บริสุทธิ์รึไม่แต่มันผู้ใดคิดขวางทางข้าจักต้องตาย

ดอกนาซิสซัสกับความฝันที่ฆ่าฉัน

-A A +A

บริสุทธิ์รึไม่แต่มันผู้ใดคิดขวางทางข้าจักต้องตาย

          เอเฟเฟียมองเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยสายตาอันเรียบเฉยก่อนจะเหลือบมองใบหน้าของมาราอาน   ปราศจากซึ่งความหวาดกลัว   มีแต่ความสงสัยและเศร้าหมอง   เขาเบนสายตากลับมาที่ซากศพที่กระจัดกระจายไปทั่ว   ก้มลงไปที่หัวของพวกกบฏและปิดตาเบิกกว้างของศพตรงหน้าเท่านั้น   เมื่อดวงตาปิดสนิทบังเกิดความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เอเฟเฟียเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง   มันสลายหายไปต่อหน้าต่อตา   “ฝ่าบาทอยู่ในอันตราย!!!”   เขาวิ่งไปที่หุบเขาอย่างสุดกำลัง   ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลและเป็นห่วงที่เพิ่มมากขึ้นในทุกขณะแต่ชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็นอย่างจัง   พอตั้งหลักได้อีกครั้งจึงใช้ดาบกวัดแกว่งไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังก่อนจะพบว่าด้านหน้าที่เขาพยายามจะข้ามไปถูกปิดบังด้วยม่านพลังเวทย์ที่มองไม่เห็นอย่างหนาแน่น   แม้จะใช้ทั้งดาบและเปลวไฟก็มิอาจทำอันตรายใดๆกำแพงนี้ได้   “มาราอาน   ช่วยข้า!!!”   เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเอเฟเฟียตะคอกใส่เธอ   ทั้งใบหน้าและการกระทำแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังเป็นห่วงคนที่อยู่อีกฟากของกำแพงแต่แม้จะถูกเรียกใช้   ใบหน้ากลับแสดงออกอย่างลังเล   “มาราอาน!!!”   กำแพงที่มองไม่เห็นบัดนี้ถูกย้อมด้วยสีดำ   กลืนกินอรุณแสงยามเช้าจนหมดสิ้น   เมื่ออยู่ในความมืดที่แม้แต่มือตัวเองก็มองไม่เห็น   เอเฟเฟียได้ยินเสียงกรีดร้องของมาราอาน   แต่ไม่รู้ว่าดังมาจากที่ใด   ใกล้หรือไกล   เขายื่นมือออกไปข้างหน้า   ควานหาร่างบางแต่เหมือนจะสัมผัสบางอย่างที่แปลกไป   มันนิ่มและเย็นจนรู้สึกขนลุกก่อนที่ตัวเขาจะถูกสิ่งๆนั้นดึงด้วยแรงมหาศาล   สิ่งที่รับรู้ต่อจากนั้นคือความรู้สึกไม่ต่างจากกำลังอยู่ใต้น้ำ   เย็นซ่านไปทั้งตัวและน่าขยะแขยง   คลื่นไฟขนาดใหญ่พวยพุ่งออกจากร่างกายที่ขยับไม่ได้   ทำลายความมืดมิดโดยรอบจนตัวเขาเป็นอิสระอีกครั้ง   เอเฟเฟียควบคุมเปลวไฟที่ลอยอยู่รอบตัว   เหล่ามังกรไฟจิ๋วบินออกไปโดยรอบ   แสงที่ส่องสว่างจากพวกมันทำให้รู้ว่าเขายังอยู่ที่แถวบริเวณหุบเขาและในที่สุดก็เห็นมาราอาน   กำลังนั่งอยู่ท่าทางงอตัว   มือปิดดวงตาไว้แน่นราวกับว่าไม่อยากที่จะมองเห็นสิ่งที่เธอกลัวอย่างสุดขีด   เอเฟเฟียสร้างไฟจากมือที่ชูขึ้นฟ้า   ก่อรูปลักษณ์เป็นม่านเพลิงสีเหลืองคลุมรอบตัวพวกเขาไว้และช่วยขับไล่ความมืดรอบตัวออกไป  

