บทที่ 172 ท้องชัวร์!!
หัวใจที่แทบจะหยุดเต้นหลังจากได้ยินประโยคที่ไม่คาดฝัน ~~
‘แปลกจัง...นี่ถ้าลองเป็นแถวบ้านเรานะอาการแบบนี้อ่ะ...ท้องชัวร์...’
(O//_//O) ดวงตากลมโตของฉันเบิกโพลงทันทีที่ได้ยินคำพูดจากคนสูงวัยมากประสบการณ์ อีกทั้งหัวใจดวงน้อย ๆ ยังกระตุกวูบขึ้นมาในทันที หัวใจที่เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะพร้อมกับเหงื่อเย็นที่ไหลซึมออกมาตามกรอบหน้าสวย และความรู้สึกหวั่นไหวแปลก ๆ ก่อตัวอยู่ข้างในหัวใจอย่างลับ ๆ
‘ระ...หรือว่า...ฉะ...ฉันกำลังจะมีเซบาสเธียน้อย เอ๊ะ หรือเอลิซน้อยกันนะ’
ฉันที่อดตื่นเต้นไปกับคำพูดของแม่บ้านสูงวัยไม่ได้ รอยยิ้มสวยผุดขึ้นบนใบหน้าหวานทันที พร้อมกับมือที่แอบลูบไปเบา ๆ บนหน้าท้องของตัวเอง ด้วยความรู้สึกของสัญชาตญาณความเป็นแม่ ก่อนที่ตัวเองจะเริ่มนึกคำนวณระยะรอบเดือนที่ควรจะมาได้แล้ว
“แต่เอ๊ะ...รอบเดือนสุดท้ายของฉันมาเมื่อไรกันนะ” ฉันยืนครุ่นคิดพิงขอบอ่างล้างหน้า
“ถ้านับตั้งแต่ที่มาเจอกับเขา ก็ก่อนหน้านั้นน่าจะสักประมาณอาทิตย์หรือสองอาทิตย์ใช่หรือเปล่านะ” ฉันที่งึมงำกับตัวเอง โดยที่ตัวเองก็ไม่แน่ใจในสิ่งที่คิดเลย
“แต่ว่าปกติแล้ว...ประจำเดือนของฉันมันเลื่อนไปมาตลอดเลยนี่น่า...หรือว่าจะเป็นเพราะโรคกระเพาะอย่างที่สงสัยหรือเปล่า เพราะจะว่าไปหลังจากคืนนั้นฉันก็ไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินนี่น่า” ใบหน้าสวยที่ตื่นเต้นในตอนแรก สลดลงทันทีที่คิดถึงอีกเหตุผลหนึ่งที่น่าจะเป็นไปได้เช่นเดียวกันเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้น
ฉันที่ยืนจมอยู่กับคิดของตัวเองอยู่นาน จนไม่ทันได้สังเกตเลยว่าบัดนี้คนตัวโตที่รีบเดินตามมาหาฉันด้วยความเป็นห่วง ได้เดินมาประชิดตัวแล้ว นั่นก็เพราะว่าป้าสายแกได้รายงานให้เขาฟังจนหมดแล้ว
“เอลิซเป็นอะไรคะ เห็นป้าสายบอกว่าเอลิซวิ่งมาอ้วกไม่หยุดเลย” เขาที่พอมาถึงก็รีบเดินมาประคองใบหน้าฉันอย่างสำรวจทันที พร้อมกับพรั่งพรูเอ่ยคำถามด้วยความเป็นห่วง
ฉันจับมือของเขาที่ประคองหน้าฉันอยู่ พร้อมกับส่งยิ้มและส่ายหน้าไปมาในเวลาเดียวกัน เพื่อบอกเขาว่าฉันไม่เป็นไรแล้ว
“ดูสิ...หน้าซีดไปหมดเลย เอางี้ดีกว่าเดี๋ยวเรากินข้าวเสร็จแล้วเรากลับเพนท์เฮ้าส์กันเลยนะ เดี๋ยวเฮียจะเรียกไอ้หมอมาตรวจดูที่บ้านเลย จะได้รู้ว่าเป็นอะไร เอลิซเป็นแบบนี้เฮียใจคอไม่ดีเลยรู้ไหม...หื้มมมม” เขาแสดงสีหน้าที่บ่งบอกว่าเป็นกังวลสุด ๆ มาให้ฉัน พร้อมกับท่าทางที่ดูกระวนกระวายจนดูไม่เป็นตัวเขาเอาเสียเลย
ฉันที่แม้จะรู้สึกเสียดายและอยากจะอยู่บนเกาะนี้ต่ออีกสักหน่อย แต่เพราะว่าฉันเองก็อยากจะรู้ในสิ่งที่ตัวเองสงสัยเหมือนกัน จึงไม่ได้ขัดในเจตนารมณ์ของเขาออกไป
