รัตติกาลโบยบิน ได้ยินเสียงเจ้าผู้หลับใหล

ดอกนาซิสซัสกับความฝันที่ฆ่าฉัน

-A A +A

รัตติกาลโบยบิน ได้ยินเสียงเจ้าผู้หลับใหล

          แสงไฟ   เพียงจุดเล็กๆ   ท่ามกลางความมืดโดยรอบ   มันลอดผ่านช่องประตูไม้เบื้องล่าง   ภายในคือห้องนอน   เต็มไปด้วยแสงจากเชิงเทียนเกือบยี่สิบ   ที่ตั้งกระจายอยู่ทั่วห้อง   ไร้ซึ่งจุดบอดให้เงามืดย่างกราย   บนเตียงนุ่มที่ตั้งชิดผนังห้อง   ร่างของหญิงสาวในชุดบางสีขาวสะอาด   ดวงตาปิดสนิท   กำลังท่องนิทราท่ามกลางความสว่างไสวของแสงไฟรอบตัว   ที่อีกฟากของประตู   ใครคนหนึ่งกำลังยืนอยู่อย่างเงียบสงบ   เฝ้าสังเกตการณ์สิ่งที่เกิดขึ้น   และจบลงในแต่ละวันของหญิงสาว   ผู้เป็นดั่งดอกไม้ของใครคนหนึ่ง   แต่เปรียบเสมือนลมเย็นในเหมันต์แรกเริ่มของใครอีกคน  

         

          ณ   ลานประลองขาวสะอาด   ลักษณะผิวเหมือนสร้างจากแร่สีขาว   ขอบสนามเป็นผนังกำแพงสูงครึ่งตัวคน   ตั้งอยู่ด้านหน้าของพระราชวังสีขาว   ที่ที่ฝนเริ่มกระหน่ำลงมา   “เอาล่ะ   ลองแสดงพลังของเจ้าให้ข้าได้เห็นเป็นขวัญตาทีเถอะ   แม่หญิง”   ยินำเบเอ่ยขึ้น   แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่มีท่าทีใดๆ   เขาชูหัวไม้เท้าไปข้างหน้า   บังเกิดคลื่นไฟม้วนที่เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นหัวมังกร   พุ่งเข้าใส่ร่างอันไร้การป้องกันตัว   มังกรไฟตัวนี้แม้จะถูกเม็ดฝนมหาศาลแต่กลับไม่ดับสลาย   มันอ้าปากกว้างเตรียมเขมือบร่างที่ยืนขวางทางอย่างไม่ยำเกรง   ท่ามกลางสายตาของผู้จับจ้องมองที่ต่างมีดวงตาเบิกกว้างเพราะสิ่งที่หญิงสาวกำลังทำ   มือเปล่าสัมผัสที่หัวมังกรไฟโดยตรง   ลูบหัวมันราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตทั้งที่ไม่ใช่   แต่แม้จะน่าทึ่งยังไงก็ไม่ใช่สิ่งที่ยินำเบต้องการจะเห็น   เขากระทุ้งพื้นด้วยไม้เท้า   คลื่นสะเทือนแผ่ขยายออกไปทั่วลานประลอง   ทำให้การทรงตัวของหญิงสาวพังทลายจนต้องใช้แขนยันพื้นที่ยังไม่หยุดสั่น   “ยังไม่หมดแค่นี้!!”   ยินำเบตะโกนลั่น   เบื้องหลังของหญิงสาวปรากฏกำแพงหินขนาดใหญ่ที่กลายสภาพเป็นใบหน้าของเทวทูต   กลืนกินหญิงสาวเข้าไปทั้งตัว   ร่างของหญิงสาวหายไปพร้อมปากหินที่ปิดลง   กลายเป็นกรงขังหินอันแข็งกร้าว

