ตอนที่ 72 ประชันอักษร – ฝันรำพึงถึงอดีต (3)

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 72 ประชันอักษร – ฝันรำพึงถึงอดีต (3)

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 72 ประชันอักษร – ฝันรำพึงถึงอดีต (3)

 

สายฝนกระหน่ำรุนแรง คราแล้วคราเล่า แต่ละครั้งยิ่งทวีความรุนแรง ต้นกล้ารู้สึกราวกับตนตกตาย แต่มันก็หยัดยืนขึ้นอีกครั้ง มันจะยืนกรานจนถึงที่สุด จะเงยหน้ามองฟ้าแล้วหัวเราะ เยาะหยันพระเจ้าที่ไม่อาจพรากชีวิตมัน

 

ติ้ง.....

 

เสียงน้ำตาหยดลง ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? น้ำตาหลั่งรินเป็นสายเล็กๆไหลลงตามทำนอง เพลงที่โศกเศร้าถึงขนาดทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้านรุนแรง เป็นครั้งแรกที่รู้สึกราวกับมีใบมีดคมกรีดแทงทารุณลึกเข้าไปในหัวใจ เป็นความเจ็บปวดที่ชำแรกลึกสะท้านถึงวิญญาณ

 

สัมผัสประสบการณ์ผ่านหัวใจ ทั้งสิ้นคิดและกล้าหาญ วิญญาณเยาว์วัยที่ไม่เคยยอมแพ้ หัวใจพวกเขาเคลื่อนคล้อยตามทำนอง คิดอยู่ในใจว่าถ้าหากเป็นตัวพวกเขา จะสามารถทานทนความเจ็บปวดนั้นได้หรือไม่? พวกเขาคงเลือกความตายมากกว่าความทรมาน เพื่อปลดปล่อยตัวเองเป็นอิสระจากความเจ็บปวด แต่วิญญาณเยาว์วัยอันอ่อนโยนกลับอดทนครั้งแล้วครั้งเล่า แน่วแน่ดื้อรั้นแบกรับมันไว้เพียงผู้เดียว เห็นความทุกข์ทรมานของเขาแล้วเกิดความรู้สึกละอาย ความเจ็บปวดที่พวกเขาเคยประสบมาไม่อาจเทียบกับที่เขาได้รับ และยิ่งเขากล้าแกร่งขึ้นเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งละอายลึกลงไปเท่านั้น

 

แม้สุดท้ายความเจ็บปวดทั้งหมดจะจบลง... เพราะฉับพลันก็หลับใหลสู่นิทรา ท่ามกลางความมืดมิดที่สงบ ทอดร่างนอนอยู่นานนับปี...สองปี....สิบปี

 

เกือบหนึ่งนาทีที่เพลงขลุ่ยจบลง ขณะที่ขลุ่ยหยกออกจากริมฝีปาก ความโศกเศร้าก็วาบผ่านในแววตาเขา แต่ฉับพลันมันก็หายไป ในอึดใจต่อมา ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

 

บรรยากาศเงียบสนิทถึงที่สุด กระทั่งสายลมยังหลบซ่อนตัวตน ไม่มีทั้งเสียงหวีดหวิวหรือเสียงร้องระบือดัง เขาไม่กล่าวคำใดแต่ยืนอยู่นิ่งงัน มองไปยังใบหน้าที่ต่างมีน้ำตา พวกเขามีสภาพไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่มหรือหญิงสาว, ขุนนางระดับสูง, เด็กน้อย, ชายชรากุมไม้เท้า แม้กระทั่งฮั่วเจิ้นเทียนและองค์จักรพรรดิหลงหยิน

 

แปะ! แปะ! แปะ! แปะ!

 

เสียงปรบมือดังผ่านบรรยากาศความทุกข์ระทมโศก แม้แต่หลงหยินก็ร่วมปรบมือ เสียงปรบมือดังลามเร็วราวกับคลื่น เสียงร้องไห้ของหญิงสาวดังระงมออกไปไกล ได้ยินไปถึงราชองครักษ์ที่เฝ้าประตูราชวิทยาลัยเทียนหลง รวมไปถึงผู้คนที่ผ่านไปมาต้องหยุดฟังด้วยความสงสัย

 

