บทที่ 32: ความขัดแย้ง

-A A +A

บทที่ 32: ความขัดแย้ง

ความเงียบที่ตามมาหลังคำกระซิบของโอไรออนนั้นหนักอึ้งยิ่งกว่าแรงกดดันใดๆ ที่พวกเขาเคยเผชิญในสงครามกับเดลต้า มันคือความเงียบที่เกิดจากการพังทลายของความเชื่อพื้นฐานที่ค้ำจุนโลกทั้งใบของพวกเขามานานนับศตวรรษ... ความเชื่อที่ว่าพวกเขาคือมนุษย์กลุ่มสุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่
ไลราเป็นคนแรกที่แสดงปฏิกิริยา เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว มือข้างหนึ่งยกขึ้นทาบที่หน้าอก ราวกับจะหยุดยั้งหัวใจที่เต้นระรัว "ฉัน... ฉันรู้สึกได้" เธอกระซิบ "มันไกลมาก... และอ่อนแรง... แต่... มันคือ 'สัมผัส' เดียวกันกับพวกเรา... หัวใจที่กำลังเต้น... อย่างโดดเดี่ยว... แต่ก็เต็มไปด้วยความหวัง"
ร่างโฮโลแกรมของเควินที่นั่งนิ่งอยู่ตลอด สั่นไหวเล็กน้อยขณะที่เขารันการตรวจสอบข้อมูลซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นรอบที่ร้อย "ข้อมูลถูกต้อง 99.98%" เสียงสังเคราะห์ของเขายืนยันความจริงอันน่าเหลือเชื่อ "รูปแบบของสัญญาณสอดคล้องกับรูปแบบคลื่นสมองของมนุษย์ที่กำลังส่งข้อความขอความช่วยเหลือ... มีคน... อยู่ข้างนอกนั่นจริงๆ"
แต่ลีน่ากลับไม่ได้แสดงความตกตะลึงออกมา เธอไม่ได้มองไปที่จอข้อมูล ไม่ได้สนใจเสียงของเพื่อนร่วมทีม แต่สายตาของเธอกลับจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกบานใหญ่... จ้องมองไปยังกำแพงเมืองที่ทอดตัวยาวสุดขอบฟ้า... กำแพงที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของความปลอดภัย บัดนี้กลับให้ความรู้สึกเหมือนกรงขัง แววตาที่เคยเหนื่อยล้าจากการประชุมสภาที่ไร้จุดจบ บัดนี้กลับลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งด้วยไฟดวงเดิม... ไฟของนักสู้... ของนักสำรวจ
เธอหันกลับมาเผชิญหน้ากับทีมของเธอ... เผชิญหน้ากับร่างโฮโลแกรมของเควิน แววตาของเธอแน่วแน่และเด็ดเดี่ยวอย่างที่สุด
"เควิน" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบแต่ทรงพลัง "เรียกประชุมสภาเฉพาะกิจฉุกเฉิน... เดี๋ยวนี้"

คำสั่งของลีน่าที่ให้เรียกประชุมสภาเฉพาะกิจฉุกเฉินนั้น เปรียบเสมือนการจุดระเบิดใจกลางดุษฎีนครที่เพิ่งจะเริ่มเรียนรู้ที่จะสงบสุขอีกครั้ง ข่าวการค้นพบ "สัญญาณ" จากโลกภายนอกแพร่กระจายไปทั่วทุกสถาบันเร็วยิ่งกว่าไวรัสคอมพิวเตอร์ และมันก็ได้ฉีกกระชากสันติภาพที่เปราะบางนั้นออกเป็นชิ้นๆ
ห้องประชุมสภาปัญญาที่เคยเงียบเหงา บัดนี้กลับมาร้อนระอุยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ร่างโฮโลแกรมของเหล่าด็อกเตอร์จากทุกแขนงปรากฏขึ้นเต็มทุกที่นั่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงฮือฮาและความไม่เชื่อถือ
"มันบ้าสิ้นดี! เป็นไปไม่ได้!" ดร. เอริส ผู้นำกลุ่มฟื้นฟู (The Restorationists) ทุบโต๊ะโฮโลแกรมด้วยตรรกะที่เย็นชาของเขา "ตลอดประวัติศาสตร์ของเรา เราถูกสอนว่าโลกภายนอกคือสุสาน! สัญญาณที่ว่านี้มีความน่าจะเป็นสูงถึง 97.8% ที่จะเป็นกับดัก! อาจจะเป็นเทคโนโลยีเก่าแก่ของผู้สร้างที่ทำงานผิดพลาด หรือเลวร้ายกว่านั้น... อาจจะเป็นเสียงเรียกของ 'เดลต้า' ที่ยังหลงเหลืออยู่เพื่อล่อลวงให้เราเปิดประตูเมือง!"
