Chapter 4 รัก ลวง

Guildmystic มนตราพันธนาการ ภาค 1

-A A +A
อ่านต่อ

Chapter 4 รัก ลวง

Chapter 4 

รัก ลวง

 

 

             เจ้าชายลำดับสามแห่งอาณาจักรเฮย์เดนนอกจากจะงามสง่าดุจเทวทูตจากสวรรค์แล้ว ยังมีความปรีชาในการรังสรรค์ศิลปะได้มิยิ่งหย่อนไปกว่าจิตรกรฝีมือดี เซเซียจึงใช้ข้อนี้ในการอ้าง ขอให้เขาช่วยเป็นที่ปรึกษาแนะนำผลงานศิลปะแก่นาง

             บ่อยครั้งที่ธิดาองค์รองของกษัตริย์เอลริโก้แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนยังคฤหาสน์รับรองของเฟร์นานโด ภายในห้องทรงงานจิตกรรมซึ่งเจ้าชายไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้ เพราะต้องการความสงบเพื่อสร้างสมาธิในการรังสรรค์ผลงาน แต่ใครไหนเลยจะรู้ว่ากิจกรรมที่ทั้งสองร่วมกระทำมิได้มีเพียงการนั่งจิบชาและปรึกษาเรื่องงานศิลป์

             “น่าเสียดายเหลือเกิน ที่เหตุร้ายเมื่อคืนไม่อาจทำให้ใครบางคนหายไปจากสายตาข้า” เซเซียพูดพลางละสายตาจากผืนผ้าใบที่มีลายเส้นโครงร่างของตัวประหลาดซึ่งมีรูปร่างคล้ายผึ้ง แต่ดวงตาและกรงเล็บใหญ่โตของมันแลดูน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนัก ดวงหน้าหวานงดงามซึ่งเชิดขึ้นเล็กน้อยฉายรอยผิดหวังที่ตัวมารขวางคอไม่ยอมตายเสียที

             “แบบนี้การคุ้มกันก็คงเข้มงวดขึ้น” เฟร์นานโดเอ่ยพร้อมกับโอบกอดร่างระหงจากด้านหลัง สูดกลิ่นหอมกรุ่นเจือจางจากเรือนเกศาแล้วไหวกายไปมาคล้ายกับเต้นรำโดยไม่มีเสียงเพลง

             “แต่มันก็ไม่เป็นอุปสรรคนักไม่ใช่หรือ ในเมื่อเราไม่ได้ใช้งานแต่พวกโจรกระจอก” เขากระซิบแผ่วข้างใบหู รอยยิ้มเหยียดบนมุมปาก ทว่ายังเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์น่าหลงใหล

             “ต่อแต่นี้อาจมีก็ได้” ดวงเนตรกลมโตหรี่ลงเมื่อหันไปประสานสายตากับคู่หมั้นของพี่สาว “ได้ยินว่าคนที่ช่วยนางเป็นพ่อมดที่มีฝีมือเก่งฉกาจ และตอนนี้ก็รับหน้าที่คุ้มครองนางแล้ว”

             “จริงหรือ” เฟร์นานโดกระตุกยิ้ม นัยน์ตาสีมรกตทอประกายวาววาม “อยากรู้เหมือนกันว่าจะสู้คนของข้าได้ไหม”

             เจ้าชายละมือจากเอวบอบบางแล้วเอนตัวลงนั่งบนโซฟาบุนวมนุ่มสีน้ำตาลทองปักลวดลายเถาไม้ด้วยสีน้ำตาลเข้มเข้ากัน เจ้าหญิงนั่งตามลงด้านข้าง เสื้อลำลองสีขาวเนื้อบางปลดกระดุมเผยแผ่นอกหนาหนั่นเรียกดวงเนตรหวานให้มิอาจละสายตา

             “ดูจะมั่นใจในคนของตัวเองเสียเหลือเกินนะ”

             “แน่นอน ที่เจ้าชายอลันต้องเป็นอย่างทุกวันนี้ก็เพราะฝีมือของเขา” เจ้าชายแห่งเฮย์เดนเว้นคำพูดครู่หนึ่งแล้วมองสีหน้าของเซเซีย “เจ้าคงไม่โกรธข้าใช่ไหม”

             เฟร์นานโดเอื้อมมือไปแตะนวลปรางเปล่งปลั่งแผ่วเบาราวกับขอความเห็นใจ เซเซียกอบกุมมือนั้นไว้อย่างรักใคร่ก่อนขยับเข้าซบกับอกอุ่น

