เพื่อนที่โหยหา

เพื่อนที่โหยหา

-A A +A

เพื่อนที่โหยหา

            ในวันที่แดดเปล่งสีเหลืองแกมส้มภายในหมู่บ้านชนบทที่ห่างไกล ลักษณะการวางบ้านแต่ละหลังทิ้งระยะห่างและกระจัดกระจายอย่างไร้รูปแบบที่ตายตัว ด้านหน้าของบ้านหลังหนึ่งที่กำลังมีเด็กชายตัวน้อยเล่นกับสิ่งมีชีวิตคล้ายหมาไร้ขน ปากเหมือนปากเป็ด หูตั้งและที่ปลายหูมีลักษณะย้อยลงมาคล้ายเครื่องประดับ ลำคอมีเหงือก ลำตัวทั้งด้านซ้ายและขวามีครีบปลาขนาดใหญ่ เท้าทั้งสี่ปรากฏพังผืดเหมือนขากบและมีหางคล้ายหางปลา ร่างกายส่วนใหญ่มีสีฟ้าสว่าง ด้วยการปากิ่งไม้ “ลูโก ยายถามหาลูกน่ะ” เสียงจากชายคนหนึ่งผู้ยืนอยู่ระหว่างประตูธรณีของบ้านและเขตนอกบ้าน เขาแต่งกายในชุดหรูและดูมีราคาแตกต่างจากตัวบ้านที่ดูโทรมและเล็ก ถ้าไม่นับว่ามีลานที่กว้างใหญ่ “ครับพ่อ เซกุนโด รออยู่ตรงนี้นะ” เด็กชายผู้ครองผมสีบลอนด์ซึ่งเป็นสีเดียวกับชายที่เขาเรียกว่าพ่อ ชี้นิ้วสั่งสิ่งมีชีวิตปริศนา 

            ด้านในตัวบ้านโล่งไปหมด แทบไม่มีการตกแต่งอะไรเลย เด็กชายเดินผ่านห้องนั่งเล่น เป็นเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่เขาได้เห็นจักรทอผ้าและเศษผ้ามากมาย ไม่มีประตูกั้นแต่ละห้องและเมื่อเขาเดินมาถึงห้องแห่งหนึ่ง เขาเห็นกับเตียงโทรมและหญิงชราในชุดเก่าโทรมกำลังนอนแผ่กายด้วยลมหายใจที่อ่อนล้า ข้างเตียง มีหญิงสาวผู้มีสีผิวน้ำผึ้งและใบหน้าที่บ่งบอกความเป็นแม่ลูกกับหญิงชรา “ลูโก มานี่สิจ๊ะ เข้าไปนั่งข้างข้างยายสิ” หญิงผู้ครองผมสีน้ำตาลเข้มกวักมือให้เด็กชายในขณะที่มีสายตาของพ่อลูโกผู้ยืนอยู่ไม่ไกล เป็นสายตาที่บ่งบอกถึงความลังเลบางอย่าง “แพทริคเซีย ออกมาคุยกันหน่อยสิ” พ่อของลูโกเอ่ยก่อนจะเดินออกไป แพทริคเซียหรือก็คือหญิงที่ยืนข้างเตียงหันมายิ้มให้เด็กชายก่อนจะเดินออกจากห้องไป

            “หลานยาย หลานยัง....คิดถึงเจ้าออดการึเปล่า?” หญิงชราเอ่ยถามด้วยเสียงที่หอบและไร้เรี่ยวแรง “ไม่เคยลืมครับ” ลูโกตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่น้ำเสียงกลับดูเศร้าและเจ็บปวด “ทั้งที่มัน...ได้เจอกับเพื่อนแล้วน่ะหรือ?” เด็กชายเงียบ “หลานยาย สักวันหนึ่ง...หลานเองก็จะเห็น...เพื่อนของหลาน” หญิงชราเอียงหน้าไปที่อีกฝั่งของเตียง เธอมองไปที่ความว่างเปล่าราวกับมีใครคนหนึ่งที่ดวงตาของเด็กชายไม่อาจมองเห็นได้ ยืนอยู่ตรงนั้น  She referred to the first pet of him.