          เพียงชั่วครู่ที่เปลวไฟขับไล่ความมืดมิดปรากฏการเคลื่อนไหวในระยะสายตา   ดาบถูกเขวี้ยงออกไปในทิศทางนั้นอย่างรวดเร็วแต่ไม่ถึงตัวของผู้หลบในเงามืด   รับรู้แต่สัมผัสที่วนอยู่รอบตัวและเพียงเสี้ยววินาที   วงแหวนแห่งไฟอันมั่นคง   รวมไปถึงเหล่ามังกรได้ดับหายไปอย่างไร้ร่องรอย   ปลดปล่อยอำนาจมืดให้เป็นอิสระอีกครั้ง   มาราอานทรุดลงกับพื้นทันใด   แม้เอเฟเฟียจะพยายามกี่ครั้งแต่ไม่มีไฟถูกจุดไฟขึ้นเป็นครั้งที่สองเหมือนมีบางอย่างสะกดพลังเขาไว้   ทำให้รู้สึกเป็นกังวล   ไม่ใช่ตัวเขาแต่เป็นเธอ   เธอผู้กลัวความมืดอย่างสุดหัวใจ   เธอผู้กำลังถูกความกลัวกลืนกินทีละน้อย   มิอาจหลีกหนีไปไหนได้   จะมีหนทางใดที่จะจุดประกายแสงให้ส่องสว่างอีกครั้งรึไม่...!!!   เสี้ยววินาทีที่เกือบถอดใจ   ที่ความหวังเกือบดังสลาย   แสงสว่างดั่งใจหวังกลับมาส่องประกายอีกครั้ง   ส่องจากด้านบน   เหมือนผ้าที่ถูกฉีกออก   ลำคออันยืดยาวเปลี่ยนสภาพเป็นลำคอของมนุษย์   ปีกที่สยายออกกลายเป็นผ้าคลุมที่ถักด้วยคริสทัลดำ   เป็นเขาคนเดียวเท่านั้นที่ทำแบบนี้ได้   เอเฟเฟียที่กำลังชื่นชมในความแข็งแกร่งของผู้เป็นนาย   สายตาเหลือบไปเห็นร่างที่กำลังลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ   มาราอาน   มือของเธอมีหอกสีดำปรากฏขึ้นและนั่นทำให้เอเฟเฟียรู้สึกขนลุกขึ้นมาด้วยสัญชาติญาณอันเฉียบแหลม   เขาพุ่งเข้าใส่มาร์เวท   สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือมือที่ยื่นออกไปข้างหน้าพร้อมแรงที่มีทั้งหมดก่อนที่ทุกอย่างจะดำมืดไปพร้อมเสียงของบางสิ่งที่ถูกแทง   ร่วงหล่น   ร่วงหล่นลงสู่ความมืดมิดอันเป็นนิรันดร์  

          ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบากเหมือนเปลือกตาหนักอึ้งไปหมด   แขนและขาชา   ไม่รู้สึกว่าพวกมันต่ออยู่กับตัวเหมือนปกติ   หัวยกขึ้นอย่างยากลำบาก   ยังคงเห็นแขนและขาแต่ก็ยังไม่รู้สึกถึงการมีตัวตนของพวกมันอยู่ดี   ครู่ใหญ่กว่าสายตาจะกลับมาใช้งานได้ตามปกติ   เริ่มมองเห็นภาพชัดขึ้นกว่าเก่า   ที่นี่คือห้องนอนของเขาเมื่อพิจารณาจากเพดาน   บางอย่างในจิตใจทำให้ร่างกายนี้ขยับไปเอง   เขาลุกขึ้นนั่งบนเตียง   แขนซ้ายเริ่มเป็นอิสระมากขึ้นเช่นเดียวกับขาทั้งสองข้างที่กำลังนำร่างนี้ออกไปนอกห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า   แม้จะล้มลุกคลุกคลาน   แม้จะต้องลุกขึ้นเดินต่อหรือคลานออกไปก็ไม่คิดจะปริปากเรียกหาความช่วยเหลือ   องครักษ์ที่เห็นสภาพของชายหนุ่มช่วยกันหิ้วปีกอย่างขันแข็ง   รับฟังคำถามซ้ำๆจากเขา   เมื่อได้ยินคำตอบก็ทำให้โล่งใจขึ้นเป็นปลิดทิ้ง   แบกหามอย่างทุลักทุเลจนมาถึงหน้าห้องแห่งหนึ่ง   บรรยากาศที่คุ้นเคยเมื่อประตูถูกเปิดออก   มาร์เวท   ใบหน้าที่ดูเย็นชาเมื่อเห็นผู้มาเยือนเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว   แม้จะยังดูเย็นชาแต่มีความอ่อนโยนแฝงอยู่ในนั้น   เขาลุกขึ้น   เดินตรงมาหาเอเฟเฟียอย่างร้อนใจ   “ฝ่าบาท   กระผมขออภัยที่มิอาจปกป้องพระองค์ได้ขอรับฝ่าบาท”   เอเฟเฟียคุกเข่าลงกับพื้น   บัดนี้มองเห็นเพียงรองเท้าเหล็กที่หยุดยืนตรงหน้า   “กล้าดียังไงหลอกข้า?!!!”   รู้สึกจุกอยู่ในคอ   เสียงตะคอกนั้นทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวมากแค่ไหน   ทุกคนที่อยู่ในห้องรู้สึกได้เป็นอย่างดี   “ฝ่าบาท   ได้โปรดลงโทษกระผมให้สมกับความผิดพลาดด้วยเถิดขอรับฝ่าบาท”   สิ่งที่เดียวมองเห็น   รองเท้าคู่นั้นกำลังเปลี่ยนท่าทาง   เจ้าของรองเท้าคุกเข่าลงพลันสัมผัสเย็นเฉียบของนิ้วที่ยื่นเข้ามาสัมผัสที่คางและออกแรงเงยขึ้นอย่างทนุถนอม   “แขนที่เจ้าเสียไปก็เพื่อให้หัวใจของข้ายังเต้นอยู่ได้   เช่นนั้นแล้วเจ้ายังจะขอโทษอะไรข้าอีก?”   ใบหน้าใกล้เพียงคืบ   ชั่งอ่อนโยนจนผิดวิสัย   เหมือนคนที่กำลังจะร้องไห้ออกมาแต่เพราะศักดิ์ศรีและอำนาจจึงไร้น้ำตา   

          มาร์เวทพยุงตัวเอเฟเฟียขึ้น   สร้างเก้าอี้จากพื้นพระราชวังให้สมเกียรติยศของการเสียสละอันยิ่งใหญ่   เริ่มคุยถึงแขนข้างขวาและความจริงในความมืดมิดที่ตัวเอเฟเฟียไม่รู้มาก่อน   แท้จริงแล้วมือขวาของเขาไปถึงตัวของมาร์เวทและด้วยแรงผลักนั้นทำให้หอกดำพลาดเป้าสำคัญไป   แต่เจาะมือของเอเฟเฟียอย่างจังจนทำให้มือสลายกลายเป็นควันดำจนมาร์เวทต้องตัดสินใจตัดแขนทิ้งก่อนที่มันจะลามไปถึงตัวและแทนที่ด้วยแขนที่สร้างจากเวทมนต์ดำซึ่งก็เป็นไปได้ว่าแขนข้างใหม่จะยังไม่เข้าขากับเจ้าของใหม่ของมันเช่นกัน   “ฝ่าบาท   แล้วมาราอาน   พระองค์ทรงจัดการไปแล้วใช่ไหมขอรับฝ่าบาท?”   สีหน้าของมาร์เวทเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินชื่อของเธอคนนั้น   ไม่ใช่ความโกรธแค้นแต่เป็นความสงสัยและไม่เข้าใจ   “ข้ายังมิได้สังหารนาง”   เอเฟเฟียเงยหน้าขึ้นทันที   “ฝ่าบาท   แต่นางคือ...!!”   “ข้ารู้ดีว่านางคือใครและทำอะไรได้!”   พอถูกอีกฝ่ายตะเบ็งเสียงกลับทำให้เอเฟเฟียต้องก้มหน้าลงทันที    “ตอนแรกที่ข้ารับรู้ถึงความจริงข้อนี้   ข้าก็เกือบพลั้งมือสังหารนางไปแล้วเช่นกัน”   ยิ่งได้ยินก็ยิ่งทำให้เอเฟเฟียสงสัย   “ฝ่าบาท   ถ้านางรอดจากเปลวไฟของพระองค์   นั่นหมายความว่าท่านเซเลียเองก็....หรือว่านางจงใจแก้แค้นพระองค์ขอรับฝ่าบาท?”   “ข้ากลับมิคิดเช่นนั้น”   ไม่เพียงแต่คิ้วที่ขมวดเข้าหากันแต่ใบหน้าที่เลื่อนขึ้นของเอเฟเฟียมองเห็นอย่างชัดเจน   ใบหน้าของเจ้าของเสียงเมื่อครู่   “ท่านเซเลีย?!”   เขาผงะตัวลุกขึ้นแต่เพราะความฉับพลันจึงทำให้ล้มลงแทน   “ฮ่าๆๆ   เด็กหนอเด็ก”   หญิงผมขาวสวมเครื่องแต่งกายรุงรังสีดำปรากฏตัวที่ด้านหลังของมาร์เวทอย่างน่าเหลือเชื่อ   นิ้วเรียวทั้งห้าสัมผัสลงที่ไหล่ซ้ายของเขา   ไล่ลงจนถึงหน้าอกก่อนจะถูกมือของอีกฝ่ายปรามไว้เสียก่อน   “ต้องขออภัยเพคะฝ่าบาท   ดิฉันเพียงอยากให้แน่ใจว่าบาดแผลของพระองค์สมานกันเรียบร้อยดีแล้วก็เท่านั้น”   มาร์เวทดึงมือเธอออกแผ่นอกของเขาทันที   “ตอนนี้เจ้าคงรู้แล้ว?”   เซเลียยกยิ้มอย่างพึงพอใจ   “เพคะฝ่าบาท”   เธอเดินไปประจำที่เดิม   ที่ข้างบัลลังก์ก่อนที่ตัวมาร์เวทเองจะเดินกลับไปนั่งประจำที่เช่นกัน