             “ข้าไม่เคยโกรธท่าน ยอดรักของข้า” ดวงตาหวานทอดมองไปยังห้วงอากาศอันว่างเปล่า เสียงของนางแผ่วเบาราวรำพึงกับตนเอง

              “ระหว่างพวกเขากับข้าไม่เคยมีความรู้สึกผูกพันใด ถ้าเพื่อท่านแล้วต่อให้สองคนนั่นต้องตาย ข้าก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก”

             กระนั้นเสียงหวานที่เอื้อนเอ่ยก็ยังเจือไว้ด้วยความคับแค้น

             เพียงเพราะนางเกิดจากครรภ์ของสนม จึงไม่เคยได้รับสิ่งใดอย่างเท่าเทียมกันกับบุตรและธิดาของราชินี แม้แต่ความรักจากแม่แท้ ๆ ซึ่งต้องการบุตรชายมากกว่าบุตรสาว

             เพราะเหตุนี้นางจึงเข้าใจความรู้สึกของเฟร์นานโดซึ่งเกิดมาในฐานะเดียวกัน ต่างกันก็แค่นางไม่มีความทะเยอทะยานอยากครอบครองบัลลังก์เหมือนเขา ในใจมีเพียงความริษยาที่มักถูกนำไปเปรียบเทียบกับพี่สาวต่างมารดา และความอิจฉาที่บุรุษซึ่งตนหมายปองไม่ได้ถูกลิขิตให้เป็นของของนาง

             เพราะเหตุนี้เซเซียจึงร่วมมือในแผนการของเฟร์นานโดเพื่อให้ได้ครอบครองเขาโดยไร้ข้อครหา นางต้องกำจัดคู่หมั้นคนปัจจุบันออกไปให้พ้นทาง และเพื่อความฝันของเฟร์นานโดก็จำเป็นต้องกำจัดองค์รัชทายาทเสียด้วย

             เจ้าหญิงองค์รองแห่งเรสทอเรียขยับขึ้นนั่งบนตักเจ้าชายเฟร์นานโดแล้วโอบแขนรอบลำคอเขา หญิงสาวจ้องมองดวงพักตร์สง่างามด้วยความหลงใหล ไล่สายตาตั้งแต่เรียวคิ้วเข้มไปยังริมฝีปากหยักงามน่าสัมผัส บัดนี้เทพบุตรของนางมิได้อยู่สูงเกินเอื้อมอีกแล้ว นางมอบร่างกายและหัวใจแก่ชายผู้นี้จนไม่หลงเหลืออะไร หวังเพียงให้ตนเป็นหนึ่งเดียวในใจเขา เป็นคนเดียวที่สามารถครอบครองเขาเอาไว้ได้ตลอดกาล

             เฟร์นานโดเผยอปากรับสัมผัสหวานละมุนจากเรียวปากอวบอิ่ม ปล่อยหญิงสาวให้กระทำตามอำเภอใจอยู่บนร่างกายของตนโดยไม่ขัดขืน ในห้วงคำนึงรู้สึกพึงพอใจอยู่ไม่น้อย นางซึมซับประสบการณ์ที่เขาสอนไว้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

             นับว่าได้ประโยชน์กว่าที่เคยคาดไว้ในคราแรกมากนัก

             นานมาแล้วที่เจ้าชายลำดับสามแห่งเฮย์เดนถูกส่งมาอยู่ในดินแดนของคู่สัญญาอาณาจักร ไม่ต้องให้ใครมาบอกก็รู้ว่าเขาได้ถูกใช้แล้วในฐานะตัวหมากทางการเมือง ทั้งยังเป็นการจำกัดอำนาจทางทหารของเขามิให้ขยายเกินไปจนยากแก่การควบคุม

             บางทีแผนการช่วงชิงบัลลังก์ในบ้านเกิดของตนคงถูกระแคะระคายเสียแล้ว เขาจึงได้ถูกริบกำลังทหารและเฉดหัวออกมาอยู่ในต่างแดนเช่นนี้

             ถือเป็นความปรานีอย่างใหญ่หลวงที่สิทธิ์และศักดิ์ของเจ้าชายยังคงอยู่ แม้เฟร์นานโดจะไม่นึกซาบซึ้งใจอย่างใดก็ตาม

             การที่ได้รู้ว่าตนมีคู่หมั้นเป็นถึงเจ้าหญิงผู้รั้งตำแหน่งรัชทายาทลำดับสองของอาณาจักรคู่สัญญา จุดไฟแห่งความทะเยอทะยานของเฟร์นานโดขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแค่กำจัดรัชทายาทอันดับแรกและรอวันอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิง เขาก็มิต้องเปลืองแรงอะไรมากแล้ว และเมื่อนั้นเขาจะดำเนินการล้างแค้นบ้านเกิดที่ไม่เห็นเจ้าชายผู้นี้อยู่ในสายตาด้วย

