บทที่ 395: วันนี้เขาโดนทำร้ายถึง 4 ครั้ง

[จบแล้ว] ขนเสบียงนับล้าน มาเป็นมาร(ดา)ของเหล่าวายร้าย (อ่านฟรีวันละตอน 12.00)

-A A +A

บทที่ 395: วันนี้เขาโดนทำร้ายถึง 4 ครั้ง

“เจ้ากระต่ายน้อย กลับมานี่เร็ว ๆ หลิงเอ๋อจะช่วยต่อกระดูกให้เจ้าอีกครั้ง”

 

หลงหลิงเอ๋อยังคงมีความมุ่งมั่นขณะที่นางวิ่งไปยังมุมถ้ำเพื่อจับกระต่ายกลับมา

 

เมื่อหมอหนู 2 คนเห็นภาพนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น

 

แล้วพวกเขาก็พึมพำเสียงเบาว่า

 

“โชคดีที่ในตอนนี้เทพธิดาแห่งโรคระบาดยังอ่อนแอเกินกว่าจะไล่ต่อกระดูกภูตคนอื่น นางทำได้แค่ต่อกระดูกให้สัตว์ตัวเล็ก ไม่อย่างนั้นพวกเราคงจะถึงฆาตแล้วล่ะ” 

 

“พอพูดถึงเรื่องนั้น ทำไมวันนี้เจ้าปีศาจน้อยนั่นถึงไม่มาเรียนด้วย? เขามีฝีมือต่อกระดูกดีกว่าหลิงเอ๋ออีก แล้วเขาก็กะแรงที่ใช้ได้แม่นยำมาก” 

 

“อย่าพูดถึงเขาเลย ดีแล้วที่เขาไม่ทำเหมือนหลิงเอ๋อ!”

 

ในขณะที่หมอหนูทั้ง 2 พูดคุยกัน หลงหลิงเอ๋อก็จับกระต่ายตัวเดิมกลับมาแล้ว 

 

ระหว่างที่นางกำลังเริ่มลงมือทำการ ‘รักษา’ สัตว์ตัวน้อยผู้น่าสงสารต่อไป ในเวลานั้น ผู้เป็นอาจารย์ก็ปิดปากเงียบทันทีและไม่พูดอะไรอีก 

 

 

อีกด้านหนึ่ง

 

ลู่หลีถูกภูตคนสนิทของหัวหน้าเผ่าพากลับไปยังถ้ำที่ภูตชายอาศัยอยู่ ก่อนที่ทั้งคู่จะโยนเขาเข้าไปในถ้ำแล้วยืนเฝ้าอยู่ตรงปากถ้ำ

 

“ปล่อยข้าออกไปนะ ข้าจะไปชี้แจงกับท่านผู้เฒ่า!”

 

“ข้าไม่ได้โกหก พวกมันต่างหากที่กำลังโกหก ปล่อยข้า!”

 

กวางหนุ่มยังคงดื้อรั้นจะออกไปข้างนอก

 

นั่นทำให้ภูตชายคนหนึ่งหมดความอดทนจึงตบเขาไป 2 ฉาดใหญ่

 

ผัวะ! ผัวะ!

 

“หุบปาก! เก็บปากเจ้าไปเถอะ!”

 

ตอนนี้ลู่หลีไม่มีความน่าเชื่อถือในสายตาของพวกเขาแล้ว และความรู้สึกที่ทั้ง 2 คนมีต่ออีกฝ่ายก็เหลือแค่เพียงความขยะแขยง

 

ตามปกติภูตชายจะไม่อ่อนโยนกับเด็กเท่าภูตหญิง การเฆี่ยนตีดุด่าเพื่อสั่งสอนเด็กจึงเป็นเรื่องธรรมดาของเหล่าภูต

 

บัดนี้ฝ่ายที่ถูกตบตกตะลึงไปชั่วขณะ

 

เนื่องจากพละกำลังภูตชายโตเต็มวัยนั้นแข็งแกร่ง ในไม่ช้าใบหน้าของเด็กหนุ่มก็ปูดบวมขึ้น

 

แม้ว่าร่างกายของเขาจะเจ็บจากการถูกหยินชางกับหลงเหยาทำร้าย แต่ใบหน้าที่เพิ่งถูกตบเมื่อสักครู่เจ็บกว่าหลายเท่า

 

