บทที่๓๔

สุภาพบุรุษสุดดวงใจ

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่๓๔

หลังอาบน้ำและทานอาหารค่ำเสร็จแล้วนิชาภัทรก็ออกมาเดินเล่นแถวชายหาด ท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่องมาจากบ้านพักทำให้แถวนี้ดูไม่มืดนัก หญิงสาวเดินไปเดินมาก็ตัดสินใจนั่งลงบนพื้นดินทราย นั่งฟังเสียงคลื่นทะเลที่ไพเราะเสนาะหู กระทั่งได้ยินเสียงคนถามจากข้างหลัง

“มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้จ๊ะ”

นิชาภัทรหันไปมองก็เห็นว่าคนที่ถามก็คือเป็นเอกนั่นเอง เธอยิ้มให้เขา

“อ้าว! เป็นเอก”

ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆ แฟนสาว ก่อนจะถามอีกครั้ง

“ว่าไง เธอมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้”

“ฉันก็นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยนั่นแหละ” เธอว่า

“คิดเรื่องของเราอยู่เหรอ”

“คิดทำไม แล้วทำไมต้องคิด”

“อ้าว! ก็แบบคิดว่าเพราะอะไรที่ทำให้พวกเราได้มาเป็นแฟนกันในวันนี้ไง”

“จะคิดอะไรให้ยุ่งยาก...ที่พวกเราได้มาเป็นแฟนกันก็เพราะว่าพวกเราชอบกันไง คิดง่ายๆ แค่นี้เอง” เธอตอบอย่างรำคาญ

เป็นเอกรีบยื่นมือไปโอบไหล่แฟนสาว ก่อนจะพูดว่า

“แปลกดีเนอะ จากที่เมื่อก่อนพวกเราเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ไปไหนก็ไปด้วยกัน ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ เวลามีเรื่องอะไรก็จะอยู่เคียงข้างกันตลอด ผ่านอะไรมาด้วยกันก็เยอะ แต่ดูตอนนี้สิ พวกเราได้เป็นแฟนกันเฉยเลย ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยคิดจะชอบกันด้วยซ้ำ บางครั้งก็จิกกัดกัน แต่วันนี้พวกเราเป็นคู่กัน จากเพื่อนถูกเลื่อนเป็นแฟน”

“ต้องขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้พวกเราเจอกัน ได้เป็นเพื่อนกันก่อน ได้ผ่านอะไรๆ มาด้วยกันหลายอย่าง ทั้งสุขทั้งทุกข์ แต่ทุกครั้งพวกเราก็อยู่เคียงข้างกันและกันเสมอ ไม่ทอดทิ้งกันไปไหน และฉันก็ต้องขอบคุณนายที่มาเป็นแฟนกับฉัน”

“เธอจะขอบคุณฉันทำไม ในเมื่อพวกเราชอบกันนี่ ถ้าคนเราชอบกันก็ต้องเป็นแฟนกันน่ะถูกแล้ว”

อีกฝ่ายพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ตอนนี้มีดาวเยอะมาก และมีพระจันทร์ด้วย

“ท้องฟ้าคืนนี้สวยจัง”

“แต่ฉันว่าสวยสู้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันตอนนี้ไม่ได้หรอก” เป็นเอกยิ้ม

แต่ถูกแฟนสาวตีเข้าที่แขนเบาๆ

“นี่แน่ะ ปากหวานจริงๆ นะ”

“เคยชิมแล้วเหรอจ๊ะที่รัก”

“ทะลึ่ง!”

“อ้าว! ก็เธอบอกว่าปากฉันหวาน ฉันก็ถามอยู่นี่ไงว่าเธอเคยชิมแล้วเหรอถึงได้รู้”

“ที่ฉันว่าปากของนายหวานก็เพราะคำพูดของนาย...ไม่ใช่อย่างอื่น” ประโยคท้ายเสียงเบาลงเพราะรู้สึกเขินอาย

อีกฝ่ายถึงกับหัวเราะ

“อ้าวเหรอ!”

“ก็ใช่น่ะสิจ๊ะที่รัก”

“โอ๊ะ ปากหวานเหมือนกันนะเนี่ย” เขายิ้ม

หญิงสาวยักคิ้วกวนๆ ใส่

“แน่นอนจ้ะ ฉันกินของหวานๆ ทุกวันอยู่แล้ว”

เป็นเอกหัวเราะอีกครั้ง ก่อนจะเอามือออกจากไหล่แฟนสาวและจับหน้าเธอให้หันมาหาเขา จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ตอนนี้ปากของทั้งสองคนจะชนกันแล้ว นิชาภัทรหลับตาพริ้มเพราะคิดว่าจะถูกจูบแล้ว เขาต้องจูบเธอแน่แล้ว