             เจ้าชายแห่งเฮย์เดนวาดฝันเอาไว้มากมาย แต่แล้วก็ต้องเกือบสะดุดหยุดฝันค้างเอาไว้กลางอากาศ ทั้งที่เขาได้เริ่มลงมือส่งคนไปจัดการกับเจ้าชายรัชทายาทแล้ว เมื่อรู้ว่าสการ์เล็ตไม่มีใจให้ตนและคิดล้มเลิกแผนการหมั้นหมายกับเขา หากเป็นเช่นนั้นสิ่งที่ลงมือกระทำไปก็ต้องสูญเปล่า ความปรารถนาที่หวังไว้ต้องล้มครืนไม่เป็นท่า เขาไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนั้นเด็ดขาด

             เมื่อนั้นเซเซียจึงก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในแผนการ เขารู้ได้จากสายตาที่มักทอดมองมาอยู่เสมอว่าสตรีผู้นี้หลงใหลในตัวเขาอย่างหมดหัวใจ และสายสัมพันธ์ระหว่างนางกับพี่น้องก็ดูจะไม่แน่นแฟ้นเท่าไรนัก

             ผู้หญิงคนนี้ใช้ประโยชน์ได้

             เฟร์นานโดถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ ลมหายใจร้อนผ่าวหอบกระชั้น เจ้าชายเทพบุตรหัวเราะให้กับความเร่าร้อนของร่างระหงซึ่งกำลังเป็นฝ่ายครอบครองและควบคุมเขาอยู่ในขณะนี้

             นี่นับเป็นผลพลอยได้ที่สร้างความสำราญใจให้ยิ่งนัก

             เฟร์นานโดยังคงจดจำได้ดีถึงครั้งแรกของสัมผัสสิเน่หาระหว่างเขากับนาง

             ร่างบอบบางสั่นสะท้านเมื่อรับสัมผัสจูบแรกจากเจ้าชายที่ใฝ่ฝัน หล่อนตกอยู่ในภวังค์หวานและเริ่มเรียนรู้ที่จะตอบสนองเขาอย่างไร้เดียงสา เซเซียไม่ปฏิเสธอารมณ์ปรารถนาของตัวเองแม้จะรู้ว่าที่กำลังทำอยู่มันเป็นสิ่งที่ผิดก็ตาม ผู้ชายที่กำลังกอดกับนางอยู่นี้มีเจ้าของ และผู้ครอบครองสิทธิ์นั้นคือพี่สาวต่างมารดาของตน แต่นางก็ไม่อาจหยุดความปรารถนาอันรุ่มร้อนที่แผดเผาไหม้ในทรวงอก ได้แต่ปล่อยตัวและใจไปตามกระแสธารแห่งอารมณ์

             “เป็นอะไรไป” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างนุ่มนวล อ้อมกอดแข็งแกร่งคลายออกเมื่อรู้สึกถึงแรงสะอื้น มือหยาบใหญ่เชยคางมนขึ้นมองดวงตาที่มีน้ำใส ๆ ไหลริน

             “ข้าทำผิดไปแล้ว...ทั้งที่รู้ว่าท่านไม่อาจเป็นคนของข้า ทั้งที่ข้าไม่ควรหวัง แต่ข้าก็ยัง...”

             “เจ้ารักข้าหรือเปล่า” เฟร์นานโดกล่าวตัดบทอย่างนุ่มนวล เก็บซ่อนอารมณ์หน่ายไว้ในใจอย่างมิดชิด เขาจ้องดวงตางดงามราวกับจะเค้นความจริงที่อยู่ลึกในใจหญิงสาวออกมา

             “รัก...ก็เพราะรักน่ะสิ” เซเซียตอบด้วยความจริงใจ น้ำใส ๆ พลันร่วงรินลงมาอีก

             “แล้วถ้ามีทางที่จะทำให้เราสองได้อยู่ร่วมกันล่ะ เจ้าจะว่าอย่างไร”

             เซเซียเบิกตาจ้องสบกับดวงเนตรสีมรกตอย่างมีความหวัง และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นแผนการของทั้งสองคน

             */*/*/*/*

 

