ตอนที่ 3 .. “ ภาษาใจ ”

ไม่มีคำตอบ...จากหัวใจ

-A A +A

ตอนที่ 3 .. “ ภาษาใจ ”

ฟังเพลงเพราะๆ ประกอบ นิยาย ไม่มีคำตอบ...จากหัวใจ

    เป็นเพียงความบันเทิงในการฟัง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆของตัวละครในนิยาย เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่านเท่านั้น ไม่ได้มีผลใดๆกับทางการค้าทั้งสิ้น .. ด้วยความเคารพ ผู้ประพันธ์นิยาย .. วีณา

เหตุผลที่ทนเหงา - ฝ้าย Am Fine

https://www.youtube.com/watch?v=O5yg1DinW8M

ขอขอบคุณ คุณ ฝ้าย Am Fine จาก ค่ายอาร์เอส โปรโมชั่น ที่เอื้อเฟื้อเพลงให้มาประกอบในนิยาย

Romance Fiction - นิยายรัก / รักโรแมนติก

ตอนที่ 3 .. “ ภาษาใจ ”

“ไอ้กุ้ง” มอญจำสไตล์การพูดของเพื่อนได้ จึงหันกลับไป

     ภาพที่มอญเห็นก็คือ เพื่อนทั้งสามคน กำลังเดินขึ้นบันไดมา แล้วถือถาดพิชซ่ามา 3 ถาด พร้อมเบียร์อีก 1 โหลและเสบียงอีกเพียบ

“พวกมึงมาได้ยังไงเนี่ย นี่กูตาไม่ฝาดนะ” มอญวิ่งเข้ามากอดเพื่อนๆอีกครั้งหลังจากที่พึ่งกอดลากันที่ปากช่อง

“พอดีกูมีธุระด่วนที่กทม. ก็เลยขึ้นเครื่องมาเลย และไอ้โกร๋นมันโทรมาบอกว่า มึงกำลังจัดบ้านอยู่แต่ไม่มีคนช่วย กูก็เลยขอแรงพวกเรามาช่วย มันก็เท่านั้น ไม่มีอะไรมาก”

“ขอบใจพวกมึงมากเลยจริงๆ” มอญซาบซึ้งมากที่เลือกเพื่อนได้ไม่ผิด

“ก็เราเพื่อนกัน จริงไหม เพื่อนเดือดร้อน ก็ต้องมาช่วยกัน อย่าคิดมาก” โกร๋นเอามือตบไหล่เพื่อนเบาๆ

“งานนี้ต้องยกความดีให้กับไอ้โกร๋นมัน ไอ้นี่สมแล้วที่เป็นกาวใจสำหรับเพื่อนในกลุ่มจริงๆ ถ้ามันไม่บอก พวกเราก็คงไม่ได้มารวมตัวกันแบบนี้อีกแน่” เมฆกล่าวเสริม

“ขอบใจมากเพื่อน บอกตามตรง กูก็ยังคิดอยู่เลยว่า ของเยอะมากมายขนาดนี้ กูจะจัดยังไงไหววะคนเดียว คืนนี้คงไม่ได้นอนแน่”

“เอาน่า ไหนๆพวกเราก็มากันแล้ว ลุย อย่าได้รอช้า เวลาไม่เคยรอใคร เอ้าว่าไป จะให้พวกกูช่วยตรงไหนบ้าง”

“ขอบใจโว๊ย ตามสะดวกเลย ลังนั้นเครื่องครัว ลังนั้นเสื้อผ้า ส่วนลังนั้นเครื่องเรือน เครื่องใช้ ห้องครัวอยู่ทางโน้น ห้องนอนอยู่ทางนี้ ห้องรับแขกตรงโน้น ใครอยากลื้อลังไหนเอาเลย” มอญชี้แจงจนเพื่อนๆเข้าใจ

     จากนั้นทุกคนก็เริ่มรื้อของออกมาแล้วช่วยกันจัด ไม่ถึง 4 ชั่วโมงบ้านของมอญก็พร้อมอยู่พร้อมใช้แล้วในคืนนี้ จากบ่าย 4 โมงเย็นจนถึง 1 ทุ่มโดยประมาณนิดๆ หลังจากที่เสร็จงานหินทุกคนก็มานั่งชนเบียร์และหาของทานกัน พิชซ่า ทั้ง 3 ถาด ไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว รวมถึงของขบเคี้ยวที่หอบกันมา จากนั้นมอญก็มารำลึกถึงความหลังเมื่อตอนออกค่าย สมัยนั้นทั้ง 4 คนสนุกและมีความสุขมาก

“กูยังนึกถึงวันนั้นเลยนะ วันที่เราไปออกค่ายที่เมืองกาญจน์และที่อื่นๆอีก”

“ใช่ใช่ สนุกมาก 4 ปี ไปออกค่าย 3 ครั้ง และก็เกือบตายแทบทุกครั้ง” โกร๋นเริ่มเมา เมฆยกส้นตีนให้

“ไอ้เหี้ย ตายเตยอะไร เขาเรียกประสบการณ์ชีวิต แค่ตกเขา ตกน้ำบ้าง มันก็ต้องมีบ้างหละว๊า”

     พูดไปพูดมา โกร๋นก็เผลอพูดถึงเรื่องดาวขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ จนทำให้งานกร่อย

“โดยเฉพาะสาวน้อยหน้าใสคนนั้น ปีสุดท้ายก่อนที่พวกเราจะจบนะ แม่งเอ๊ย โคตรเด็ดสุด เสียดายถ้ากูหล่อได้เสี้ยวนึงของไอ้กุ้งนะ ปาดนี้กูสอยได้แล้ว คนเหี้ยอะไร หุ่นนี้ โคตรบ๊ะจ่างเลยหวะ เอวเป็นเอว นมเป็นนม ตรงนั้นสงสัยแม่งคงจะ.. สะบึมน่าดู”

     มอญหน้าจ๋อยไปเลย หันไปเห็นกุ้งนั่งนิ่งเงียบ ไม่พูดเล่นหัวกับเพื่อนๆอีกเลย จากใบหน้าที่มีรอยยิ้ม กลายเป็นเคร่งขรึมทันที ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยชื่อออกมา เพื่อนทุกคนก็รู้ว่าคือใคร เพราะวันนั้นสาวน้อยคนที่กุ้งหอบหิ้วไปนอนไปคั่วด้วย ก็คือดาวนั่นเอง

     เมฆถีบโกร๋นโครมเข้าให้ เพราะนั่งอยู่ใกล้สุด “มึงพูดเหี้ยอะไรวะไอ้โกร๋น โน้น” เมฆสะบัดหน้าให้โกร๋นไปดูกุ้งที่นั่งอยู่ข้างๆมัน

“มึงจะพูดอะไร มึงหัดดูเพื่อนด้วย สัสเอ๊ย กร่อยหมด” โกร๋นเมาไม่รับรู้อะไรแล้ว เลยนอนนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้นทันที

“ไอ้กุ้งกูขอโทษแทนไอ้เหี้ยโกร๋นมันด้วย อย่าไปโกรธอะไรมันเลยนะกูขอ” มอญออกรับแทนเพื่อน กุ้งลุกขึ้นยืน พร้อมกับปัดตัวเอง

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร กูเข้าใจว่ามันไม่ได้ตั้งใจ พอดีนึกได้ว่ามีธุระ กูขอตัวก่อนนะ ส่วนไอ้นี่กูฝากให้มันนอนบ้านมึงด้วยแล้วกันคืนนี้ เมฆกูไปหละ แล้วเจอกัน” กุ้งยกมือขึ้นลาเพื่อนๆ แล้วก็เดินลงบันไดไปทันที

     เมฆหันมามองหน้ามอญ “เอ้า งั้นช่วยกันหน่อย ยกมันขึ้นไปไว้บนโซฟานั่นก็แล้วกัน” หลังจากที่เอาโกร๋นขึ้นมานอนไว้ที่โซฟาได้เสร็จ เมฆก็ช่วยมอญเก็บอาหารการกินที่ทานกันเมื่อกี้ จนสะอาดเรียบร้อย ไม่นานเมฆก็ขอตัวกลับ คงเหลือโกร๋นที่นอนเมาอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว “ไอ้กุ้ง กูจะบอกมึงยังไงดีวะ ว่าตอนนี้ดาวอยู่กับกู กูขอโทษมึงด้วย กูไม่ได้ตั้งใจ แต่กูก็ยังไม่พร้อมที่จะบอกมึงจริงๆ”

***** >>><<< *****

     รุ่งทิวา (ดาว) แฟนเก่าสาวน้อย วัย 22 ปีที่ทิ้งนรากรไป เพราะความจนในสมัยแรกๆโดยอ้างว่า มีเหตุจำเป็น พ่อของเธอ ทำธุรกิจล้มละลาย จึงต้องยอมแต่งงานกับนักธุรกิจรุ่นพ่อคนหนึ่ง เพื่อกอบกู้ฐานะของครอบครัวตนเองและได้หนีเขาไปอยู่ที่ออสเตรเลีย เป็นเวลานานถึง 5 ปีเต็มๆ หลังจากที่ผัวแก่ของเธอเสียชีวิตลงได้ไม่ถึง 2 ปีเพราะหัวใจวายตายคาอกนั่นเอง ตั้งแต่ย้ายไปอยู่ที่นั่น เธอก็เลยได้กลายเป็นเศรษฐีนีคนหนึ่งเลยทีเดียวในวัยสาว จากนั้นเธอก็ได้ใช้ชีวิตโสดและเปลี่ยนผู้ชายเป็นว่าเล่น ไม่นานเมียหลวงก็รู้เรื่องว่าผัวตัวเองหอบเงินและแอบหนีมาอยู่กับเมียน้อยที่นี่เพราะข่าวการตายของเขานั่นเอง สรุปดาวเป็นเมียน้อยเสี่ยใหญ่ แต่เธอก็ไม่สน เมียหลวงจึงตามมาทวงเอามรดกทั้งหมดคืน ดาวไม่เหลืออะไรเลย เพราะเมียหลวงไม่ให้แม้สักบาทเดียว จนได้มาเจอกับมอญ

     ดาวไม่สนใจว่ามอญเป็นใครไม่อยากจำด้วยซ้ำ รู้ว่าขอแค่มีเงินให้เธอใช้เธอ ผลาญเป็นใช้ได้ เพราะดาวเป็นคนนิสัยแบบนั้นอยู่แล้ว ใครมีตังเลี้ยงเธอได้ เธอสามารถพลีกายให้ได้หมด เพราะมอญมีนิสัยอย่างหนึ่งคือเจ้าบุญทุ่ม เปย์จ่ายไม่อั้น ถ้าลงว่าชอบสิ่งหนึ่งสิ่งใดขึ้นมา ขอแค่มีเงินให้เธอใช้และถลุงเป็นพอ จึงทำให้ความรักเดินไปได้ด้วยเงินตราไม่ใช่ด้วยใจ

