บทที่ 60 สถานที่คุ้นเคย
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกสติของตัวเองให้กลับมา ก่อนจะรีบเก็บของเข้ากระเป๋าสะพาย แล้วจูงมือคนร่างโตให้เดินตามออกมา
“ไปกันเถอะค่ะ เอลิซหิวแล้ว” ฉันบอกเขาโดยที่ไม่ได้หันไปมองหน้าเขาเลย เพราะฉันไม่อยากให้เขาเห็นดวงตาที่มีน้ำใสๆ คลอจนขอบตาแดง
เขากระชับมือฉันแน่นเพื่อปลอบใจ และส่งสัญญาณบอกเป็นนัยๆ ว่าเขาอยู่ตรงนี้เสมอ
ฉันยิ้มออกมาบางๆ ด้วยความรู้สึกขอบคุณเขาจากใจจริง แล้วนำหน้าพาเขาเดินไปเลือกร้านอาหาร
ฉันเลือกร้านอาหารร้านหนึ่ง สไตล์อาหารเป็นแบบที่ฉันกับพ่อแม่ชอบกิน อาจจะเป็นเพราะฉันยังไม่สามารถที่จะสลัดความรู้สึกคิดถึงท่านทั้งสองได้หมด เลยทำได้แค่ทำในสิ่งที่เคยทำกับพวกท่านเพื่อเป็นการเยียวยาหัวใจดวงน้อยๆ ของตัวเอง
“เอานี่ นี่ นี่ นี่ แล้วก็นี่ ค่ะ” ฉันจิ้มไปที่เมนูที่อยากกิน เพื่อบอกกับพนักงานที่มารับออเดอร์
“เฮียเอาอะไรเพิ่มไหมคะ” ฉันหันไปถามเขา
“เอาคนนี้” เขาชี้มาที่ฉันแล้วพูดหน้าตาเฉย จนพนักงานที่รับออเดอร์ทำตัวไม่ถูก ส่วนฉันก็ได้ร้อนรนเพราะอายที่พูดแบบนั้นต่อหน้าคนอื่น
“เฮีย!!” ฉันถลึงตาใส่เขา ขยันทำให้ฉันอายจริงๆ
“เอาแค่นี้แหละ ขอด่วนเลยนะ เมียผมหิว!!” เขาบอกพนักงาน ก็จะเน้นคำว่าเมียไปอีก
ฉันแทบอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้ เพราะฉันอายที่เขาเล่นประกาศไปทั่วว่าฉันเป็นเมียเขา โดยที่เขาไม่มีท่าทีสะทกสะท้านหรือกลัวตัวเองจะเสียชื่อเสียงเลย เขาลืมไปหรือเปล่าว่าเขาคือ ท่านเซบาสเธีย ระดับอภิมหาเศรษฐีติดอันดับประเทศ ที่มีแต่คนรู้จัก นี่ถ้าไม่ติดว่าห้างนี้เป็นของเขา ป่านนี้ปาปารัสซี่คงได้รูปไปขายข่าวเป็นร้อยรูปแล้วมั้ง
รอไม่นาน อาหารก็มาเต็มโต๊ะ ฉันยิ่งมองไปที่อาหารเหล่านั้นก็ยิ่งทำให้คิดถึงพ่อกับแม่ของฉันที่สุด ตอนนี้คงทำได้แต่รอและหวังว่าสักวัน พวกเราสามคนพ่อแม่ลูกจะได้กลับมากินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง
ฉันลงมือกินอาหารบนโต๊ะอย่างเงียบๆ ส่วนเขาก็กินแค่นิดหน่อยพร้อมกับจิบไวน์ไปด้วย
เราจัดการอาหารตรงหน้าสักพัก เมื่ออิ่มแล้วก็เช็กบิล แล้วออกไปจากร้าน
เราสองคนเดินดูนู้นดูนี้ไปเรื่อยเพื่อเป็นการย่อยอาหารไปในตัว เมื่อฉันสนใจร้านไหน เขาก็ถามว่าฉันอยากได้ไหม เขาพร้อมที่จะซื้อให้ เขาเล่นถามทุกร้านจนฉันท้อใจ เลยอดไม่ได้ที่จะบอกเขาไปว่า
“เฮีย เอลิซก็มีเงินค่ะ ถ้าเอลิซอยากได้เอลิซซื้อเองได้ค่ะ นี่เอลิซพาเฮียเดินย่อยอาหารนะคะ”
“ได้ยังไง เอลิซเป็นเมียเฮีย เฮียก็ต้องดูแลสิคะ” เขาบอกขณะยื่นบางอย่างมาให้ฉัน
“อ๊ะ เอาไว้ใช้อยากได้อะไรก็รูดเอา “
บัตรสีดำที่ทำมาจากทองคำแท้ตรงกลางฝังเพชร ฉันตาโตทันทีที่เห็น เคยแต่ได้ยินมาแต่ยังไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน บัตรที่ต้องโครตรวยจริงๆ ถึงจะได้รับเชิญ ฉันหยิบมาดูด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะพยายามระงับจิตใจ และคิดขึ้นมาได้ว่าถ้าเป็นเขาฉันก็ไม่แปลกใจเลยที่ได้ถือบัตรใบนี้
ฉันยัดบัตรกลับไปที่มือเขาดังเดิม ก่อนจะเดินลิ่วออกไป แต่ไม่นึกเลยว่าเขาจะแอบเอาอีกใบใส่ลงมาในกระเป๋าสะพายฉันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เราเดินเล่นกันอีกสักพัก ก่อนที่เขาจะพาฉันนั่งรถไปยังสถานเริงรมย์ที่เขาเป็นเจ้าของ...