            ภายในห้องสี่เหลี่ยมแห่งหนึ่ง องค์ประกอบภายในบ่งบอกถึงความเป็นห้องเรียนระดับมัธยมทั่วไป เวลาในตอนนี้เป็นช่วงบ่ายแก่ที่กำลังมีการสอนจากอาจารย์ผู้แต่งกายในชุดบาทหลวงสีขาว มีลวดลายสัญลักษณ์สีทองคล้ายเครื่องหมายบวก กำลังมองดูแถวนักเรียนที่กำลังเดินมาวางสมุดสีขาวลงบนโต๊ะของเขาก่อนจะเดินกลับไปประจำที่เดิม บาทหลวงหนุ่มใช้เวลาก่อนหมดชั่วโมงนั่งตรวจการบ้านในสมุดกว่า 50 เล่มและเมื่อครบแล้วก็จึงแจกคืนให้นักเรียนตามเดิม “การบ้านในวันนี้อยากให้ลูกไปต่อยอดเรื่องที่เรียนไปในวันนี้ เขียนเป็นบทความด้วยคำถาม 3 ข้อดังนี้ 1 เมื่อชีวิตที่ตายแล้วจะไปไหน? 2 คนตายแล้วจะรู้สึกยังไง? 3 เมื่อความตายมาถึง ลูกจะทักทายเพื่อนชุดดำของลูกว่ายังไง?”

            หลังเสียงประกาศของหัวหน้าห้อง นักเรียนส่วนใหญ่รีบลุกและเดินออกจากห้องเรียนไปในทันที จะเหลือเพียงบางส่วนที่บ้าน้ำลายกับเพื่อนสนิทและหัวหน้าห้องผู้กำลังเก็บสัมภาระอย่างเชื่องช้า ไม่สนใจสายตาของเพื่อนร่วมชั้น เด็กหนุ่มผู้ครองผมสีรวงข้าว มีใบหน้าที่หล่อสมวัยเดินอยู่ท่ามกลางนักเรียนที่ยืนจับกลุ่มอยู่บนระเบียงทางเดิน “เฮ้ ลูโก” นักเรียนหญิงหน้าสวยส่งรอยยิ้มให้เขาผู้เดินผ่านเธอไปโดยไม่คิดจะเหลียวมอง

            ลูโกเดินมาจนถึงหน้าโรงเรียนที่ภายนอกมีลักษณะคล้ายคฤหาสน์ขนาดใหญ่ ฝั่งขวาถัดจากตัวอาคารมีนักเรียนยืนต่อแถวหน้าซุ้มประตูหินนับสิบ มองด้วยตาเปล่าก็ทำให้เหนื่อยเสียแล้วและแม้จะมีนักเรียนหญิงบางคนผู้กำลังส่งสัญญาณทั้งเสียงตะโกนและการโบกไม้โบกมือแต่นั่นกลับไม่ทำให้ลูโกยอมที่จะเดินเข้าไปหาหรือเฉลียวตามอง “ฉันบอกแกแล้วไง เจ้านักเรียนปีสองนั่นหยิ่งจะตาย”

            ลูโกเดินมาถึงถนนใหญ่ ใช้บริการรถม้าสาธารณะเพื่อเดินทางกลับบ้าน ตาแอบมองเห็นนักเรียนชายคนหนึ่งที่มองเพียงแว๊บเดียวก็รู้ว่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นกำลังสวมรองเท้าประหลาดที่มีปีกสีขาวติดอยู่ 

            รถม้าหยุดจอดที่ด้านหน้าของอาคารปูนแห่งหนึ่ง ดูจากสภาพแล้วเก่าโทรมและน่าจะเป็นอพาร์ทเม้นท์มากกว่าบ้าน บรรยากาศด้านล่างเองก็ชวนให้รู้สึกอึดอัดไม่ต่างจากสลัม

            “กลับมาแล้วครับ แม่” ลูโกเดินเข้ามาในห้องก็เจอกับห้องครัวและห้องนั่งเล่นในสถานที่เดียวกัน มันเป็นห้องที่เล็กมากทีเดียว ลูโกวางกระเป๋าสัมภาระไว้ในห้องนอน บนเตียงเดี่ยวที่แทบจะติดกับโต๊ะไม้และมีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่ดูใหญ่เทอะทะอย่างกับกล่องใส่ของ ก่อนจะเดินไปที่ห้องครัว ตอกไข่หนึ่งฟองลงไปบนกระทะหินที่วางอยู่เหนือเตาถ่านโบราณ บนตะแกรงเหล็กที่ด้านล่างมีกองหินสีแดงที่กำลังลุกไหม้ด้วยไฟสีแดง หลังจากรับประทานอาหารบนโต๊ะอาหารที่ติดกับผนังกำแพงห้องน้ำเสร็จก็จึงเดินเข้าไปในห้องนอนของตนอีกครั้ง เปิดคอมที่บูทเครื่องอย่างเชื่องช้าพร้อมหยิบสมุดกับปากกาออกมาจากกระเป๋านักเรียน

            ลูโกค้นหาเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำสำหรับการบ้านในวันนี้ เขาเลื่อนเมาส์ขึ้นลงอย่างไร้จุดหมาย เสียงพิมพ์ดีดดังพอประมาณแต่ไม่น่าขัดใจเท่าเวลาที่ปุ่มใดปุ่มหนึ่งมุดลงไป กว่าจะงัดขึ้นมาได้ก็ต้องใช้ทั้งพละกำลังและความอดทนทางจิตใจอย่างสูง เนื้อหาเกี่ยวกับความตายมีมากมายแต่มากมายที่ว่าไม่ได้ช่วยให้ลูโกได้รับคำตอบที่น่าสนใจ หาไปหามากลับพบว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