             บรรยากาศยามเช้าในอาณาจักรเรสทอเรียนั้นแสนสดชื่นปลอดโปร่งชวนผ่อนคลาย แต่ธิดาลำดับแรกในกษัตริย์ผู้ครองนครกลับขมวดคิ้วมุ่นทันทีที่เดินออกจากห้องบรรทมส่วนในแล้วเห็นใครบางคนนั่งยิ้มแป้นอยู่ในห้องบรรทมส่วนนอก

             “มาเร็วจริงนะ” สการ์เล็ตเอ่ยทักก่อนเยื้องกายไปนั่งบนเก้าอี้ซึ่งอยู่ไกลจากพ่อมดที่สุด

             “มันเป็นหน้าที่ซึ่งพึงกระทำน่ะครับ” คาอิลยิ้มตอบอย่างสดใส แต่ไม่ว่าสการ์เล็ตจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ยียวนกวนอารมณ์ยิ่ง ต่างกับสาวใช้สองนางที่ลอบชม้ายชายตามองรอยยิ้มอันแสนน่ารักของพ่อมดหนุ่มเจ้าเสน่ห์ด้วยอาการเหมือนสาวน้อยแรกรุ่นกำลังตกหลุมรัก

             เจ้าสองคนถูกหลอกแล้ว... เจ้านั่นไม่ได้น่ารักอย่างที่แสดงให้เห็นภายนอกหรอกนะ

             สการ์เล็ตถอนหายใจที่สาวใช้ของนางไม่ระแคะระคายต่อใบหน้าใสซื่อหลังกรอบแว่นนั่น พวกพ่อมดน่ะหรือจะมีสีหน้าแบบนี้จริง ๆ ได้

             “ถอนหายใจแต่เช้าเดี๋ยวความโชคดีจะหนีเสียหมดนะครับ”

             “ข้านึกว่ามันหมดไปแล้วตั้งแต่พบเจ้า”

             ว่าแล้วยังมายิ้มอีก... ทำอย่างไรถึงจะให้เขามีสีหน้าลำบากใจได้บ้างนะ

             “ไม่คิดว่าข้าอาจเป็นความโชคดีในความโชคร้ายของท่านบ้างหรือ เจ้าหญิง” คาอิลส่งสายตาคมปลาบเป็นประกายมาสบประสานกับดวงเนตรสีทับทิม “และอย่าลืมเรื่องคำทำนายของข้าเชียวล่ะครับ เพราะมันแม่นยำเสียจนข้าเองก็ยังนึกหวั่นว่าอาจจะเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้”

             “ท่านพ่อมดทำนายได้ด้วยหรือ เอาไว้ทำนายให้ข้าบ้างสิคะ”

             สาวใช้วัยแรกรุ่นนางหนึ่งเอ่ยหลังจากยกน้ำชาร้อนหอมกรุ่นและอาหารเช้าเบา ๆ มาให้ตามรับสั่งของผู้เป็นนาย เพราะสการ์เล็ตอนุญาตให้พูดและปฏิบัติตัวอย่างเป็นกันเองภายในพื้นที่ส่วนองค์ได้ นางจึงกล้าพูดแทรกขึ้นมา

             “ได้สิครับ เอาไว้ข้าจะทำนายให้” คาอิลพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มหวาน

             “อย่าคิดค่าทำนายแพงนักก็แล้วกันนะคะ”

             “ไม่แพงหรอกครับ ขอแค่ของอร่อย ๆ สักมื้อก็พอ แล้วก็กรุณาเรียกข้าว่าคาอิลเฉย ๆ เถอะนะ” พ่อมดหนุ่มกล่าวด้วยเสียงทุ้มนุ่มนวลชวนฟังพลางรับถ้วยชาจากสาวใช้ นิ้วเรียวยาวแตะลงบนมือนาง ดวงตาสีน้ำเงินหลังกรอบแว่นทอประกายอบอุ่นอ่อนโยน ทำเอาเหล่าสาวใช้แทบละลาย จะยกเว้นไว้ก็แต่สการ์เล็ตซึ่งกำลังรวบช้อนบนจานอาหารของตน

             สายตาหวานเลี่ยนกับน้ำเสียงเมื่อครู่นั้นทำให้นางอิ่มขึ้นมากะทันหัน แถมยังรู้สึกแน่นในอกขึ้นมาอีกต่างหาก อยากคายของในกระเพาะขึ้นมาอย่างไรก็ไม่รู้

             สงสัยการหลอกสตรีจะเป็นงานถนัดของเจ้าพ่อมดนี่กระมัง

             “อิ่มแล้วหรือครับ เจ้าหญิง”

