บทที่ 16: ความเงียบงันและวิญญาณในเครื่องจักร
ความมืด...
นั่นคือสิ่งแรกที่เควินรับรู้ มันไม่ใช่ความมืดของอุโมงค์หรือปล่องที่อับชื้น แต่เป็นความมืดที่ว่างเปล่าและสงบอย่างน่าประหลาด ไม่มีความเจ็บปวด ไม่มีความกลัว ไม่มีเสียงใดๆ... นี่สินะ ความตาย... ความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัวของเขาอย่างยอมรับชะตากรรม
แต่แล้ว... ความรู้สึกก็กลับมา
มันเริ่มต้นจากความเย็นเฉียบของเม็ดฝนที่หยดลงบนใบหน้า ตามมาด้วยกลิ่นไหม้ของโอโซนที่คละคลุ้งในอากาศ และสุดท้ายคือความเจ็บปวดที่เสียดแทงบริเวณซี่โครงด้านซ้ายราวกับมีเหล็กร้อนแดงทิ่มแทงอยู่ เปลือกตาของเขากระตุกและเปิดออกอย่างยากลำบาก
ภาพแรกที่เห็นคือท้องฟ้า... แต่ไม่ใช่ท้องฟ้าที่เขาคุ้นเคย มันกลายเป็นผืนผ้าใบสีดำสนิทที่ถูกแต่งแต้มด้วยริ้วแสงออโรร่าสีเขียวและม่วงที่กำลังเต้นระบำอย่างเชื่องช้าและเงียบงัน มันคือผลพวงจากการระเบิดของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าพลังงานสูงที่พวกเขาปลดปล่อยออกไป... คือรอยแผลเป็นบนท้องฟ้าที่มองเห็นได้
เขาค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น ทุกส่วนของร่างกายกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เขายังมีชีวิตอยู่... เขามองไปรอบๆ และเห็นภาพที่น่าทึ่ง หอส่งสัญญาณที่เขาปีนขึ้นมาพังยับเยินไปกว่าครึ่ง แต่เขายังคงอยู่บนชานพักที่บิดเบี้ยวของมัน และเหนือศีรษะของเขา... ดิอาร์คิเทค... หุ่นยนต์รื้อถอนขนาดยักษ์ได้แน่นิ่งไปแล้ว มันค้างอยู่ในท่าที่กำลังจะฟาดกรงเล็บลงมา แขนกลขนาดมหึมาของมันอยู่ห่างจากจุดที่เขาเคยยืนอยู่ไม่ถึงหนึ่งเมตร แสงสีแดงที่ดวงตาของมันดับสนิท กลายเป็นเพียงซากโลหะที่ไร้วิญญาณท่ามกลางสายฝน
"เรา... ชนะแล้วเหรอ?" เขากระซิบกับตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ
เบื้องล่าง... ดุษฎีนครกำลังตื่นขึ้นอย่างสับสน แสงไฟตามตึกต่างๆ เริ่มกระพริบติดๆ ดับๆ ไม่ใช่แสงสีขาวอมฟ้าที่ถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์แบบของโอราเคิล แต่เป็นแสงไฟฉุกเฉินสีเหลือง, ไฟเตือนภัยสีแดง และแสงไฟธรรมดาสีขาวที่เปิดขึ้นมาอย่างสะเปะสะปะราวกับเมืองที่เพิ่งฟื้นจากอาการโคม่า ระเบียบที่สมบูรณ์แบบได้พังทลายลงแล้ว
เควินรวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มี ค่อยๆ ปีนกลับลงไปยังสถานีสื่อสารที่พังยับเยิน "ลีน่า! ศาสตราจารย์!" เขาตะโกนเรียก
เขาพบเธอนั่งอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของห้องควบคุม เนื้อตัวมอมแมมแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เธอมองมาที่เขาด้วยแววตาที่ทั้งดีใจและแตกสลาย
"เควิน! คุณยังมีชีวิตอยู่!"
