บทที่ 211 คนใกล้ตัว
จากนั้นไม่นานมากนักฉันก็ได้แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย และนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกันกันที่รถจากบ้านท่านหญิงเธซ่าใกล้จะมาถึงแล้ว
ฉันเลือกที่จะส่งเป็นข้อความแทนที่จะโทรไปตามเบอร์ที่เนื้อนวลบอกเอาไว้ ว่าให้รถออกมารับได้แล้ว จากนั้นฉันก็เช็กความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้ง เพื่อให้ชัวร์ว่าทุกอย่างดูดีไม่มีที่ติ...
และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็ได้เวลาที่ฉันจะเดินทางได้แล้ว...
ทันทีที่ฉันย่างกายออกจากห้อง...ฉันก็พบเข้ากับทดบอดี้การ์ดหนุ่มที่คุณเซฟให้มาคอยดูแลฉันยืนอยู่หน้าห้อง และตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีแค่เขาคนเดียวที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเพนท์เฮ้าส์นี้แค่เพียงคนเดียว
“นายหญิงจะไปไหนหรอครับ” ทดบอดี้การ์ดประจำตัวฉันเอ่ยถาม
“เอลิซจะไปทานข้าวที่บ้านท่านหญิงเธซ่าน่ะ” ฉันยิ้มน้อย ๆ ตอบกลับไป ก่อนที่สายตาจะกวาดมองหาคนอื่น ๆ ที่มักจะเฝ้าอยู่บริเวณแถวนี้ด้วยความสงสัย
“เอ๊ะ!!...แล้วคนอื่นหายไปไหนกันหมดล่ะคะ” ฉันเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นว่าลูกน้องคุณเซฟที่มักจะยืนเฝ้าอยู่ตลอดทางบนชั้นนี้หายไปไหนหมด
“ถึงเวลาเปลี่ยนกะพอดีครับ อีกสักพักก็คงมา” ทดตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ฉันพยักหน้าน้อย ๆ ตอบทดกลับไปเป็นเชิงบอกว่าฉันเข้าใจแล้ว ก่อนที่ตัวเองจะก้าวเท้าเดินไปยังลิฟต์ส่วนตัว เพื่อลงไปยังด้านล่างตึก
“เดี๋ยวผมไปเตรียมรถให้นะครับ นายหญิง” บอดี้การ์ดหนุ่มคนเดิมรีบสาวเท้าเดินตามหลังฉันมาติด ๆ พร้อมกับเอ่ยบอกในสิ่งที่ตนเองทำเป็นประจำเวลาที่ฉันจะออกไปไหนข้างนอก
และพฤติกรรมของทดก็ทำให้ฉันถึงกับหยุดเท้าชะงักลงในทันที
“ไม่เป็นไรจ้ะ” ฉันหันมาเอ่ยห้ามเขาเอาไว้ เพราะไม่อยากให้ยุ่งยากและอีกอย่างก็มีรถจากบ้านท่านหญิงเธซ่าจะมารับอยู่แล้ว
“แต่ว่า...” บอดี้การ์ดหนุ่มทำท่าทางอึดอัด เหมือนต้องการจะติดตามฉันไปให้ได้
ฉันมองออกได้ในทันทีเลยว่าเขาเป็นกังวลมากแค่ไหน เนื่องจากถ้าหากคุณเซฟรู้เข้าว่าเขาปล่อยให้ฉันไปไหนมาไหนคนเดียว เขาคงโดนเล่นงานอ่วมแน่นอน
และอากัปกิริยาของเขาก็ถึงกับทำให้ฉันรีบเอ่ยบอกเพื่อให้เขาสบายใจ
“เดี๋ยวเอลิซบอกคุณเซฟเองค่ะ ว่าเอลิซเป็นคนบอกเองว่าไม่ให้ไปด้วย อีกอย่างทดไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ เอลิซไปบ้านท่านหญิงเธซ่า ท่านเป็นป้าแท้ ๆ ของคุณเซฟเขาหนะ คุณป้าเขาคงไม่ทำอะไรเอลิซหรอก แล้วก็คณป้าเธซ่าท่านเองก็เป็นคนอาสาส่งรถให้มารับเอลิซเองด้วย เพราะงั้นทดก็อยู่นี่แหละจ้ะ” ฉันเอ่ยย้ำเพื่อให้บอดี้การ์ดประจำตัวของฉันได้สบายใจ ก่อนที่ตัวเองจะก้าวเท้าเดินต่อไป เพราะเสียเวลาไปมากแล้ว
แต่ทว่า...ทดบอดี้การ์ดของฉันก็ยังเลือกที่จะเดินตามฉันมาอยู่ดี
ฉันที่เห็นว่ามันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายกับการที่เขาจะทำตามหน้าที่เดินมาส่งฉัน ด้วยเหตุนั้นฉันจึงไม่ได้เอ่ยห้ามอะไรเขาอีก...