             คาอิลหันมาส่งยิ้มให้นางบ้าง แต่สการ์เล็ตไม่แยแส แม้รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นมันแสนยั่วอารมณ์ แต่ลึก ๆ แล้วก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่ามันช่างน่ามองเหลือเกิน

             “วันนี้ข้าตื่นสายมาก ยังมีงานอีกเยอะที่ต้องทำ ไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งสบายหรือคอยตามใครหรอกนะ”

             เจ้าหญิงปรายหางตามองพ่อมดและเห็นว่าคิ้วเรียวนั่นยกขึ้นเล็กน้อย

             “แหม... ผิดกับข้าเลยนะครับ เพราะงานของข้าต้องคอยตามติดชนิดไม่ให้ห่างตัวเลยทีเดียว”

             คิ้วเรียวงามขมวดมุ่นเมื่อถูกยอกย้อน การกวนโทสะผู้อื่นคงเป็นงานอดิเรกของพ่อมดคนนี้ ดังนั้นนางจะต้องไม่ปล่อยอารมณ์ให้เป็นไปตามการยั่วของเขาอย่างเด็ดขาด แต่การต้องทนเห็นหน้าตาอย่างนี้ทั้งวี่ทั้งวันก็เห็นทีจะยากยิ่ง...

             เจ้าหญิงถอนหายใจแล้วหยิบสิ่งของจำเป็นก่อนลุกขึ้น นางเดินออกจากห้องเพื่อเริ่มต้นงานการทำราชกิจโดยมีพ่อมดเดินตามติดไม่ห่าง

             “นั่นเป็นคำทำนายจริง ๆ น่ะรึ ข้านึกว่าเป็นคำขู่เสียอีก” สการ์เล็ตพูดพลางมองพ่อมดหนุ่มด้วยสายตาเหยียดระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินทางไปยังห้องทรงงานส่วนองค์

             “เรียกว่าเป็นการเตือนดีกว่านะครับ” คาอิลหัวเราะในลำคอ เรียวปากหยักงามเผยยิ้มกว้างอวดฟันสวย มันเป็นรอยยิ้มที่สดใสชวนมองจนไม่น่าเชื่อว่าบุคคลผู้นี้คือพ่อมดที่แสนร้ายกาจและโหดเหี้ยมในคืนก่อน เพราะใบหน้าที่มักยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลานี่เองทำให้สการ์เล็ตลืมตัวแสดงท่าทีต่อต้านเขา นางรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันทีที่คิดว่าหากทำให้คนผู้นี้โกรธขึ้นมาจริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

             “ท่านก็น่าจะเห็นแล้วว่ามันเป็นไปตามที่ข้ากล่าวไว้ และข้าก็อยากให้ท่านทำตามคำแนะนำนั้นเสียด้วย”

             “นั่นสิ มันเป็นคำแนะนำที่ดีใช้ได้นะ ข้าควรจะระวังคนใกล้ตัวเอาไว้” สการ์เล็ตหันไปมองพ่อมดเต็มตาพร้อมกับแย้มรอยยิ้มพราย “โดยเฉพาะเจ้า ซึ่งตอนนี้ก็ถือเป็นคนใกล้ตัวข้าคนหนึ่ง”

             พ่อมดหนุ่มเลิกคิ้ว จ้องตอบเจ้าหญิงด้วยดวงตาวาววาม รอยยิ้มเหมือนจะลดลงเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่ออก

             “ใช่แล้วล่ะครับ ข้าไม่ใช่คนที่ท่านควรไว้ใจเลยแม้แต่น้อย”

             คาอิลเหลือบมองแผ่นป้ายโลหะสีทองซึ่งระบุชื่อห้องที่ด้านข้างของหญิงสาว เขาจึงเอื้อมมือไปเปิดประตูให้สการ์เล็ต เป็นจังหวะเดียวกับที่นางเองก็กำลังผลักบานประตูนั้น ทำให้ทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันอย่างไม่ตั้งใจ มากขนาดสัมผัสได้ถึงกลิ่นกายของอีกฝ่าย ครั้นเห็นว่าเจ้าหญิงเกร็งตัวจนร่างแข็งทื่อคล้ายกำลังหวาดกลัว บุรุษหนุ่มก็ผ่อนลมหายใจแล้วจึงถอยออกมา ให้หญิงสาวได้เข้าไปก่อน จากนั้นจึงเดินตามเข้าไปทีหลังอย่างเงียบงัน