     ถึงกระนั้น ก็ยังมีเรื่องระหองระแหงกันเป็นประจำกับความเจ้าชู้ของดาว สาวน้อยที่มีไฟแรงสูง Sexy ออกขนาดนี้ ใครบ้างจะไม่หวงเมียที่เด็ดออกขนาดนั้น ที่ขอมี Sex ได้วันละหลายๆครั้งหลายๆหน จนบางครั้งมอญเองก็ต้องขอยอมแพ้ในเรื่องแบบนี้เหมือนกัน

     หลังจากที่กลับมาถึงเมืองไทย เพราะมอญหมดสัญญาว่าจ้างที่นั่น มิหนำซ้ำเมื่อรู้ว่าแฟนเก่าตนเองร่ำรวย และมีฐานะมีหน้ามีตาในสังคม ก็ Return ขอกลับมาคืนดีด้วย ทำทุกวิถีทางที่จะให้กุ้งยกโทษให้กับอดีตที่ผ่านมา จนทำให้เพื่อนรักต้องแตกคอกัน ดาวไม่เคยเลยที่จะทำให้มอญสบายใจ ยิ่งรู้ว่ากุ้งอดีตคนรัก ร่ำรวยขึ้น จึงคิดกลับมาหา เพื่อที่จะขยับฐานะให้ดีกว่าเดิมหลังจากที่ได้ตีตัวออกห่างจากเขาไปนานแล้วเกือบ 5 ปี ดูซิว่าความเป็นเพื่อนสมัยเรียนจะช่วยได้ไหม ดาวทำทุกวิถีทางที่จะได้กุ้งกลับมาอยู่กับตัวเอง ขนาดลงทุนหาเรื่องขอหย่าขาดกับมอญเธอก็ยอม เพราะมอญจนไม่รวยเหมือนกุ้ง จึงทำให้มอญต้องกลายเป็นพ่อหม้ายไปโดยปริยาย

>>>>> ***** <<<<<

     และแล้วงานคืนวันสำคัญก็มาถึง 2 ทุ่ม รถมากมายได้มาจอดที่บริเวณบ้านใหญ่หลังหนึ่งแถวๆรังสิต บ้านของเศรษฐีใหญ่ตระกูลหนึ่งนันทิยา (นุ่น) สาวน้อยตาใส วัย 26 ปีเพื่อนรักของเอียด เรียนจบปริญญาโทกลับมาจากอเมริกา จึงได้เจอกัน นุ่น เป็นลูกคนรวยโดยกำเนิด ผิดกับเอียดซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของวัฒน์ ซึ่งเรื่องนี้ นุ่นก็ไม่รู้และไม่มีผู้ใดรู้นอกจากกุ้งและเพื่อนๆเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น

“เชิญตามสบายเลยเพื่อน” นุ่นสาวน้อยตาใส กำลังมีความสุขที่ได้เจอเพื่อนๆในไทย เพราะพึ่งกลับมาถึงเมื่อเช้าวานนี้เอง จึงยังไม่ได้เจอใครเลย แม้กระทั่งเอียด เพื่อนรัก “ของกินอยู่ด้านในนะ ตามสบาย”

“ของขวัญจร้า..สุขสันต์วันเกิด ขอให้มีความสุขนะเอียด “ เพื่อนคนหนึ่งมอบให้ ทักทายแล้วก็เดินจากไป

“ขอบใจนะเพื่อน จะกินอะไรตามสบายเลย..แม่หนูขอตัวเข้าข้างในก่อนนะ ปวดฉิ๊งฉ่อง”

“เออ ไปเลย ไม่ต้องห่วงงานทางนี้..ขอบคุณค่า คุญหญิง เชิญด้านในเลยค่ะ ท่านรัฐมนตรีช่วยมาแล้ว อยู่ด้านในตรงสระน้ำ”

     แขกท่าแต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นคนใหญ่คนโตกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะพ่อค้าใหญ่ เจ้าสัว รวมไปถึงระดับรัฐมนตรีช่วยเลยทีเดียว นุ่นเข้าไปไม่นาน เอียดกับพ่อก็มา “คุณแม่ สวัสดีค่ะ” แม่ของนุ่นหันมาหลังจากที่คุยกับพวกคุณหญิงคุณนายทั้งหลายอยู่

“อ้าว..ยัยเอียด มาแล้วเหรอ ยัยนุ่นรอตั้งนาน”

“หนูต้องขอโทษด้วยคะ พอดีที่ช้า ก็เพราะคนนี้หละค่ะ” เอียดชี้ไปที่วิวัฒน์

“คุณแม่ค่ะ นี่คุณพ่อหนูค่ะ” นงนุช แม่นุ่นยกมือสวัสดีและยิ้มให้ วัฒน์ยกมือขึ้นรับไหว้ และยิ้มให้เช่นกัน

“แล้วนุ่นหละคะ” เอียดรีบถามหาเพื่อน “อยู่ข้างในแหนะ ตามสบายนะ เข้าไปซิ” พูดจบเอียดรีบเดินเข้าไปในบ้านทันที

“เห็นเอียดบอกว่า วันนี้เป็นงานวันเกิดของเพื่อนเขาด้วย และก็ตื้อให้ผมมาให้ได้” วัฒน์เริ่มทักทายตามมารยาท

“ใช่ค่ะ อย่าไปถือสาอะไรพวกเด็กๆมันเลย ยัยนุ่นกับยัยเอียดเขาเป็นเพื่อนรักกัน ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว”

“เหรอครับ ผมพึ่งรู้ ผมนี่แย่เอามากๆ มัวแต่ทำงาน เลยไม่รู้ว่าลูกคบหาใครบ้าง ผมนี่เป็นพ่อที่แย่จริงๆ”

“เป็นธรรมดาค่ะ พ่อแม่ ทุกบ้านก็เป็นแบบนี้กันทุกคน ถ้าไม่ทำเพื่อลูกแล้วจะทำเพื่อใคร จริงไหมคะ” แล้วก็หัวเราะนิดหน่อย

“นี่ครับ ของขวัญวันเกิดเล็กๆน้อยๆ สำหรับหลานสาว” วัฒน์มอบของขวัญวันเกิดให้กับแม่ของนุ่น เธอรับไว้แล้วเชิญเข้าด้านใน

“ถ้างั้นเชิญคุณพ่อด้านในเลยก็แล้วกัน ทางนี้ค่ะ” แล้วแม่ของนุ่นก็พาวัฒน์ไปที่โต๊ะพิเศษที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ เฉพาะแขก Vip

///// +++++ /////

     2 ทุ่มนิดๆดาวเมา เดินเซเข้ามาถึงบ้านของสามี โดยที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งมาส่งที่หน้าปากซอยพร้อมพวกเพื่อนๆอีกกลุ่มนึง แต่ไม่เข้าไป พอมาถึงก็เปิดประตูรั้วเดินเปะปะเข้ามาจับราวบันไดไม้เก่าๆ บ้านหลังเก่าสมบัติชิ้นสุดท้ายที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ ก่อนที่ท่านทั้งสองคนจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำในวันที่มอญรับปริญญา เสียงดังโครมครามจนมอญต้องเดินออกมาดูจากห้องครัว

“ดาว” ดาวเมามา ไม่ค่อยมีสติ ชี้หน้าด่าผัว ทั้งๆที่มอญก็ให้เงินให้ความสุขเธอมาตลอด 2 ปีที่อยู่ด้วยกันมา

“ไอ้ผัวเฮงซวย ทำไมแกไม่รวยเหมือนคนอื่นเค้าวะ” แต่ก็นั่นหละนะ เพราะดาวนับถือเงินมากกว่าความรักและความเข้าใจ ความสุขจริงที่มอญอยากได้เลยไม่มี ดาวแกะรองเท้าแล้วโยนไปทางไหนไม่รู้ ทำท่าจะอ๊วกแต่ไม่อ๊วก พะอืดพะอม เดินเปะปะไปที่โซฟา

     มอญเดินเข้าไปก้มเก็บแล้วเอามาวางไว้ที่เก็บก็ยังดีที่ยังจำทางกลับบ้านได้ ยังไงก็ทนมาถึง 2 ปีแล้ว มอญก็คงต้องรับกรรมต่อไป เขาทนดูไม่ได้ที่เมียมีสภาพเป็นแบบนี้ เหมือนนางเมรีขี้เมายังไงยังงั้น จึงตัดสินใจอุ้มเมียเข้าห้องนอนแล้วไปวางไว้บนที่นอน

     หาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ ดาวยังไม่สร่างเมา ยกมือขึ้นมาปัดมือมอญออก มือไม้เปะปะไปหมด

“ดาว เมื่อไหร่เธอจะถึงเข้าใจชีวิตสักทีนะ ตั้งแต่อยู่เมืองนอกแล้ว นี่จนกลับมาเมืองไทย เธอก็ยังไม่ยอมปรับตัวและเข้าใจชีวิตอีกนะ”

%%%%% ----- %%%%%%

“จ๊ะเอ๋..ไอ้นุ่น” เอียดแอบมาเซอร์ไพร์สเพื่อน ขณะที่เพื่อนเสร็จธุระออกมาจากห้องน้ำ

“ว๊าย ไอ้เอียด ฉันนึกว่าแกจะไม่มาซะแล้ว” นุ่นรีบต่อว่าเพื่อน

“มาซิจ๊ะเพื่อนรัก ไป ออกไปข้างนอกกันดีกว่า ฉันยืนรอเซอร์ไพร์สแกจนเมื่อยแล้ว เห็นตัวแค่นี้ นั่งนานเหมือนกันนะเนี่ย”

“บ้า..เราผู้หญิงนะ จะทำอะไรก็ต้องสวยไว้ก่อนซิ รีบร้อนไม่ได้ จริงไหม” เอียดยิ้มและพยักหน้า

   แล้วสองสาวเพื่อนซี้ก็รีบจูงมือวิ่งออกมาจากในบ้านมายังงานภายนอกและมุ่งตรงไปยังโต๊ะที่เตรียมไว้แล้ว

“นั่นไงสาวๆ ออกมากันแล้ว” แม่ของนุ่นหันไปเห็นพอดี

“พ่อขา นี่ไงคะยัยนุ่นเพื่อนหนู น่ารักอย่างที่หนูบอกไหม” เอียดรีบอวดเพื่อนกับพ่อ

“สุขสันต์วันเกิดจร้าหนู” นุ่นยกมือขอบคุณวัฒน์

“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ” เอียดมอบของขวัญให้เพื่อนกับมือ

“นี่ของเรา” นุ่นรับของขวัญ แล้วหาที่นั่งให้เพื่อน

“ขอบใจนะ มามา นั่งตรงนี้ก่อน”

     ไม่นาน สิงขรและครอบครัวก็ปรากฏตัวในงาน เล่นเอาสาวๆกรี๊ด ไปตามๆกัน เพราะความเข้มและหล่อของเขา มาดเข้มเดินเข้ามาพร้อมกล่องของขวัญขนาดพอประมาณเลยทีเดียว เดินตรงมายังโต๊ะที่นุ่นนั่งอยู่ สายตาเขาจ้องไปที่สาวงามตาบ้องแบ๊วคนหนึ่ง