          “ท่านอาจารย์   แบบนี้ไม่เกินไปหน่อยรึ?”   ชายสูงศักดิ์แสดงสีหน้าและท่าทางเป็นกังวลอย่างชัดเจน   “หากไม่ทำให้คิดว่าการประมือนี้มีค่าถึงชีวิต   นางคงไม่คิดมีใจสู้เต็มกำลังเป็นแน่   เจ้าเข้าใจใช่รึไม่?”   ยินำเบมีใบหน้าดุดันจนทำให้โอฟาโพฟหน้าเสียไปทันที   “ข้าเข้าใจแล้ว   ท่านอาจารย์”   เขาพยักหน้ารับอย่างฝืนๆ   แม้ในใจจะยังเป็นห่วงดอกไม้ของตน  

          ด้านในปากเทวรูปหินมีแต่ความมืดมิด   แขนเริ่มสั่น    ควานหาสิ่งต่างๆโดยรอบทั้งที่รู้ว่าอยู่ในที่แคบ   แต่มือกลับสัมผัสได้เพียงความว่างเปล่า   มันกำลังกัดกร่อนจิตใจของเธอ   และครอบครองตัวเธออีกครั้ง  

          “มันเริ่มขึ้นอีกครั้งแล้ว”   ชายสูงศักดิ์เอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล   ดวงตาที่กำลังมองหัวเทวทูตหินมองเห็นสิ่งผิดปกติอย่างชัดเจน   จุดสีดำจำนวนมากผุดขึ้นทั่วผิวรูปปั้น   ขยายตัวอย่างรวดเร็วจนสีเทากลายเป็นสีดำเพียงชั่วพริบตา   “นี่หรือคือพลังที่เจ้ากล่าวถึง?”   ชายสูงศักดิ์พยักหน้า   เสี้ยววินาทีที่ยินำเบหันความสนใจออกจากรูปปั้น   ไม่ทันสังเกตเห็นหอกแหลมสีดำทะลุออกจากผนังหิน   พุ่งเข้าใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง   และแม้ว่าจะมีกำแพงหินที่สร้างขึ้นต้านการโจมตีทีเผลอนั้น   แต่ก็ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสีดำ   และสลายตัวเป็นควันดำทันทีที่สัมผัสหอกดำ   ยินำเบรู้สึกไม่ดีกับควันดำจึงกระโดดออกจากรัศมี   วนไม้เท้าสองสามรอบพลันเม็ดฝนจากเบื้องบนกลายสภาพเป็นหอกน้ำแข็งทิ่มแทงลงมายังเบื้องล่าง   แต่หอกน้ำแข็งทั้งหมดกลับเปลี่ยนสี   และสลายในทันทีที่ต้องควัน   นี่มันพลังธาตุหรืออะไรกันแน่?’   มีแต่สิ่งน่าสงสัยเต็มไปหมด   ยิ่งการประมือใช้เวลานานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเกิดความสงสัยในพลังที่หญิงสาวใช้   และไม่ใช่แค่พวกเขา   แต่ยังมีผู้ซึ่งหลบอยู่ใต้ผ้าคลุมเองก็เช่นกัน  

          “....”   ร่างในชุดคลุมเดินออกจากขอบสนามอย่างเงียบๆ   สุดหน้าผาอันสูงชัน   เธอมองลงมายังเบื้องล่าง   ไม่ใช่ภาพวิวทิวทัศน์ของแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่ทำให้เธอสนใจ   แต่เป็นอีกาดำตัวหนึ่งที่กำลังกระพือปีกบินออกไปท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ   บินพอให้ลับสายตาของผู้จ้องมองก่อนที่จะสลายหายไป   ราวสิ่งไร้ตัวตน  

 