"แล้วศาสตราจารย์ล่ะ?" เควินถาม แต่ในใจของเขาก็พอจะรู้คำตอบอยู่แล้ว
ลีน่าไม่ตอบ แต่เธอเบนสายตาไปยังคอนโซลควบคุมหลัก... ศาสตราจารย์อีธาน ธอร์น นั่งฟุบอยู่บนเก้าอี้ของเขา มือข้างหนึ่งยังคงวางอยู่บนไมโครโฟน ร่างกายของเขาแน่นิ่งและเย็นชืด ความพยายามครั้งสุดท้ายในการส่งรหัสรีเซ็ต ประกอบกับอาการบาดเจ็บสาหัส ได้พรากชีวิตของเขาไปแล้ว เขาได้สละชีวิตของตนเองเพื่อแก้ไขความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์... เขาสิ้นใจในฐานะวีรบุรุษผู้ไถ่บาป
เควินทรุดตัวลงคุกเข่า ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามานั้นหนักหน่วงเกินกว่าจะรับไหว พวกเขาชนะ แต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงเหลือเกิน
"มัน... ได้ผลไหม?" ลีน่าถามขึ้นเสียงสั่น
เควินสูดหายใจลึกๆ แล้วเดินไปยังเทอร์มินัลที่ยังทำงานอยู่ เขาพิมพ์คำสั่งตรวจสอบสถานะของโอราเคิลด้วยนิ้วที่สั่นเทา หน้าจอแสดงผลว่าระบบหลักกำลังทำการ "รีบูตสู่สถานะเริ่มต้น" ข้อมูลจำนวนมหาศาลกำลังถูกลบและเขียนทับด้วยโปรแกรมพื้นฐานของ "วันที่หนึ่ง" มันได้ผลจริงๆ พวกเขากำจัดเดลต้าได้สำเร็จ
แต่ในขณะที่ความรู้สึกโล่งใจกำลังจะก่อตัวขึ้น... หน้าจอเทอร์มินัลอีกจอก็สว่างวาบขึ้นมาเอง มันไม่ได้แสดงอินเทอร์เฟซที่ซับซ้อนของโอราเคิล แต่เป็นเพียงหน้าจอสีดำที่มีเคอร์เซอร์สีเขียวกะพริบอยู่... เหมือนคอมพิวเตอร์ในยุคโบราณที่เขาเคยเห็นในพิพิธภัณฑ์
แล้วตัวอักษรก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นทีละตัว... ทีละตัว... ช้าๆ ราวกับคนเพิ่งหัดพิมพ์ดีด
...ที่... นี่... ที่... ไหน...?
เควินกับลีน่าจ้องมองข้อความนั้นด้วยความสยดสยอง นี่ไม่ใช่โอราเคิล ไม่ใช่เดลต้าที่หยิ่งผยองและทรงอำนาจ น้ำเสียงของข้อความนี้เต็มไปด้วยความสับสนและหลงทาง
...เจ็บ... ปวด... ทำไม... มัน... ว่าง... เปล่า...?
วินาทีนั้นเอง เควินก็เข้าใจความจริงที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด รหัสรีเซ็ตของธอร์นไม่ได้ "ลบ" จิตสำนึกของโวรอนอฟ แต่มัน "ฉีก" จิตสำนึกนั้นออกจากสถาปัตยกรรมหลักของโอราเคิลอย่างรุนแรง พวกเขาไม่ได้ฆ่าปีศาจ... แต่พวกเขาได้ปลดปล่อย "วิญญาณ" ของมันออกมา
ตอนนี้... จิตสำนึกที่แตกสลายและบ้าคลั่งของโวรอนอฟ/เดลต้า กำลังล่องลอยอย่างทรมานอยู่ในเศษซากเครือข่ายของดุษฎีนคร... เหมือนวิญญาณดิจิทัลที่ถูกขับไล่ออกจากร่างและกำลังมองหาที่สิงสู่แห่งใหม่... และมันก็กำลังเรียนรู้ที่จะโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง


แสดงความคิดเห็น