มันจึงส่งผลให้ลู่หลีตกใจกลัว เขาหยุดส่งเสียงดังก่อนจะจำใจเดินห่อเหี่ยวกลับเข้าไปในถ้ำ

 

ยามนี้ในใจของเด็กหนุ่มยิ่งรู้สึกเกลียดหลงเหยากับหยินชางมากขึ้น

 

พอเขาเดินไปไกลจนมองไม่เห็นภูตผู้เฝ้าทางเข้าออกทั้ง 2 คน เขาก็เตะหินข้างเท้าด้วยความโกรธ

 

“ให้ตายเถอะ ไอ้หลงเหยากับหยินชางนั่น ท่านผู้เฒ่าต้องปกป้องพวกมันเพราะเกรงใจหูเจียวเจียวแน่”

 

“พ่อแม่ของข้าตายไปแล้ว พวกมันทุกคนก็เลยรวมหัวกันกลั่นแกล้งข้า ข้าเกลียดพวกมัน!”

 

ตอนนี้สายตาของลู่หลีเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ทว่าเขาไม่ทันได้สังเกตเห็นเงาดำข้างหลังที่กำลังคืบคลานเข้ามาหาตน

 

วินาทีนั้นเงาดำแอบย่องเข้าไปโดยที่คนตรงหน้าไม่รู้ตัว ก่อนจะยื่นมือที่มีเล็บแหลมคมไปปิดปากของกวางหนุ่ม และลากเขาเข้าไปในความมืด

 

“อื้อ! อืออ... อ่อยอ๊ะ(ปล่อยนะ)...”

 

ฝ่ายที่ถูกจู่โจมแบบกะทันหันพยายามดิ้นรน ไม่นานเขาก็ถูกโยนลงกับพื้น

 

ก่อนที่เขาจะทันได้ลุกขึ้น คอของเขาก็ถูกบีบพร้อมกับที่เล็บแหลมจิกลงไปในเนื้อ ซึ่งมือนั้นบังคับให้เขาสบเข้ากับดวงตาสีแดงก่ำคู่หนึ่ง

 

“เจ้าเป็นใคร… เจ้าเป็นใคร!?”

 

ลู่หลีร้องถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

 

หลังจากเด็กหนุ่มมองดูใกล้ ๆ เขาก็รู้ว่าคนที่จับตนเป็นภูตหญิงในเผ่า

 

ผู้หญิงคนนี้สติไม่ดี ผมของนางยุ่งเหยิง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน นางเหมือนกับคนที่จะคลุ้มคลั่งได้ตลอดเวลา ในขณะที่ดวงตาของนางฉายแววจงเกลียดจงชัง 

 

เวลานี้ผู้หญิงบ้ากำลังบีบคอของลู่หลีแน่นจนเล็บแหลมแทงเข้าไปในเนื้อกลายเป็นรอยสีแดงสด กระทั่งเลือดไหลซึมออกมา

 

“เขามีความสัมพันธ์ยังไงกับหวงเยว่?”

 

“บอกข้ามา บอกข้าว่าหวงเทียนคือใคร...”

 

ปัจจุบันใบหน้าของกวางหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเนื่องจากขาดอากาศหายใจ ขณะที่เขาพยายามอ้าปากพูด

 

“ปละ-ปล่อย แล้ว… ข้า… จะบอก”

 

เขาเค้นคำพูดแต่ละคำออกมาอย่างยากลำบาก

 

จากนั้นภูตหญิงก็ปล่อยมือออก และคว้าคอเสื้อของเขาไว้แทนก่อนจะเขย่าตัวเขาแรง ๆ

 

“แค่ก ๆ! แค่ก...” ส่วนลู่หลีพยายามสูดอากาศเข้าปอดพร้อมกับไอหลายครั้ง

 

เวรเอ๊ย!

 

ทำไมวันนี้ข้าถึงเจอแต่คนบ้า!

 

นี่มันไม่ต่างจากการหนีเสือปะจระเข้เลย!

 

“ข้าพูดแล้ว! ข้าพูดแล้ว!” กวางหนุ่มรีบร้องประท้วง

 

ทันทีที่เขาพูดจบ ภูตหญิงตรงหน้าก็หยุดเคลื่อนไหว โดยที่ลูกตาสีแดงคู่หนึ่งกำลังจ้องเขาจนแทบจะถลนออกจากเบ้า ประหนึ่งว่าถ้าเขาไม่รีบตอบ นางจะกินเขาเข้าไป

 

“บอกข้ามาเร็ว ๆ ว่าเขาเป็นใคร!”