แต่...แต่มีเสียงกระแอมดังขัดจังหวะ ทั้งคู่จึงตื่นจากภวังค์ หันหน้าหนีทันที

“มานั่งสวีทหวานกันอยู่ตรงนี้นี่เอง” เป็นปาณัทนั่นเองที่เข้ามาขัดจังหวะ

เป็นเอกหันไปมองก็เห็นว่าเป็นพี่ชายที่เดินมากับแฟนสาว

“อ้าว! นายป้อง มีอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่ออกมาเดินเล่นสูดอากาศกับน้องริน แต่บังเอิญเห็นคนกำลังสวีทหวานกัน”

“นายไม่น่ามาขัดจังหวะเลย” เขาทำหน้าเซ็งๆ

ผู้เป็นพี่ชายจึงบอกว่า

“โทษทีว่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะน้องชาย”

แล้วนิชาภัทรก็ลุกขึ้นยืน จึงถูกแฟนหนุ่มถามว่า

“เธอจะไปไหน”

“ฉันจะไปนอน ฉันง่วงนอนแล้ว” เธอบอก

เป็นเอกก็เลยก้มมองดูนาฬิกา ก่อนจะเงยหน้าพูดกับแฟนสาว

“นี่มันยังไม่สามทุ่มเลยนะ เธอจะรีบนอนไปถึงไหน”

“ก็คนมันง่วงนอน ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเวลาตรงไหนเลย”

“ถ้างั้นฉันก็ง่วงนอนเหมือนกัน” ชายหนุ่มรีบลุกขึ้น ก่อนจะตบไหล่พี่ชายเบาๆ “สวีทกันตามสบายนะพี่ชาย ฉันจะไปนอนก่อน”

“โอเค ขอบใจมากน้องชาย” ปาณัทพยักหน้ายิ้มๆ

แล้วอีกฝ่ายก็จับมือแฟนสาว

“ไป! เข้าไปในบ้านกัน” แล้วก็จูงมือเธอเดินออกไปทันที

ตรงชายหาดจึงเหลือเพียงคู่ของปาณัทกับรินรดา ทั้งสองคนจูงมือกันเดินเล่นไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงคลื่นทะเลที่ดังอยู่ตลอดเวลา แล้วฝ่ายชายก็ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า พลางพูดว่า

“น้องรินดูนั่นสิครับ มีดาวเต็มท้องฟ้าและมีพระจันทร์เต็มดวง สวยมากเลยนะครับ”

“ใช่ค่ะ สวยที่สุดเท่าที่รินเคยเจอมา มีดาวเป็นล้านดวง และมีพระจันทร์ที่ใหญ่มากค่ะ” เธอยิ้ม

“ตอนเด็กๆ พี่เคยฝันว่าอยากขึ้นไปอยู่บนพระจันทร์ มันเป็นความฝันแบบเด็กๆ แต่เมื่อโตขึ้นก็ทำให้พี่รู้ว่าคนเราไม่มีทางที่จะขึ้นไปอยู่บนพระจันทร์ได้ เพราะมันสูงเกินไป”

“ตอนเด็กๆ รินก็ร้องอยากได้ดาวบนท้องฟ้า จนคุณพ่อกับคุณแม่ต้องบอกว่าไม่สามารถไปเอาดาวได้ เพราะมันอยู่สูงเกินกว่าที่เราจะเอื้อมถึง แต่ตอนนั้นคุณพ่อก็วาดรูปดาวให้รินดูแทน ท่านบอกว่าพ่อให้ดาวแล้วนะ ไม่ต้องร้องแล้วนะ รินก็เลยหยุดร้องค่ะ”

“มันก็แค่ความฝันของพวกเราตอนเด็กๆ ที่ไม่รู้ประสีประสาอะไร...แต่ตอนนี้พี่ได้ครอบครองดาวดวงหนึ่งที่ไม่ต้องเอื้อมก็ได้มาแล้ว ดาวดวงนี้สวยที่สุดกว่าดาวดวงอื่นๆ ซึ่งก็อยู่ตรงหน้าพี่นี่ไง” เขาหยุดเดิน จับไหล่ทั้งสองข้างของแฟนสาวให้หันมองมาทางเขา

รินรดามองหน้าคนรักแล้วยิ้มเขิน ก่อนจะพูดว่า

“พี่ก็เหมือนพระจันทร์ที่ส่องสว่างในหัวใจริน...เพราะตั้งแต่มีพี่เข้ามาในชีวิตรินมันทำให้หัวใจของรินที่มืดมนมานานกลับมามีแสงสว่างได้อีกครั้ง ทำให้มองเห็นอะไรได้ชัดเจนขึ้น รินมองว่าพี่คือของขวัญที่วิเศษสุดที่สวรรค์ประทานมาให้ริน และรินต้องขอบคุณสวรรค์ที่ส่งพี่มาให้รินค่ะ”

“น้องรินก็เป็นของมีค่าที่สุดในชีวิตของพี่ ที่ฟ้าส่งมาให้พี่ พี่จะรักษาของมีค่าชิ้นนี้ให้ดีที่สุด จะไม่ให้ใครพรากไปได้ พี่จะไม่ทำให้ฟ้าต้องผิดหวังอย่างแน่นอน และพี่จะขอสัญญาว่าพี่จะรักและซื่อสัตย์กับน้องรินเพียงคนเดียว”