“สวัสดีครับคุณน้าคุณอาทั้งสองคน” สิงขรไหว้พ่อและแม่ของนุ่น

“อ้าว มาแล้ว แขกคนสำคัญ แหม อานึกว่าจะไม่มาซะแล้ว เห็นดึกขนาดนี้” พ่อของนุ่นเอ่ยปากออกมา

“มาซิครับ วันเกิดว่าที่เจ้าสาวของผมทั้งที จะไม่มาได้ยังไง” สิงขรส่งสายตาหวานเยิ้มให้กับนุ่น นุ่นไม่ชอบ จึงไม่สนใจหลบสายตา

“เอ้าๆมาพฤกษ์ ไอ้เพื่อนยาก นั่งก่อน คุณอนงค์ด้วย ยัยนุ่น ผู้ใหญ่มา ทำไมเสียมารยาท ไม่น่ารักเลย”

     นุ่นหันมายกมือไหว้พ่อและแม่ของสิงขร แต่ไม่ไหว้สิงขร คงแค่พูดทักทายนิดหน่อย “ขอบใจ” แล้วก็หันไปจับมือเอียด

“หนูขอตัวนะคะ ไปเอียด เราไปหาเพื่อนๆทางโน้นกันดีกว่า เห็นว่ายัยฟ้า ยัยรุ่งก็มา” แล้วก็รีบจูงเพื่อนออกไปที่อื่นทันที

“น่ารักดีนะคะ คุณตฤน ยัยนุ่นเนี่ย อีกหน่อยพอแต่งกับเจ้าสิงห์ลูกชายอิฉัน คงจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้นะคะ จริงไหมนุช”

“ใช่ๆ นี่ก็หมั้นกันมาตั้งหลายปีแล้วนี่ 3 ปีได้แล้วมั้ง ฉันคิดว่าต้นปีหน้านี้น่าจะแต่งกันได้ซะทีแล้วนะ จริงไหมคุณ” แม่นุ่นเอ่ยปาก

“นั่นนะซิ ผมก็คิดว่ายังงั้นนะ แต่งๆกันเสียทีก็ดีเหมือนกัน ผมหละเบื่อมาก พวกที่ชอบมาไต่มาตอมยัยนุ่นเนี่ย น่าเบื่อจริงๆ”

     พ่อนุ่นเปรยออกมา สักพักก็นึกถึงวัฒน์ได้ จึงแนะนำให้กับ พฤกษ์และอนงค์ รู้จักทันที

“แหม ขอโทษที มัวแต่ดีใจ เลยลืมแนะนำให้รู้จัก” ตฤนหันไปหาวัฒน์และแนะนำสามคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามทันที

“คุณวัฒน์ครับ นี่พฤกษ์และอนงค์ เป็นพ่อของหลานสิงขร รู้จักกันไว้ก็ดีนะครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” วัฒน์ยื่นมือออกไปเช็คแฮนกับทั้งสามคน พฤกษ์รู้สึกคับคล้ายคับคราจึงถามวัฒน์ออกไป

“เอ ถ้าผมจำไม่ผิด ใช่คุณวิวัฒน์ เจ้าของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ไทยวิวัฒน์ หรือเปล่าครับ”

“ใช่ครับ คุณพฤกษ์ทราบด้วยเหรอครับ” พฤกษ์เหมือนโชคดี เพราะกำลังหาแหล่งเงินทุนอยู่พอดี

“แหม วันนี้ผมถือว่าโชคดีจริงๆที่มา ต้องรู้ซิครับ จะไม่รู้จักได้ยังไง บริษัทคุณได้รับรางวัลบริษัทดีเด่นทางสายการเงิน 2 ปีซ้อนเลย ปีนี้ไม่แน่อาจจะได้เป็นปีที่ 3 ด้วยก็อาจเป็นได้ เพราะผลประกอบการออกมาดีเยี่ยมเลยนี่ครับ ข่าววงในที่ผมได้ยินมา มันเป็นอย่างนั้น ผมขอแสดงความยินดีล่วงหน้าเลยนะครับ คุณวิวัฒน์” 

“จริงเหรอครับคุณพ่อ คุณลุงเนี่ยนะเป็นเจ้าของบริษัทนั้น” สิงห์เริ่มตาวาวกับเอียดลูกสาวของวัฒน์เสียแล้ว

     เพราะถ้าเป็นจริงเท่ากับว่าเอียดรวยกว่านุ่นค่อนข้างเยอะหลายสิบเท่า สิงห์จึงมีเป้าหมายใหม่ทันที ความเจ้าชู้เริ่มก่อตัวขึ้นมา จนแม่เห็นปฏิกิริยา จึงรีบหยิกขาและพูดเบาๆกับลูกชายที่แสนจะดื้อด้านคนนี้

“อย่าเชียวนะไอ้สิงห์ ฉันรู้นะว่าแกคิดอะไรอยู่ ยังไงก็ไว้หน้าพ่อกับแม่บ้าง จะทำอะไรคิดบ้าง ไอ้พวกบรรดาเบี้ยใบ้รายทางของแกฉันยังพอรับไหว ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้ แต่ถ้าเป็นคนนี้ไม่ได้เชียวนะ ฉันได้ยินมาว่า คุณวัฒน์เนี่ย เค้าหวงลูกสาวมาก ยังกะอะไรดี ขืนถ้าแกไปแตะต้องไปยุ่งกับลูกสาวเขาเมื่อไหร่ ระวังชะตาแกจะขาด นี่ฉันเตือนแกไว้ด้วยความหวังดีนะ แค่ยัยนุ่น แกยังเอาชนะใจนางไม่ได้เลย 3 ปีแล้วนะทำให้ได้ก่อนเถอะ แล้วคิดเหรอว่าลูกสาวคุณวัฒน์เค้าจะเล่นด้วยกับแก หยุดความคิดเลวๆบ้าๆปัญญาอ่อน นั้นไว้ได้เลย นี่ถือว่าฉันเตือนแกแล้วนะไอ้สิงห์ ถ้าไม่เชื่อฟังกัน ฉันจะตัดหางแกออกจากกองมรดกทันที ไม่เชื่อก็คอยดู เข้าใจไหม”

“ครับๆๆแม่ แหม แค่มองก็ไม่ได้” อนงค์ดุลูกเบาๆ

“ไม่ได้ ฉันเห็นนะสายตาแกหนะที่มองหนูเอียดหนะ มันต่างจากที่มองหนูนุ่น จำใส่กะลาหัวแกไว้เลย และท่องเอาไว้ ว่าว่าที่เจ้าสาวของแกชื่อ นุ่น นันทิยา ไม่ใช่ เอียด จำไว้” สิงห์เมื่อโดนแม่ดุเข้าอย่างแรง จึงรีบลุกหนีออกไปจากเก้าอี้ทันที ไปไหนไม่รู้

     นุ่นหันมามองสิงห์แล้วหยีใส่ จนเอียดต้องเอ่ยปากถามออกมา

“ใครหนะ ฉันดูแล้วเหมือนแกไม่ชอบขี้หน้าเค้าเอาเลย”

“พี่สิงห์ คู่หมั้นฉันเองแหละ” นุ่นก้มหน้าตอบแบบไม่สบายใจ ไม่ค่อยอยากจะเต็มใจตอบเลย

“ห๊า คู่หมั้น” เอียดตกใจ “นี่แกมีคู่หมั้นแล้วเหรอ ทำไมฉันถึงไม่รู้หละ ตอนคุยกันตอนที่แกเรียนอยู่เมืองนอกก็ปิดเงียบเลย”

“ฉันไม่ได้เต็มใจนักหรอก บอกตามตรงโดนจับคลุมถุงชน ถ้าฉันไม่ยอมหมั้น ฉันก็ไม่ได้ไปเรียนต่อ ฉันก็เลยต้องรับไปแบบนั้นแหละ” เอียดสงสัย ว่าทำไมนุ่นถึงยอมง่ายๆเพราะฐานะทางบ้านก็ออกจะร่ำรวยออกอย่างนี้

“แล้วทำไมแกถึงไม่ปฏิเสธหละวะ ชีวิตเราทั้งชีวิตเลยนะ ไหนลองบอกเหตุผลที่แท้จริงมาซิ”

“ตื้นลึกหนาบางเป็นยังไงอันนี้ฉันไม่รู้นะ แต่เท่าที่รู้มา ก็คือว่าคุณป้าอนงค์เมียคุณลุงพฤกษ์หนะเขามาตกลงทำธุระกิจอะไรบางอย่างกับแม่ฉันก็ไม่รู้ แล้วกลัวอะไรสักอย่างนี่แหละ จึงออกปากให้พี่สิงห์หมั้นกับฉันไว้เพื่อการันตีอะไรบางอย่างมั้ง เพราะลุงพฤกษ์ แกมีเส้นสายทางธุรกิจค่อนข้างเยอะ ฉันก็ไม่เข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่ พอดีช่วงนั้น คุณพ่อฉันทำการค้าผิดพลาดสูญเงินไปหลายสิบล้าน เขาจึงเอาสองเรื่องนี้มารวมกัน และเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ฉันจะไปเรียนต่อพอดี ถ้าฉันไม่รับปาก ฉันก็อดไป แกเข้าใจไหมเอียด”

“เออ เข้าใจแล้ว น่าสงสารแกหวะ แล้วนี่แกจะทำยังไงต่อหละวะ จะปฏิเสธงานแต่งหรือเปล่าเนี่ย”

“นี่แหละเป็นปัญหาใหญ่ที่ฉันกำลังกลุ้มอยู่ กำลังคิดว่าจะทำยังไงดีที่จะปฏิเสธกับคุณลุงคุณป้าได้ เพราะคุณป้าอนงค์แกมีบุญคุณกับฉัน แกเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในปีแรกให้ ส่วนปีสุดท้ายทางบ้านฉันเป็นคนออกให้ เพราะธุรกิจกลับฟื้นขึ้นมาได้อย่างปาฏิหาริย์

“แล้วแกจะทำยังไงต่อไปหละนุ่น” เอียดสงสารและเป็นห่วงเพื่อน เอามากๆ

“ไม่รู้ซิ อีกอย่าง เท่าที่ฉันรู้มา พี่สิงห์นิสัยไม่ดี เจ้าชู้ มีพวกบ้านเล็กบ้านน้อยเต็มไปหมด กร่างและที่สำคัญ”

     นุ่นสาธะยายจนเห็นเห็นภาพเลย และทิ้งท้ายเอาไว้จนน่าติดตาม “อะไรวะ”

“ติดการพนัน งานการไม่ค่อยจะสนใจทำ ถึงคุณลุงจะเป็นนักธุรกิจใหญ่ที่มีชื่อเสียง แต่ก็มีหนี้สินค่อนข้างเยอะ ไม่รู้ว่าที่พ่อกับแม่ฉันให้ฉันหมั้นเนี่ยจะรู้ถึงแบล็คกราวพวกนี้ด้วยไหม ขนาดฉันเป็นคนนอกรู้ถึงขนาดนี้ แล้วพวกผู้ใหญ่เขาจะไม่รู้บ้างเลยรึไงวะเอียด”   