การปรบมือในทวีปเทียนหลงไม่เหมือนกับหัวเซี่ยยุคปัจจุบันที่มีค่าน้อยกว่ามาก เพียงเฉพาะตอนที่อารมณ์ของพวกเขาขึ้นไปถึงจุดสูงสุดเท่านั้น พวกเขาจึงจะตัดสินใจปรบมือ เพื่อเป็นความหมายในการปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง อารมณ์ความรู้สึกเข้มข้นนั้นเป็นสิ่งจำเป็น... เหมือนเวลาที่อาณาจักรเทียนหลงเอาชนะอาณาจักรต้าฟง ฝีมือการวาดของเย่หวูเฉินรวมถึงเพลงขลุ่ยของหลินเสี่ยวก็ยังไม่อาจได้รับการปรบมือ มีเพียงครั้งนี้เท่านั้น ที่พวกเขาทุ่มเทปรบมือให้กับท่วงทำนองเพลงขลุ่ยของเย่หวูเฉิน

 

ผู้คนมากมายพยายามที่จะหยุดน้ำตาตัวเอง หากแต่ไม่สามารถกระทำได้ หลายคนปรบมือไปทั้งน้ำตา พวกเขาได้สัมผัสท่วงทำนองจับใจที่แท้จริง ถึงแม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกหมดหวังและบีบคั้นไปด้วยความเจ็บปวด

 

หวังเวิ่นชูซบลงในอ้อมกอดของเย่เว่ย น้ำตาของนางเปียกถึงอกเขา นางกล่าวขณะน้ำตานอง “เฉินเอ๋อร์ที่น่าสงสารของข้า... หัวใจของเขาเจ็บปวดทรมานเพียงใดกัน ข้าล้มเหลวในฐานะแม่ที่ดี ในวันข้างหน้า...ข้าจะทำทุกสิ่งเพื่อชดเชยให้บุตรชาย...”

 

เย่เว่ยตบหลังนางเบาๆ เขาไม่กล่าวคำใดเพียงแต่เงยศีรษะขึ้นพยายามกระพริบหยาดน้ำตาออกไป ในสนามรบ เขาบาดเจ็บมานับครั้งไม่ถ้วนและเคยเฉียดใกล้ความตาย เขารอดชีวิตมาได้ และไม่เคยเสียน้ำตาแม้แต่หยดเดียว กระทั่งตอนที่เห็นผู้ใต้บัญชาตกตายต่อหน้าตน ในเวลานั้น เขารู้สึกราวหัวใจถูกตัดเฉือนด้วยใบมีด แต่เขาก็ยังไม่ร้องไห้ สิบปีก่อนมารดาของเขา ผู้ที่เขาเทิดทูนด้วยชีวิตได้สิ้นใจเพราะโรคภัย เขาคุกเข่าอยู่กับพื้นนานห้าวันไม่กินไม่ดื่มจนสลบไป แต่กระนั้นเขาก็ยังคงไม่ร้องไห้ เขาคือบุตรชายตระกูลเย่ผู้เด็ดเดี่ยว เขายอมหลั่งเลือดแต่ไม่ยอมหลั่งน้ำตา

 

แต่ในวันนี้ ไม่ว่าเขาจะพยายามยับยั้งตัวเองสักเท่าไหร่ น้ำตาค่อยๆหลั่งไหลออกมาทีละหยดบนใบหน้า หัวใจของเขาเจ็บปวด เขาไม่เคยรู้ว่าหัวใจสามารถเจ็บปวดได้ถึงเพียงนี้ ยิ่งกว่านั้น ด้วยความเจ็บปวดของเสียงทำนอง หากว่าตัวบุคคลผู้เล่นเพลงไม่เคยประสบความทรมาน เขาจะสามารถเล่นเพลงสะเทือนหัวใจเช่นนี้ได้อย่างไร

 

เฉินเอ๋อร์.... เจ้าไปประสบสิ่งใดมา?

 

ฮั่วฉุ่ยโหรวปิดใบหน้านาง น้ำตาหยดลงราวกับเม็ดฝนหยดลงบนกลีบดอก กระทั่งผ้าเช็ดหน้าของนางยังเปียกชุ่ม นางมองผ่านม่านน้ำตาไปที่บุรุษที่ถือขลุ่ยของนาง กระทั่งเกิดความคิดชั่ววูบอยากไปอยู่ข้างๆและกอดเขาไว้ แม้แต่ฮั่วเจิ้นเทียนที่อยู่ข้างนางยังขยี้ตา เขาพึมพำกับตนเอง “ท่วงทำนองของปีศาจโดยแท้ ของปีศาจโดยแท้จริง... บัดซบเอ้ย แม้แต่ข้ายังทนไม่ได้ ข้าสูญเสียจิตใจเหมือนตอนที่ข้าสูญเสียภรรยา”

 

ตรงหัวมุม มีเสียงสั่นเครือดังขึ้น “เฉินเอ๋อร์....เจ้าจะบอกตาได้ไหม...ว่าบทเพลงนี้ชื่ออะไร?”

