บทที่ 18: พี่ชายทั้ง 4 ที่คอยปกป้องน้องสาว

[จบแล้ว] ขนเสบียงนับล้าน มาเป็นมาร(ดา)ของเหล่าวายร้าย (อ่านฟรีวันละตอน 12.00)

-A A +A

บทที่ 18: พี่ชายทั้ง 4 ที่คอยปกป้องน้องสาว

หลังจากที่หญิงวัยกลางคนพูดจบ นางก็จับมือหูเจียวเจียวแล้วตั้งท่าจะดึงเธอออกไปจากบริเวณบ้าน

 

เมื่อหญิงสาวได้ยินคำพูดของผู้หญิงคนนั้น เธอก็ตระหนักว่านี่คือแม่ของร่างเดิม

 

เธอจึงรีบรั้งอีกฝ่ายไว้ทันที “ท่านแม่  ข้าไม่เป็นอะไร เราไม่จำเป็นต้องไปหาหมอหรอก”

 

คำพูดของลูกสาวยิ่งทำให้ ‘หูหมิน’ รู้สึกเป็นทุกข์มากขึ้น

 

“ลูกแม่ แม่ทำให้เจ้าลำบากแล้ว หลังจากนี้เจ้ากลับไปอยู่กับแม่เถอะ แม่ปล่อยให้เจ้าอยู่บ้านซอมซ่อแบบนี้ไม่ได้แล้ว แม่จะให้พ่อเจ้าไปคุยกับท่านผู้เฒ่า มาดูกันว่าเขาจะผูกมัดเจ้าไว้ที่นี่ได้อีกหรือไม่!”

 

ในเผ่านี้มีกฎว่าหากชายหญิงคู่ไหนตกลงปลงใจกันแล้วจะต้องแยกตัวออกไปอยู่บ้านอีกหลัง โดยที่พวกเขาไม่สามารถอยู่ร่วมกับพ่อแม่ได้อีก

 

ถ้าไม่ใช่เพราะกฎข้อนี้ พ่อแม่ของเจ้าของร่างเดิมคงไม่มีวันปล่อยให้ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนออกมาอาศัยอยู่บ้านที่ทรุดโทรมแบบนี้

 

ในเวลาเดียวกัน หลงหลิงเอ๋อบังเอิญมาได้ยินคำพูดของหูหมินพอดี

 

ทันใดนั้นนางก็ขมวดคิ้วมองไปที่หูเจียวเจียว

 

ตั้งแต่ที่นางและเหล่าพี่น้องลืมตาดูโลก ครอบครัวของท่านยายก็ไม่ชอบพวกเขามาโดยตลอด ถ้าผู้หญิงชั่วคนนั้นกลับไปอยู่ที่บ้านเดิมล่ะก็ พวกเขาคงจะถูกทอดทิ้งให้อยู่กันตามลำพังแน่นอน

 

ถ้าแม่จิ้งจอกนั่นกล้าตอบตกลง พวกเขาจะไม่ปล่อยนางไว้แน่!

 

“ท่านแม่ ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ เห็นไหมว่าข้าไม่มีบาดแผลตรงไหนเลย อีกอย่างบ้านของท่านก็เล็กแค่นั้นจะไปพอให้ข้ากับลูก ๆ อีก 5 คนอยู่ได้ยังไง”

 

หูเจียวเจียวดึงแขนของหญิงวัยกลางคนไว้ ในขณะที่เธอทำเสียงเล็กเสียงน้อยพูดอ้อนผู้เป็นแม่ของร่างเดิม 

 

“อะไรนะ! เจ้าจะเอาภาระพวกนั้นกลับไปด้วยงั้นหรือ?” หูหมินขมวดคิ้วทันทีเมื่อนางได้ยินว่าลูกสาวคิดที่จะพาลูก ๆ กลับไปด้วย

 

อาจเป็นเพราะเจ้าของร่างเดิมเกลียดชังลูกของตัวเอง จึงมักจะเอาเรื่องที่ไม่ดีของลูก ๆ ไปเป่าหูครอบครัวของนาง ทำให้พ่อแม่และพี่ชายของนางมีอคติกับเหล่าเด็กน้อย

 

“ท่านแม่ เด็กพวกนั้นไม่ใช่ภาระ พวกเขาเป็นลูกของข้า แล้วพวกเขาก็เป็นหลานของท่านด้วย ในเมื่อท่านแม่คอยดูแลข้าดีขนาดนี้ ข้าก็จะต้องดูแลลูก ๆ ให้ดีเช่นเดียวกับท่านแม่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะ ข้าอยู่ที่นี่สบายดี!” หูเจียวเจียวรีบอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ

 