“นั่นนะซิ พูดยากหวะ นั่นมาแล้วพี่สิงห์อะไรของแกหนะ เดินตรงมาโน้นแล้ว จะเอายังไงดีวะ แกจะหลบหน้าเขาไปตลอดทั้งงาน คงไม่ได้นะโว๊ย ฉันว่า อย่าหนีอีกเลยแก สู้ประจันหน้ากันไปเลยซึ่งๆหน้าเลยดีกว่า เชื่อฉัน”

     ไม่นานสิงห์ก็ถึงตัวทั้งสองสาว แต่แปลกปากของสิงห์ทักนุ่น แต่สายตากลับมองไปที่เอียดสาวน้อยหน้าใสซะงั้น จนเอียดต้องหลบสายตาเมินหนีไปทางอื่นทันที “สวัสดีครับน้องนุ่น”

“สวัสดีค่ะพี่สิงห์” นุ่นตอบแบบไม่อยากให้เสียมารยาท

“เออ..แล้วไม่คิดจะแนะนำให้รู้จักกับน้องคนสวยที่ยืนอยู่ข้างๆบ้างเหรอครับ” สิงห์ส่งตาหวานให้เอียดทันที

     จนนุ่นเริ่มรู้ทัน ลายเจ้าชู้ของสิงห์เริ่มออกมาแล้ว “นี่เอียดเพื่อนรักน้องค่ะ เอียดนี่พี่สิงห์ ไปเอียด แถวนี้มลภาวะไม่ค่อยดีเลย”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องเอียด ที่น่ารัก” เอียดเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมนุ่นถึงเกลียดและไม่ชอบ เพราะแบบนี้นี่เอง

     นุ่นลากเอียดออกไปจากตรงนั้นทันที สิงห์สะแหยะ ยิ้มแบบมีเลศนัย

“เล่นตัวไปเถอะยัยนุ่น เอาไว้ให้แกได้เป็นเมียฉันเมื่อไหร่ จะสั่งสอนเสียให้เข็ด จนน้องจะลืมไม่ลง เรียกหา พี่สิงห์คะ พี่สิงห์ขา ทั้งคืนเลย คอยดู” สิงห์มั่นใจมาก แล้วก็หันไปหาสาวๆ เหยื่อยรายวันของเขาแถวนั้นดีกว่า ได้แก้ขัดสักคนสองคนก็ยังดี

***** ///// *****

     สิงขร (สิงห์) ชายหนุ่มเพลย์บอย วัย 29 ปี คู่หมั้นของนุ่น ที่พ่อและแม่ทั้งสองฝ่ายหมายมั่นปั้นมือที่อยากจะให้แต่งงานกันในเร็วๆนี้ แต่เนื่องจากชายหนุ่มผู้นี้ มีนิสัยเกเรไปในทางนักเลง เจ้าชู้และติดการพนัน ถือว่าตัวเองรวย จึงไม่ค่อยที่จะเห็นหัวใครเช่นกันพอๆกับโรส แอบมีผู้หญิงบ้านเล็กบ้านน้อยไปทั่ว พอถึงเวลาเข้าจริงๆที่ทางบ้านจะให้มีครอบครัวกับนุ่น เขาก็ยินดีที่จะทำตามความตั้งใจของพ่อแม่ แต่บรรดาเมียเก็บเมียเล็กๆของเขาหละ จะทำเช่นไร และตอนนี้เขามีเป้าหมายใหม่แล้วก็คือเอียด เพื่อนรักของนุ่นนั่นเอง

%%%%%% ----- %%%%%%

     ดาวยังคงเมาอยู่ ฤทธิ์เหล้ายังคงไม่เบาลงไปง่ายๆ งัวเงียตื่นขึ้นมาหลังจากพักสายตาไปได้เกือบชั่วโมง ก็เกิดอาการร้อนซิ เพราะทานเหล้าไปค่อนข้างเยอะ กระสับกระส่าย จนต้องถอดชุดที่ตัวเองใส่ออกหมด จนร่างเปลือยเปล่า นอนแผ่หลาตัวอยู่บนเตียง มอญอาบน้ำเสร็จออกมาพอดีเห็นสภาพของเมีย จึงเดินเข้าไปเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นและดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มร่างกายให้

     ดาวลืมตาขึ้นมา ไม่รู้ว่าใครเป็นใครแล้ว เห็นแผ่นอกอันบึกบึนที่ลอยอยู่ข้างหน้าเป็นไม่ได้ รีบคว้าคอสามีลงมากระหน่ำจูบและกระตุกผ้าขนหนูที่ใส่อยู่ออกทันที และจากนั้นคงไม่ต้องบอกนะครับว่าอะไรจะเกิดขึ้น คืนนั้นดาวกับมอญก็มีความสุขกันไป

****** ----- *****

     ณ.คอกเทลเล้าน์แห่งหนึ่งใน กทม. นรากรนั่งอยู่ที่นี่ แล้วดื่มเหล้าย้อมใจอยู่ตามลำพังเพียงผู้เดียว เพื่อที่จะลืมดาวให้ได้ นั่งจิบเหล้าแล้วฟังเพลงเพราะๆซึ้งๆไปด้วย เสียงเพลงนุ่มๆซึ้งๆหวานๆ ในบางโอกาสก็สามารถทำให้เขาลืมความทุกข์ไปได้บ้างชั่วคราว

< ถือว่าเป็นอีกปีที่ฉันพอใจ - แอม เสาวลักษณ์ > https://www.youtube.com/watch?v=v2ia0xV2FsM

     พอเพลงจบ กุ้งปรบมือให้ อย่างดังอยู่คนเดียว เพราะเพลงโดนใจเอามากๆเลยจริงๆ เข้ากับบรรยากาศที่เขากำลังเป็นเลยทีเดียว นักร้องสาวคนนั้นเลยพูดออกไมค์ “ขอบคุณมากนะคะ สำหรับชายหนุ่มที่ปรบมือให้ ขอให้มีความสุขมากๆกับการดื่มกินที่นี่นะคะ”

     แล้วกุ้งก็เรียกให้สาวเสริฟ์เอาดอกกุหลาบ 1 ดอกที่ปักอยู่ในแจกันบนโต๊ะไปให้นักร้องสาวเสียงดีคนนั้น สาวเสริฟ์เดินไปส่งให้แล้วก็ชี้ไปที่โต๊ะของกุ้ง กุ้งเมาไม่รู้เรื่องหรอกว่าทำอะไรลงไป กุ้งโบกไม้โบกมือให้กับนักร้องสาวสวยคนนั้น เธอยิ้มให้อยู่ไกลๆ

“ขอพักเบรกสักครู่นะคะ ช่วงนี้ฟังเพลงจากดีเจสุดหล่อของเราไปก่อน แล้วอีกสักพัก พบกันค่ะ”

     จากนั้นนักร้องสาวสวยก็เดินลงจากเวที ไปนั่งพักผ่อนอยู่ข้างๆเวที เธอคอยสังเกตกุ้งอยู่ตลอดเวลาทั้งคืน เพราะดูเหมือนว่ากุ้งจะเมาเอามากๆเลยทีเดียว เธอสังเกตุได้แต่ยังไม่ปรากฏตัวให้เห็น คืนนี้กุ้งเมามากจริงๆหลังจากที่ได้คิดถึงแต่เรื่องของดาวเพราะทำยังไงเขาก็ยังตัดไม่ขาดและลืมไม่ได้เสียที 5 ปีแล้วที่ดาวหนีและจากเขาไป จึงฟิวส์ขาด เห็นเวทีว่างอยู่เพราะเป็นช่วงที่เปลี่ยนนักร้อง บวกกับเมา อยู่ดีๆเดินไปกระซิบที่หูนักดนตรีและก็ขึ้นไปนั่งร้องเพลงอยู่บนเวทีดื้อๆซะอย่างนั้น จนนักร้องสาวสวยต้องสำลักน้ำทันที

< วาฬเกยตื้น – GUNGUN > https://www.youtube.com/watch?v=su6s5j3LaP8

     แขกที่มาก็นึกว่าเป็นนักร้องจึงไม่ได้สนใจอะไรพอร้องจบก็ปรบมือให้ แล้วกุ้งก็หงายหลังล้มตึงลงไปซะอย่างงั้น ผู้จัดการจึงบอกให้พนักงานเสริฟ์ชายไปลากตัวออกมา และประกาศขอโทษแขกทุกๆคน ที่กุ้งขึ้นมาทำความรำคาญให้ นักร้องสาวสวยนั่งหัวเราะร่า

“ต้องขอโทษด้วยนะครับแขกทุกๆคน ที่แขกผู้นี้ขึ้นมารบกวนและทำลายบรรยากาศที่แสนจะดีในค่ำคืนนี้ ให้กร่อยไปชั่วขณะ”

“ไม่เป็นไร เพราะดีๆชอบๆ นึกว่าเป็นรักร้องของที่นี่เสียอีก” แขกผู้ชายท่านหนึ่งตะโกนออกมา แล้วก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง

     พนักงานเสริฟ์ชาย พาตัวกุ้งมานอนพักไว้ที่โต๊ะข้างๆเวที ซึ่งนักร้องสาวสวยคนนั้นนั่งอยู่พอดี แล้วก็จากไป ไม่ถึง 5 นาทีกุ้งรู้สึกตัวก็ลุกขึ้นมาแล้วก็ค่อยๆเดินเปะปะออกจากที่นั่นไป กลับไปนั่งที่เดิมของตัวเอง ยังเก่งนะที่จำได้ แล้วก็สั่งอาหารเพิ่ม

“น้องๆ” กุ้งกวักมือเรียกเด็กเสริฟ์ “ขา ต้องการอะไรคะ”

“ขอไอ้นี่อีกขวดและมะม่วงหิมพานต์อีกจานใหญ่ๆเลยนะ” สาวเสริฟ์รับออร์เดอร์แล้วก็ไปจัดการให้

     ไม่นานของที่สั่งก็มา กุ้งทานไปได้ไม่นานก็เมาหลับฟุบไปตอนไหนไม่รู้ได้ จนค๊อกเทลเล้าน์ชั้นบนปิด สาวเสริฟ์จึงมาปลุกเพื่อจะขอเก็บสตางค์และบอกให้กลับ “คุณคะ คุณ คุณ คุณคะ ตื่นได้แล้ว เราปิดแล้วค่ะ ขออนุญาตเช็คบิลด้วยค่ะ”

     กุ้งงัวเงียขึ้นมา หลับๆตื่นๆพูดรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง “ฮือ จะปิดแล้วเหรอ เท้า หร่าย” <เฮือก> กุ้งสะอึก

“1,570 บาทค่ะ” กุ้งหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาแล้วหยิบส่งให้ 2 พัน พนักงานสาวรับเงินแล้วถอยออกไป