เขาจ้องมองมาที่ลีน่าด้วยสายตาที่ตำหนิ "ภารกิจของเราคือการฟื้นฟูเมืองให้กลับสู่เสถียรภาพที่สมบูรณ์แบบ! ไม่ใช่การส่งคนที่เราเก่งที่สุดและทรัพยากรที่ล้ำค่าที่สุดออกไปตายในดินแดนรกร้างที่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยแม้แต่น้อย! นี่คือการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองและไร้ความรับผิดชอบที่สุด!"
"แต่ถ้ามันคือความจริงล่ะ ดร. เอริส!" ตัวแทนจากกลุ่มมนุษยนิยม (The Humanists) แย้งกลับอย่างเผ็ดร้อน "ถ้ามีพี่น้องของเรารอคอยความช่วยเหลืออยู่ข้างนอกนั่นจริงๆ ล่ะ? การขังตัวเองอยู่ในความปลอดภัยจอมปลอมไม่ใช่การกระทำที่มีจริยธรรม แต่มันคือความขี้ขลาด! เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ได้มีไว้เพื่อขังตัวเองอยู่ในกรงทองนะ เรามีไว้เพื่อสำรวจ!"
ท่ามกลางความโกลาหลนั้น ดร. ศิลา ยืนขึ้นอย่างสงบ ดินยังคงติดอยู่ที่ปลายเล็บของเขา "ผมสงสัยว่า... ทำไมเราต้องรีบร้อนมองออกไปข้างนอก ในเมื่อปัญหาที่แท้จริงยังคงอยู่ 'ข้างใน' นี้" เขากล่าวพลางกวาดสายตาไปรอบห้อง "เราเพิ่งจะได้อิสรภาพกลับคืนมา แต่เรากลับโหยหาที่จะเชื่อมต่อกับระบบอื่นอีกแล้วหรือ? บางที... สิ่งที่เราควรจะค้นหา ไม่ใช่สัญญาณจากที่ไหนก็ไม่รู้ แต่มันคือการเชื่อมต่อกับผืนดินที่เรายืนอยู่ต่างหาก"
คำพูดของเขาทำให้หลายคนต้องนิ่งเงียบไป มันคือคำถามที่แทงใจดำของนครที่เพิ่งจะเริ่มเรียนรู้ที่จะ "รู้สึก" อีกครั้ง
การต่อต้านไม่ได้อยู่แค่ในสภา บนดาดฟ้าตึก DIAS of Applied Botany ที่ซึ่งเคยเป็นสวรรค์ของ ดร. ศิลา บัดนี้กลับมีป้ายโฮโลแกรมต่อต้านภารกิจนี้ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด "ซ่อมท่อก่อน อย่าเพิ่งไปนอกโลก!" ป้ายหนึ่งเขียนไว้ "ประสิทธิภาพต้องมาก่อนการผจญภัย!" อีกป้ายหนึ่งประกาศกร้าว
ลีน่าต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลจากทุกทิศทาง เธอคือวีรสตรีผู้ปลดแอก แต่ตอนนี้เธอกำลังจะทำในสิ่งที่หลายคนมองว่าโง่เขลาและอันตรายที่สุด... การเปิดประตูที่ไม่เคยมีใครกล้าเปิดมาก่อน

เธอเดินฝ่าฝูงชนที่มองมาด้วยสายตาหลากหลาย ทั้งชื่นชม, ตำหนิ, และหวาดกลัว กลับขึ้นมายังหอดูดาว ที่ซึ่งกลายเป็นทั้งที่ทำงานและที่หลบภัยเพียงแห่งเดียวของเธอในเมืองที่กำลังแตกแยกแห่งนี้ ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ความเงียบสงบของห้องบัญชาการก็โอบล้อมเธอไว้ ตัดขาดจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์เบื้องล่าง มันคือความเงียบที่ทำให้เธอได้ยินเสียงความคิดของตัวเองชัดเจนขึ้น
