บทที่ 104 ยิงคนทรยศ
ลูกน้องทำท่าทางละล้าละลังมองหน้ากันไปมา ด้วยเข้าใจในสถานการณ์ที่เจ้านายของพวกเขาเข้าใจผิดกับลูกน้องคนสนิทดี เพราะพวกตัวเองก็ยืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ต้น จึงยังไม่มีใครกล้าที่จะยื่นมัจจุราชมันวาวที่เหน็บอยู่ข้างเอวให้กับผู้ที่เป็นเจ้านาย เพราะเกรงว่าจะเกิดลั่นจนทำให้ใครต้องสังเวยชีวิตให้แก่มันเพราะความเข้าใจผิด
“กูบอกให้เอามา!!!” เสียงตวาดลั่นจนลูกน้องทั้งหลายตัวสั่นเลิ่กลั่กยื่นปืนส่งให้ผู้เป็นนายแทบไม่ทัน
“ใจเย็นๆ ก่อนนะคะเซฟ ปล่อยเขาทั้งคู่ไปเถอะค่ะ อย่าเสียเวลาเลย” เสียงแหลมเอ่ยเอื้อนเนิบนาบบอกกับเขา ที่ฟังยังไงก็ดูเหมือนกับว่ามีความสะใจอยู่ในนั้น เนื่องจากเห็นว่าฉันกับพี่กิตกำลังจะโดนเขาพิพากษา
“มึงหุบปากไปเลย!!” เสียงเหี้ยมตะคอกใส่ผู้หญิงที่กำลังเกาะแขนของเขา โดยไม่ลืมที่จะสะบัดมือบางนั้นออกให้พ้นตัว
ฉันที่ไม่สนใจคำพูดของเขาทั้งสอง ยังคงพยายามประคองให้พี่กิตลุกขึ้นเพื่อเดินพาไปทำแผล
“ผมไม่เป็นไรครับนายหญิง ผมผิดเองที่ไม่ระมัดระวังกิริยาที่มีต่อนายหญิง ผมสมควรโดนนายต่อยแล้วครับ นายหญิงอย่าไปโกรธนายเลยนะครับ” พี่กิตที่ยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล ยังไม่วายเป็นห่วงกลัวว่าฉันจะผิดใจกลับเจ้านายของเขา
“ช่างเขาเถอะค่ะ เจ้าของเขากลับมาแล้ว เราไม่ต้องไปสนใจเขาหรอกค่ะ ไปกันเถอะ” พี่กิตที่ยืนโงนเงนเพราะความเจ็บปวดทั่วทั้งใบหน้าและร่างกาย พยายามหลบการประคองของฉันเพราะกลัวว่าเรื่องราวจะบานปลายไปกันใหญ่ แต่เป็นฉันเองที่ยังดื้อดึงที่อยากจะประคองเขาให้เดินต่อไปอยู่
ปัง!!
เสียงปืนที่ดังขึ้นในขณะที่ทั้งฉันและพี่กิตยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเดิน
“ว๊ายยย / กรี๊ดดด” ทั้งฉันและเรน่าร้องกรี๊ดขึ้นมาพร้อมกันทันที
ลูกกระสุนที่ถูกส่งออกมาจากลำกล้องมันวาว พุ่งลงไปยังพื้นข้างพี่กิตโดยมันเฉี่ยวขาพี่กิตไปแค่นิดเดียว
“คุณเซฟ!!” เมื่อฉันหายตกใจแล้ว ถึงกับหันขวับไปมองเขาด้วยความโมโหกับการกระทำอันป่าเถื่อนของเขา
“ลองพวกมึงพากันก้าวขาออกไปแม้แต่ก้าวเดียวดูสิ กูไม่รับรองว่ากระสุนเม็ดถัดไปจะเจาะเข้าไปในหัวกะโหลกไอ้คนทรยศคนนี้หรือเปล่า” เขาที่ตอนนี้ได้สติหลุดไปแล้ว เอ่ยเหี้ยมโดยไม่สนใจว่าใครเป็นใคร พร้อมกับเล็งปืนยกขึ้นมาจ่อพี่กิต
ฉันเดินเข้ามาขวางพี่กิตเอาไว้โดยที่ไม่สนว่าเขาจะลั่นไกหรือไม่ เพราะถ้าหากเขาตัดสินใจลั่นไกออกมา ก็ให้มันเจาะเข้าร่างกายฉัน ให้มันจบลงแค่เพียงเท่านี้ก็แล้วกัน...ถือสะว่าชาตินี้คนอย่างฉันมันคงไม่มีวาสนาในเรื่องของความรักเหมือนกับคนอื่นเขา