     สักพักก็เอาเงินทอนมาส่งให้ “คุณคะ เงินทอนค่ะ” กุ้งเริ่มไม่รู้เรื่องแล้ว ค่อยๆลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งอยู่

“เงินทอน ของใคร” กุ้งเมาจนจำอะไรไม่ได้แล้ว “ก็ของคุณไงค่ะ นี่ค่ะ” กุ้งพยักหน้า “ของผม” สาวเสริฟ์เริ่มไม่ไหวแล้วกับกุ้งตอนนี้

“ฉันให้ เอาไปให้หมดเลย” กุ้งดันถาดเงินทอนเข้าหาตัวสาวเสริฟ์คนนั้น “ขอบคุณค่ะ” แล้วสาวเสริฟ์ก็จากไป

   กุ้งเดินโซเซออกมา เดินชนกับนักร้องสาวคนหนึ่ง แถมยังเผลอไปกอดเธออีกเสียด้วย พนักงานเสริฟ์ชายเห็นเข้าจะวิ่งเข้ามาช่วย เธอยกมือห้าม “ไม่เป็นไร” เธอสะบัดมือให้ถอยออกไป เพราะความเมา ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร จึงเผลอพูดจาออกไปแบบไม่คิด

“ฮือ ขาว หอม อุ๊ย ต้องขอโทษนะครับคุณผู้หญิง” นักร้องสาวยิ้มให้ เพราะรู้ว่าเมาไม่ได้ตั้งใจ

“ไม่เป็นไรค่ะ เดินทางกลับบ้านดีๆนะคะ คุณวาฬ” กุ้งยกมือสองนิ้วไปที่หางคิ้วซ้าย ขอบคุณแล้วก็เดินจากไปแบบเมาๆ

     กุ้งเดินผ่านประตูออกมาจากคอกเทลเล้าน์ชั้นบนนั้นได้ ดีที่ไม่กลิ้งลงมา ก็เดินโซซัดโซเซลงไปตลอดทาง เกาะข้างฝา เกาะกำแพงไปเรื่อยๆแล้วก็อ๊วกและก็ล้มลง พอมีแรงก็ลุกขึ้นมาอีก สักพักก็ล้มลงอีก เพราะขาไม่มีแรง ขณะนั้น อรทัย (นิด) นักร้องสาวสวยที่กุ้งเดินชนเมื่อกี้ขับรถผ่านมาเพราะเธอติดตามดูอาการของกุ้งมาตลอด ดูแล้วยังไงวันนี้ก็ไปไหนไม่รอด และก็จริงๆ เมายังกะหมาแบบนี้ คงขับรถพาตัวเองกลับบ้านได้หรอก กุ้งลุกขึ้นมานั่งเอาหัวพิงกำแพง ดีนะที่ตรงบริเวณนั้นไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน ไม่งั้นเสียหมาหมด

     ไม่นานก็ลุกแล้วคลานไปอย่างช้าๆสี่ขา พอได้จังหวะก็ลุกเดินเพื่อจะข้ามถนน กุ้งเดินเซออกมาตัดหน้ารถ นิดเบรก กุ้งเซและล้มลงไปข้างทางซึ่งมีน้ำเจิ่งนองอยู่พอสมควรเพราะตรงนั้นมีร่องรอยของน้ำฝนที่ตกเมื่อช่วงบ่ายๆท่อน้ำระบายไม่ทัน นิดมองดูรอบๆเมื่อไม่เห็นใคร ก็ขับรถออกไป สักพักเธอสังเกตุเห็นกุ้งจากกระจกมองข้างทางด้านซ้าย กำลังลุกขึ้นมา จึงหยุดรถและเปิดประตูเดินลงไปดูว่ากุ้งเป็นยังไงบ้าง กุ้งล้มลงต่อหน้าเธออีกครั้ง นิดจึงตัดสินใจเข้าไปประคองกุ้งขึ้นมา แล้วก็พาขึ้นรถเธอไปเลยทันที

+++++ ****** +++++

     อรทัย (นิด) นักร้องสาวสวยในผับ วัย 28 ปี สาวเจ้าที่หลงรักนรากร โดยไม่รู้ตัว เพราะความน่ารักและสุภาพ ขนาดหนุ่มใหญ่อย่างชัชวาลย์มาติดพัน เธอก็ยังไม่สน จึงทำให้เกิดเกมส์การแย่งชิงความสัมพันธ์กัน แบบชิงรักหักสวาทกันระหว่างหนุ่มน้อยอย่างนรากรกับหนุ่มใหญ่อย่างชัชวาลย์กันหละ ทีนี้ความหล่อกับความรวย นิดจะเลือกใคร เมื่อชัชเกิดหลงรักและอยากจริงจังสาวรุ่นลูกอย่างนิดขึ้นมาจริงๆ นิดจะทำเช่นไรเมื่ออีกใจเธอชอบนรากรไม่ได้ชอบชัชวาลย์ จึงทำให้เกิดคำถามขึ้นมากับตัวเองว่าจะทำยังไงดี

     นิดขับมินิคูเปอร์ สีชมพู คู่ใจของเธอ (2003 MINI COOPER LOOK2 R50 TOP) ออกไปทันที หลังจากที่รัดเข็มขัดให้กุ้งจนดีแล้ว

..... +++++ .....

     กลับมายังงานเลี้ยงของนุ่นในคืนนี้ จนข้ามเข้าสู่วันใหม่ วัฒน์ต้องขอตัวกลับ เพราะ ดึกมากแล้ว เช้ามีงานที่ต้องสะสางอีก

“ผมเห็นทีจะต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ สนุกมากเลยวันนี้ และยินดีครับที่ได้รู้จักพวกคุณเพิ่มอีกตั้งหลายคน ไปลูกกลับได้แล้ว”

“ฉันกลับก่อนนะแก ว่างๆแล้วค่อยคุยกัน หนูลาหละค่ะ คุณพ่อคุณแม่ สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า บาย”

“เอ้อ คุณวัฒน์ครับ” พฤกษ์เรียกวัฒน์ก่อนที่วัฒน์จะเดินจากไป

“นี่นามบัตรผมนะครับ หวังว่าเราคงมีโอกาสได้ร่วมงานกันสักครั้งนะครับ” วัฒน์รับนามบัตรแล้วก็ใส่กระเป๋าเสื้อสูตรด้านใน

“ยินดีครับ สวัสดีครับ” แล้วทั้งสองคนก็เดินจากไป ตฤนหันไปถามเพื่อน

“แกคิดจะทำอะไรหนะพฤกษ์ ฉันรู้นะว่าแกคิดอะไรอยู่ ถึงลูกสาวฉันจะสนิทกับหนูเอียด แต่ฉันไม่สนิท แกคิดจะทำอะไรก็คิดให้มันดีๆหน่อย ทำอะไรคิดอะไร กรุณาไตร่ตรองด้วย ตอนนี้แกก็รู้ว่าสถานะทางการเงินของบริษัทร่วมของเราที่เปิดขึ้นมาสำหรับงานประมูลเฉพาะกิจ มันกำลังแย่ ฉันไม่อยากเอาเงินจากบริษัทแม่มาโปะมากไปกว่านี้ ถ้าแกยังมาบริหารงานแบบนี้อยู่อีกเข้าใจไหม”

“เออน่า ถ้าฉันได้แหล่งเงินทุนดีๆสักที่ รับรองว่า ไอ้รอยรั่วของเราที่มันมีอยู่ มันต้องดีขึ้นแน่ๆ เชื่อฉัน”

“ฉันก็ขอให้มันเป็นแบบนั้นก็แล้วกัน ถามจริงๆเถอะ เรื่องนี้เมียแกรู้รึยัง ว่าพวกเราไม่มีเงินแล้ว กรุณาบอกนางให้ใช้จ่ายเบาๆหน่อยนะไอ้เรื่องการรูดการ์ดหนะ เพราะการเงินเราไม่ดีแล้ว แค่นี้นะ” ตฤนอารมณ์เสีย เมื่อเพื่อนรัก ทำงานผิดพลาด

%%%%%% ----- %%%%%%

     รุ่งเช้าวันใหม่ ของวันอังคารที่ 8 ธันวาคม นิดปรนนิบัติกุ้งอย่างดีราวกับเป็นคนรักเลยทีเดียว กุ้งนอนอยู่บนโซฟา มีผ้าขนหนูปิดหน้าผากอยู่ วันนี้นิดยอมตื่นเช้าเพื่อมาทำอาหารเช้าให้กุ้งโดยเฉพาะ ทั้งๆที่ทุกวันเธอจะนอนตื่นเอาเกือบเที่ยง แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมนิดถึงยอมตื่นเช้าได้ แถมยืนอมยิ้ม ขณะที่ยืนทำอาหารเช้าอยู่อีกด้วย ไม่นานกุ้งก็มีสติลืมตาตื่นขึ้นมา เขาค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วดูว่าที่นี่ที่ไหน แต่ที่รู้ไม่ใช่บ้านตัวเองแน่ มองไปทางซ้ายมือตัวเองก็เห็นสาวสวยคนหนึ่ง ในชุดเสื้อคลุมนอนยาวสีชมพู กำลังยืนทำอาหารกลิ่นหอมโชยมาเตะจมูกเขาจนต้องทำให้ลุกขึ้นมาจากโซฟาทันที กุ้งเอามือทุบหลังคอเบาๆแล้วเดินเซช้าๆมาหานิดที่ห้องครัว

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอคะ” กุ้งงงนิดๆว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง “คุณ เออ..” กุ้งยิงคำถามแรกเลยว่าเธอคือใคร

“ดิฉันอรทัย เรียกว่านิดก็ได้ค่ะ” นิดแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ

“ชื่อเพราะจัง” อยู่ดีๆกุ้งก็หลุดปากออกมาเบาๆ โดยไม่รู้ตัว

“ขอบคุณค่ะ พึ่งรู้ว่าเป็นคนปากหวานเหมือนกันนะเนี่ย”

“ผมนรากรครับ เรียกผมว่ากุ้งก็ได้” กุ้งแนะนำตัวเองกลับ

“ชื่อคุณก็เพราะเหมือนกัน เมื่อคืนคุณเมามาก ดิฉันจึงจำเป็นต้องพามาบ้าน” กุ้งยิ้มแหยๆ แล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้อย่างช้าๆ

“ขอบคุณนะครับที่กรุณาช่วย” กุ้งไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนเมื่อรู้ว่า ตัวเองเมาแบบสุนัขไม่รับประทานจนมีสาวสวยมาช่วย

“อายจัง ไม่รู้ว่าเมื่อคืนผมทำอะไรบ้าๆบอๆไปบ้าง” กุ้งพยายามนึกถึงเรื่องเมื่อคืน แต่ก็จำไม่ได้

“หลายอย่างเลยหละค่ะ แต่ก็น่ารักดีนะคะ” นิดหัวเราะเบาๆ “นิดยังชอบเลย โดยเฉพาะเรื่องของปลาวาฬ”