เธอยืนอยู่เบื้องหน้าหน้าต่างกระจกบานใหญ่ มองลงไปยังเมืองที่เธอช่วยชีวิตไว้... และตอนนี้กลับกำลังจะฉีกตัวเองออกเป็นเสี่ยงๆ เพราะเธอ ร่างโฮโลแกรมของเควินปรากฏขึ้นข้างๆ อย่างเงียบเชียบ เขากำลังยืนมองภาพเดียวกับเธอ
"ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่"
เสียงของเควินดังขึ้น "คุณกำลังคำนวณความเสี่ยง... เหมือนที่ ดร. เอริส ทำ"
"ฉันต้องทำ" ลีน่าตอบโดยไม่ละสายตาจากเมืองเบื้องล่าง "ฉันคือผู้นำ ความปลอดภัยของคน 120 ล้านชีวิตอยู่ในมือของฉัน การตัดสินใจที่ผิดพลาดเพียงครั้งเดียว..."
"แล้วการ 'ไม่ตัดสินใจ' ล่ะ?" เควินถามสวนขึ้นมา "นั่นไม่ใช่ความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหรอกหรือ? การปล่อยให้คำถามที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของเราลอยอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดจะหาคำตอบ... การเลือกที่จะอยู่ในความมืดต่อไปทั้งๆ ที่มีคนจุดคบเพลิงให้แล้ว... นั่นคือสิ่งที่บรรพบุรุษของเราต้องการหรือเปล่า?"
คำถามนั้นแทงใจดำของลีน่าอย่างจัง...
"พวกเขาไม่ได้สร้างเมืองนี้ขึ้นมาเพื่อซ่อนตัว เควิน" เธอพูดกับตัวเองเบาๆ "พวกเขาสร้างมันขึ้นมาเพื่อ 'รักษา' ปัญญาของมนุษย์เอาไว้... และปัญญาที่แท้จริง... คือการแสวงหาความจริง... ไม่ใช่การหลบหนีจากมัน"
ความลังเลในแววตาของเธอค่อยๆ จางหายไป... ถูกแทนที่ด้วยความแน่วแน่ที่เยือกเย็น... เธอตัดสินใจได้แล้ว
เธอหันกลับมาจากหน้าต่าง มาเผชิญหน้ากับแผนที่โฮโลแกรมที่แสดงจุดแสงเล็กๆ นอกกำแพงนั้นอีกครั้ง
"เควิน" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด "ร่างแผนการจัดตั้งทีมสำรวจเบื้องต้น... คำนวณทรัพยากรที่จำเป็นทั้งหมด... และส่งรายชื่อบุคลากรที่เหมาะสมที่สุดมาให้ฉัน... เริ่มจาก ดร. เร็กซ์ ที่สถานีบำรุงรักษา"
การรอคอย... ได้สิ้นสุดลงแล้ว
การเดินทาง... กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริง
แต่การจะก้าวเท้าออกไปสู่โลกที่ไม่รู้จักเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์นั้น ไม่ใช่แค่การเปิดประตูแล้วเดินออกไป มันคือการต่อสู้กับศัตรูที่มองไม่เห็นซึ่งน่ากลัวกว่าเดลต้าเสียอีก... นั่นคือความกลัวและความลังเลที่อยู่ในใจของคน 120 ล้านคน