 

“หวงเทียนเป็นน้องชายของหวงเยว่ เขาเป็นน้องชายของหวงเยว่!”

 

พอหญิงสาวเสียสติได้รับคำตอบ นางก็ผลักลู่หลีออกอย่างแรง

 

เป็นผลให้เด็กหนุ่มล้มก้นจ้ำเบ้า

 

“อ๊าก!”

 

เขาร้องด้วยความเจ็บปวดเพราะเขารู้สึกว่าก้นของตัวเองแทบจะขาดเป็น 2 ท่อน

 

เมื่อลู่หลีลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ผู้หญิงบ้าคนนั้นก็หายตัวไปแล้ว

 

ครู่ต่อมา เขายกมือขึ้นเช็ดบาดแผลที่คอพลางกัดฟันด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะพยุงร่างตัวเองพิงผนังและอดไม่ได้ที่จะสบถด่าคนแปลกหน้า 

 

“อีบ้าเอ๊ย ให้ตายเถอะ!”

 

วันนี้ข้าโดนทำร้ายถึง 4 ครั้งเลยนะ!

 

ใครไม่โกรธก็บ้าแล้ว!

 

...

 

ขณะนี้หวงเทียนตามเป้าเฟิงกลับไปที่บ้านหินในเผ่า

 

“เสี่ยวเทียน เข้าไปดูบ้านใหม่ของเจ้าสิ” ชายหนุ่มเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์แล้วพูดกระตุ้นให้อีกคนเข้าไปข้างใน

 

“พี่ใหญ่ ในอนาคตเราจะอยู่ที่นี่กันหรือ?” หวงเทียนมองไปที่บ้านหินหลังงามตรงหน้า เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเลย

 

“เราไม่ได้อาศัยอยู่ในถ้ำหรอกหรือ?”

 

เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถาม

 

ตอนที่เขากลับมาพร้อมกับเป้าเฟิง เขาคิดว่าจะได้ไปอาศัยอยู่ในถ้ำอีกแห่งหนึ่ง

 

“เราจะไปอาศัยอยู่ในถ้ำทำไม นี่คือบ้านของเจ้า จากนี้ไปเราจะอาศัยอยู่ที่นี่” เสือดาวหนุ่มกล่าวพลางตบไหล่สมาชิกใหม่ในครอบครัวแล้วพาอีกคนเข้าไปในบ้าน

 

นี่คือบ้านหินที่เขาสร้างให้หวงเยว่ 

 

ปัจจุบันคู่ของเขาจากไปแล้ว ทำให้บ้านหินกลายมาเป็นของเป้าเฟิง 

 

ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ เนื่องจากเขาอยู่คนเดียว บ้านหินจึงไม่ได้ทำความสะอาด พอประตูถูกเปิดออกก็มีกลิ่นเหม็นอับรวมถึงกลิ่นอาหารบูดโชยมาจากข้างใน

 

หวงเทียนจึงยกมือขึ้นปิดจมูกตัวเองพร้อมถอยหลังไป 2-3 ก้าวโดยไม่รู้ตัว

 

บ้านพี่ใหญ่… กลิ่นเหม็นไปหน่อย!

 

“ข้าขอโทษ ข้าพาเจ้ากลับมาก่อนที่ข้าจะมีเวลาทำความสะอาด รอข้าเดี๋ยวนะ” เป้าเฟิงรู้สึกอับอายเล็กน้อย ก่อนจะรีบเข้าไปในบ้านเพื่อเก็บกองกระดูกและขยะไปโยนทิ้ง

 

ถัดมา ชายหนุ่มเปิดหน้าต่างแล้วไปหาอะไรมาพัดแรง ๆ เพื่อให้กลิ่นภายในกระจายออกไปข้างนอกให้เร็วที่สุด

 

“เสี่ยวเทียน บ้านค่อนข้างรกไปสักหน่อยนะ แต่ก็ยังพออาศัยได้อยู่  ถ้าเจ้าต้องการอะไรบอกพี่ใหญ่ได้เลยนะ พี่ใหญ่จะหามาให้ ต่อจากนี้ไป ที่นี่จะเป็นบ้านของเจ้า เจ้าไม่ต้องเกรงใจ” ขณะนั้นเสือดาวหนุ่มเดินวุ่นไปทั่วบ้าน ก่อนจะเดินกลับมาพูดกับน้องชาย