เขาที่มองหน้าฉันอยู่นาน ก่อนผละมือมาโอบกอดฉันแนบกาย ตัวที่สั่นเทาของเขาทำให้ฉันรับรู้ได้ทันทีว่าเขารู้สึกห่วงและเป็นกังวลต่ออาการที่ฉันเป็นมากแค่ไหน
สิ่งที่เขาแสดงออกมานั้น ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกเต็มตื้นค่อย ๆ เอ่อล้นออกมา จนขอบตาเริ่มร้อนผ่าว
“เฮียขอโทษนะคะ ที่ทำให้เอลิซต้องมาป่วยแบบนี้ ถ้าไม่เพราะความเห็นแก่ตัวของเฮีย คอยแต่จะตักตวงความสุขจากตัวเอลิซ เอลิซก็ไม่ต้องมาเป็นแบบนี้...” ไหล่ที่สั่นไหวของเขา ทำให้ฉันรับรู้ได้ว่าเขากำลังเสียใจมากแค่ไหน เสียงสะอื้นที่เขาพยายามสกัดกลั้นเอาไว้ของเขา ทำให้น้ำตาที่เอ่อคลอของฉันไหลออกมาทันที
“ฮึกๆๆๆ ...ฮือออออ ~~” และแล้วเขื่อนน้ำตาของฉันก็แตกออกมาทันที
“เอลิซเป็นอะไรคะ ใครทำอะไรบอกเฮียซิ...” (O_O) ดวงตาสีเทาเข้มเบิกกว้างออกมาด้วยความตกใจ เขาที่รีบกลืนน้ำตาที่รื้นออกมาของตัวเองกลับไป แล้วรีบกลับมาโฟกัสที่คนตรงหน้าทันที
“ฮึก...ฮึก...ฮึก ~~” ฉันสะอึกสะอื้นส่ายหัวไปมาเป็นคำตอบ นั่นก็เพราะว่าฉันไม่รู้จะตอบเขาว่ายังไง ถึงเหตุที่ฉันร้องไห้ออกมา
แต่สิ่งที่ฉันทำ กลับทำให้เขายิ่งมีสีหน้าเป็นกังวลมากยิ่งขึ้นไปอีก โดยที่เขาพยายามจะจ้องเข้ามาในดวงตากลมโตของฉันอย่างต้องการฟังคำตอบ
ฉันรู้ดีว่าถ้าฉันไม่พูดอะไรออกไป ก็รังแต่จะทำให้เขาที่เป็นห่วงมากขึ้น
“เอลิซ แค่ซึ้งใจที่เฮียรักและแคร์เอลิซมากขนาดนี้ค่ะ...ฮึก...ฮึก” ฉันพูดพร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความเขิน อีกทั้งยังพยายามปาดน้ำตาตัวเองไปมา
“โธ่...คิดอะไรมากยังนั้นล่ะค่ะ...ก็เมียเฮียทั้งคนนะ...จะไม่ให้เฮียรัก ไม่ให้เฮียแคร์ ไม่ให้เฮียห่วง ไม่ให้เฮียหวงได้ยังไงล่ะค่ะ...หื้มมมม” เขาที่เมื่อได้ฟังคำอธิบายของฉัน ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที ก่อนที่จะโอบกอดหัวทุยให้ซุกเข้าไปที่อกอันอบอุ่นของเขา
เราสองคนผลัดกันปลอบกันไปมาอยู่ในห้องน้ำอยู่นาน จนกระทั่งป้าสายมาตามเพราะว่าทำอาหารเสร็จแล้ว
อาหารตรงหน้าแม้จะไม่ได้เลิศหรูมาก แต่ดูแล้วคุณค่าทางโภชนาการอาหารครบสุด ๆ ฉันเอ่ยขอบคุณป้าสายสำหรับอาหารมื้อนี้ ก่อนที่จะเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย แม้ว่าเมนูปลานึ่งฉันจะยังไม่ชินกับกลิ่นของมัน แต่เพราะความหิวและรสชาติที่อร่อยก็ทำให้ฉันกินไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อเราสองคนกินอาหารมื้อนี้กันจนอิ่ม พอบ่ายคล้อยเขาก็ได้ให้พี่กิตเรียกเครื่องบินส่วนตัวมารับพวกเรากลับไปยังเพนท์เฮ้าส์ตามที่เขาได้วางแผนไว้ทันที...