เนื่องจากหูหมินรักลูกจิ้งจอกคนนี้มากที่สุดเสมอมา นางจึงเชื่อฟังคำพูดของเธอ

 

“อืม ๆ เจ้าว่ายังไงแม่ก็ว่าตามนั้น”

 

หญิงสาวไม่คาดคิดเลยว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ เธอยังไม่ทันได้กล่าวสาธยายข้ออ้างที่ตนเตรียมไว้  แต่หูหมินก็ตอบตกลงเสียแล้ว

 

นั่นทำให้เธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกอิจฉาเจ้าของร่างเดิมที่มีแม่ที่รักนางมาก

 

ในโลกความจริง เธอมาจากพื้นที่ชนบทและครอบครัวของเธอก็เป็นครอบครัวหัวโบราณที่มักจะกดขี่ผู้หญิง จนถึงขั้นบังคับให้เธอแต่งงานกับคนที่ตนไม่ได้รัก เพื่อที่จะนำสินสอดไปให้น้องชายของเธอสู่ขอเจ้าสาว

 

ตอนนั้นหญิงสาวไม่เห็นด้วยจึงหนีออกจากบ้านมาแล้วไม่เคยกลับไปที่นั่นอีกเลย

 

“ลูกรัก ใครมันกล้าทำกับเจ้าอย่างนี้ ใครเป็นคนพังบ้านเจ้า บอกพ่อมา พ่อจะช่วยล้างแค้นให้เจ้าเอง!” ชายวัยกลางคนถามขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราดเมื่อเห็นบ้านไม้ที่ถูกทำลายจนพังไปทั้งแถบ

 

ใบหน้าแบบชาวจีนแท้ ๆ ของ ‘หูเฉียง’ เต็มไปด้วยความโกรธ ซึ่งบ่งบอกได้ว่าตราบใดที่หูเจียวเจียวเอ่ยชื่อคนคนนั้นออกมา เขาจะไปล้างแค้นถึงบ้านอีกฝ่ายทันที

 

หญิงสาวจำได้ว่าในนิยายบอกว่าพ่อของเจ้าของร่างเดิมเป็นคนอารมณ์ร้าย

 

เนื่องจากหูเจียวเจียวคนเก่าคอยสร้างปัญหาอยู่เสมอ หูเฉียงจึงมักจะตามไปล้างแค้นให้กับลูกสาว ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวของหูเฉียงและคนในเผ่าตึงเครียดมากยิ่งขึ้น

 

เมื่อจิ้งจอกสาวนึกถึงเรื่องนี้ เธอก็แย้มยิ้มบาง ๆ พลางส่ายหัวตอบผู้เป็นพ่อว่า “ท่านพ่อ ไม่ต้องให้ถึงมือท่านหรอก ข้าได้สั่งสอนพวกมันไปแล้ว”

 

การมีพ่อแม่ที่ใส่ใจลูกก็ดีเช่นนี้ เธอไม่ควรปล่อยให้พวกเขาต้องมาเดือดร้อนเพราะเธออีกต่อไป

 

หากหญิงสาวอยากจะล้างแค้น เธอก็จะลงมือด้วยตัวเอง แบบนั้นมันสะใจกว่าเป็นไหน ๆ

 

“น้องเล็ก ถ้าพวกมันข่มขู่เจ้า เจ้าก็อย่ากลัวไปเลย พี่ใหญ่อยู่นี่แล้ว พี่จะสั่งสอนบทเรียนให้พวกมันเอง!” จู่ ๆ ก็มีชายคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา

 

หูเจียวเจียวหันศีรษะไปมองและเห็นเปลวไฟพวยพุ่งออกมาจากด้านหลังของผู้อาวุโสทั้ง 2 

 

เมื่อเธอฟังจากคำพูดนั้น คนคนนี้น่าจะเป็นพี่ชายคนโตของเจ้าของร่างเดิมซึ่งมีนามว่า ‘หูชิงซาน’

 

“ขอบคุณพี่ใหญ่มาก ข้าได้สั่งสอนพวกมันไปแล้วจริง ๆ ฉะนั้นท่านอย่ากังวลกับเรื่องนี้อีกเลย” หูเจียวเจียวยิ้มตอบกลับ

 

สมาชิกในครอบครัวของร่างเดิมนั้นใจดีกับนางจริง ๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม พวกเขาพร้อมที่จะช่วยนางระบายความโกรธได้ทุกเมื่อ

 

อย่างไรก็ตาม พ่อแม่และพี่ชายที่แสนดีเช่นนั้นกลับทำให้หูเจียวเจียวคนเก่าเสียนิสัย

 