 

จากนั้นหวงเทียนก็เดินเข้าไปข้างในพลางมองไปรอบ ๆ บ้านและพบว่าหลังจากจมูกชินกับกลิ่นแล้ว ภายในบ้านก็ได้รับการตกแต่งอย่างดี ห้องกว้างขวางมีแสงสาดส่องทั่วถึงทำให้ห้องดูสว่างไสว ซึ่งมันแตกต่างจากถ้ำมืด ๆ ที่เขาเคยอาศัยอยู่มาก่อนอย่างสิ้นเชิง

 

ภาพตรงหน้าทำให้เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าตนกำลังฝันไปหรือเปล่า

 

เขาจำได้ว่าก่อนออกจากเผ่าหมาป่า เขาสัญญากับพี่สาวว่าจะสร้างบ้านเป็นของตัวเองและอาศัยอยู่กับนาง

 

ตอนนี้เขามีบ้านแล้วก็จริง แต่พี่สาวไม่ได้อยู่เคียงข้างเขาอีกต่อไป… 

 

“เสี่ยวเทียน มานี่สิ ห้องนี้เป็นของเจ้า พี่สาวของเจ้าและข้าเคยนอนด้วยกันที่นี่” เป้าเฟิงพาหวงเทียนไปที่ห้องของเขา

 

ชายหนุ่มวางแผนที่จะอาศัยอยู่ในห้องว่างด้านข้างแล้วให้อีกฝ่ายใช้ห้องที่หวงเยว่เคยอาศัยอยู่

 

เป้าเฟิงรู้ว่าหลังจากโตขึ้น พี่น้องจะอยู่ด้วยกันน้อยลงและค่อย ๆ ห่างกันไปเรื่อย ๆ ดังนั้นเขาจึงอยากให้หวงเทียนมีเวลาได้ใกล้ชิดกับพี่สาวของเขาให้มากที่สุด

 

“พี่สาวเคยอยู่ที่นี่ด้วยหรือ?” ในที่สุดดวงตาของเด็กหนุ่มก็สว่างขึ้น

 

“ใช่ ที่นี่ก็เป็นบ้านของนางเหมือนกัน”

 

เสือดาวหนุ่มตอบโดยไม่ต้องคิด

 

วินาทีนั้นม่านหมอกสีขาวปรากฏขึ้นในดวงตาของหวงเทียน

 

ปรากฎว่าพี่สาวของเขาได้ลองชีวิตแบบนี้กับพี่ใหญ่แล้ว

 

ในเมื่อเขาได้มาอาศัยอยู่ในบ้านหินที่พี่สาวเคยอาศัยอยู่ ดังนั้นความรู้สึกที่ได้รับคงจะเหมือนกับว่าเขาได้อยู่กับพี่สาวใช่ไหม?

 

ต่อมา คนเป็นพี่ใหญ่พาน้องชายไปเยี่ยมชมส่วนอื่น ๆ ของบ้านหินพลางกล่าวว่า “ถ้ามีอะไรที่เจ้าไม่ชอบ ข้าจะเปลี่ยนให้เอง”

 

หวงเทียนส่ายหัวขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน “บ้านหลังนี้ดีมาก ข้าชอบที่นี่มาก”

 

หลังจากที่เขาเงียบไปชั่วคราว เขาก็กล่าวต่อว่า

 

“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้อาศัยอยู่นอกถ้ำ มันดีมาก ดีกว่าถ้ำที่ข้าเคยอยู่ ดีกว่าร้อยเท่าพันเท่า”

 

“นี่คือบ้านที่ดีที่สุดที่ข้าเคยเห็น!”

 

ถ้ำที่เด็กหนุ่มพูดถึงคือถ้ำในเผ่าหมาป่า

 

เมื่อเป้าเฟิงเห็นการแสดงออกที่จริงใจของหวงเทียน เขาก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย

 

“เจ้าหนู เจ้าก็พูดเกินไป”

 

“มาเถอะ พี่ใหญ่จะทำอาหารอร่อย ๆ ให้เจ้า! อยากกินอะไรบอกพี่ใหญ่มาได้เลย!”

 

เขาพูดพลางวางมือไว้บนไหล่ของน้องชาย แล้วทั้งคู่ก็เดินออกจากห้องไปอย่างมีความสุข 

 

ในที่สุดบ้านหินที่เงียบเหงาก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.