             ภายในห้องทรงงานของเจ้าหญิงลำดับแรกแห่งเรสทอเรียตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่หรูหรา เน้นความสว่างสดใสสบายตา ตู้หนังสือและเก้าอี้สำหรับรับรองแขกถูกจัดไว้อย่างเป็นสัดส่วน ชั้นวางประดับด้วยแจกันดอกไม้สีสวยส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ เสริมสร้างความผ่อนคลาย

             สการ์เล็ตนั่งลงที่โต๊ะทรงงานซึ่งตั้งอยู่ด้านในสุดของห้อง นางส่งสายตาดุให้คาอิลซึ่งถือวิสาสะมาหยิบหนังสือเอกสารบนโต๊ะของนางไปแล้วส่ายหน้า

             พ่อมดหนุ่มเลือกนั่งเก้าอี้ที่ไม่ห่างจากโต๊ะทรงงานของเจ้าหญิงนัก เขายกหนังสือขึ้นเปิดอ่าน แต่สายตากลับแลเลยหัวหนังสือไปยังคนที่ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขะมักเขม้น

             สงสัยจะหยอกเย้าหนักมือไปหน่อย ทั้งที่ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรให้เกินเลยไปนัก แต่พอเอาเข้าจริงเขากลับเผลอปล่อยให้อารมณ์พาไปเสียขนาดนี้

             ช่วยไม่ได้... ก็นางช่างน่ากลั่นแกล้งเสียเหลือเกิน

             ริมฝีปากก็นุ่มนวลกว่าที่เคยคิด... จนอยากครอบครองความหอมหวานนั้นเอาไว้อย่างไม่รู้คลาย เมื่อนึกถึงคืนวันก่อนที่ได้พบกับเจ้าหญิง... กระทำการอุกอาจไปถึงขนาดนั้นคงจะไม่มีใครคิดแน่...ว่านั่นก็เป็นครั้งแรกสำหรับเขาเหมือนกัน

             สาวใช้ซึ่งยกน้ำชาร้อนกรุ่นมาให้ มองใบหน้าที่ขึ้นสีเรื่อของพ่อมดด้วยความแปลกใจ

             “เป็นอะไรไปหรือคะ สีหน้าของท่านถึงได้...”

             “ข้าไม่เป็นไร แค่รู้สึกร้อนไปหน่อยเท่านั้นน่ะครับ” คาอิลตอบพร้อมกับปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

             “ถ้าอย่างนั้นข้าจะหาเครื่องดื่มเย็น ๆ ที่ช่วยให้สดชื่นมาให้นะคะ”

             “เป็นความกรุณาอย่างยิ่ง ขอบคุณครับ”

             คาอิลยิ้มหวาน หลังจากหญิงรับใช้ออกไปแล้วสการ์เล็ตจึงเงยหน้าขึ้นมองพ่อมดบ้าง

             ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรสักหน่อยนี่นา สำออยอ้อนสาวเรอะ?

             เจ้าหญิงแห่งเรสทอเรียเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พร้อมกับวางมือประสานกันบนโต๊ะแล้วมองพ่อมดอย่างพิจารณา

             “คาอิล เจ้าส่งหนังสือยืนยันสถานะพ่อมดแล้วหรือยัง”

             สการ์เล็ตเอ่ยถามถึงระเบียบการซึ่งพ่อมดพึงกระทำเมื่อรับใช้อาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่ง แม้เป็นอิสระก็ยังต้องส่งจดหมายยืนยันสถานะของตนทุก ๆ หนึ่งปีเพื่อง่ายต่อการตรวจสอบขององค์กรแห่งเวทมนตร์

             “เรียบร้อยแล้วล่ะครับ”

             สการ์เล็ตพยักหน้าช้า ๆ พลางคิดว่าถ้าส่งใบร้องเรียนความประพฤติของพ่อมดไปที่กิลด์มิสทิคแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ราวกับความคิดนั้นจะถูกอ่านออก พ่อมดหนุ่มจึงเอ่ยดักคอ

             “ถ้าจะส่งใบแสดงความประพฤติของข้าไปที่องค์กรล่ะก็...ขอความกรุณาช่วยเขียนดี ๆ หน่อยนะครับ เพราะมันเกี่ยวพันถึงอนาคตการงานของข้า”

             คาอิลพูดอย่างยิ้มแย้ม แต่สการ์เล็ตเห็นว่าแววตาหลังกรอบแว่นนั่นมันกำลังข่มขู่กันชัด ๆ นางเม้มปากแล้วจึงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อโดยไม่คิดสนใจอะไรอีก