“อะไรครับเรื่องของปลาวาฬ” กุ้งยังคงมึนๆนิดๆ เลยยิงคำถามออกไปอย่างซื่อๆ

“ก็เพลงที่คุณร้องไง วาฬเกยตื้น อะไรนั่นหนะ เพราะมากเลยค่ะ นี่สามารถเป็นนักร้องอาชีพได้เลยนะคะ นิดยังร้องสู้คุณไม่ได้เลย”

“จริงเหรอครับ ตายแล้ว ผมทำอะไรลงไปเนี่ย เมาแล้วเป็นแบบนี้ทุกที” นิดเอาข้าวต้มกุ้งร้อนๆมาวางให้ตรงหน้า

“ทานก่อนค่ะ เรื่องอื่นค่อยว่ากัน อิ่มท้องไว้ก่อน เชิญค่ะ” กุ้งยิ้มแหยๆอีกครั้ง แต่ก็ต้องทานก่อนเพราะท้องร้องแล้ว

     ไม่นาน หลังจากที่ทานมื้อเช้าเสร็จดูเวลาแล้วประมาณ 8 โมงครึ่ง กุ้งจึงขอตัวกลับ และก่อนที่จะกลับไม่ลืมที่จะถามเกี่ยวกับชุดที่เขาใส่อยู่ “เออ แล้วชุดของผม คือมันไปอยู่ไหนแล้วหละครับ บ้านนี้ก็มีคุณอยู่เพียงคนเดียว” กุ้งพูดแบบช้าๆ และอายๆ

“แหม ทำเป็นไม่เคยไปได้ ไม่ต้องอายหรอกค่ะนิดไม่ถือ นิดชินแล้วกับคนเมา แบบนี้ทำอะไรนิดไม่ได้หรอก อีกอย่างนิดก็ไม่ใช่คนฉวยโอกาสซะหน่อย” นิดพูดไปยิ้มไป “คนอะไรก็ไม่รู้น่ารักไปหมดทุกส่วน” นิดหยอดทิ้งท้ายก่อนที่จะส่งชุดคืนให้กับกุ้ง

     กุ้งขอตัวเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนชุด นิดผายมือและชี้ทางไปห้องน้ำให้ “ทางโน้นเลยค่ะคุณวาฬน้อย” กุ้งยิ้มให้แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำจัดการกับตัวเองทันที ไม่นานกุ้งก็แต่งตัวชุดเดิมของตัวเองออกมาและมานั่งที่โซฟา

“กาแฟสักนิดไหมคะ นิดเตรียมไว้ให้แล้ว นี่ค่ะ” นิดส่งให้กุ้ง ไม่รู้ทำไมว่านิดถึงต้องทำแบบนั้น ทั้งๆที่พึ่งรู้จักได้ยังไม่ถึง 24 ชั่วโมง

“ขอบคุณครับ เออ..คุณนิดอยู่เพียงคนเดียวเหรอครับ สังเกตุจากบ้านที่จัดและข้าวของเครื่องใช้” ไม่พ้นสายตานักตกแต่งบ้านอย่างกุ้ง

“ค่ะอยู่คนเดียว แล้วคุณหละ” นิดนั่งพูดคุยเหมือนสนิทกันมาก่อนเลย

“คนเดียวเหมือนกันครับ แล้วคุณทำงานอะไรเหรอครับ ถึงได้ไปเจอผมได้”

“ร้องเพลงค่ะ ก็ในผับที่คุณไปเมาแอ๋นั่นแหละค่ะ คุณยังเซมากอดฉันเลยตั้ง 2 ครั้งแหนะ”

“ผมเนี่ยนะ โอ๊ย งั้น ผมต้องขอโทษคุณนิดอย่างมากเลย ที่ได้เผลอล่วงเกินคุณไปตั้ง 2 ครั้ง”

“ไม่เป็นไรค่ะ นิดไม่ถือ เพราะเมื่อคืนนิดเอาคืนหมดแล้ว” นิดแกล้งแหย่กุ้งเล่น เผื่อจะได้เห็นอะไรดีๆ

“ห๊ะว่าไงนะ เมื่อคืน เออ” กุ้งตกใจจริงๆ นิดมีความสุขมากกับท่าทางเปิ่นๆที่เธออยากเห็นอีกครั้งหลังจากที่กุ้งหงายหลังลงมาเมื่อคืน

“นิดล้อเล่น ไม่มีได้มีการเอาคืนอะไรทั้งนั้นหรอกค่ะ พอลอกคราบเอาชุดที่เปื้อนอ๊วกของคุณออกหมด เปลี่ยนชุดใหม่ให้คุณเสร็จ นิดก็ไปนอนเลยทันที ตี 2 นะคะ ตาปิดไม่ไหวจริงๆ แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปลักหลับคุณหละ อีกอย่างนิดเป็นผู้หญิงนะคะ ไม่หื่น”

“ขอบคุณมากจริงๆเลยนะครับ จากใจจริงเลย ทั้งๆที่เราก็ไม่เคยรู้จักกัน ถามจริงๆ ทำไมคุณถึงกล้าช่วยผม ไม่กลัวว่าผมจะกลับมาทำร้ายคุณภายหลังเมื่อผมมีสติเหรอครับ” กุ้งตัดสินใจถามนิดไปตรงๆ นี่แหละนิสัยดั้งเดิมของกุ้ง ตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม         

“ไม่รู้ซิ เพราะเท่าที่สังเกตุและดูคุณมาตั้งนาน ตั้งแต่ที่คุณให้ดอกกุหลาบนิด ขึ้นมาร้องเพลง และสุดท้ายให้ติ๊บเด็กเสริฟ์ นิดจึงฟันธงได้เลยว่าคุณเป็นคนดี ไม่มีพิษมีภัยกับใคร และนิดก็คิดถูก ขอบคุณนะคะที่ไม่ทำอะไรนิด ไม่ฉวยโอกาสทั้งๆที่คุณก็มีโอกาสสามารถทำได้ อย่างเช่นตอนนี้ ถ้าคุณคิดจะปล้ำและทำร้ายนิด นิดก็คงไม่สามารถที่จะป้องกันตัวเองได้ คงต้องเสียตัวและเป็นเมียคุณไปแล้วโดยปริยาย จริงไหมคะ” นิดพูดออกมาจากใจจริง นี่หละมั้งถึงทำให้หัวใจของสาวนิดพองโตขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว พูดไปหน้าก็แดงเรื่อๆ

     กุ้งไม่ทันสังเกตุ เพราะนิดแอบหันหน้าหลบกลัวกุ้งจะสังเกตุเห็น ยังไงเธอก็ยังคือผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งยังมียางอายเหลืออยู่บ้าง ถึงจะเก่งและกล้ายังไง เธอก็คือต้องเก็บอาการไว้บ้าง “แล้วคุณกุ้งทำงานอะไรอยู่ค่ะตอนนี้”

“สถาปนิก นักออกแบบบ้านครับ” กุ้งตอบแบบนิ่มๆพร้อมกับยกกาแฟซดเบาๆ

“ดีจัง ทำกับบริษัท หรือฟรีแลนด์ค่ะ” นิดเริ่มชอบกุ้งขึ้นมาแล้วเมื่อได้คุยและรู้จักกุ้งมากขึ้น

     อาจจะเป็นเพราะความสุภาพของกุ้งด้วยก็ได้ จึงทำให้เธอไม่รู้สึกว่า กุ้งเป็นคนอื่นหรือเพื่อนใหม่ที่พึ่งได้รู้จัก เหมือนคนที่สนิทกันมาหลายปีแล้วมากกว่า “ส่วนตัว เข้าหุ้นกับเพื่อนครับ แต่ผมไม่ได้บริหารหรือเป็นคนรับงานนะ ส่วนใหญ่เพื่อนจะเอางานมาโยนให้มากกว่า เพราะจริงๆแล้วผม..” กุ้งนึกขึ้นได้ ยังมาอยากบอกอะไรนิดไปมากกว่านี้ เพราะพึ่งจะรู้จักกัน เอาไว้แค่นี้ก่อนดีกว่า

“ผมเห็นทีจะต้องไปแล้วหละครับ รบกวนคุณนิดมานานแล้ว ต้องกลับไปเอารถที่ผับนั่นอีก ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างที่ทำให้ผมนะครับ เอาไว้มีโอกาสแล้วผมจะแวะไปฟังคุณร้องเพลงที่นั่นอีก”

     กุ้งเก็บของว่าลืมอะไรไหมไปด้วยขณะที่ร่ำลานิด โทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์และกุญแจรถ เมื่อครบก็เงยหน้าขึ้นมา จมูกของเธอชนกับจมูกของกุ้งเข้าอย่างจัง สองคนจ้องกันอยู่สักพัก ไม่รู้เป็นเพราะบรรยากาศพาไปด้วยรึเปล่า จึงทำให้ทั้งสองคนเคลิ้มไปชั่วขณะ

     นิดหลับตาพริ้ม กุ้งค่อยๆเลื่อนปากกำลังจะปะกบปากนิดอยู่แล้ว กาน้ำที่นิดตั้งเอาไว้เดือด ร้องเสียงดังขึ้นมาพอดี <วู๊ดๆ> ทั้งสองคนหลุดออกจากภวังค์ เลยทำตัวไม่ถูกกันเลย เพราะหน้าของทั้งสองคนอยู่ติดกัน จนกุ้งต้องผละออกมาเอง

“ขอ ขอโทษครับ ผมคงต้องไปจริงๆแล้ว ขอบคุณครับ” กุ้งรีบเดินเปิดประตูออกไปทันที นิดตะโกนตามหลังออกไป

“แล้วนิดจะรอคุณนะคะกุ้ง” พอประตูปิด นิดก็เหมือนใจจะขาด ไม่รู้ทำไมใจถึงเป็นเช่นนั้น ทั้งๆที่พึ่งเจอเขาและพูดคุยกันได้ไม่กี่ชั่วโมงเอง “นิดจะรอคุณนะคะกุ้ง นิดจะรอ” นิดเดินไปเปิดผ้าม่านที่หน้าต่างหน้าบ้านดู กุ้งโบก Taxi และขึ้นรถไปเรียบร้อยแล้ว

+++++ ****** +++++

    โรสนั่งเหม่อลอยอยู่แบบนี้มาหลายวันแล้ว หลังจากที่กุ้งเอากระเป๋าสตางค์มาคืนให้ แม่นมกับพิณสังเกตุอาการมานานแล้ว โรสอุตส่าห์ลุกมาทำขนมอร่อยๆ ไม่ว่าจะคุ๊กกี้ ขนมปังไส้สับปะรด ตลอดไปจนถึงพายข้าวโพดและสุดท้าย เยลลี่รวมรส แม่นมไม่เคยที่จะเห็นลูกสาวตัวเองมีอาการแบบนี้มาก่อนเลย ครั้งนี้แหละที่หนักสุดเท่าที่เจอมา แต่จะทำยังไงได้มันต้องรอเวลาและปาฏิหาริย์จริงๆที่จะสามารถมาเยียวยาอาการนี้ของโรสได้ โรสได้แต่นั่งมองประตูบ้านว่าเมื่อไหร่ กุ้งจะเดินมากดกริ่งให้เห็นหน้าอีกสักครั้งก็ยังดี

***** ฿฿฿฿฿ *****

     วันนี้พอมีนักศึกษาออกมาเดินบ้าง เพราะเริ่มมาเรียนกันบ้างแล้วหลังจากปิดไปหลายวัน โกร๋นคิดว่าวันนี้คงจะค่ากับข้าวให้กับตัวเองและยายบ้าง เพลินพิศ (น้อง) นักศึกษาสาวชาวใต้ เมืองนครศรีฯ วัย 18 ปี ที่ต้องเดินผ่านร้านของโกร๋นเสมอ เพราะเป็นทางผ่านเพื่อไปเรียน วันนี้เธอมารอเพื่อน เพราะจะรีบไปธุระที่ไหนไม่รู้ มายืนรอเพื่อนแถวๆหน้าร้านของโกร๋นนานแล้ว ไม่รู้ว่าเพื่อนไปไหน เพราะเพื่อนกำลังสอบถามราคาชุดนักศึกษาร้านโกร๋นอยู่ โกร๋นจะขายได้อยู่แล้ว จู่ๆน้องก็มาลากเพื่อนออกไปเฉยเลย เมื่อเจอตัว ทำให้โกร๋นชวดเงินไปเลยหลายร้อย จึงทำให้โกร๋นจำน้องขึ้นใจ

..... +++++ .....