 

ทั่วทั้งสนามประลอง มีเพียงผู้เดียวที่ยังสามารถสงบอยู่ได้คือเย่หวูเฉิน เขาตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม “การแสดงนี้นับว่าเป็นเรื่องเฉพาะหน้า ข้ายังไม่ทันได้คิดชื่อของมัน อีกทั้งคงไม่เป็นไรถ้ามันจะไม่มีชื่อ เพราะว่าหลังจากเล่นจบ ข้าก็ลืมทำนองของมันไปหมดสิ้น”

 

ท่วงทำนองอัศจรรย์นี้แท้จริงกลับคิดขึ้นมาสดๆ... เป็นความสามารถที่ชวนตระหนกอย่างแท้จริง มีเพียงศิลปินที่บรรลุระดับสูงสุดแล้วเท่านั้นจึงสามารถกระทำได้ พวกเขาต้องแปลกใจอีกครั้ง แปลกใจอย่างที่สุด บางทีรวมความแปลกใจทั่วทั้งชีวิตยังไม่อาจเทียบกับที่ประสบในวันนี้ เจตนาหลักที่มาในวันนี้เพียงเพื่อชมการแข่งขัน เพื่อหาความเพลิดเพลิน แต่ผู้ที่มาในวันนี้กลับต้องพบกับความประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขากลัวว่านี่อาจเป็นเพียงความฝัน เมื่อคิดว่าเหตุการณ์เหล่านั้นช่างเหนือจริง และหากพวกเขาตื่นขึ้นมาทุกสิ่งจะหายไป

 

บางผู้คนที่มาจากแดนห่างไกลต่างถอนหายใจอย่างต่อเนื่อง แม้พวกเขาไม่ได้ตื่นเต้นเท่ากับชาวเทียนหลง แต่จากเหตุการณ์ที่ปรากฎ นับว่าพวกเขาตัดสินใจได้ฉลาดที่มายังเมืองเทียนหลง

 

“ไม่! ท่วงทำนองนี้คือประวัติศาสตร์ของทวีปเทียนเฉินเพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้ว่าเจ้าจะลืมมัน แต่ตาของเจ้าจดจำได้ทุกท่วงทำนอง ตาเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ย่อมจดจำทำนองนี้ไว้ในใจจนวันตาย แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครเล่นได้ใกล้เคียงกับเจ้า แต่มันก็ยังเป็นร่องรอยให้กับคนรุ่นต่อไป ทุกคนที่หลงใหลในเพลงขลุ่ยจะต้องรู้ถึงการมีอยู่ของมันในฐานะที่สุดของเพลงขลุ่ย เฉินเอ๋อร์ โปรดทำตามคำขอของตา หากเพลงนี้ไม่มีชื่อจะนับเป็นเรื่องเสียใจที่สุดในชีวิตข้า” หวังป๋อยิ่งมายิ่งตื่นเต้นขณะกล่าวคำ จบด้วยการขอร้อง ในฐานะอาจารย์ของหลงหยิน เขามั่นใจว่าความรอบรู้ของเขากว้างขวางดั่งทะเล แต่วันนี้ เขาได้เปิดหัวใจและรู้ว่าจริงๆแล้วทะเลนั้นกว้างขนาดไหน ด้วยเพียงบุคคลคนเดียว บุตรชายของธิดาของเขา เย่หวูเฉิน

 

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าขอตั้งชื่อให้มันว่า ‘ฝันรำพึงถึงอดีต’ ” เย่หวูเฉินกล่าว เขาไม่ได้โกหกเพราะหลังจากที่เขาเล่นเพลงจบลง เขาก็ลืมท่วงทำนองทั้งหมดไป ราวกับมันเป็นเพียงความฝัน จำเป็นอันใดที่จะต้องใส่ใจ ในเมื่อมันคืออดีต ก็ปล่อยให้มันผ่านไป ในยามนั้นตัวเขาเป็นดั่งต้นกล้าเล็กๆที่เผชิญมรสุมลมฝน วันนี้ เขาสาบานว่าจะเติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ทอดตามองไปทั่วแผ่นดิน

 

ลืมมันซะ...ลืมอดีตที่ไม่ชัดเจนทิ้งไป ลืมความทรงจำอันคลุมเครือ ลืมความเจ็บปวดที่มี ในวันที่ข้ามีพลังแข็งแกร่งเพียงพอ ความทรงจำที่หายไปจะกลับมาปรากฎต่อหน้าข้าอีกครั้ง

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.