            ‘แย่แล้วลูโกมองดูเวลาแล้วก็ถึงกับต้องรีบลุกขึ้นด้วยความกระฉับกระเฉง รีบวิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้า ใช้ทั้งตาและมือหาเสื้อและกางเกงและสวมพวกมันด้วยความเร็วก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องไปโดยไม่ได้เหลียวมองผู้เป็นมารดาที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาตัวเดิมและในกิริยาท่าทางเดิมเหมือนตอนที่ลูโกเห็นหลังกลับมาถึงบ้าน การถูกต่อว่ามักเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพนักงานที่มาสาย ลูโกก้มหน้ารับความผิดที่ตนก่อ สายไปหลายชั่วโมงทีเดียว นั่นหมายความว่าเงินที่เขาจะได้จากชั่วโมงการทำงานที่เหลือก็จะน้อยลงตาม

            ลูโกกลับมาถึงหน้าห้องก็ปาไปแล้ว 5 ทุ่มเศษ น่าแปลกที่ทุกวันเขาไม่เคยจำลักษณะของประตูห้องที่ตัวเองเปิดใช้งานร่วมพันกว่าครั้งแต่วันนี้ ไม่ต้องสัมผัสกลอนประตูก็รู้ว่ามันไม่ได้ล็อกจากภายใน แปลกลูโกค่อยค่อยผลักประตูเข้าไปพลันนัยน์ตาต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจอย่างสุดขีดก่อนที่ภาพที่มองเห็นข้างหน้าจะเลื่อนลงไปอย่างรวดเร็วราวกับถูกอะไรบางอย่างกดหัวเขาจนไปนอนคะมำกับพื้น “อั้ก!!” ลูโกอุทานเสียงหลงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน “มันเนี่ยแหละ ไอ้เด็กหยิ่งยโสคนเนี่ยแหละไม่ผิดตัวแน่” ชายผู้สวมหน้ากากเด็กทารกชี้นิ้วไปที่ลูโก ข้างกันมีอีกร่าง 3 ร่างผู้สวมชุดคลุมมีฮู๊ดกับโทนสีหม่นและหน้ากากที่แตกต่างกันอย่างไร้ความหมาย “อะไรก็ชั่ง!! ไหนสมบัติของแกอยู่ไหนนังนี่?!!” ชายหน้ากากจิ้งจอกตะคอกใส่ร่างที่ถูกมัดตัวขึงกับเก้าอี้ด้วยเชือกอย่างหนาแน่น มีดจ่อปลายแหลมไปที่คอของเธอ “ก็บอกไปแล้วไงว่าฉันไม่มีสมบัติอะไรเหลืออยู่เลย” แพทริคเซียยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก “อย่ามาตอแหล นังแม่หม้ายละติน แกเป็นถึงผู้จัดการในองค์กรระดับโลกอย่าง H.E.H ไม่มีทางที่แกจะไม่มีเงิน!!” ชายคนเดิมตบหน้าแพทริคเซียเต็มแรงจนทั้งเธอและเก้าอี้ล้มไปพร้อมกัน

            “แม่!!” ลูโกพยายามจะลุกขึ้นแต่เหมือนมีแรงโน้มถ่วงขนาดมหึมาที่กดหลังเขาไว้จนร่างกายเกร็งและสั่นเพราะพยายามที่จะต่อต้านกับอำนาจที่มองไม่เห็นนี้ “เงียบเงียบหน่อยเจ้าหนู อยากตายก่อนวัยรึไง?” หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มโจรผู้สวมหน้ากากกระต่ายที่แต่งแต้มด้วยสีสันของเลือดเอ่ยขึ้น 

            “ถ้ายังเล่นลิ้นอีกละก็แกได้ตายสมใจอยากแน่....รวมถึงเจ้าเด็กหน้าตากวนประสาทนั่นด้วย” ชายหน้ากากจิ้งจอกยกเก้าอี้ขึ้น “จะทำอะไรก็รีบทำเถอะ ดูสิ ตอนนี้เพื่อนฉันกำลังยืนรอฉันอยู่ตรงนั้นแล้ว” แพทริคเซียยิ้มกว้างอย่างมีความสุขแต่มันกลับทำให้กลุ่มโจรรู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างน่าประหลาด “นังนี่มันโรคจิตชัดๆ” ชายหน้ากากหมูผู้มีสัดส่วนร่างกายอ้วนท้วมเอ่ยขึ้น “เจน แกว่าไง?” ชายหน้ากากจิ้งจอกหันไปถามเพื่อนสาวผู้กำลังยืนเท้าสะเอว “ก็นายเองไม่ฟังฉันแต่แรก ที่นี่ไม่มีสมบัติอะไรตั้งแต่แรกแล้ว” เจนส่งเสียงถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย “ชิ เสียเวลากับนังบ้านี่จริง” ชายหน้ากากจิ้งจอกหันไปหาเจน