“ก็ได้ ถ้าเจ้าต้องการอย่างนั้น พี่ก็จะปล่อยพวกมันไปก่อน แต่เจ้าสามารถมาหาพี่ได้ทุกเมื่อหากมีใครมารังแกเจ้าอีก พี่สัญญาว่าจะช่วยล้างแค้นแทนเจ้าเอง!” หูชิงซานตบหน้าอกของเขาพร้อมกับให้คำมั่น

 

ชายผู้นี้เองก็ฟังคำพูดของเธอโดยธรรมชาติและไม่สงสัยอะไรเลยเช่นเดียวกับผู้เป็นแม่

 

แม้ว่าในนิยายเล่มนี้จะไม่ได้แนะนำครอบครัวของเจ้าของร่างเดิมอย่างละเอียด แต่มีวรรคหนึ่งเคยบรรยายถึงพี่ชายของนางว่าเป็นเสาหลักของครอบครัวและเขาก็แข็งแกร่งมากที่สุด

 

เนื้อเรื่องบอกไว้ว่าพี่ชาย 4 คนของหูเจียวเจียวเป็นซิสค่อน*ที่คอยปกป้องน้องสาวอยู่เสมอ แต่ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบนี้กลับต้องพังพินาศเพราะนางเพียงคนเดียว นางเป็นคนทำให้สมาชิกในครอบครัวต้องตายอย่างอนาถ

*ซิสค่อน = อาการของคนที่ติดพี่สาว/น้องสาวมากจนเกินไป

 

ในที่สุดหญิงสาวก็สามารถชักจูงเปลี่ยนบรรยากาศตึงเครียดไปพูดคุยสอบถามสารทุกข์สุขดิบได้

 

“ลูกรัก ถึงยังไงเจ้าก็อยู่บ้านหลังนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว หลังจากนี้เจ้าจะไปอาศัยอยู่ที่ไหนกัน” หูหมินต้องการให้ลูกสาวกลับบ้านกับนาง

 

“ท่านแม่ ตรงนี้มีท่านพ่อกับข้าอยู่ไม่ใช่หรือ งั้นตอนนี้เรามาช่วยกันซ่อมบ้านให้น้องกันเถอะ!”

 

หูชิงซานเสนอความคิดขึ้นมาทันที เขาที่เป็นซิสค่อนพยายามจะสร้างความประทับใจต่อหน้าน้องสาวผู้เป็นที่รักทุกครั้งที่มีโอกาส 

 

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาจากปาก ผู้เป็นแม่ก็ตวัดสายตามองลูกชายเขม็ง

 

ข้าให้กำเนิดลูกที่โง่เขลาเช่นนี้ออกมาได้ยังไงกัน!

 

หูเจียวเจียวนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง แล้วคิดว่าเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะใช้เวลากี่ปีถึงจะซ่อมแซมบ้านหลังนี้ด้วยตัวเองจนเสร็จ ดังนั้นเธอจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธความช่วยเหลือนี้

 

“ตกลง งั้นข้าขอรบกวนท่านพ่อกับท่านพี่ซ่อมแซมบ้านให้ข้าด้วย”

 

ด้วยความช่วยเหลือของชายที่แข็งแรง 2 คน จิ้งจอกสาวจึงไม่ได้มีส่วนร่วมในการซ่อมแซมบ้านเลยสักนิด 

 

หลังจากพูดคุยกับครอบครัวเรียบร้อยแล้ว หูเจียวเจียวก็สังเกตเห็นว่าลูกทั้ง 5 คนกำลังหลบอยู่ในบ้านไม้ที่พังไปครึ่งแถบด้วยท่าทางหวาดกลัวพ่อแม่ของเจ้าของร่างเดิม ดังนั้นเธอจึงบอกให้พวกเขาออกไปเล่นข้างนอกกันก่อน

 

แต่พอหูหมินเห็นว่าลูกสาวมีเหยื่อมากมาย นางก็แอบดีใจก่อนจะพับแขนเสื้อขึ้นแล้วลากเหยื่อไปจัดการที่แม่น้ำ

 

“ท่านแม่ ส่งมันมาให้ข้าทำเถอะ ท่านไปนั่งพักผ่อนรออยู่เฉย ๆ ดีกว่า” หูเจียวเจียวรีบเข้าไปช่วยหญิงวัยกลางคน

 

ในฐานะลูกสาว เธอจะปล่อยให้ผู้เป็นแม่ทำงานแทนได้อย่างไร

 

แต่เธอไม่คาดคิดว่าหูหมินจะผลักเธอออกไปเบา ๆ ด้วยใบหน้าที่ใจดี “เอาน่า เจ้าไปรออยู่ตรงนั้นเลย ตั้งแต่ยังเล็กเจ้าไม่เคยทำงานพวกนี้มาก่อน ปล่อยให้แม่เป็นคนทำเถอะ!”