“รินก็ขอสัญญาว่ารินจะรักและซื่อสัตย์กับพี่ป้องเพียงคนเดียวเหมือนกันค่ะ” เธอพูดอย่างไม่เคอะเขินเลย

แล้วชายหนุ่มก็โน้มตัวลงไปประทับริมฝีปากแฟนสาวอย่างนุ่มนวล จูบนี้เกิดขึ้นจากความรักที่สวยงาม ความรักของคนสองคน ที่ไม่มีคนอื่นมาแทรกกลาง ทั้งสองคนจูบกันอยู่นาน หญิงสาวก็หลับตาพริ้ม สัมผัสได้ถึงรสจูบที่หอมหวานอย่างที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน และเธอรู้สึกประทับใจในตัวผู้ชายคนนี้มาก...มากจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

เขานั้นมอบความรักให้เธอจนล้น ความรักที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ซึ่งเธอก็ต้องขอบคุณสวรรค์ส่งผู้ชายที่ดีเช่นนี้มาให้เธอ เขาคือของขวัญที่วิเศษสุด เธอรู้เพียงเท่านี้ และเธอจะไม่ยอมปล่อยมือจากเขาไปไหน จะอยู่กับเขาเช่นนี้ไปตราบนานเท่านาน หรืออยู่จนชั่วฟ้าดินสลายก็ว่าได้ เธอจะรักเขาคนเดียว เพราะเขาคือรักแรกพบและจะเป็นรักเดียวของเธอ เธอจะไม่เปลี่ยนใจไปจากเขาแน่นอน เธอขอสัญญา

 

“ผมว่าผมตาไม่ฝาดแน่นอนครับคุณแม่ ผมเห็นไอ้ป้องกับน้องรินกำลังจูบกันอยู่ตรงนั้น” ภูริชบอกกับแม่ขณะยืนอยู่หน้าบ้านเช่า ซึ่งอยู่ริมทะเล ชายหนุ่มชี้ไปยังทิศทางที่เห็นปาณัทกับรินรดากำลังจูบกัน

ประภามองไปตามนิ้วชี้ของลูกชายก็เห็นสิ่งที่เขาบอกจริงๆ

“นั่นไอ้ป้องกับรินรดากำลังจูบกันจริงๆ ด้วย พวกมันมาทำอะไรกันที่นี่ หรือว่าไอ้ป้องมันจะรู้ว่าพวกเราอยู่ที่นี่”

“เป็นไปไม่ได้หรอกครับคุณแม่ มันจะรู้ได้ยังไงครับ ในเมื่อไม่มีใครบอกมัน”

“แล้วมันมาทำอะไรที่นี่”

“บางทีมันอาจจะพาน้องรินมาเที่ยวทะเลก็ได้ครับคุณแม่”

“ถ้างั้นก็ดีเลย...พวกเราจะได้ใช้โอกาสนี้ฆ่ามันซะที่นี่เลย” เธอยิ้มร้ายมีแผน

อีกฝ่ายยิ้มพอใจกับความคิดของผู้เป็นแม่

“เป็นความคิดที่ดีมากเลยครับคุณแม่ ผมเองก็อยากจะฆ่ามันเต็มแก่แล้วเหมือนกันครับ”

“คราวนี้ได้ฆ่ามันสมใจแกแน่”

“ผมรอเวลานี้มานานมากแล้วครับคุณแม่ และผมจะไม่ทำพลาดเด็ดขาด”

“ดีมากลูก”

สองคนแม่ลูกกำลังวางแผนที่จะฆ่าปาณัท นี่ถ้ารู้ว่าเป็นเอกมาด้วยก็คงคิดจะฆ่าเหมือนกัน...ศัตรูหมายเลขหนึ่งมาให้ฆ่าถึงที่ มีหรือที่ประภากับภูริชจะยอมปล่อยให้หลุดมือไปได้ง่ายๆ ต้องเอาให้ถึงตายให้ได้ เพื่อผลประโยชน์ทั้งหมดที่คิดว่าน่าจะได้นั่นเอง!

 

เช้าวันใหม่...สองสาว รินรดากับนิชาภัทรตื่นไปวิ่งออกกำลังกายริมชายหาดแต่เช้ามืด ใส่เพียงเสื้อยืดกับกางเกงวอมขายาวแบบสบายๆ แต่เมื่อวิ่งไกลออกไปจากที่พักไม่มากนักก็เจอใครบางคนมาขวางทาง จนต้องพากันหยุดชะงัก

“อรุณสวัสดิ์จ้ะสองสาว ตื่นเช้าจัง” เป็นภูริชนั่นเองที่มายืนขวางทางสองสาว

“พี่ภู” รินรดาตกใจที่เห็นอีกฝ่าย

ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ

“พี่ต้องขอบคุณน้องรินมากนะจ๊ะ ที่อุตส่าห์ยังจำพี่ได้”