ณ Penthouse เซบาสเธีย
ประตูห้องที่ถูกเปิดออก เผยให้เห็นถึงบรรยากาศที่คุ้นเคย แม้จะรู้สึกเพลียหน่อย ๆ จากการเดินทาง และอาการเวียนหัวมาตลอด แต่เมื่อฉันมาถึงยังเพนท์เฮ้าส์ความรู้สึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็มลายหายไป นั่นก็เพราะว่าความรู้สึกที่เหมือนกับว่าฉันได้กลับมาบ้านตัวเองแล้วจริง ๆ เกิดขึ้นมาแทน
ฉันเดินเข้าไปในห้องขนาดใหญ่เท่าบ้านด้วยท่าทีสบาย ๆ และอบอุ่น มันเป็นความรู้สึกในแบบนี้ที่ฉันเคยมีมาแล้วเมื่อนานแสนนาน ตั้งแต่ตอนที่พ่อแม่ฉันยังไม่หนีหายไป มันเป็นเหมือนความรู้สึกที่อิ่มเอมใจเมื่อยามที่เราเหนื่อยล้า แล้วเราได้กลับมาพักผ่อนที่บ้าน ได้กลับมาที่ที่อบอุ่น และความรู้สึกแบบนี้แหละที่ฉันต้องการ...
เมื่อมาถึงห้องโถงฉันก็ได้เจอกับป้าเสริมพี่สาวของป้าสาย ที่ยืนยิ้มละมุนรอต้อนรับการกลับมาของพวกเราอยู่ก่อนแล้ว
“สวัสดีค่ะป้าเสริม ~~” ฉันรีบเดินกึ่งวิ่งไปหาหญิงสูงวัยที่ฉันเคารพรักด้วยความรู้สึกคิดถึงพร้อมกับเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มหวาน
“สวัสดีค่ะคุณเอลิซ เอ๊ะ...ไม่ใช่ซิ ต้องเป็นนายหญิงเอลิซแล้ว ใช่ไหมคะ” ป้าเสริมเอ่ยทักทายตอบกลับ พร้อมกับแอบแซวฉันเล็กน้อย เนื่องจากข่าวที่คุณเซฟขอฉันแต่งงานป้าสายที่เป็นน้องสาวของแกก็คงจะเล่าให้ฟังหมดแล้ว
“ป้าเสริมอ่ะ...” ฉันบิดไปมาด้วยท่าทีที่เคอะเขิน
“เรียกเอลิซเหมือนเดิมเถอะค่ะ ไม่ต้องคุณ ไม่ต้องนายหญิงทั้งนั้นแหละ ^-^” ฉันเอ่ยบอกไปตามความรู้สึกของฉันจริง ๆ
“ได้ยังไงกันค่ะ ป้ายินดีมากค่ะที่จะเรียกคุณเอลิซว่า นายหญิง ~~” ^-^ ป้าเสริมตอบกลับมาในทันทีด้วยความรู้สึกอย่างที่พูดจริง ๆ
และอาจจะเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ตัวแกเองก็รู้สึกเอ็นดูหญิงสาวคนนี้เป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ยิ่งพอได้รู้ว่าหญิงสาวที่ตัวเองเอ็นดูได้ตกล่องปล่องชิ้นกับนายท่านที่แกเองก็เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยด้วยความรักเหมือนลูกเหมือนหลาน แกก็ยิ่งรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง...
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 54
แสดงความคิดเห็น