 

ความเอาใจใส่ของหญิงวัยกลางคนท่านนี้ทำให้หูเจียวเจียวน้ำตารื้นอยู่พักหนึ่ง

 

เธอไม่เคยได้สัมผัสถึงความรู้สึกของการได้รับการดูแลเอาใจใส่จากแม่มาก่อน

 

ปรากฎว่าในโลกนี้ยังมีแม่ที่ดีอยู่ แต่เธอคนก่อนที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงไม่ได้โชคดีขนาดนั้น

 

ในเมื่อตอนนี้หญิงสาวได้พบกับพวกเขาแล้ว เธอจะต้องทำดีกับพวกเขาให้ได้มากที่สุด!

 

แคว่ก! 

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงของเนื้อถูกฉีกออกจากกันดังขึ้น

 

หูเจียวเจียวหันไปมองที่มาของเสียงก่อนจะเห็นว่าที่มือของหูหมินเปลี่ยนเป็นกรงเล็บของสัตว์

 

ทันทีที่นางเฉือนกรงเล็บแหลมของสุนัขจิ้งจอกลงไป มันก็สามารถฉีกเนื้อของเหยื่อได้อย่างง่ายดาย จากนั้นอวัยวะภายในปนเลือดก็พุ่งกระฉูดออกมา...

 

“...!”

 

มือของผู้หญิงคนนั้น...กลายเป็นกรงเล็บจิ้งจอก!

 

หญิงสาวที่เคยอ่านแต่นิยาย แต่ไม่เคยเห็นปีศาจกลายร่างเป็นสัตว์ด้วยตาของตัวเอง การได้เห็นฉากแบบนี้อย่างกะทันหัน มันจึงเป็นเรื่องที่เกินจินตนาการของเธอไปมาก

 

เธอต้องใช้เวลาตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะรวบรวมมันกลับมาได้

 

ตอนนี้เธอเองก็เป็นภูตแล้ว นั่นหมายความว่าเธอสามารถกลายร่างเป็นจิ้งจอกได้ด้วยใช่ไหม?

 

เมื่อหูเจียวเจียวนึกภาพตัวเองกลายเป็นสุนัขจิ้งจอก เธอก็รีบส่ายหัวสลัดความคิดนั้นทิ้งไป

 

เธอยังอยากจะเป็นมนุษย์อยู่!

 

ต่อมา หูเจียวเจียวหยิบมีดออกมาจากมิติแล้วนั่งลง “ท่านแม่ ท่านลองใช้สิ่งนี้ดูสิ มันใช้ถลกหนังแล้วก็แล่เหยื่อได้ง่ายมากเลยนะ”

 

“นี่คืออะไร?” หูหมินมองมีดในมือของหญิงสาวอย่างประหลาดใจ

 

เนื่องด้วยตามธรรมชาติแล้ว เหล่าภูตมีกรงเล็บและฟันที่คมมาก

 

มีเพียงภูตอ่อนแอที่ไม่มีกรงเล็บเท่านั้นที่จะใช้เครื่องมือ อย่างเช่น มีดที่ทำมาจากกระดูกหรือหิน

 

“มันคือมีด ข้าบังเอิญเก็บมันมาได้ ดูสิ มันคมมากเลยนะ คมจนตัดกระดูกได้เลย” หูเจียวเจียวโกหกหน้าตาย

 

เธอคิดเอาไว้แล้วว่าจะใช้เหตุผลนี้เพื่ออธิบายที่มาของสิ่งของที่ได้มาจากในมิติ

 

ก่อนหน้านี้เธอบอกเด็กทั้ง 5 ไปว่าของพวกนี้เธอเอามาจากบ้านท่านยาย แต่ถ้าหูหมินไม่รู้จักของพวกนี้ เหตุผลที่เธออ้างไปก็จะไม่สมเหตุสมผลแล้วความแตกทันที

 

ดังนั้นหญิงสาวจึงคิดไว้ว่าจะมอบมีดเล่มหนึ่งให้กับผู้เป็นแม่ 

 

โดยปกติแล้วเผ่าจิ้งจอกไม่เก่งเรื่องการต่อสู้เท่าเผ่าพันธุ์อื่น หากพวกเขามีอาวุธที่สามารถใช้ป้องกันตัวเองในยามที่ต้องเผชิญกับอันตรายได้ก็คงเป็นเรื่องที่ดีกว่า

 

“มีดมันคมขนาดนั้นเลยหรือ? มีดเล่มนี้ดูบางขนาดนี้ มันจะไม่หักหรือไง?” หูหมินยังคงแสดงสีหน้าประหลาดใจไม่หยุด

 

มีดบาง ๆ แบบนี้จะตัดกระดูกได้อย่างไร?

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.