            “ลบความทรงจำพวกมันซะ” เจนถอนหายใจอีกครั้ง เธอนั่งยองยองในขณะที่ใบหน้าหันปะทะลูโก มือเอื้อมออกไปหมายจะจับที่หัวของเขาแต่อยู่อยู่ก็มีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านมือของเธอจนเธอล้มลง ลูโกลุกขึ้น สะบัดมือออกไปข้างหน้าอย่างแรง ทำให้กลุ่มโจรกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง “ไอ้เด็กบ้า!!” โจรหน้ากากจิ้งจอกพ่นไฟที่กลายร่างเป็นจิ้งจอกกระโดดเข้าใส่ ลูโกสะบัดมืออีกครั้ง คลื่นน้ำเข้าต้านก่อนจะตามด้วยกระแสไฟฟ้าที่ช็อตกลุ่มคนร้าย ลูโกคลายเชือกที่รัดแพทริคเซียแต่แล้วตัวเขาก็ปลิวออกไปด้วยแรงมหาศาลและชนหน้าต่างอย่างจัง

            “ไอ้เด็กเปรต!” เจนกรีดร้องด้วยความโมโหในขณะที่เด็กชายอีกคนที่ดูจะไม่ทำอะไรตั้งแต่เกิดเรื่องตอนนี้หยิบมีดสั้นและวิ่งเข้าหาลูโกแต่ในจังหวะที่ทุกอย่างกำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แพทริคเซียผู้หลุดจากพันธนาการ ใช้พลังลมของเธอทำให้ร่างเล็กปลิวไปติดผนังกำแพงอย่างแรง เจนยกมือทั้งสองข้างขึ้นพลันสิ่งของในห้องทั้งหมดลอยเข้าโจมตีแพทริคเซียทั่วทุกทิศแต่กลับลอยทะลุผ่านร่างของเธอไปทั้งหมด “นังแก่ละติน!!” นั่นไม่ใช่เสียงตะโกนของเจนแต่เป็นของชายหน้ากากจิ้งจอกผู้แทงมีดเข้าใส่แพทริคเซียจนทะลุกลางอกแต่มีดนั่นกลับไม่ก่อให้เกิดบาดแผลแต่อย่างใด เจนดีดนิ้ว ทันใดนั้นเลือดไหลทะลักออกมาจากรอยแผลพร้อมกับร่างของแพทริคเซียที่ล้มลง

            “แม่!!!” ลูโกพยายามคานไปหาผู้เป็นแม่ ใบหน้าของเธอหันปะทะกับลูกชายผู้ที่ทั้งตัวอาบไปด้วยเลือด ลูโกเห็นรอยยิ้มที่แสนอิ่มเอิมบนใบหน้าของแม่และริมฝีปากที่กำลังขยับไปมาแต่ไม่มีเสียงใดลอดผ่านก่อนที่เธอจะสิ้นใจไปในที่สุด “ชิ! ไหนไหนก็ฆ่านังนั่นแล้วก็คงต้องฆ่าแกด้วยอีกราย” ชายหน้ากากจิ้งจอกเดินหน้าตรงไปหาลูโกผู้ใบหน้ายังคงจ้องมองใบหน้าของผู้เป็นมารดาด้วยน้ำตาที่ไหลล้นออกมาอย่างไม่ขาดสาย นิ้วทั้งหมดกำลังครูดลงกับพื้นห้อง มันสั่นและสั่นมากขึ้นเมื่อกำลังมองเห็นเงาของสิ่งที่เขาไม่ควรได้เห็นที่กำลังเดินตรงมา เงาของมนุษย์แต่เป็นสีดำสนิท ไม่มีใบหน้าและเงานั้นกำลังเอื้อมมือลงมาที่ร่างของแม่เขา ตู้ม!!!! ไฟสีเหลืองล้นทะลักออกมาจากหน้าต่างห้องก่อนที่มันจะดับหายไปโดยใช้เวลาไม่กี่วินาที

            หลังจากเหตุการณ์ กลุ่มตำรวจได้เข้ามาสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์จากผู้อาศัยห้องข้างๆ ไม่มีใครรอดชีวิตจากไฟ มีการค้นพบศพทั้งหมด 4 ศพ ไหม้เกรียมจนระบุรูปพรรณสัณฐานจากการมองด้วยตาเปล่าไม่ได้แต่กลับไม่พบศพของเจ้าของห้องและลูกชายของเธอ พวกเขาหายไป....อย่างไร้ร่องรอย

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.