     เมฆนั่งทำงานอยู่ คิดไปคิดมาก็ไม่สบายใจเรื่องเพื่อน เพราะแผลนี้มันลึกเกินกว่าจะเยียวยาและบรรเทาให้เบาบางลงได้ จึงโทรหามอญ เมฆก็ยังไม่รู้ว่าดาวอยู่กับมอญ เพราะตั้งแต่แยกย้ายกันทำงานก็ไม่ได้เจอกันเลย ประกอบกับมอญอยู่เมืองนอก เมฆอยู่ทางนี้จึงไม่รู้ข่าวคราวเรื่องครอบครัวของแต่ละคน มอญออกไปซื้อของเพื่อมาตกแต่งบ้านต่อ หลังจากเสร็จกิจกามกับเมียตามปกติเหมือนทุกวัน เขาลืมวางโทรศัพท์ไว้ในรถขณะที่เดินออกไปดูของจนเพลินใจ เมื่อติดต่อไม่ได้ ตกเย็นเมฆเลยขับรถไปหามอญเองเลยที่บ้านทันที เมฆจอดรถหน้าบ้าน เปิดประตูลงมาจากรถ มองดูรถของมอญไม่อยู่ จึงเปิดประตูรั้วเข้าไป เมฆเดินขึ้นไปรอเพื่อนบนบ้าน

     ที่เมฆเข้าบ้านมอญได้ เพราะเพื่อนทุกคนจะมีกุญแจบ้านของทุกคนในกลุ่ม ดาวยังนอนไม่เต็มอิ่ม เพราะเมื่อกี้พึ่งเสร็จกิจกามกับผัวเลยนอนต่อ เสื้อผ้าเลยยังไม่ได้ใส่ วันนี้เป็นเย็นวันศุกร์ เมฆจึงเลิกงานได้เร็วเพราะอยากพักผ่อนไว เสียงเดินขึ้นบันไดดังกุกกักดังขึ้น เลยทำให้ดาวลุกขึ้นมาจากเตียง นึกว่าผัวกลับมาแล้ว จึงเดินแก้ผ้าเปลือยออกมา เพราะธรรมดาก็อยู่กันสองคน จึงไม่ได้เฉลียวใจ

“ที่รักกลับมาแล้วเหรอคะ ผัวขา” เมฆต้องตกใจเมื่อเห็นดาวที่นี่และในสภาพเปลือยล้อนจ้อนขนาดนั้น ดาวตกใจมากที่เห็นเมฆอยู่ตรงหน้า อายก็อาย เพราะอยู่ในสภาพนั้น จึงรีบวิ่งเข้าห้องหยิบเสื้อคลุมเอามาใส่แล้วก็เดินออกมาอีกครั้ง

“พี่เมฆ พี่มาที่นี่ได้ยังไง” ดาวมองส่ายสายตาออกไป เผื่อมีใครจะเดินตามขึ้นมาอีก

“ดาวมองหาใคร ไม่มีแล้ว” เมฆสงสัยว่าดาวหาอะไร

“พี่กุ้งหละ พี่กุ้งผัวหนูมาหรือเปล่า พี่กุ้ง พี่กุ้ง” ดาวเผลอตัวหลุดคำนั้นออกมา

“ไม่มา พี่มาคนเดียว” ดาวผิดหวังนึกว่าจะพบกุ้งอีกครั้งในตอนนี้

“แล้วดาวมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง พี่ต่างหากที่ควรจะถามดาว” เมฆเขย่าตัวดาวอย่างแรงเพื่อเตือนสติ สักพักดาวหลุดจากภวังค์เรื่องกุ้ง

“นี่บ้านผัวหนูแล้วพี่หละเข้ามาได้ยังไง” ดาวถอยกรูดออกมาจากอ้อมแขนเมฆ

“นี่ดาวอย่าบอกนะว่า ดาวเป็นเมียไอ้มอญเพื่อนพี่หนะ”

“อะไรนะ ไอ้มอญเป็นเพื่อนพี่เหรอ เป็นไปไม่ได้ ทำไมโลกมันช่างบ้าบอ เล่นตลกอะไรกับหนูได้ถึงปานนี้”

     ดาวสับสน เดินถอยหลังออกไปจนพิงข้างฝาและเหลือบไปเห็นรูปถ่ายของทั้ง 4 คนที่ยืนกอดคอกันอยู่ที่เมืองกาญจน์ ในนั้นก็มีรูปดาวปนอยู่ด้วยไกลๆ ไม่ชัดเท่าไร ดาวจำสถานที่นี้ได้ จึงหันไปดูภาพนั้นชัดๆอีกครั้ง

“เป็นไปไม่ได้ ไอ้มอญเป็นเพื่อนพี่ งั้น พี่กุ้ง พี่กุ้งก็ต้องเป็นเพื่อนมันด้วยนะซิ ไม่จริง มันต้องไม่จริง ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องนี้”

     ดาวทรุดตัวนั่งลงกับพื้นบ้านพร้อมกับกำกำปั้นทุบลงไปอย่างแรง และนั่งก้มหน้าร้องไห้

“พี่กุ้ง ดาวขอโทษ ดาวผิดไปแล้ว พี่กุ้งยกโทษให้ดาวด้วยนะพี่นะ”

“นี่ดาวจำไอ้มอญไม่ได้เหรอ” เมฆยืนถามขณะที่ดาวกำลังร่ำไห้

“ก็จำไม่ได้นะซิ ไม่ใช่จำไม่ได้ ไม่รู้จักด้วยซ้ำ วันที่ไปเที่ยวกันครั้งสุดท้ายหนูก็อยู่แต่ในเต้นท์ เอากับพี่กุ้งอยู่แค่เพียงสองคนเท่านั้น”

“เป็นไปไม่ได้ 3 วัน 3 คืน ขนาดนั่งล้อมวงเล่นแค้มป์ไฟกัน ดาวก็จำไม่ได้เหรอ” เมฆพยายาม รวบรวมความจำดาว

“ก็บอกว่าจำไม่ได้ไงพี่ หนูจำผัวหนูได้แค่คนเดียวเท่านั้น ขนาดพี่ เท่าที่หนูจำได้ ก็เป็นวันที่ หนูมาลาพี่กุ้งเมื่อ 5 ปีที่แล้วเท่านั้นเอง”

   มอญเดินเข้ามาพอดี เห็นรถเมฆ จึงยิ้มและเดินขึ้นมา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นดาวยืนจ้องหน้าเขาอยู่และชี้นิ้วด่าทันที

“ไอ้มอญ ทำไมมึงไม่บอกกู ว่ามึงเป็นเพื่อนพี่กุ้ง 2 ปีเต็มๆที่มึงปิดหูปิดตากูมาตลอด เลวมากเลยนะมึง กูเกลียดมึง”

“เออ ทำไม กูปิดมึง ก็เพราะกูหวังว่ามึงจะลืมไอ้กุ้งได้ อีกอย่างมึงก็แต่งงานมีผัวมาตั้งกี่คนแล้ว กว่าจะตกมาถึงกูเนี่ย ตั้งแต่ตอนที่มึงอยู่ที่เมืองนอกหนะ กูคิดว่ามันก็ไม่น่าจะผิดหรือเกี่ยวอะไรที่กูจะล่อมึงเอามึงมาทำเมีย เพราะมึงกับไอ้กุ้งก็ขาดกันตั้งนานแล้ว”

“ไอ้เหี้ย มึงนี่เลวมาก เมียเพื่อนมึงก็ยังเอา ปีกว่า กูเป็นเมียพี่กุ้งมา ปีกว่าเต็มๆเกือบ 2 ปี มึงยังกล้าไอ้เหี้ย กูเกลียดมึงไอ้มอญ”

     ดาวระเบิดอารมณ์ออกมาแล้วเดินตรงไปหมายจะตบหน้ามอญ แต่เมินซะเถอะ มอญรู้ว่าดาวจะทำอะไร จึงปัดมือปัดแขนแล้วผลักดาวจนล้มลงไป ง้างมือจะตบ เมฆวิ่งเข้าไปดึงมือห้ามเอาไว้

“เฮ้ยใจเย็นไอ้มอญ ยังไงตอนนี้ดาวมันก็เป็นเมียมึงนะ อยู่กินกันมาก็ตั้ง 2 ปีแล้ว เชื่อกู มานี่” มอญชี้หน้าดาว

“เอ้อ เชิญเกลียดไปเลย ตลอด 2 ปีที่กูอยู่กับมึงคิดเหรอว่ากูมีความสุข กูอยู่ที่นั่นก็ไม่ได้เอาอะไรจากที่นี่ไป ความทรงจำของเมืองไทยของกูมันอยู่ในลังที่กูเก็บเอาไว้ก่อนที่กูจะไปเรียนต่อที่เมืองนอก มึงถึงไม่รู้ไงว่า กูเป็นเพื่อนกับไอ้กุ้งหนะ กูหนะจำมึงได้ แต่มึงเองหละที่เงี่ยนและร่านไปทั่ว จนจำใครไม่ได้เอง แล้วจะมาโทษกูได้ยังไง ว่ากูเลว กูผิด ห๊า..โธ่เว๊ย” ดาวมองหน้ามอญแบบเกลียดสุดๆ

“อย่านะมึง อย่าให้กูขึ้น กูทนมึงมานานแล้ว” เมฆลากมอญลงมาจากบ้านแล้วพาขึ้นรถไปเลย ปล่อยให้ดาวนั่งเสียใจอยู่คนเดียว

