพื่อนำมาประยุกต์กับงานเขียนของเราให้สมจริง มีมิติมากขึ้น เช่น ฟังเพลงโดนใจ ก็ช่วยให้หลายคนเกิดจินตนาการบันเจิดเหมือนกัน

            นักเขียนหลายคนมีความฝัน มีบางอย่างอยากให้เป็นจริง ทว่าชีวิตจริงไม่สามารถทำได้ ก็จะเขียนออกมาเป็นเรื่องราวให้คนอื่นรับรู้ ไม่ก็เขียนเพื่อสนองความต้องการของตนเอง เราสามารถนำความปรารถนาส่วนลึกมาถ่ายทอดได้ตามความพอใจ บนพื้นฐานการรับผิดชอบต่อสังคม หมายถึงไม่ส่งเสริมให้ทำผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม หรือบางครั้งเป็นการเลือกสิ่งประทับใจในชีวิตมาเขียนก็ได้ ยกตัวอย่าง การเล่นบทบาทสมมติในเกม

            ถ้าเป็นนิยาย เรื่องสั้น นักเขียนหลายคนมักเริ่มต้นจากประสบการณ์ในชีวิตจริงของตนเอง หรือคนรอบข้าง อาจจะผสมผสานดัดแปลงใส่สีตีไข่บ้างตามความเห็นควรของเขา และงานเขียนประเภทนี้ ถ้าใครรู้ว่ามีที่มาจากเรื่องจริง ผลตอบรับจะค่อนข้างดีทีเดียว

            งานเขียนจะรุ่งได้หลายครั้งนักเขียนจำเป็นต้องตามกระแสตลาดบ้าง นับเป็นการตลาดอย่างหนึ่ง ช่วยให้งานมีความน่าสนใจมากขึ้น เรื่องรายได้นั่นเองเป็นแรงจูงใจสำคัญ เพราะขายออกง่ายกว่างานนอกกระแสมากพอสมควร นักเขียนจำนวนมากแม้จะไม่ถนัดแนวดังกล่าวก็ต้องยอมหันมาศึกษาฝึกฝนจนได้

            นอกจากแรงบันดาลใจทั้งหมดข้างต้นแล้ว ยังมีอีกหนึ่งแหล่งไอเดียที่ไม่เลว แปลก แต่จริงมานำเสนอด้วยค่ะ มันคือ ความฝันตอนหลับ ยังไงล่ะคะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่านักเขียนจำนวนหนึ่งได้แรงบันดาลใจเขียนงานมาจากความฝันตอนหลับของพวกเขา บางครั้งฝันแค่บางตอน แต่พอตื่นก็เสริมเติมให้สมบูรณ์ซะ บ้างก็ฝันจนจบเรื่อง ซึ่งก็น้อยจะจำได้ครบถ้วน แถมตื่นมาต้องรีบจดไว้ด้วย

อย่างไรก็ดี อย่าลืมจริงๆนะ คำว่า “แรงบันดาลใจ” ไม่ใช่ “การลอก” นะคะ เราควรรู้และตระหนักไว้เสมอแรงบันดาลใจ คือการเลือกหยิบบางส่วน หรือโครงเรื่องคร่าวๆของคนอื่นมาพัฒนา ดัดแปลง ต่อยอด สร้างสรรค์ใหม่ให้กลายเป็นฉบับของเรา แน่นอนว่าโครงนั้นจะต้องมีส่วนคล้ายกันระดับหนึ่ง แต่สำนวนการบรรยายเมื่อเทียบกันแล้วจะพบว่าไม่ใช่การคัดลอกวาง ถ้าจะดูว่าใครลอกงานของเรา แนะให้เทียบกันที่รายละเอียด เพราะเนื้อหาบนโลกนี้มีมายาวนานชั่วอายุคน ไม่มีทางจะไม่ซ้ำกันเลย ก่อนจะกล่าวหาใครขโมยงานใคร ขอจงตั้งสติให้ดี และคนที่คิดจะลอกงานคนอื่น ก็โปรดเลิกซะ บทลงโทษทางกฎหมายรอคุณอยู่ มันตรวจสอบได้นะคะ อย่างน้อยให้นึกถึงใจเขาใจเราก็ยังดี ไม่มีอะไรได้มาง่ายดายค่ะ