“พี่กับคุณอาภากำลังถูกตำรวจตามจับอยู่นี่คะ อย่าบอกนะคะว่าพากันมาหลบซ่อนตำรวจอยู่ที่นี่”

“น้องรินฉลาดที่สุดเลยจ้ะ” เขายิ้มมุมปาก

รินรดารีบล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกง ทำท่าจะกดโทร แต่กลับถูกภูริชกระชากไป

“เอาโทรศัพท์รินคืนมานะคะพี่ภู”

“น้องรินบอกพี่มาก่อน ว่าน้องรินจะโทรหาใคร ถ้าน้องรินคิดจะโทรหาตำรวจเพื่อให้มาจับพี่กับคุณแม่ของพี่ละก็ พี่จะโยนโทรศัพท์ลงทะเลไปซะ”

“ก็เอาสิคะ โยนไปเลยสิคะ”

“อย่าท้านะ คิดว่าพี่ไม่กล้าหรือไง”

“ไอ้คนชั่ว...ดีแต่ชอบรังแกผู้หญิง” นิชาภัทรด่าอย่างไม่กลัว

อีกฝ่ายโมโห เงื้อมือขึ้นจะตบ

“ปากดีนักนะแก”

“ก็มาสิ คิดว่ามีมือมีเท้าอยู่คนเดียวหรือไง” เธอตั้งการ์ดรอ ตอนนี้พร้อมสู้มาก

ภูริชถึงกับหัวเราะดังลั่น

“แรงผู้หญิงมันจะไปสู้แรงผู้ชายได้ยังไงวะ ตลกละ”

“อย่าดูถูกผู้หญิงนะโว้ย ไม่ลองดูแล้วจะรู้ได้ยังไง”

“อย่าไปมีเรื่องกับเขาเลยค่ะคุณนิชา” รินรดารีบห้าม

นิชาภัทรสั่นศีรษะ ก่อนจะหันไปจ้องเขม็งกับว่าที่ ‘คู่อริ’

“เราอย่าไปกลัวคนแบบนี้ค่ะ เพราะยิ่งเรากลัวเขาก็ยิ่งได้ใจและอาจทำร้ายเราอยู่ฝ่ายเดียว ถ้าสู้ได้ก็ต้องสู้ค่ะ”

“เก่งจริงนะแม่คุณ” เขาหัวเราะอีก

หญิงสาวยังจ้องเขม็งตาไม่กระพริบ

“ฉันอยากจะบอกว่าฉันเคยเรียนต่อยมวยมา ผู้ชายตัวโตๆ ฉันเคยต่อยสลบมาแล้ว นายอยากลองดูไหมล่ะ อย่าหาว่าฉันขี้โม้ละกัน”

“คนอย่างเธอมันก็เก่งแต่ปากเท่านั้นละ”

“อ้อ นี่นายกำลังท้าฉันอยู่ใช่ไหม ได้! เดี๋ยวฉันจัดให้” เมื่อพูดจบเธอก็ใช้หมัดเสยคางอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว จนเขาล้มลงไป เธอถึงกับหัวเราะ “เป็นยังไงล่ะ อยากท้าฉันดีนัก ฉันก็เลยจัดให้ซะเลย”

ภูริชรู้สึกเจ็บคางมาก แต่ยังฝืนลุกขึ้นชี้หน้าคนทำตัวเขา

“แก...บังอาจมากที่มาทำกับฉันแบบนี้”

“ช่วยไม่ได้ นายอยากมาท้าทายฉันก่อน” นิชาภัทรยิ้มเยาะใส่

รินรดาแบมือไปตรงหน้าชายหนุ่ม

“รินขอโทรศัพท์คืนด้วยค่ะพี่ภู รินจะกลับที่พักแล้ว เพราะรินกับคุณนิชาวิ่งออกกำลังกายมานานแล้ว ป่านนี้พี่ป้องกับพี่เอกคงกำลังหาพวกเราอยู่”

“อ้าว! ไอ้เป็นเอกก็มาด้วยเหรอ” เขาถาม

หญิงสาวพยักหน้า แต่มือยังแบอยู่

“ค่ะ...รินขอโทรศัพท์คืนด้วยค่ะ”

“แล้วถ้าพี่ไม่ให้ล่ะ”

“ถ้าไม่ให้รินก็ไม่เอาค่ะ” เธอบอกอย่างรำคาญ ก่อนจะจับมือนิชาภัทร “กลับกันเถอะค่ะคุณนิชา”

“คุณรินแน่ใจเหรอคะว่าจะไม่เอาโทรศัพท์คืน” นิชาภัทรถาม

คนถูกถามพยักหน้า

“ก็ในเมื่อเขาไม่ให้ก็ไม่ต้องเอาค่ะ”

“เดี๋ยวนิชาจัดการให้ค่ะ” เธอแกะมืออีกฝ่ายออกจากมือเธอ ก่อนจะเดินไปหาภูริช “ขอโทรศัพท์คุณรินคืนด้วย”