การตัดสินใจของลีน่าได้จุดไฟแห่งความขัดแย้งให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้งในสภา แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่การถกเถียงอีกต่อไป มันคือการวางแผนภายใต้แรงกดดันมหาศาล ลีน่าไม่ได้ขอความเห็นอีกแล้ว แต่เธอเริ่ม "ออกคำสั่ง" ในฐานะวีรสตรีและผู้นำโดยพฤตินัย เธอใช้เวลาหลายวันในการรวบรวมทีมที่ไม่ได้ประกอบด้วยคนที่เห็นด้วยกับเธอ... แต่ประกอบด้วยคนที่มีทักษะที่ "จำเป็น" ต่อการเอาชีวิตรอด
ณ สถานีกลางบำรุงรักษาที่ฝุ่นจับหนาเตอะ เธอได้พบกับ ดร. เร็กซ์ อดีตทหารช่างผู้เงียบขรึม เขากำลังซ่อมแซมหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่ทำงานผิดพลาดด้วยมือเปล่า ไม่พึ่งพาอัลกอริทึมใดๆ
"ฉันต้องการทักษะของคุณ เร็กซ์" ลีน่าพูดอย่างตรงไปตรงมา "ไม่ใช่ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ แต่ในฐานะทหาร"
เร็กซ์เช็ดคราบน้ำมันออกจากมือพลางมองเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก "ผมไม่ได้จับปืนมานานแล้ว ดร. โชติรส"
"ฉันไม่ได้ต้องการมือปืน" ลีน่าตอบ "ฉันต้องการคนที่รู้ว่าจะเอาตัวรอดอย่างไรเมื่อเทคโนโลยีทุกอย่างล้มเหลว"
เร็กซ์พยักหน้าช้าๆ "ตกลง... แต่มีข้อแม้ข้อเดียว" เขากล่าว "ยานพาหนะ... ผมขอเลือกและดัดแปลงมันด้วยตัวเอง"
คนต่อมาคือ ดร. เอลารา ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาที่ลีน่าไปพบที่ DIAS of Geology เธอกำลังวิเคราะห์โครงสร้างผลึกของกำแพงเมืองด้วยความเบื่อหน่าย
"การได้มีโอกาสวิเคราะห์โครงสร้างทางธรณีวิทยาของโลกที่ไม่เคยถูกแตะต้องมานานหลายศตวรรษ... มันคือความฝันของนักธรณีวิทยาทุกคนค่ะ ท่านผู้บัญชาการ" เธอกล่าวรับคำเชิญด้วยแววตาเป็นประกายทันทีที่ลีน่าเอ่ยปาก
แต่คนที่ยากที่สุดคือ ดร. ศิลา
ลีน่าขึ้นไปหาเขาบนดาดฟ้าที่บัดนี้กลายเป็นโอเอซิสสีเขียว ศิลากำลังสอนกลุ่มนักศึกษาให้รู้จักวิธีผสมปุ๋ยหมักจากเศษอาหารอินทรีย์ เขามีรอยยิ้มที่เปี่ยมสุขอย่างแท้จริง
"ผมดีใจที่คุณตัดสินใจได้" เขาพูดขึ้นก่อนที่ลีน่าจะได้เอ่ยปาก ราวกับรู้ว่าเธอจะมา "แต่คำตอบของผมยังเหมือนเดิม... ผมไม่ไป"
ความลังเลปรากฏขึ้นในใจของลีน่าเป็นครั้งแรก "ทำไมล่ะศิลา? คุณคือคนที่เข้าใจธรรมชาติมากที่สุดนะ"