          ณ   พระราชวังปริศนา   ตั้งอยู่บนพื้นที่สีดำสนิท   รูปร่างและสีสันที่โดดเด่นราวกับหัวมังกรย้อมโลหิต   ด้านนอกมีอัศวินในเครื่องแบบออกรบยืนประจำหน้าทางเข้าออก   ภายในพระราชวังยิ่งเยอะกว่า   แสงสีดำปรากฏขึ้นตรงหน้าทางเข้า   ก่อนปรากฏร่างของอีกาดำตัวนั้น   บินเข้าไปภายในปากมังกรที่อ้ากว้างโดยไม่มีใครคิดขวาง   เหมือนกับมองไม่เห็นมัน   บินทะลุห้องแล้วห้องเล่าก่อนจะหยุดที่ห้องหนึ่งที่มีลักษณะแตกต่างโดยสิ้นเชิง   ทั้งมืด   ทึบ   ไร้ซึ่งความสวยงาม   และเต็มไปด้วยกองหนังสือ   และโต๊ะซึ่งวางสิ่งของประหลาดมากมาย   มันบินไปเกาะที่ไหล่ของร่างผู้สวมชุดคลุมสีดำรุ่มร่าม   เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้หินคล้ายบัลลังก์ที่ส่วนหัวมีรูปปั้นอีกางอกออกมาจำนวนหนึ่ง   คล้ายกับว่าพวกมันกำลังเกาะแท่นบัลลังก์และส่งเสียงร้องตามธรรมชาติ   แต่ที่มีเสียงจริงๆ   ในตอนนี้กลับเป็นเจ้าอีกาปริศนา   มันส่งเสียงไม่เป็นจังหวะ   “งั้นรึ?   เจ้าราชาจอมปลอมโอฟาโพฟคิดจะทำอะไรกัน?”   เสียงที่กล่าวดูเหมือนจะกำลังสนทนากับอีกาตัวนั้น   เธอลุกขึ้นพลันอีกาตัวนั้นกระพือปีกบิน   ก่อนจะสลายหายไปทันใด  

 

          “ฝ่าบาท   กระผมขอรายงานสถานการณ์ในประเทศกเมาก์กิเนตดังต่อไปนี้ขอรับฝ่าบาท...”   เสียงผลักประตูเข้ามาบังคับให้องครักษ์ชะงักคำกล่าวไปชั่วครู่   “กล่าวต่อไป”   เป็นเสียงสั่งที่ไม่ได้มาจากร่างที่เขากำลังสนทนาด้วย   “องครักษ์ของประเทศกเมาก์กิเนตจับชาวบ้านที่มีพฤติกรรมคิดต่อต้านพระองค์   และจักรวรรดิแห่งไฟ   ได้ที่หุบเขาของชนเผ่าอิเน่อิปวู   โปรดมีคำสั่งให้ดำเนินการกับกบฏตามที่ทรงเห็นสมควรด้วยขอรับฝ่าบาท”   ในระหว่างที่กำลังกล่าว   ใบหน้าที่กำลังก้มต่ำมองเห็นชายผ้าสีดำลากพื้นของใครคนหนึ่งที่กำลังเดินตรงไปข้างหน้า

          “เห็นได้ชัดว่าประเทศกเมาก์กิเนตยังไม่ถูกกำราบอย่างเต็มกำลัง   หรือเป็นเพราะลักษณะการเป็นประเทศของพวกมันที่เกิดจากการรวมตัวของชนเผ่าจำนวนมากกัน”   เซเลียหยุดยืนที่ข้างบัลลังก์ฝั่งซ้าย   กระนั้นชายหนุ่มผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์กลับไม่แสดงออกว่าสนใจในคำกล่าวของเธอ   “ไม่ต้องทำสิ่งใด   ข้าจะไปจัดการกับพวกมันเอง”   มาร์เวทกล่าวเสียงเยือกเย็น   “ตามพระประสงค์ขอรับฝ่าบาท”   องครักษ์หนุ่มลุกขึ้นถวายความเคารพด้วยการโค้งตัวลง   แขนทั้งสองกางออกจากลำตัวราวกับท่าสยายปีกของมังกร   ก่อนจะเดินออกจากห้องหลังจากนั้น  