“ฉันไม่ให้โว้ย” เขาตะคอกใส่

หญิงสาวยิ้มมุมปาก

“ได้! ไม่ให้ใช่ไหม อยากเจ็บตัวอีกใช่ไหม” ตั้งท่าจะต่อยคู่อริอีก แต่อยู่ๆ ก็มีกระบอกปืนจ่อมาตรงหน้า

“แกอย่าทำอะไรลูกชายฉันนะ” เจ้าของกระบอกปืนก็คือประภานั่นเอง

นิชาภัทรรีบถอยออกไปยืนกับรินรดาเหมือนเดิม

เมื่อรินรดาเห็นประภาก็ตกใจ

“คุณอาภา”

“จ้ะ อาเอง” เธอลดกระบอกปืนลง ก่อนจะยิ้มให้คนที่พูด แต่เป็นการฝืนยิ้มต่างหาก

อีกฝ่ายจึงถามว่า

“ทำไมคุณอาไม่ไปมอบตัวกับตำรวจคะ คดีฆ่าคนตายมันร้ายแรงมากเลยนะคะ ถ้าคุณอามอบตัวโทษหนักก็จะกลายเป็นเบา”

“นี่ไอ้ป้องมันคงจะบอกเธอหมดแล้วสินะ”

“ใช่ค่ะ พี่ป้องเขาบอกทุกอย่างที่เกี่ยวกับความเลวที่คุณอาทำ”

สิ้นสุดคำพูดของหญิงสาวประภาก็ตวัดมือไปที่ใบหน้าสวยๆ ของเธออย่างแรงเพราะไม่พอใจ

“เธอกล้ามากที่มาว่าฉันเลว”

หญิงสาวรู้สึกเจ็บเล็กน้อยที่ถูกตบหน้า แต่เธอก็ยังอุตส่าห์แค่นหัวเราะให้กับอีกฝ่าย

“เผอิญว่ารินเป็นคนชอบพูดตรงๆ น่ะค่ะ ถ้ารินพูดแทงใจดำคุณอา งั้นรินก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ” ก่อนจะบอกกับนิชาภัทรว่า “พวกเรากลับที่พักกันเถอะค่ะ อยู่ตรงนี้นานๆ ไม่ได้ รินไม่ชอบมีเรื่องกับใครค่ะ”

รินรดากับนิชาภัทรขยับเท้าจะเดินออกไป แต่ประภาก็จ่อปืนขู่

“ถ้าพวกแกขยับออกไปจากตรงนี้แม้แต่ก้าวเดียว พวกแกได้ตายเป็นผีเฝ้าทะเลแน่”

“คุณอาทำแบบนี้ทำไมคะ” รินรดาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

อีกฝ่ายจึงบอกว่า

“ถ้าฉันปล่อยพวกแกไป เดี๋ยวพวกแกก็ไปบอกทุกคนว่าเห็นฉันกับลูกอยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้นฉันปล่อยพวกแกไปไม่ได้จริงๆ”

“พวกเราขอสัญญาเลยนะคะว่าจะไม่บอกให้ใครรู้เด็ดขาด”

“ฉันไม่เชื่อ” เจ้าหล่อนตะคอก ก่อนจะหันไปบอกกับลูกชายว่า “เอาตัวพวกมันไปลูก”

“เอาไปไหนครับคุณแม่” ภูริชถามอย่างไม่เข้าใจ

“ก็จับพวกมันไปขังไว้ไง แม่ปล่อยพวกมันกลับไปไม่ได้จริงๆ” แล้วก็ยื่นปืนให้ลูกชาย

“ได้ครับคุณแม่” เขาพยักหน้าและรับปืนมา ก่อนจะเดินเข้าไปหาสองสาว “ไปจ้ะสาวๆ ถ้ายังไม่อยากตายก็เดินไปกับพี่นะน้องสาว อ้อ อย่าขยับล่ะ ไม่งั้นปืนอาจมีสิทธิ์ลั่นได้ ไป! พวกเธอเดินไปก่อน” พูดจบก็รุนหลังสองสาวให้เดินไปก่อน แล้วเขาเดินตามหลังพร้อมกับจ่อปืนข้างหลังสองสาวตลอดทาง

ส่วนประภาก็เดินตามไปทันที ใบหน้าเธอยิ้มสะใจมาก ที่เธอจับตัวรินรดากับนิชาภัทรก็เพราะว่าทั้งสองคนรู้ว่าเธอกับภูริชหลบซ่อนอยู่ที่นี่ ขืนปล่อยไปมีหวังทั้งสองคนเอาไปบอกทุกคนแน่ แล้วตำรวจก็พากันแห่มาจับเธอกับลูกชาย ซึ่งเธอจะไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนั้น ทางที่ดีคือเธอต้องจับตัวสองสาวไปเพื่อตัดปัญหาทุกอย่าง

 

 