             รายงานเอกสารสะสมจนกองโตเพราะรัชทายาทที่แท้จริงไม่อยู่ในสภาพที่จะสะสางงานได้ ราชกิจทั้งมวลเหล่านั้นจึงตกมาเป็นภาระของเจ้าหญิงผู้รั้งตำแหน่งรัชทายาทอันดับสองแต่ในนามโดยไม่คาดฝัน สการ์เล็ตคิดว่าอาจจะใช้เวลาจนถึงค่ำจึงจะสะสางงานจนเสร็จสิ้น

             ทว่าเพราะความช่วยเหลืออย่างตั้งใจหรือเปล่าไม่ทราบได้ของใครบางคน ทำให้เจ้าหญิงปลดภาระได้ก่อนจะเย็นย่ำ

             สการ์เล็ตมองพ่อมดด้วยสายตาที่คาดไม่ถึง วันนี้ทั้งวันเขานั่งอยู่บนเก้าอี้โดยไม่ขยับเข้าใกล้หรือให้ความสนใจกับนางนัก แต่กลับเอ่ยประโยคลอย ๆ ซึ่งช่วยลดทอนความลังเลต่อการตัดสินใจในเอกสารที่นางกำลังทำอยู่ได้ราวกับมองเห็นและล่วงรู้อยู่ตลอดเวลาว่านางกำลังทำอะไร

             เจ้าหญิงแย้มยิ้มบางครั้นนึกถึงเรื่องการตอบแทนที่คาอิลบอกกับสาวใช้เมื่อเช้า นางมองพ่อมดครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ย

             “งานวันนี้เสร็จเร็วเหลือเกิน ไปหาของอร่อย ๆ ทานกันไหม”

             “ไม่ไป”

             คาอิลตอบทันควัน น้ำเสียงติดห้วนจนสการ์เล็ตนึกแปลกใจ ทว่าเมื่อพ่อมดลดหนังสือที่กำลังอ่านลง เขาก็ยิ้มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเหมือนเคย “ตอนนี้คงไปไม่ได้แล้วล่ะครับ”

             สิ้นคำกล่าวสาวใช้ก็เคาะประตูแล้วเข้ามาบอกว่าเจ้าชายคู่หมั้นมาขอพบ สการ์เล็ตหันไปมองพ่อมดราวจะถามว่า ‘รู้ล่วงหน้าหรืออย่างไร’ ก่อนจะเดินออกไปพบแขกตามคำเชิญ

             ภายในห้องรับรองแขกเหมือนถูกแปรสภาพไปเป็นสวนดอกไม้ชั่วคราว ช่อดอกลิลลี่ขาวและกุหลาบแดงตั้งเรียงรายส่งกลิ่นหอมฟุ้งกำจายตลบอบอวลไปทั่ว เจ้าชายเฟร์นานโดยิ้มอย่างยินดีที่พบคู่หมั้น เขาก้าวปราดเข้าไปสวมกอดเจ้าหญิงโดยไม่สนสายตาของเหล่าข้าราชบริพารหรือแม้แต่คนแปลกหน้าอย่างคาอิล

             “ท่านเฟร์นานโด กรุณาปล่อยเถอะค่ะ” สการ์เล็ตเตือนเจ้าชายและถอยห่างออกมาหนึ่งก้าวทันทีที่อ้อมแขนคลายออก นางเสมองทางอื่นและทันเห็นพ่อมดขยับแว่นแสร้งมองไม่เห็นภาพเมื่อครู่

             “ขออภัย ข้าลืมตัวไปหน่อย” เฟร์นานโดพูดด้วยท่าทางเก้อเขินก่อนจะคว้ามือบอบบางไปกุมไว้ไม่ยอมปล่อย “แต่ข้าดีใจเหลือเกิน ที่ได้เห็นว่าท่านปลอดภัยดีเช่นนี้”

             “ขอบคุณค่ะ”

             สการ์เล็ตยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนใจ ทำไมอยู่ดี ๆ นางถึงรู้สึกอย่างนี้ได้นะ ทั้งที่เมื่อก่อนยังเฉยได้แท้ ๆ

             ดวงเนตรสีมรกตมองเลยไปยังบุรุษสวมแว่นซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของคู่หมั้น เครื่องแต่งกายอันมีลักษณะเฉพาะพอจะทำให้เขาเดาได้ว่าคนผู้นี้เป็นใคร

             “เจ้าคงเป็นพ่อมดผู้ช่วยชีวิตคู่หมั้นของข้าสินะ ข้าได้ฟังเรื่องราวอันกล้าหาญของเจ้าแล้ว ต้องขอบใจมากจริง ๆ” เฟร์นานโดกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แสดงความซาบซึ้งตรงข้ามกับม่านตาซึ่งเบิกกว้างและความจริงที่คิดอยู่ในใจ