>>>>> ***** <<<<<

“ไงเพื่อน ทำไรอยู่” เอียดออกมาเดินเล่นกับเพื่อนนอกตัวบ้านหลังเลิกงาน เพราะช่วงนี้นุ่นยังไปไหนไม่ถูก จึงมาหาเพื่อนที่บ้าน

“กำลังออกแบบบ้านหลังใหม่ และกะว่าจะทำเป็นออฟฟิตไปในตัวด้วย” นุ่นนั่งๆเขียนๆลบ เอียดยังไม่ได้สนใจอะไรเท่าใด

“แล้วอีตาพี่สิงห์ของเธอ เป็นไงบ้าง ยังมาตอแยอะไรเธออีกไหม” นุ่นไม่ถูกใจแบบก็เลยขยำกระดาษทิ้งและวางลงข้างๆ

“ไม่ได้สนใจ ไม่รู้เหมือนกัน นี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าหายหัวไปไหน แรกๆก็เห็นมานะ วันสองวันแรก แต่เนี่ย 3 วันแล้วมั้งที่ฉันไม่เห็น ช่างเถอะ จะไปตายโหงตายห่าที่ไหนก็ไปเถอะ อย่าพูดถึงเค้าเลย ฉันไม่ชอบ อารมณ์กำลังดี จะพาลเสียเอาเปล่าๆ”

“ขอโทษนะเพื่อน ก็เห็นว่าเป็นถึงคู่หมั้นกัน ก็นึกว่าเค้าจะมาพาแกออกไปเที่ยวไหนบ้างก็เท่านั้น เห็นพ่อแม่แก หมายมั่นปั้นมือออกซะขนาดนั้น เออแล้วไหนหละแหวนหมั้น ฉันไม่เห็นแกใส่เลย ฉันเลยไม่รู้ว่าแกหมั้นแล้ว”

“ไม่หละ ถ้าฉันไม่ชอบ ฉันก็ไม่ใส่” นุ่นยืนขึ้นและเดินไปช้าๆ

“อ้าว แล้วพ่อแม่แกไม่ว่าเหรอ เขาถือนะ” เอียดลุกขึ้นและเดินตามไปไขข้อข้องใจต่อ

“ไม่หรอก ฉันบอกไปแล้วว่า อย่ามาบังคับกัน ทำไมต้องใส่ แค่หมั้นให้ก็บุญนักหนาแล้ว ถ้าบังคับกันมากๆฉันจะขอถอนหมั้นเลยคราวนี้ พ่อแม่ฉันจึงยอม เรื่องแหวน สำหรับฉันนะเอียด แหวนที่นิ้วนางเนี่ย คนที่จะใส่ มันต้องเป็นคนที่เรารักและรักเรา อยากอยู่ด้วยจริงๆเท่านั้น จริงไหมเพื่อน แกคิดอย่างฉันไหม คนเราถ้าไม่รักกัน จะมาผูกติดกันไว้ทำไมกับคำสัญญาที่ไม่มีจริง”

“มันก็จริงนะ แกพูดถูก ฉันก็เหมือนกัน ถ้าจะสวมแหวน มันก็ต้องมาจากคนที่เรารักและรักเรา อยู่ด้วยกันมันถึงจะมีความสุข”

“ไป เข้าข้างในดีกว่า เย็นแล้ว ปาดนี้ข้างในเตรียมมื้อค่ำเสร็จแล้วมั้ง” แล้วทั้งสองคนก็เดินกลับเข้าไปทานอาหารภายในบ้าน

****** ----- *****

     เมฆขับรถมาจอดที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง มอญเปิดประตูรถออกมาหลังจากที่นั่งนิ่งเอาหัวพิงพนักพิงมาตลอด แล้วตะโกน

“โว๊ย..” เมฆไม่รู้จะเริ่มยังไงจึงยิงคำถามตรงๆที่อยากรู้ไปก่อน

“มึงทำลงไปได้ยังไงวะไอ้มอญ ถึงดาวมันจะเลิกกับไอ้กุ้งไปแล้ว แต่ถึงยังไงนั่นมันก็อดีตเมียเพื่อน มึงรู้มึงจำได้ ทำไมมึงถึง..”

     เมฆไม่อยากจะพูดคำนั้น แต่มอญพูดออกมาเอง “เอามันทำเมียใช่ไหม”

“เออ..ก็ทำนองนั้นแหละ” เมฆตะโกนออกไป มอญหันมา “ทีแรกกูก็ไม่คิดจะเอามันมาทำเมียหรอก เพราะพวกเราเคยสัญญากันไว้ กูยังจำได้ ถ้าอะไรที่เคยเป็นของใครในกลุ่ม พวกเราจะไม่แตะและเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แต่พอนานๆไปดาวมันเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตกูมากจนกูเผลอและลืมตัว มารู้ตัวอีกทีมันก็มานอนกก นอนกอด มาให้กูล่อไปแล้ว มึงจะให้กูทำยังไงกะมันหละวะ”

“แล้วทำไมมึงไม่บอกมันไปตั้งแต่เจอกันครั้งแรกหละวะไอ้มอญ”

“ก็ตอนนั้นกูไม่คิดว่า กูจะได้กลับมาเมืองไทยและอีกอย่างกูไม่คิดว่ามันจะเลยเถิดมาจนถึงขนาดนี้ พอกูได้มัน กูก็เลยตัดใจไม่บอกซะดีกว่า เพราะขืนถ้าบอกออกไป มึงก็เห็นแบบเมื่อกี้แหละ ดาวมันไม่เปิดโอกาสให้กูบอกมันเลย เจอกันมันก็กอด เจอกันมันก็จูบ สุดท้ายก็จบลงบนเตียง กูยอมรับว่ากูอึดอัดเวลาที่กูเจอไอ้กุ้ง กูถึงพยายามหลบหน้ามันอยู่ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ กูก็จะไม่เจอมัน เพราะกูไม่รู้จะบอกมันเรื่องนี้ยังไง ทุกวันนี้กูก็กลุ้มจะตายห่าอยู่แล้ว กูยอมรับว่ากูพลาด พลาดแบบไม่น่าให้อภัยเลย มึงเข้าใจกูป่าววะไอ้เมฆ ว่ากูไม่ได้มีเจตนาที่จะแทงเพื่อนข้างหลังเลย” เมฆเดินเข้ามาเกาะไหล่เพื่อนทางข้างหลัง

“เออ กูเข้าใจมึง แล้วกูจะหาเวลาว่างอธิบายให้ไอ้กุ้งมันเข้าใจเอง กูเชื่อว่าไอ้กุ้งมันต้องเข้าใจเหมือนกูเข้าใจนี่แหละ ว่ามึงไม่ได้ตั้งใจและเจตนาที่ทำแบบนั้นลงไป มันก็จริงอย่างที่มึงบอกนั่นแหละ 5 ปีแล้วที่ดาวมันหนีและหักอกไอ้กุ้งไป มันขาดกันไปนานแล้ว มึงไม่ผิดหรอกที่ได้มันเป็นเมีย ที่กูมาวันนี้ก็จะมาพูดเรื่องนี้แหละ ดันมาเจอตัวต้นตอที่นี่พอดี กูก็เลยไปไม่ถูกเหมือนกัน นี่ถ้าไอ้กุ้งมันรู้ว่าดาวกลับมาแล้ว และอยู่กับมึงด้วย กูไม่รู้เหมือนกันว่า อะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องปล่อยไป ค่อยๆคิด ค่อยๆทำนะเพื่อน รู้อย่างนี้แล้ว มึงจะเอายังไงต่อวะเพื่อน” เมฆยืนเอามือโอบคอเพื่อนไว้ และตบไหล่เพื่อนเบาๆ

“กูก็ยังไม่รู้เลย ไม่รู้ว่ากลับบ้านไปเนี่ย อีนังเมียตัวดีกู จะยังอยู่ไหมหรือแล่นไปหาไอ้กุ้งที่บ้านแล้วก็ไม่รู้”

“คงเจอหรอก มึงก็รู้ว่าไอ้กุ้งมันขายบ้านหลังนั้นไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ไอ้ดาวหนีไป”

“เออ กูก็ลืมไป วันนั้นมันยังไปนอนวัดกับไอ้โกร๋นเลย”

“ช่างเถอะ สบายใจขึ้นหรือยังวะไอ้เพื่อนยาก

“ก็นิดหน่อย กูว่าเราไปหาอะไรแดกให้มันผ่อนคลายดีกว่าปะ เดี๋ยววันจันทร์นี้กูก็จะได้เริ่มไปทำงานเสียที คงอีกนานกว่าที่พวกเราจะมีเวลาได้เจอกันแบบนี้อีก ไป” ว่าแล้วทั้งสองคนก็เดินกอดคอกันไปหาของมึนเมากระแทกปากกันเพียงสองคน

///// +++++ /////

     เมื่อมีสติฟื้นกลับมา ดาวจึงรีบแต่งตัวและขับรถของมอญไปหากุ้งที่บ้านเก่าจริงๆ เพราะดาวนึกว่ากุ้งยังอยู่ที่นั่น จึงรีบมาหาหวังจะมาขอความเห็นใจและคืนดีเพื่อขอกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง จึงลงรถและมากดออดหน้าบ้านพร้อมรอยยิ้มกับความหวัง เมื่อคนที่โผล่หน้าออกมาไม่ใช่กุ้ง ดาวก็ต้องพบกับความผิดหวังเพราะเจ้าของบ้านคนใหม่ที่อยู่ไม่ใช่กุ้ง กับกลายเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ 

“มาหาใครค่ะ คุณมาดูซิว่าใครมากดออดที่หน้าบ้าน ญาติหรือเพื่อนคุณรึเปล่า”

“ไม่รู้ซิ ไป เราไปดูกัน” แล้วผัวเมียทั้งสองคนจึงเดินออกมาดู เนื่องจากมันมืดแล้วไฟหน้าประตูไม่มี จะมีก็แต่ไฟหัวเสา

     พอมาถึงก็เห็นหน้าดาวชัดๆ ผู้ชายจึงถาม “ขอโทษมาหาใครเหรอครับ” ดาวยิ้มนิดๆเพราะนึกว่าคงเป็นญาติของกุ้ง

“พี่กุ้งค่ะ พี่กุ้งเจ้าของบ้านนี้หนะ อยู่ไหม หนูเป็นเมียพี่กุ้ง พอดีพึ่งกลับมาจากออสเตรเลีย อยู่ไหมคะ” สองผัวเมียงง

“ไม่มีนะครับคนชื่อกุ้ง ผมอยู่ที่นี่มาก็ 5 ปีแล้ว ไม่มีแน่นอนครับ คุณจำบ้านผิดหรือเปล่า” ดาวตกใจมาก

>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<

โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 4 .. “ ความรักที่งอกงาม ”

 ตอนที่ 3 .. “ ภาษาใจ ”

Romance Fiction - นิยายรัก / รักโรแมนติก

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.