"นั่นแหละคือเหตุผล" เขาตอบพลางชี้ไปยังแปลงผักของเขา "งานของผมอยู่ที่นี่... คือการสอนให้คนของเรากลับมาเชื่อมต่อกับผืนดินอีกครั้ง คือการพิสูจน์ให้ ดร. เอริส เห็นว่าชีวิตไม่ได้มีแค่ประสิทธิภาพ... การออกไปข้างนอกนั่นมันยังเร็วเกินไป เรายังไม่พร้อม"
ลีน่ายืนนิ่ง เธอเข้าใจเหตุผลของเขา แต่เธอก็ต้องการเขามากที่สุด "ฉันไม่ได้ขอให้คุณไปเพื่อตามหาสัญญาณนั่น ศิลา" เธอกล่าว "ฉันขอให้คุณไป... เพื่อ 'ดิน'... ดินที่บริสุทธิ์ที่สุด ดินที่ไม่เคยถูกสารสังเคราะห์ใดๆ ปนเปื้อนมานานหลายร้อยปี ลองจินตนาการถึงความรู้ที่เราจะได้จากมันสิ... มันอาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะฟื้นฟูโลกทั้งใบได้อย่างยั่งยืนก็ได้"
คำพูดนั้นทำให้ศิลาต้องชะงัก... ลีน่าไม่ได้ใช้ปรัชญา แต่ใช้ความกระหายใคร่รู้ทางวิทยาศาสตร์เข้าสู้ เขามองไปยังต้นมะเขือเทศของเขา... แล้วจินตนาการถึงป่าที่ไม่มีที่สิ้นสุดนอกกำแพง...
"ผมขอแค่เก็บตัวอย่างดินกลับมาก็พอ" ในที่สุดเขาก็ตอบตกลง
ณ สถานีกลางบำรุงรักษา "แรคคูน" ยานยนต์ตีนตะขาบคันเดิมถูกดัดแปลงใหม่ทั้งหมดจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม มันคือผลงานชิ้นเอกที่เกิดจากการร่วมมือกันของทีมสำรวจ เร็กซ์เสริมเกราะให้มันแข็งแกร่ง, ศิลาสร้างสวนไฮโดรโปนิกส์ขนาดเล็กไว้ภายใน, เอลาราติดตั้งเซ็นเซอร์สำรวจธรณีวิทยา, และโอไรออนกับไลราก็ยกเครื่องระบบสื่อสารและเซ็นเซอร์ทั้งหมดให้เชื่อมต่อกับ "แท่นเชื่อมต่อควอนตัม" ได้โดยตรง
ในที่สุด วันออกเดินทางก็มาถึง
ทีมสำรวจทั้งห้ายืนอยู่เบื้องหน้าประตูระบายหลักของกำแพงเมือง... ประตูเหล็กกล้าขนาดมหึมาที่ไม่เคยถูกเปิดออกเลยนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศดุษฎีขึ้นมา เบื้องหลังของพวกเขาคือฝูงชนที่มามุงดู บางคนมาให้กำลังใจและโบกมืออำลา บางคนมาเพื่อสาปแช่งและชูป้ายโฮโลแกรมต่อต้าน
ลีน่ามองไปยังทีมของเธอ... มองไปยังความหวังและความกลัวในแววตาของแต่ละคน แล้วเธอก็หันไปพยักหน้าให้เควินที่ปรากฏอยู่บนจอภาพของรถแรคคูน
"เปิดประตู" เธออกคำสั่ง
เสียงไซเรนเตือนภัยดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงกลไกที่หนักอึ้งและฝืดเฝือของประตูที่ไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน... แสงสว่างจากโลกภายนอกสาดส่องเข้ามาเป็นครั้งแรก... และภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า... ก็ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงจนพูดไม่ออก

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.