           “พระองค์ชั่งมีความคิดที่ไม่ต่างจากดิฉันเลยเพคะฝ่าบาท”   เซเลียส่งสายตาให้มาร์เวท   และก็เหมือนทุกครั้งที่แววตาคู่นั้นแสดงออกอย่างเย็นชา   “ที่เจ้ามาที่นี่เป็นเพราะเรื่องกบฏนี่อย่างงั้นรึ?”   เซเลียหุบยิ้มเล็กน้อย   “ใช่แล้วเพคะฝ่าบาท”   เธอกล่าวพลางยกยิ้มอีกครั้ง   “เช่นนั้นจงไปเสีย   เมื่อไม่มีธุระอันใดกับข้าแล้ว”   เธอยิ้มกว้าง   ขาเริ่มก้าวลงบันไดทีละขั้นอย่างใจเย็น   ก่อนจะหันกลับมาอีกครั้ง   “เช่นนั้นข้าขอตัวเพคะฝ่าบาท”   การจากไปของเธอคืนความสงบสู่ห้องโถงนี้อีกครั้ง   เสียงเดียวที่กำลังได้ยินอยู่คือเสียงของลมหายใจตนเอง

 

          “ท่านอาจารย์   วันนี้คงต้องรบกวนท่านอีกรอบ”   โอฟาโพฟและยินำเบ   ทั้งสองร่วมรับประทานอาหารในห้องเสวยของพระราชวังสีขาว   “เจ้าไม่ได้รบกวนอะไรข้าเลย   ทั้งหมดก็เพื่ออนาคตของประเทศ     และผู้คนที่อยู่ใต้การปกครองของจักรวรรดิแห่งไฟ   เพื่อให้พวกเขาได้เห็นแสงสว่างบนท้องฟ้าอีกครั้ง”   ยินำเบร่ายยาวอย่างหดหู่และมีความหวังในเวลาเดียวกัน   “ข้าเองหวังว่าการฝึกในวันนี้จะสำเร็จไปด้วยดี   เพื่อจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้วดอกไม้ของข้ามีพลังอะไรในตัวกันแน่”   โอฟาโพฟยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าสวยเข้ารูปของดอกไม้ที่เขาทะนุถนอมอย่างดี  

          รอยยิ้มแห่งความสุขเลือนหายไปจากใบหน้า   และแปรเปลี่ยนเป็นความสงสัยเมื่อองครักษ์คนหนึ่ง   เปิดประตูห้องเข้ามาอย่างถือวิสาสะ   กระซิบที่ข้างหูโอฟาโพฟ    พลันใบหน้าที่ดูสุขุมของชายวัยกรุ่นเปลี่ยนเป็นตกใจสุดขีด   “เข้าใจแล้ว   เจ้าไปได้”   โอฟาโพฟยังคงมีใบหน้าเคร่งขรึมแม้ในยามที่หันมองยินำเบ   “พวกเราไม่มีเวลาแล้ว   ท่านอาจารย์   พรุ่งนี้มาร์เวทจะเดินทางมาถึงยังที่นี่”   โอฟาโพฟกัดฟันแน่น   “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าพวกลิงภูเขาหาเรื่องกับจักรวรรดิแห่งไฟ   แผนของพวกเราก็คงมีเวลาสานต่อไปได้อีกพักใหญ่”   โอฟาโพฟเขวี้ยงมีดเข้าปักกำแพงเสียงดังสะเทือนทั่วห้อง   “โมโหไปก็เท่านั้น   พวกเราควรจะรีบค้นหาพลังของนางตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป”   ยินำเบลุกขึ้น   ท่าทีของเขาดูร้อนใจเสียยิ่งกว่าโอฟาโพฟเสียอีก  

          ต่างฝ่ายต่างเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว   ผลักประตูห้องแห่งหนึ่งออกอย่างไม่เกรงใจเจ้าของห้อง   “เซียนซี   พวกข้าไม่มีเวลาให้เจ้าเล่นอีกต่อไป   จากนี้..…เจ้าเป็นใคร?”   โอฟาโพฟเพิ่งสังเกตเห็นร่างปริศนาของหญิงสาวตัวสูงโปร่ง   เส้นผมสีรวงข้าวพร้อมเก็บเกี่ยว   ยาวจรดปลายหลัง    เธอกำลังยืนหันหลังให้พวกเขา   เมื่อร่างนั้นหันกลับมา   ยินำเบถึงกับสะอึก   และก้มลงคุกเข่ากับพื้นห้องทันที   “ท่านอาจารย์!!”  

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.