          “เรื่องที่เกิดขึ้นที่สมาคมสีดำเป็นกับดักของแม่มดขาว   เอเลโอร่า คามิลิตา   มิใช่เพียงแค่นั้น   แต่ยังรวมไปถึงการก่อกบฏ   หนอนบ่อนไส้ที่ประเทศกเมาก์กิเนตและการหลอกใช้มาราอานให้สังหารข้าล้วนแต่เป็นแผนการของนางทั้งสิ้น”   มาร์เวทเอ่ยขึ้นอย่างดุดัน   “จงโบยบินออกไป   อีกาดำ   นำหัวนังนั่นกลับมาให้ข้า”   เซเลียเดินลงมาคุกเข่าต่อหน้าบัลลังก์   เมื่อหัวเงยขึ้น   ปรากฏดวงตาสีม่วงที่กำลังจ้องมองเขาผู้นั่งอยู่   ณ   จุดสูงสุดด้วยความภักดี   “เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำพระทัยที่ทรงให้อภัยข้า   ข้าจะนำหัวของนางและกบฏทุกคนมาถวายท่าน   จักรพรรดิแห่งข้า”   ร่างกายเธอเปลี่ยนเป็นสีดำ   แขนทั้งสองที่กางขึ้นกลายเป็นปีกอีกา   ร่างกายที่เหลือเองก็เปลี่ยนไป   อีกาดำตัวใหญ่เท่ามนุษย์โผบินทะลุกำแพงห้องออกไปอย่างน่าอัศจรรย์   “เอเฟเฟีย”   เจ้าของนามสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกขานชื่อขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย   “ขอรับฝ่าบาท”   “จงไปรักษาแขนใหม่ให้ได้โดยเร็ววัน   ข้ามิอยากเดินตามลำพังโดยมิมีเจ้าอยู่ใกล้ๆ”   ทั้งที่น่าจะเป็นประโยคที่แสนธรรมดาแต่พอมันหลุดจากปากของชายคนนี้จึงทำให้เอเฟเฟียรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก     “เจ้าเป็นอะไรรึ?”   เห็นอีกฝ่ายทำท่าครุ่นคิดก็พานให้เขาสงสัยตาม   “หะ-หะ-หามิได้ขอรับฝ่าบาท”   เอเฟเฟียรีบลุกขึ้นแสดงความเคารพก่อนจะเดินจากไปด้วยอาการร้อนรน   

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.