เมื่อรถเคลื่อนตัวเข้ามาจอดยังลานจอดรถด้านหลังที่เป็นที่จอดรถส่วนตัว เมื่อเข้ามาจอดแล้วกลไกประตูทำการปิดอย่างมิดชิด จนคนข้างนอกแทบจะดูไม่ออกว่า สถานที่นี่คือที่จอดรถ
ฉันลงจอดรถแล้วมายืนรอที่ด้านข้าง เพื่อจะเข้าไปด้านในพร้อมเขา
เขาเดินอ้อมมาจูงมือฉันให้เดินตามเขาไป ทางระหว่างจากที่จอดรถจนถึงตัวอาคารสถานเริงรมย์ ฉันสังเกตเห็นการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนามาก มีชายในชุดสูทสีดำยืนอยู่เป็นระยะ และเมื่อเราสองคนเดินผ่าน คนเหล่านั้นก็โค้งตัวทำความเคารพทันที
เส้นทางด้านหลังที่เรากำลังเดินเข้าไปดูลึกลับ จนฉันมองไม่ออกว่าสถานที่นี้ใช้สถานที่ที่คนเข้ามาใช้หาความสุขจริงหรือ
เขาพาฉันเดินขึ้นมายังชั้นสอง ที่ตั้งแต่เข้ามาฉันยังไม่ได้ยินเสียงเพลงหรือเสียงอึกทึกครึกโครมเลยสักนิด จนฉันแอบหวั่นๆ ว่าเขาจะพาฉันมาทำมิดีมิร้ายหรือเปล่า เขามันยิ่งเป็นคนเจ้าเล่ห์ เจ้าแผนการอยู่ด้วย
สิ้นเสียงในหัวของฉัน...
“กลัวหรอ ไม่ต้องกลัวหรอกเฮียไม่ทำอะไรมิดีมิร้ายเอลิซหรอก ถ้าเฮียจะทำ เอลิซคงเสร็จเฮียตั้งแต่ในรถแล้วแหละ ฮ่าๆ ” เขาเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา คำพูดของเขาทำให้ฉันหน้าแดงทันที และใช่!!เขาคือนอสตราดามุสชัวร์!!
เขาพาฉันมาถึงหน้าห้องขนาดใหญ่ที่ดูแล้วน่าจะเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในชั้นนี้ ก่อนที่เขาจะใช้นิ้วมือสแกนประตูเข้าไป
ภายในห้องเป็นโทนสีขาวดูสะอาดตา การตกแต่งดูโมเดิร์นทันสมัย แต่ก็โฉบเฉี่ยวมีความดุดันน่าเกรงขาม เมื่อฉันเดินเข้าไป ก็พบกับบานกระจกใสขนาดใหญ่ ที่พอมองออกไป สามารถเห็นผู้คนที่กำลังโยกย้ายขยับร่างกายไปตามเสียงเพลงอย่างสนุกสนาน
ฉันเดินเอาตัวไปแนบกับกระจก สายตาฉายความตื่นเต้นมองภาพตรงหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ นานเท่าไรแล้วที่ฉันไม่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตา น่าจะตั้งแต่คืนนั้นที่ฉันเจอเขาแล้วชีวิตฉันก็ลากยาวติดกับเขามาจนถึงตอนนี้ พอมาคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น เพราะความบ้าระห่ำของฉันแท้ๆ ฉันได้แต่ยิ้มน้อยๆ ให้กับตัวเองพร้อมกับส่ายหัวเบาๆ
สายตาฉันกวาดมองไปทั่ว แม้จะไม่ได้ยินเสียงเพลง แต่จากภาพผู้คนตรงหน้าก็รับรู้ได้ว่าทุกคนสนุกสนานกันมาแค่ จนกระทั่ง...
เมื่อดวงตากลมโตของฉันไปหยุดอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ด้านล่าง ที่ดูคุ้นตายังไงพิกล ฉันพยายามเพ่งพินิจพิจารณา มองทุกมุม จนเข้าเค้าเรื่องราวบางอย่าง และพยายามยามปะติดปะต่อมันขึ้นมา
ฉันหันไปมองคนร่างโต ที่ตอนนี้เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานดูท่าทางชิวๆ ฉันมองเขาอย่างต้องการจับพิรุธ แล้วก็พบกับสายตาหลุกหลิกคู่นั้น และเพื่อความแน่ใจในสิ่งที่ฉันคิด ฉันต้องลงไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาตัวเองชัดๆ และถ้าสิ่งที่ฉันคิดเป็นเรื่องจริง ฉันกับเขามีเรื่องต้องเคลีย์กันแน่นอน....
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 46
แสดงความคิดเห็น