บทที่ 401: เฟิงเฉิงค้นหาเผ่าตัวเอง

[จบแล้ว] ขนเสบียงนับล้าน มาเป็นมาร(ดา)ของเหล่าวายร้าย (อ่านฟรีวันละตอน 12.00)

-A A +A

บทที่ 401: เฟิงเฉิงค้นหาเผ่าตัวเอง

หลังจากที่เฟิงเฉิงเดินออกมาจากบ้านหิน นางก็กลายร่างเป็นสัตว์

 

แล้วหนังหมีขาวทั้งหมดบนตัวของนางก็ร่วงลงกับพื้น

 

ภาพที่ปรากฏคือสัตว์ตัวเล็กที่มีรูปร่างคล้ายเสือดาว ทว่าร่างกายของนางปกคลุมด้วยขนสีฟ้าและมีขนาดเท่าตัวแรคคูน

 

ขณะนี้ภูตตัวน้อยคาบไม้เท้าเก่า ๆ ไว้ในปากพลางมัดห่อหนังสัตว์ไว้รอบตัว ก่อนจะหลีกเลี่ยงภูตในเผ่าแล้ววิ่งออกจากเผ่าไปเงียบ ๆ

 

ปัจจุบันกำแพงทางตอนเหนือของเผ่ายังสร้างไม่เสร็จจึงยังมีหลายจุดที่ภูตดูแลไม่ทั่วถึง

 

ระหว่างนั้นเฟิงเฉิงค่อย ๆ วิ่งไปมองดูลาดเลาไป โดยที่นางสามารถหลีกเลี่ยงภูตที่ลาดตระเวนได้อย่างง่ายดาย ไม่นานนางก็แอบเข้าไปในป่า

 

สภาพอากาศในวันนี้มีหิมะตกหนักมาก

 

ในไม่ช้า รอยเท้าเล็ก ๆ จำนวนหนึ่งก็ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดหิมะเป็นชั้น ๆ จนกระทั่งไม่ทิ้งร่องรอยให้เห็น

 

แม้แต่เวลาเดินทางเฟิงเฉิงก็คำนวณมาอย่างรอบคอบแล้ว

 

หญิงสาวมั่นใจว่าจะไม่มีใครตามนางทันแน่นอน

 

บัดนี้ภูตตัวน้อยออกจากเผ่าและพุ่งผ่านป่าสีขาวโพลนไปอย่างรวดเร็ว

 

ปัจจุบันป่าทั้งผืนเปรียบเสมือนผ้าขาวบริสุทธิ์ที่ไม่ผ่านการย้อม มันทั้งเงียบเหงาและมีลมพัดตลอดเวลา

 

หลังจากภูตตัวเล็กวิ่งด้วยกำลังทั้งหมดโดยไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว จากนั้นนางก็วิ่งผ่านจากป่าโปร่งเข้าไปในป่าทึบที่มีกิ่งก้านเขียวชอุ่ม ทุก ๆ ย่างก้าวที่เดินนางจะสัมผัสเศษกิ่งไม้ใบหญ้าประกอบกับปุยสีขาวของหิมะ

 

เปาะแปะ ๆ

 

เสียงหิมะโปรยปรายลงมาดังก้องอยู่ในใจของหมอผีสาวราวกับระฆัง

 

ไม่กี่อึดใจต่อมา ภาพเบื้องหน้าก็กลายเป็นพื้นที่โล่งเล็ก ๆ ที่อยู่กลางป่าทึบ

 

เวลานี้เฟิงเฉิงวิ่งช้าลงขณะเข้าใกล้สถานที่นั้นอย่างระมัดระวัง

 

ระหว่างที่เดินไปนางพึมพำกับตัวเองว่า

 

“ทำไมเฟิงเสวี่ยถึงตัดสินใจนัดเจอกันที่นี่ มันไม่เหมาะสำหรับการพบปะเลย และมันเสี่ยงที่จะถูกใครพบเข้า”

 

แม้ว่าหมอสาวจะยังคงก้าวต่อไป แต่นางก็คอยสอดส่องรอบทิศตลอดเวลา

 