“เอลิซหลบไป” เขาที่ยังคงไม่ลดปืนลง เอ่ยสั่งฉันด้วยสายตาที่วูบไหว และเห็นได้ชัดว่ามือเขาที่จับปืนอยู่นั้นสั่นมาก
“ไม่หลบ ถ้ายังคิดอะไรต่ำๆ และคิดว่าเอลิซทำอะไรต่ำๆ แบบนั้นก็ยิงเอลิซเลย” ฉันที่หมดความศรัทธาในการมีชีวิตอยู่ เอ่ยท้าทายเขาในทันที
“นายหญิงหลบไปเถอะครับ อย่ายั่วโมโหนายเลย อารมณ์ของนายตอนนี้ไม่ควรไปท้าทายเลยนะครับ แล้วก็อย่ามีเรื่องกันเพราะผมเลยนะครับ” พี่กิตประคองร่างอันบอบช้ำเดินเขยิบเข้ามาใกล้ฉันด้วยความรู้สึกเป็นห่วง
“ไม่ต้องเสือก!! ยังไงกูคิดบัญชีกับมึงย้อนหลังแน่ไอ้กิตไอ้คนทรยศ!!” เขามองเลยไปยังคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉันอย่างเอาเรื่อง
ฉันที่ตอนนี้ไม่รักตัวกลัวตายแล้ว ค่อยๆ ย่างกายเดินเข้าไปหามัจจุราชสีดำวาวของเขาที่กำลังจ่อมาทางฉันกับพี่กิต พร้อมกับคิดว่าอะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด
เมื่อปลายกระบอกปืนถูกจ่อเข้าตรงตำแหน่งเดียวกับหัวใจ ฉันก็ค่อยๆ หลับตาพริ้มยอมรับชะตากรรมจากเขาแต่โดยดี...ให้มันสิ้นสุดกันที่ชาตินี้เถอะนะคะ...ลาก่อน
ปัง!!!....
สิ้นเสียงปืน ฉันที่หลับตารู้สึกว่าตัวทั้งตัวของตัวเองได้ร่วงลงสู่พื้น ตอนนี้ฉันคงตายแล้วสินะ มันคงจบแล้วสินะ สิ้นสุดกันสักที
ฉันที่ปล่อยตัวเองให้เข้าสู่ความมืดมิดสุดลูกหูลูกตา...
ความรู้สึกที่เหมือนกับได้ล่องลอยตัวเบาหวิว แต่ถูกโอบอุ้มไปด้วยความอบอุ่น ความหอมหวานจากกลิ่นที่ชอบที่ตอนนี้กำลังคละคลุ้งอยู่ที่ปลายจมูก กลิ่นของผู้ชายคนนั้นคนที่ฉันไม่มีโอกาสได้บอกความในใจให้เขาได้ฟัง แต่อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็คงกำลังลอยขึ้นสวรรค์สินะ
ติ๊ด ~~ แกร๊ก ~~
ว้าว!!สวรรค์มีประตูผ่านด่านสะด้วย ยังไงฉันก็ขอให้ได้เจอกับคนใจดีบ้างด้วยเถิด และถ้าเป็นไปได้ฉันขอให้ตัวฉันอย่าได้เจอะเจอคนใจร้ายใจดำอย่างเขาที่ฆ่าฉันได้ลงคออีกเลย
ฉันที่เสมือนโดนโอบอุ้มถูกวางลงบนความนุ่มที่เหมือนกับปุยเมฆ บนสวรรค์ก็ต้องมีเมฆนุ่มๆ สินะ v_v
“เอลิซ...เอลิซครับ...เอลิซ” เสียงเพราะจัง ใครกันนะ เทวดาต้องเป็นเทวดาแน่ๆ เลย ว่าแต่เสียงทำไมคุ้นจัง สงสัยฉันยังคงมีความทรงจำของชาติที่แล้วอยู่แน่ๆ หรือเป็นเพราะฉันยังไม่ลืมไอ้ปีศาจร้ายหน้าหล่อคนนั้นนะ
“เมียจ๋า...ตื่นมาหาผัวหน่อย” ฉันที่ในตอนแรกคิดว่าเป็นเสียงของเทวดา แต่กลับต้องประหลาดใจว่าเทวดาพูดแบบนี้กันหรอ ก่อนที่ฉันจะค่อยๆ ลืมเปลือกตาขึ้น
ภาพบรรยากาศที่คุ้นเคย เหมือนว่าฉันเคยเข้ามาที่นี่แล้วเมื่อไม่นาน พอได้มองไปรอบๆ ทุกอย่างก็ยิ่งชัดเจนขึ้น เมื่อ...