             แกนี่เองที่เป็นตัวมารขัดขวางแผนการของเรา

             “มิใช่เรื่องที่เจ้าชายต้องใส่ใจเลยแม้แต่น้อย มันเป็นหน้าที่ซึ่งพึงกระทำของประชาชนที่เป็นพลเมืองดีอยู่แล้วล่ะครับ”

             คาอิลค้อมศีรษะอย่างสุภาพและเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยน เรียกมุมปากของเจ้าหญิงให้กระตุก

             ไอ้ตอนที่เจ้าช่วยข้า...ไม่ได้พูดอย่างนี้สักนิด

             สายตาอาฆาตของสการ์เล็ตถูกดึงออกจากพ่อมดด้วยคำชวนของเจ้าชายแห่งเฮย์เดน นางถูกลากไปนั่งในสวนดอกไม้อย่างไม่เต็มใจและต้องฟังเรื่องสัพเพเหระของเขาอย่างเบื่อหน่ายโดยมีคาอิลเดินตามติดไม่ห่าง แม้เฟร์นานโดจะทั้งกระแอมกระไอและส่งสายตาเชิงไล่ แต่พ่อมดหนุ่มแว่นก็ยังยืนยิ้มอยู่เป็นก้างอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร

             เรื่องเล่าที่สิบผ่านเข้าหูซ้ายและทะลุออกหูขวาโดยที่สการ์เล็ตแกล้งทำเป็นยิ้มและส่งเสียงอือออรับเป็นจังหวะแม้จะไม่เข้าใจในเนื้อหาของเรื่องที่คุย เพราะสมองของนางกำลังคิดถึงแต่เรื่องอื่น

             องค์รัชทายาทป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หายมานานกว่าปีแล้ว แม้นางไม่อยากสืบบัลลังก์แต่หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้เห็นทีจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วเจ้าชายผู้นี้น่ะหรือจะมาช่วยแบ่งเบาภาระของนาง

             เฟร์นานโดอาจจะมีความสามารถทางด้านการทหารตามที่ได้รับฟังมา แต่นางไม่คิดว่าเจ้าชายผู้นี้จะมีความสามารถในการดูแลบริหารบ้านเมือง จากการที่สังเกตได้ว่าเขาไม่เคยสนใจความเป็นอยู่ของประชาชน ไม่รู้สึกถึงความสำคัญของเศรษฐกิจและการพัฒนาอาณาจักร

             การเลือกคู่ครองของเหล่าเชื้อพระวงศ์ต้องมีสิ่งที่มากกว่าความรัก โดยเฉพาะกับการแต่งงานของนางซึ่งอาจมีผลต่อการปกครองบ้านเมือง

             ถ้าเจ้าชายรัชทายาทไม่ได้ประชวรอยู่เช่นนี้ นางอาจยังมีอิสระที่จะเลือกครองสันโดษตลอดไป หากไม่พบใครสักคนที่พึงใจจนปรารถนาอยากจะอยู่เคียงกันชั่วชีวิต

             ดวงเนตรสีทับทิมมองบุคคลตรงหน้าแล้วก็ให้ทอดถอนหทัย หากต้องเลือกคู่ครองโดยระลึกถึงแต่ประโยชน์อันจะพึงเกิดแก่อาณาจักรแล้ว ให้นางเลือกคาอิลเสียยังจะได้ประโยชน์มากกว่าเลือกแต่งกับเจ้าชายจากเฮย์เดนผู้นี้เป็นแน่

             พอนึกได้ว่าเผลอคิดอะไรที่น่ากลัวออกไป ใบหน้านวลก็ให้รู้สึกร้อนผ่าว ดวงเนตรคู่งามลอบแลไปยังพ่อมดแล้วก็ต้องรีบหลุบหลบในทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายก็กำลังมองมา

             สการ์เล็ตยกมือขึ้นทาบทรวงอกเบา ๆ ดวงใจที่น่าจะเฉยชาต่อบุรุษทุกนายไม่น่าจะรู้สึกหวั่นไหวได้อย่างนี้ หรือจะเป็นเพราะดวงตาสีน้ำเงินประหลาดที่นางไม่เคยคิดฝันว่าจะได้เห็นจากใครอื่น

             ใช่แล้ว...ทั้งที่ก็เป็นแค่คนอื่นแท้ ๆ

 

 

 

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.