เมื่อหญิงสาวเข้าไปใกล้จุดนัดหมาย ไม่นานนางก็เห็นภูตหญิงคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางป่าทึบ

 

นั่นคือคนที่ติดต่อนาง

 

ถัดมา เฟิงเฉิงแปลงร่างเป็นมนุษย์ระหว่างที่วิ่งเข้าไปยังที่โล่งพลางห่อหุ้มร่างกายด้วยหนังสัตว์ที่พกติดตัวมา เสร็จแล้วนางก็ถือไม้เท้าเก่าแก่ไว้ในมือและมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น

 

“เฟิงเฉิง ในที่สุดเจ้าก็มาถึงแล้ว ในที่สุดเราก็หาเจ้าพบ!”

 

ฝ่ายที่ยืนรออยู่เห็นหมอผีสาวเช่นกันจึงเดินมาหานางอย่างกระวนกระวาย

 

ขณะนั้นนางยื่นมือมาหมายจะจับมือคนที่เพิ่งมาถึง

 

ทว่าเฟิงเฉิงเอามือที่ถือไม้เท้าหลบเลี่ยงโดยสัญชาตญาณ

 

นั่นทำให้ภูตหญิงชะงักไปชั่วคราวก่อนจะพูดต่อตามปกติ

 

“ข้าคิดว่าเกิดเรื่องกับเจ้าแล้วเสียอีก! เจ้าไม่รู้หรอกว่าเราเป็นห่วงเจ้ามากแค่ไหนตั้งแต่เจ้าหายตัวไปในช่วงที่เราหลบหนี!”

 

ทางด้านเฟิงเฉิงมองลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย

 

นางไม่ได้ทักทายผู้หญิงคนนี้ และถามด้วยสีหน้าจริงจัง

 

“เฟิงเสวี่ย ผู้หญิงคนอื่น ๆ อยู่ที่ไหน ตอนนี้พวกนางอยู่ไหน มีใครเป็นอะไรไปหรือไม่?”

 

สาเหตุที่มีคนทรยศในเผ่าของพวกนางเป็นเพราะภูตหญิงได้ครอบครองสมบัติของเผ่า ภูตชายจึงเกิดความไม่พอใจ

 

คนทรยศเข้าใจสิ่งนี้ดี เขาตั้งใจปลุกระดมภูตชายมาปล้นสมบัติของเผ่าและควบคุมภูตหญิงที่เหลือเอาไว้ใต้อาณัต

 

แต่เฟิงเฉิงรู้เข้าเสียก่อน นางจึงหนีออกจากเผ่าพร้อมกับสมบัติและภูตหญิงคนอื่น แต่พวกนางก็ได้พบกับหลางซัวที่โจมตีเผ่าอื่นระหว่างทาง 

 

ตั้งแต่นั้นมา เฟิงเฉิงก็ถูกแยกออกจากกลุ่มทำให้ขาดการติดต่อกับทุกคน

 

“เฟิงเฉิง ไม่ต้องกังวล ทุกคนสบายดี หลังจากที่เราแยกจากเจ้า เราพบเผ่าที่ปลอดภัยและอาศัยอยู่ที่นั่นมาตลอด พวกเขาหาเราไม่พบ” เฟิงเสวี่ยอธิบาย

 

ทว่าความสุขบนใบหน้าของนางกลับแฝงไปด้วยความกระวนกระวายใจ

 

“ทุกคนเป็นห่วงเจ้ามากนะ เฟิงเฉิง เจ้ากลับไปกับข้าเถอะ เรายังรอให้เจ้าพาเรากลับไปที่เผ่าอยู่!”

 

ยามนี้เฟิงเฉิงหรี่ตาลงพลางสังเกตคำพูดและท่าทางของอีกคน

 

ไม่กี่อึดใจต่อมา หญิงสาวก็ค่อย ๆ ถอยหลังไป 1 ก้าว

 

“เจ้าบอกว่าทุกคนไปตั้งรกรากอยู่ในเผ่าอื่นอย่างนั้นหรือ?”