“ปีศาจ!!” ฉันเอ่ยออกมาทันทีที่เห็นว่าใครเป็นผู้กุมมือฉันอยู่
นี่ฉันยังไม่ตายหรอนี่
“ปีศาจที่ไหนกันค่ะ นี่ผัวไงคะ...ผัวเอลิซไง จำไม่ได้หรอ” คุณเซฟที่ยังกอบกุมมือฉันอยู่เอ่ยด้วยสีหน้าเหยเกทันทีที่ถูกฉันเรียกแบบนั้น
“นี่เอลิซยังไม่ตายหรอค่ะเนี้ย แต่เมื่อกี้เอลิซถูกยิงนะคะ” ฉันพยุงตัวลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทีที่สับสนมึนงงระคนตกใจ
“ยังค่ะ เอลิซแค่เป็นลม...แหะๆ” เขาเอ่ยตอบฉัน เมื่อเห็นว่าฉันเริ่มตื่นตระหนก
“แต่เมื่อกี้...” ฉันที่ยังคงสงสัย
“เมื่อกี้ไม่มีอะไร เฮียแค่ยิงปืนไปที่อื่นเพื่อระบายความโมโหเท่านั้นเอง” เขาอธิบายเพิ่มเพื่อคลายความสงสัยที่ฉันมี
“แล้ว แล้วพี่กิตล่ะคะ” ฉันที่อดเป็นห่วงไม่ได้เอ่ยถาม
สีหน้าที่ยิ้มแย้มอบอุ่นเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงขึ้นมาทันที
“ถามถึงมันทำไม” เขาเอ่ยเสียงเข้มทันที
ฉันเงียบเพราะไม่อยากจะทะเลาะกับเขา ในขณะที่กำลังรวบรวมสติให้กลับมา สายตาก็มองไปที่มือตัวเองที่กำลังถูกกอบกุมอยู่
“ปล่อยมือฉันด้วยค่ะ” ฉันเอ่ยเสียงเรียบสีหน้าเมินเฉยใส่เขา พร้อมกับพยายามสะบัดมือหนีจากการกอบกุมของเขา
“ยังโกรธเฮียอยู่หรอค่ะ” เขาที่จากนั่งอยู่ด้านข้างที่นอน ลุกขึ้นมานั่งบนที่นอนแล้วเอนตัวมาเพื่อโอบกอดฉัน
“หึ...ไม่ไปหาคู่หมั้นคุณล่ะคะ มายุ่งกับฉันทำไม ทำแบบนี้มันไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยหรอ” ฉันเหลือบตามองเขาด้วยหางตา
“เฮียอธิบายให้ฟังแล้วไง ว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ไอ้เรน่ามันก็แค่ล้อเล่น และเพื่อที่จะทำให้เอลิซสบายใจ ตอนนี้เฮียตัดเพื่อนกับมันไปแล้ว” เขาเอ่ยบอกฉัน ก่อนที่จะนึกย้อนไปถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้...
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 53
แสดงความคิดเห็น