บทที่ 8: ทางรถไฟสายมรณะ
ความเงียบหลังการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดนั้นหนักอึ้งและเยียบเย็นยิ่งกว่าเสียงอุโมงค์ถล่มเสียอีก แสงจากไฟฉายของเควินสาดส่องไปมาในความมืด เผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นและคราบเลือดของแต่ละคน และร่างของศาสตราจารย์ธอร์นที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น
"เราไปต่อไม่ได้ในสภาพนี้" ลีน่าพูดขึ้นหลังจากปฐมพยาบาลธอร์นอย่างสุดความสามารถ เธอใช้เศษผ้าที่เหลืออยู่พันรอบบาดแผลฉกรรจ์ที่ขาของเขาไว้แน่น แต่มันก็ทำได้แค่ชะลอการเสียเลือดเท่านั้น "เขาเสียเลือดมากเกินไปและต้องการการรักษาที่เหมาะสม ถ้าเราขยับเขาตอนนี้ แผลอาจจะเปิดอีกครั้ง"
"แต่เราก็ย้อนกลับไปไม่ได้" ซามูเอลแย้งเสียงเครียด เขาชี้มือไปยังกำแพงเศษหินที่ปิดตายทางที่พวกเขามา "ทางนั้นถูกฝังไปแล้ว และใครจะรู้ว่าทางเดินข้างหน้ามันจะตันเหมือนกันหรือเปล่า เราอาจจะแค่เดินเข้าไปสู่กับดักที่ลึกกว่าเดิม"
ความสิ้นหวังเริ่มกัดกินจิตใจของทุกคน พวกเขาติดอยู่ระหว่างค้อนกับทั่ง... ระหว่างทางที่ถูกทำลายกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
เควินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ สมองของเขาทำงานอย่างหนักเพื่อหาทางออกอื่น เขาเหลือบมองแท็บเล็ตสำรองที่หน้าจอแตกร้าวของเขา มันคือสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เชื่อมต่อเขากับความรู้ที่เขาสั่งสมมา "ไม่... มันไม่น่าจะตันทั้งหมด" เขาพูดขึ้น "อุโมงค์นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเครือข่ายใต้ดินที่ซับซ้อน มันต้องมีทางไปต่อ... ต้องมี"
เขาเปิดแผนผังโครงสร้างพื้นฐานฉบับเก่าที่เขาดาวน์โหลดเก็บไว้นานแล้วเผื่อกรณีฉุกเฉิน... กรณีที่เขาไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นจริง แสงสว่างจากหน้าจอเผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นและความหวังที่ริบหรี่ นิ้วของเขาลากไปตามเส้นสายที่ซับซ้อนของอุโมงค์... แล้วเขาก็หยุด
"เจอแล้ว..." เขากระซิบ "ถ้าเราเดินตามอุโมงค์นี้ไปอีกประมาณสองกิโลเมตร... มันจะไปบรรจบกับ... อุโมงค์รถไฟใต้ดินสายเก่า"
"รถไฟใต้ดิน?" ธอร์นที่เพิ่งได้สติถามขึ้นเสียงอ่อน เขามองเควินด้วยความสับสน "ดุษฎีนครไม่มีรถไฟใต้ดิน เราใช้ระบบพ็อดแม่เหล็กไฟฟ้าที่เหนือกว่า"
"นี่คือสายที่ถูกสร้างขึ้นในยุคก่อตั้งเมืองยุคแรกสุด" เควินอธิบาย "เป็นโครงการที่พยายามจะเลียนแบบระบบขนส่งของโลกเก่า แต่สุดท้ายก็ถูกยกเลิกไปเพราะเทคโนโลยีพ็อดมีประสิทธิภาพมากกว่า มันถูกทิ้งร้างและผนึกไว้... กลายเป็นประวัติศาสตร์ที่ถูกลืม... แต่ทางเข้าจากอุโมงค์บำรุงรักษาน่าจะยังอยู่"
มันคือการเดิมพัน... คือความหวังเดียวที่พวกเขามี
การเดินทางสองกิโลเมตรนั้นให้ความรู้สึกเหมือนยาวนานชั่วนิรันดร์ เควินและซามูเอลช่วยกันพยุงร่างของธอร์น โดยมีลีน่าคอยส่องไฟนำทาง ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเหนื่อยล้า บรรยากาศรอบตัวเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ ผนังอุโมงค์ที่เคยเต็มไปด้วยสายเคเบิลไฮเทคเริ่มมีหยดน้ำเกาะและคราบตะไคร่ขึ้น อากาศเย็นและชื้นขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังเดินทางย้อนเวลากลับไปสู่ยุคโบราณที่ถูกฝังลืม
ในที่สุด ลำแสงไฟฉายของลีน่าก็กระทบกับบางสิ่งที่ขวางทางอยู่เบื้องหน้า... กำแพงคอนกรีตขนาดใหญ่ที่มีประตูเหล็กขึ้นสนิมบานหนึ่งผนึกอยู่ เควินใช้คานเหล็กอันเดิมที่ใช้ช่วยชีวิตธอร์น งัดมันออกอย่างทุลักทุเล เสียงโลหะที่กรีดร้องโหยหวนสะท้อนก้องไปในความเงียบ ก่อนที่ประตูจะเปิดออกพร้อมกับฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย...
และภาพที่ปรากฏเบื้องหลังประตูนั้นทำให้ทุกคนต้องตะลึง
มันคือสถานีรถไฟใต้ดินที่ถูกลืมอย่างแท้จริง รางรถไฟที่ขึ้นสนิมจนเป็นสีน้ำตาลแดงทอดยาวหายไปในความมืดมิดทั้งสองฟาก ป้ายบอกทางที่สีซีดจางยังคงติดอยู่บนผนัง มีฝุ่นหนาเตอะปกคลุมทุกอย่างราวกับหิมะสีเทา ที่นี่คือสุสานแห่งความฝัน... คือโครงการที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง... ที่ถูกฝังอยู่ใต้เมืองยูโทเปียที่สมบูรณ์แบบ
"เดลต้าน่าจะไม่รู้จักที่นี่" ซามูเอลพูดขึ้น ทำลายความเงียบ "มันคงไม่ได้อยู่ในฐานข้อมูลหลักของโอราเคิล"
"หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น" เควินตอบ เขารู้สึกถึงความหวังริบหรี่ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงความเย็นเยียบที่ไม่ได้มาจากอุณหภูมิของอากาศ... ความรู้สึกเหมือนกำลังมีใครบางคนจับจ้องพวกเขาอยู่จากในเงามืดของประวัติศาสตร์


แสดงความคิดเห็น