“น้องรินกับนิชาหายตัวไป ไม่รู้ว่าหายไปไหน นี่ตื่นเช้ามาก็ไม่เห็นทั้งสองคนแล้ว” เป็นเอกบอกกับปาณัทเมื่อเดินหารินรดากับนิชาภัทรจนทั่วบ้านพักแล้วแต่ก็ไม่เจอ ไปเดินดูที่ชายหาดก็ไม่เจออีกอยู่ดี แล้วสองสาวหายไปไหนกัน

ตอนนี้ทั้งสองคนพี่น้องยังอยู่ในบ้านพัก ปาณัทมีสีหน้าเครียดเมื่อคนรักหายไป

“ทั้งสองคนหายไปไหนกัน หรือตื่นแล้วพากันไปวิ่งออกกำลังกาย แต่ทำไมไปวิ่งออกกำลังกายอะไรนานจังวะ”

“ฉันรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีอะไรไม่ชอบมาพากล” อีกฝ่ายว่า

ผู้เป็นพี่ชายจึงบอกว่า

“งั้นพวกเราไปตามหาสองสาวดูอีกรอบ ถ้าไม่เจอยังไงก็ค่อยไปขอดูกล้องวงจรปิดจากทางรีสอร์ท”

“ก็แล้วทำไมไม่ขอดูเลยเล่า”

“เอางั้นเหรอ”

เป็นเอกพยักหน้า

ปาณัทจึงต้องเห็นด้วยกับน้องชาย

“เอางั้นก็ได้ ถ้างั้นก็ไปกันเลย”

แล้วสองคนพี่น้องก็พาเดินออกไปจากบ้านพักทันที

 

 

ทั้งสองคนเดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์พนักงานรีสอร์ท ก่อนที่ปาณัทจะบอกจุดประสงค์ที่มา

“เอ้อ ผมขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดทุกจุดที่อยู่ในบริเวณรีสอร์ทหน่อยได้ไหมครับ คือแฟนของพวกเราหายไปตั้งแต่เช้าครับ ป่านนี้ยังไม่กลับบ้านเลย”

“คือ...” พนักงานสาวอึกอัก เหมือนไม่อยากให้ดูกล้องวงจรปิด

เป็นเอกจึงต้องคะยั้นคะยอ

“นะครับ...ให้พวกเราดูเถอะนะครับ ผมขอร้อง ผมหาจนทั่วแล้วแต่ก็ไม่พบ...ผมจึงอยากดูภาพในกล้องวงจรปิดเผื่อเห็นว่าทั้งสองคนเดินไปทิศทางไหน แล้วพวกผมจะได้ไปตามหาเจอได้”

“ได้ค่ะ ถ้างั้นเชิญทางนี้ค่ะ” พนักงานสาวเดินนำหน้าไป

ปาณัทกับเป็นเอกเดินตามไป

 

 

ทั้งสองหนุ่มเดินไปตรงชายหาดด้วยสีหน้ามีความหวัง เพราะเมื่อได้ไปดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วก็เห็นภาพรินรดากับนิชาภัทรพากันวิ่งออกกำลังกายตามปกติ แต่วิ่งไปยังทิศทางที่เป็นป่า

“ทั้งสองคนน่าจะวิ่งออกกำลังกายไปทางนั้น แล้วอาจจะหลงทางก็เป็นได้” เป็นเอกชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง

ปาณัทพยักหน้า

“อืมม์ ถ้างั้นเดี๋ยวพวกเราไปดูทางโน้นกัน”

แล้วก็พากันวิ่งไปยังทิศทางที่คิดว่าสองสาวจะวิ่งออกกำลังกายไป แล้วอาจจะหลงทางจนหาทางกลับที่พักไม่เจอ...เมื่อไปถึงจุดจุดหนึ่งทั้งสองคนก็มองหา ปรากฏว่าบริเวณแถวนั้นมีแต่ป่ารกไปหมด ผู้เป็นพี่ชายจึงบอกว่า

“ถ้างั้นพวกเราแยกย้ายกันเข้าไปตามหาทั้งสองคนในป่า”

“แล้วถ้าฉันกับนายหลงป่าไปอีกคนล่ะ ฉันว่า...”

“ไม่น่าจะหลง ป่าแค่นี้เอง ไปกันเถอะ อย่ามัวแต่ร่ำไรอยู่เลย เดี๋ยวมันจะไม่ทันการณ์”

อีกฝ่ายพยักหน้า

“อืมม์ ถ้างั้นก็แยกย้ายกันตรงนี้”

แล้วทั้งสองคนก็แยกย้ายกันเข้าไปตามหาสองสาวในป่าคนละทิศคนละทาง โดยหารู้ไม่ว่ารินรดากับนิชาภัทรไม่ได้หลงอยู่ในป่า แต่ถูกประภากับภูริชจับตัวไปแล้ว ซึ่งก็ไม่รู้จับไปไว้ที่ไหน แต่ในเมื่อไม่รู้พวกเขาก็ยังคงตามหาต่อไป เพราะหวังว่าจะเจอสองสาวในป่านั่นเอง

 

 

ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกจับตัวรินรดากับนิชาภัทรมาไว้ที่ตึกร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากทะเลมากนัก หญิงสาวทั้งสองคนถูกจับมัดมือมัดเท้ากับเสาในท่ายืน และถูกปิดปากด้วยเทปกาว ส่วนเขมนันท์ ประภาและภูริชนั่งเฝ้าอยู่อีกด้าน ใกล้ๆ กัน

“คุณจะเอายังไงกับนังสองคนนี้” เขมนันท์ถาม

ประภายิ้มมีแผนร้าย

“ฉันมาคิดๆ ดูแล้ว นังสองคนนี้มันเป็นคนที่ไอ้ป้องกับไอ้เอกรักมากที่สุด ป่านนี้มันคงตามหากันให้วุ่นแล้ว เพราะฉะนั้นก็เลยคิดว่าแทนที่พวกเราจะจับพวกนังสองคนนี้มาไว้เฉยๆ มันคงไม่มีประโยชน์อะไร ฉันคิดว่าต้องเรียกค่าไถ่สองคนนี้สักเล็กน้อยก็คงจะดี”

“เป็นความคิดที่ดีเลยครับคุณแม่” ภูริชยิ้มพอใจ “แต่ผมว่าพวกเราต้องเรียกค่าไถ่ให้หนักๆ เลยครับคุณแม่ อ้อ แล้วพอไอ้พี่น้องฝาแฝดมันมาที่นี่ผมก็จะจัดการฆ่าพวกมันทันทีครับ”

“จัดไปเลยลูกพ่อ” ผู้เป็นพ่อสนับสนุนเต็มที่

อีกฝ่ายพยักหน้า แต่ไม่พูดอะไร

ประภาล้วงเอาโทรศัพท์มือถือของรินรดาที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของตัวเองออกมา

“โทรหาไอ้ป้องดีกว่า” พูดจบเธอก็กดเลื่อนหาเบอร์โทรของปาณัท เมื่อเจอแล้วเธอก็กดโทรออก ถือสายรอไม่นานปลายสายก็รับ

“สวัสดีครับน้องริน ตอนนี้น้องรินกับคุณนิชาอยู่ที่ไหนครับ รู้ไหมว่าพี่กับนายเอกเป็นห่วง ตามหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ” ปาณัทถามมาทันที เพราะคิดว่าคนที่โทรหาเขาคือแฟนสาว

ประภาหัวเราะใส่ในโทรศัพท์มือถืออย่างสะใจ ก่อนจะตอบกลับไปว่า

“นี่อาเองจ้ะ...หลานรัก ไม่ใช่นังรินรดา”

“คุณอาภา!” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ ก่อนจะถามว่า “ทำไมคุณอาได้ใช้โทรศัพท์ของน้องรินครับ หรือว่าคุณอาจับตัวน้องรินกับคุณนิชาไป ใช่ไหมครับ”

ผู้เป็นอาหัวเราะสะใจอีกครั้ง

“แกฉลาดมาก สมแล้วที่เป็นลูกของพี่ปราภพ ใช่! ฉันจับแฟนแกกับแฟนไอ้เอกมาเอง”

“คุณอาจับทั้งสองคนไปทำไมครับ พวกเธอไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย”

“เกี่ยวสิ ก็เพราะว่ามันสองคนเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของพวกแกไง ฉันอยากจะเอาคืนพวกแกโทษฐานที่แย่งความรักของคุณแม่ไปจนหมด และไหนจะเรื่องพินัยกรรมอีก ฉันไปเห็นพินัยกรรมมาแล้ว ในนั้นระบุว่าครอบครัวแกได้ครอบครองทรัพย์สมบัติและเงินทองมากมาย ส่วนครอบครัวฉันได้แค่เศษเล็กๆ น้อยๆ ที่เหลือจากพวกแก มันทุเรศมากแกรู้บ้างไหม”

“เรื่องพินัยกรรมผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยครับ ผมไม่รู้ว่าคุณย่าจะยกอะไรให้ผมเท่าไหร่...ผมจะไม่เอาทรัพย์สมบัติอะไรเลยก็ได้ครับ ผมจะไปบอกให้คุณย่าทำพินัยกรรมใหม่ ยกทุกอย่างให้คุณอาคนเดียว เพียงแค่คุณอายอมปล่อยตัวน้องรินกับคุณนิชาแล้วผมจะรีบไปบอกคุณย่าทันที” ชายหนุ่มพยายามพูดเกลี้ยกล่อม

ผู้เป็นอาแค่นหัวเราะ

“แกคิดว่าฉันเป็นเด็กอนุบาลหรือไงที่จะเชื่อคำพูดของแก ฝันไปเถอะว่าฉันจะเชื่อ ไม่มีทางหรอก”

“ผมพูดจริงๆ นะครับคุณอา ผม...”