 

“ใช่” เฟิงเสวี่ยผงกหัวตอบในขณะที่ใบหน้าของนางซีดขาวราวกับหิมะและนางสวมชุดหนังสัตว์ขนาดใหญ่ แต่มันก็ไม่สามารถปกปิดร่างกายของนางเอาไว้ได้อย่างมิดชิด

 

แค่เฟิงเฉิงมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานานอีกฝ่ายต้องอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่มากเพียงใด

 

เผ่าแบบไหนกันที่ปฏิบัติต่อผู้หญิงเช่นนี้?

 

และในตอนที่นางออกมาข้างนอกก็ไม่มีภูตชายติดตามมาด้วย

 

สิ่งนี้ทำให้เฟิงเฉิงสังเกตเห็นความผิดปกติได้เกือบจะในทันที 

 

“เจ้าโกหก”

 

ตามปกติแล้วหมอผีสาวมักจะแสดงสีหน้าเย็นชา แล้วตอนนี้มันก็ยิ่งเย็นยะเยือกขึ้น

 

“พวกนางอยู่ที่ไหน? ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเจ้าอาศัยอยู่กับใคร!”

 

ย้อนกลับไปตอนนั้น เฟิงเสวี่ยหลบหนีออกมาพร้อมกับนาง

 

นอกจากนี้นางยังฉลาดที่สุดในบรรดาภูตหญิงด้วยกัน และเป็นภูตหญิงคนเดียวที่เชี่ยวชาญวิธีการติดต่อสื่อสารกับเฟิงเฉิง

 

ทันใดนั้นร่องรอยของความตื่นตระหนกก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเฟิงเสวี่ย

 

ในไม่ช้านางก็สงบลงอีกครั้ง ก่อนจะกระตุกมุมปากบังคับตัวเองให้ยิ้ม “เฟิงเฉิง เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?”

 

หญิงสาวฝืนยิ้มพลางก้าวไปข้างหน้าโดยที่นางยื่นมือออกไปหมายจะคว้ามือของเฟิงเฉิง

 

แต่สายตาของหมอผีสาวเฉียบคมมาก นางยกไม้เท้าในมือชี้ไปตรงหน้าและกล่าวเย้ยหยันว่า “คำพูดของเจ้ามีช่องโหว่เต็มไปหมด” 

 

“เฟิงอันสอนเจ้ามาใช่ไหม?”

 

เมื่อเฟิงเสวี่ยได้ยินเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็แข็งค้าง 

 

“มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่พูดอะไรแบบนี้” เฟิงเฉิงกล่าวด้วยสีหน้าเฉยชา แต่นั่นยิ่งทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายเหยเกมากขึ้น

 

ทันทีที่สิ้นเสียงของผู้เป็นหมอผี กลุ่มภูตที่อยู่ในร่างสัตว์เหมือนนางก็โผล่ออกมาจากด้านหลังเฟิงเสวี่ย

 

เพียงแต่ว่ารูปร่างของพวกมันมีขนาดใหญ่กว่าร่างเล็ก ๆ ของเฟิงเฉิงประมาณ 2-3 เท่า

 

ในบรรดาพวกมัน ภูตที่เป็นผู้นำกลุ่มคือตัวที่ใหญ่ที่สุด มันมีขนสีฟ้าทั่วตัวและมีปอยขนสีดำตรงหน้าผากซึ่งโดดเด่นมากในกลุ่มภูตสีฟ้ากลุ่มนี้

 

สถานการณ์ปัจจุบันทำให้เฟิงเฉิงถูกล้อมเอาไว้ในทันใด

 

นางขมวดคิ้วมองไปที่กลุ่มภูตตรงหน้าแล้วรู้สึกผิดหวังกับเฟิงเสวี่ยมาก

 

“เจ้าอยู่กับคนโง่เง่าอย่างเฟิงอันจริงด้วย”

 

ไม่นานผู้นำของภูตสีฟ้าก็กลายเป็นร่างมนุษย์

 