หลังจากที่ฉันกดลิฟต์ลงมาจากเพนท์เฮ้าส์สุดหรูแล้ว เมื่อมาถึงชั้นล่างฉันก็ได้เดินมายืนรออยู่ที่บริเวณด้านหน้าคอนโด ก่อนที่ฉันจะหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเพื่อฆ่าเวลา
แต่สิ่งที่ฉันยังรู้สึกแปลกใจนั่นก็คือ...ทดบอดี้การ์ดประจำตัวของฉันเขาก็ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
ฉันที่นึกขึ้นมาได้ว่าอาจจะลืมบอกให้เขากลับขึ้นไปบนเพนท์เฮ้าส์ได้แล้ว ก็ได้เอ่ยปากบอกเขาอีกครั้ง
“ไม่มีอะไรแล้ว ทดก็ขึ้นไปพักผ่อนเถอะค่ะ เอลิซรอรถจากบ้านท่านหญิงเธซ่าคนเดียวได้สบาย ๆ ค่ะ” ฉันเอ่ยบอกบอดี้การ์ดของตัวเองที่ยืนอยู่ถัดไปทางด้านหลังของฉัน โดยที่ตัวฉันไม่ได้หันไปมองเขา เพราะฉันเองก็มัวแต่เล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ จึงทำให้ไม่ได้ใส่ใจว่าเขาได้เดินจากไปตามคำบอกของฉันแล้วหรือยัง
ในขณะที่ฉันกำลังจะกดมือถือ เพื่อโทรไปถามว่ารถจากบ้านท่านหญิงเธซ่ามาถึงไหนแล้ว ใกล้ถึงแล้วหรือยัง...
ในจังหวะนั้นเอง ~~
เอี๊ยดดดด!!
เสียงเบรกจากรถตู้ที่ติดฟิล์มดำทึบคันหนึ่ง ที่ขับมาด้วยความเร็วก่อนที่จะหยุดรถอยู่ตรงหน้าของฉัน ~~
ฉันที่รู้สึกมึนงงและแปลกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันตรงหน้า ทำให้คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย พร้อมกับความรู้สึกบางอย่างจากสัญชาตญาณของมนุษย์ที่บ่งบอกว่าสถานการณ์ตรงหน้าดูท่าจะไม่ปลอดภัย...
และในขณะที่ฉันไม่ทันตั้งตัว
หมับ!!
“ว๊ายยย...” ฉันกรีดร้องออกมาสุดเสียงด้วยความตกใจ หลังจากที่ได้มีชายฉกรรจ์สองคนลงมาจากรถ แล้วตรงเข้ามาจับที่ข้อมือฉัน พร้อมกับออกแรงฉุดกระชากลากถูฉันเพื่อให้ขึ้นไปบนรถตู้คันนั้นด้วยกันกับพวกเขา
ฉันที่ตกใจทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยต้องพบเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน จึงทำให้เพียงทำไปตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอดที่ธรรมชาติให้มา
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย...ใครก็ได้ช่วยด้วย...ปล่อยนะ...ไอ้บ้าปล่อยนะปล่อย...กรี๊ดดดดด” ฉันที่ทั้งออกแรงดิ้นและตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ เพื่อให้ตัวเองหลุดออกจากพันธนาการ
แต่ทว่า...ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ทั้งสถานการณ์ชุลมุน ทั้งร่างกายอันบอบบางของฉัน มันทำให้ฉันไม่อาจจะต้านทานแรงฉุดลากของผู้ชายร่างโตได้เลย
และก่อนที่เสียงสุดท้ายของฉันจะเลือนหายไปพร้อมกับสติสัมปชัญญะ...
ในจังหวะนั้นเอง!!
อุ๊บ!!
ฉันก็รับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่โป๊ะเข้ามาที่จมูกของฉัน และกลิ่นของมันก็ทำให้ฉันรู้สึกมึนงง ตาลาย จนทำให้ภาพตรงหน้าค่อย ๆ เลือนรางจางหายจนกระทั่งมืดสนิทลงไป
สติสุดท้ายของฉันดับวูบลงไปพร้อมกับความทรงจำอันเลือนราง ที่ย้ำให้ฉันรับรู้ได้ว่าอันตรายที่ฉันกังวลก่อนหน้านี้ บัดนี้มันได้เกิดขึ้นจริงแล้ว
และก่อนที่ความรู้สึกสุดท้ายจะเลือนหายไป ภาพเหตุการณ์ ความรู้สึกนึกคิด หรือแม้กระทั่งความสงสัยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลับเป็นสิ่งที่ฉันจดจำมันได้เป็นอย่างดีและคิดว่าถ้าหากฉันได้มีโอกาสลืมตาขึ้นมาอีก ฉันก็ยังจดจำได้
ความรู้สึกนั้นนั่นก็คือ ความรู้สึกที่รับรู้ได้ถึงมือหนาที่เอื้อมมาจากด้านหลังของฉัน และมือนั้นก็เป็นมือเดียวกันกับที่ใช้จัดการโป๊ะยาสลบฉันอีก แม้ในช่วงเวลาฉับพลันแต่ฉันก็มั่นใจว่าข้างหลังฉันไม่มีใคร แต่ทว่า...สิ่งที่ทำให้ฉันต้องกลับมาฉุกคิดถึงใครคนหนึ่ง นั่นก็คือเสียงที่เอื้อนเอ่ยอยู่ริมข้างหูของฉัน ที่ฉันฟังยังไงก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดเพราะมันดันเป็นเสียงของคนคนหนึ่งที่ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นเขาที่กระทำกับฉันแบบนี้ และเสียงคุ้นหูนั้นที่ดังก้องกังวานก็ทำให้หัวใจของฉันกระตุกวูบก่อนจะหมดสติลงไป
“เอาเธอขึ้นรถ” นั่นคือเสียงของบอดี้การ์ดหนุ่มประจำตัวฉันที่เป็นคนเอ่ยออกคำสั่ง
ใช่!!...เสียงนั้นคือเสียงของ ทด...!! และเสียงนั่นก็เป็นเสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยิน...
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 22
แสดงความคิดเห็น