“แกไม่ต้องพูดมาก” เจ้าหล่อนตะคอกใส่โทรศัพท์มือถืออย่างเหลืออด “ฉันจะบอกความต้องการของฉันเลยแล้วกันนะ ที่ฉันจับนังสองคนนี้มาก็เพราะฉันจะเรียกค่าไถ่จากแกไง ฉันต้องการเงิน...ได้ยินไหมว่าฉันต้องการเงิน...เงินเท่านั้น...อย่างอื่นฉันไม่ต้องการ”

“คุณอาต้องการเงินเท่าไหร่บอกพวกผมมาได้เลยครับ พวกผมจะเอาไปให้ทันที ขอแค่นิชากับน้องรินปลอดภัยก็พอ” คนที่ถามกลับมาไม่ใช่ปาณัท แต่คนนั้นคือเป็นเอก

ประภายังคงหัวเราะอีก

“ก็ดี...พูดกันง่ายๆ หน่อย เอาละ ฉันต้องการเงินสองร้อยล้านบาท และฉันให้เวลาพวกแกจนถึงเที่ยงคืนของคืนนี้เท่านั้น อ้อ แล้วพวกแกก็มากันสองคน ย้ำว่าให้มากันสองคนเท่านั้น ห้ามพาตำรวจหรือคนอื่นมา ไม่งั้นฉันไม่รับประกันความปลอดภัยของแฟนพวกแก”

“ผมขอคุยกับพวกเธอหน่อยได้ไหมครับคุณอา” เป็นเอกบอก

“ไม่จำเป็น” พูดจบเธอก็วางสายไปทันที ก่อนจะเดินไปหารินรดากับนิชาภัทร พลางพูดกับทั้งสองคนว่า “อดทนหน่อยนะ เที่ยงคืนนี้จะได้เป็นอิสระแล้ว เพราะไอ้ป้องกับไอ้เอกมันจะเอาเงินสองร้อยล้านบาทมาไถ่ตัวพวกแก จะว่าไปพวกแกเองก็มีค่าเหมือนกันนะเนี่ย” และหัวเราะสะใจ แต่เจอกับสายตาอาฆาตแค้นของนิชาภัทรก็ถึงกับต้องหยุดหัวเราะ ก่อนจะถามว่า

“ทำไม...มองหน้าฉันแบบนั้นทำไม หา! อยากโดนตบหรือไง” พลางเงื้อมือเตรียมจะตวัด

ภูริชรีบเดินมาจับมือแม่ไว้ทัน

“อย่าครับคุณแม่...ถ้าไอ้เอกมันมาเห็นแฟนมันมีรอยฟกช้ำละก็ บางทีมันอาจไม่ให้เงินพวกเรานะครับ”

ผู้เป็นแม่จึงต้องวางมือลงอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเดินออกไป

ภูริชมองนิชาภัทรแล้วพูดว่า

“ฉันช่วยแกไว้ กรุณาสำนึกบุญคุณฉันด้วย จำไว้!” แล้วเดินออกไปทันที

 

 

“เอายังไงดีวะ คุณอาภาวางสายไปแล้ว” เป็นเอกพูดอย่างเครียดๆ ขณะที่มือยังถือโทรศัพท์มือถืออยู่

ปาณัทจึงบอกว่า

“เรื่องนี้ต้องถึงหูคุณพ่อคุณแม่ และคุณย่า”

“แต่คุณอาภาบอกว่าไม่ให้บอกใครนะ เพราะไม่งั้นนิชากับน้องรินจะไม่ปลอดภัย”

“นายก็รู้นี่ว่าตอนนี้พวกเราไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น ทางเดียวที่จะหาเอาเงินไปให้คุณอาภาได้ถึงสองร้อยล้านบาทก็คือต้องบอกคุณพ่อกับคุณแม่ แล้วก็คุณย่าเท่านั้น” เขาว่า

ผู้เป็นน้องชายก็เลยถามว่า

“แล้วน้องรินกับนิชาล่ะ...”

“ทั้งสองคนจะต้องปลอดภัย นายเชื่อฉันเถอะ ถ้าคุณอาภาอยากได้เงินเยอะขนาดนั้น ยังไงเขาก็จะไม่ทำร้ายน้องรินกับคุณนิชาแน่นอน เพราะเขารู้ว่าถ้าเขาทำ...เขาจะไม่ได้เงินตามที่ต้องการสักบาท”

“อืมม์ ตกลง...บอกคุณพ่อคุณแม่ คุณย่าก็ได้” เขาจำต้องเห็นด้วยกับพี่ชาย เพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

ปาณัทแบมือตรงหน้าน้องชาย

“ขอโทรศัพท์ฉันคืนด้วย ฉันจะโทรหาคุณพ่อ”

แล้วเป็นเอกก็วางโทรศัพท์มือถือลงบนมือพี่ชาย จากนั้นอีกฝ่ายก็กดเลื่อนหาเบอร์โทรของพ่อ ก่อนจะทำการกดโทรออก สักพักผู้เป็นพ่อก็รับสาย

“สวัสดีครับคุณพ่อ เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ คือตอนนี้...”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.