เขาเป็นผู้ชายร่างผอมแห้งเหมือนกิ่งไม้ที่มีผิวพรรณซีดเซียว

 

“เฟิงเฉิง! เจ้าด่าข้าว่าโง่อีกแล้ว!” ชายผู้มีนามว่าเฟิงอันทำหน้าโกรธพลางชี้ไปที่คนพูด

 

บัดนี้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

 

เบ้าตาที่จมลึกคู่นั้นดูเหมือนจะขาดสารอาหารตลอดทั้งปี ประกอบกับมีรอยคล้ำใต้ตาทำให้เขาดูไม่ต่างจากคนป่วย อีกทั้งสภาพในร่างมนุษย์ไม่สง่างามเหมือนในร่างภูตเลย

 

ในไม่ช้าเขาก็ยืดอกด้วยความภาคภูมิใจอีกครั้ง

 

“เฟิงเฉิง ตอนนี้เจ้าถูกพวกเราล้อมไว้หมดแล้ว” 

 

“เจ้ายังมีหน้ามาว่าข้าอีก ถ้าเมื่อไหร่ที่ข้าจับเจ้าได้แล้วเอาไม้เท้านั้นมาครอบครอง ข้าจะตัดลิ้นเจ้าทำให้เจ้าไม่สามารถพูดอะไรได้อีก”

 

“วันนี้เจ้าอย่าคิดว่าจะหนีไปไหนพ้น!”

 

เฟิงอันกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างมีชัย

 

ส่วนภูตที่อยู่ข้างหลังเขาค่อย ๆ ก้าวเข้าไปหาเฟิงเฉิงเพื่อตีวงล้อมนางให้แคบลงเรื่อย ๆ

 

เดิมทีพื้นที่เปิดโล่งในป่าทึบนี้ก็มีขนาดเล็กมากอยู่แล้ว ในไม่ช้าหมอผีสาวก็ไม่เหลือทางให้ถอยหนีอีก

 

เวลานี้เฟิงเฉิงขมวดคิ้วพลางกระชับไม้เท้าในมือเอาไว้แน่นขณะเฝ้าดูภูตกลุ่มนี้เข้ามาใกล้ด้วยความระแวดระวัง

 

...

 

“แย่แล้ว แม่หมอหายไปแล้ว!”

 

ในเผ่า เสียงตื่นตระหนกของเหล่าภูตดังก้องไปทั่ว

 

เมื่อหูเจียวเจียวได้ยินข่าวการหายตัวไปของเฟิงเฉิง เธอก็รีบไปดูพร้อมกับหลงโม่

 

พอทั้งคู่มาถึงบ้านหินของเฟิงเฉิง หัวหน้าเผ่าและภูตจำนวนมากก็มารวมตัวกันบริเวณนอกบ้านหินแล้ว

 

สภาพของทุกคนดูกระวนกระวาย หญิงสาวจึงเดาได้ทันทีว่าพวกเขาเพิ่งมาถึงที่นี่เช่นกัน 

 

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมหมอผีถึงหายตัวไป?”

 

หัวหน้าเผ่าถามภูตที่ค้นพบการหายตัวไปของหมอผีเป็นคนแรกด้วยสีหน้าหนักใจ

 

นี่คือหมอผีที่หูเจียวเจียวอุตส่าห์พยายามตามหามาตลอด

 

เขาจะปล่อยให้มีอะไรเกิดขึ้นกับนางไม่ได้เด็ดขาด!

 

“ข้าสังเกตว่าหูชิงซานไม่ได้กลับมาสักที ข้าก็เลยส่งเสบียงของแม่หมอมาให้ที่นี่ พอข้าเปิดประตูเข้าไปข้างใน ข้าก็เห็นหูชิงซานเป็นลมอยู่บนพื้น และแม่หมอก็หายตัวไป” 

 

“ข้าค้นหาทั่วทั้งเผ่าแล้วก็ไม่พบแม่หมอด้วย”

 

ภูตชายที่รู้สถานการณ์ตอบอย่างร้อนรนใจ

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.